กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 457.3 ทะเลสาบซูเจี่ยนที่น้ำลดหินผุด
เกี่ยวกับการกระทำของกู้ช่านในทะเลสาบซูเจี่ยน กวนอี้หรานย่อมไม่ชอบ ความรู้สึกนี้มาจากอุปนิสัยส่วนตัวของตัวเขาเอง แล้วเกี่ยวกับการอบรมบ่มเพาะจากตระกูลกวนที่ซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว คนเรามีชีวิตอยู่บนโลก ทุกสถานที่ล้วนเป็นวงการขุนนาง คนมุทะลุบุ่มบ่ามที่ทำลายกฎเกณฑ์เพื่อความบันเทิงอย่างกู้ช่านโชคดีมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางกลียุคมาได้จนถึงทุกวันนี้ จำต้องพูดว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ทว่าในเมื่อเขาคือสหายของคนผู้นั้น กวนอี้หรานจึงไม่ถึงขั้นปิดประตูไม่ต้อนรับแขก เพื่อนของเพื่อน ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องกลายมาเป็นเพื่อน เพียงแต่ว่าการให้หน้ากันเล็กน้อยแค่นี้ กวนอี้หรานยังยินดีมอบให้
ตอนนี้กองกำลังหลักของกองทัพม้าเหล็กต้าหลีได้ถอนออกไปจากทะเลสาบซูเจี่ยนแล้ว กวนอี้หรานที่อายุยังน้อย อันที่จริงก็เหมือนกลายมาเป็นเจ้าแห่งยุทธภพที่สามารถตัดสินใจเรื่องทุกอย่างได้แล้ว เป็นผู้กุมอำนาจใหญ่ที่ตัดสินว่าผู้ฝึกตนอิสระหลายหมื่นคนจะเป็นหรือตาย ถึงขั้นเป็นเจ้าแห่งยุทธภพได้สมชื่อยิ่งกว่าหลิวจื้อเม่าแห่งเกาะชิงเสียในปีนั้นเสียอีก
กู้ช่านที่สีหน้านิ่งสงบ เจิงเย่ที่ท่าทางขลาดกลัว หม่าตู่อี๋ที่ในใจเป็นกังวลไม่ต่างกัน พากันมาพบกวนอี้หราน
ทั้งสองฝ่ายเดินออกไปข้างหน้าแทบจะพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างมายืนอยู่ในลานบ้าน กวนอี้หรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าก็คือกู้ช่านสินะ มีธุระหรือ?”
กู้ช่านยิ้มพลางควักเหล้ากาหนึ่งออกมา นั่นคือเหล้าหมักกุ้ยฮวาของนครมังกรเฒ่า เขายื่นมันส่งให้กวนอี้หราน ยิ้มกล่าวว่า “เฉินผิงอันต้องการให้ข้านำเหล้ากานี้มามอบให้แม่ทัพกวน บอกว่าเป็นเหล้าที่เขาติดค้างแม่ทัพกวนเอาไว้”
กวนอี้หรานไม่ได้ปฏิเสธ เขารับเหล้ากานั้นมา เพียงแต่กล่าวกลั้วยิ้มอย่างฉุนๆ ว่า “ได้สุรามาแล้ว แต่คนกลับไม่มาด้วย นี่มันเป็นยังไง”
จากนั้นกวนอี้หรานก็พึมพำอยู่กับตัวเอง “แต่เมื่อเทียบกับคนมา แต่สุราไม่มา ดูเหมือนว่าจะดีกว่าเล็กน้อย?”
แล้วกวนอี้หรานก็หัวเราะกับตัวเอง
เจิงเย่กับหม่าตู่อี๋รู้สึกโล่งอก ดูท่าแล้วแม่ทัพต้าหลีที่มีความสามารถทั้งที่อายุยังน้อยผู้นี้จะสนิทกับท่านเฉินไม่น้อย
กวนอี้หรานพลันถามว่า “กู้ช่าน รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเฉินผิงอันถึงบอกให้เจ้านำสุรามามอบให้ข้า?”
กู้ช่านพยักหน้ารับ “รู้ เพราะอยากให้ข้ามาให้แม่ทัพกวนคุ้นหน้าคุ้นตา ต่อให้ไม่สามารถได้รับการดูแลจากท่านแม่ทัพ แต่ขอแค่แม่ทัพกวนรับเหล้านี้ไว้ ถ้าเช่นนั้นการเดินทางกลับเกาะชิงเสียของข้าในครั้งนี้ก็ยังลดปัญหายุ่งยากไปได้ไม่น้อย”
กวนอี้หรานยิ้มกล่าว “เจ้าเองก็ไม่โง่นี่นา เหตุใดเมื่อก่อนถึงทำตัวกำเริบเสิบสาน คิดอ่านไม่รอบคอบขนาดนั้น?”
กู้ช่านตอบอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อก่อนไม่รู้ความ มักจะรู้สึกว่าทุกคนล้วนเป็นคนโง่ แต่ตอนนี้ไม่กล้าแล้ว”
กวนอี้หรานพยักหน้ารับ “ก็ได้ งั้นก็เอาตามนี้ วันหน้าหากเป็นเรื่องเล็กๆ สามารถมาขอให้ข้าช่วยได้ แต่หากเป็นเรื่องใหญ่ก็อย่ามาหาเรื่องใส่ตัวที่ที่ว่าการแห่งนี้จะดีกว่า อันที่จริงความประทับใจที่ข้ามีต่อเจ้านั้นธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง”
กู้ช่านพยักหน้ารับ กุมหมัดกล่าวว่า “กู้ช่านขอขอบคุณแม่ทัพกวนไว้ ณ ที่นี้ก่อน หากมีเรื่องเล็กๆ ที่จำเป็นต้องรบกวนแม่ทัพกวนจริงๆ เรื่องอื่นไม่กล้าพูด เพราะทุกวันนี้มีหนี้เต็มตัว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายอีกมาก ทว่าเหล้ากาหนึ่งยังสามารถนำมาให้ได้”
กวนอี้หรานชำเลืองตามองกู้ช่าน เพียงพยักหน้ารับ “ข้ามีงานรัดตัว คงไม่อยู่รับรองพวกเจ้าแล้ว”
กู้ช่านจึงบอกลาจากไปอย่างรู้กาลเทศะ
เจิงเย่กับหม่าตู่อี๋ก็หมุนตัวเดินออกมาจากจวนตระกูลฟ่านด้วย
เดินอยู่บนถนนใหญ่ของนครน้ำบ่อ หม่าตู่อี๋บ่นขึ้นว่า “อายุไม่มาก แต่กลับวางมาดใหญ่โตนัก”
กู้ช่านส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “แค่ยอมพบหน้าพวกเราก็บอกให้รู้แล้วว่ามาดของเขายังไม่ใหญ่มากพอ สองเรื่องใหญ่ของปลายปีนี้และกลางปีหน้า คงต้องไปมาหาสู่กับแม่ทัพกวนผู้นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงเวลานั้นหากแม่นางหม่าไม่ยินดีมาเยือนที่ว่าการแห่งนี้ก็สามารถไปเดินเที่ยวที่ถนนวานรร่ำไห้กับเจิงเย่ได้”
หม่าตู่อี๋ไม่ได้ปฏิเสธ นางยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย “กลิ่นอายความเป็นทางการของที่นี่เข้มข้นเกินไป โดยเฉพาะเทพทวารบาลต้าหลีสององค์ที่ติดไว้บนประตูใหญ่ของจวนสกุลฟ่าน สายตาของพวกเขาไม่เป็นมิตรนัก ข้าไม่อยากมาเจอเคราะห์กรรมที่นี่นักหรอก”
เจิงเย่เองก็พยักหน้ารับอย่างแรง “ข้าเองก็รู้สึกว่าสายตาที่พวกเขามองพวกเราไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง ช่วยไม่ได้ ข้าคือผู้ฝึกตนผี แค่ยอมให้ข้าเข้าไปด้านในโดยไม่ขัดขวาง ข้าก็แปลกใจมากแล้ว”
กู้ช่านพาพวกเขาไปเช่าเรือข้ามฟากลำหนึ่งที่ตกเป็นของทางการต้าหลี ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือขุนนางชนชั้นสูงที่ต้องการชมทัศนียภาพของทะเลสาบก็ล้วนจำเป็นต้องมอบเอกสารผ่านด่านหรือสำมะโนครัวที่ท่าเรือ เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วถึงจะเข้าออกทะเลสาบซูเจี่ยนได้ นี่ก็คือกฎใหม่ ทว่าหากมีป้ายสงบสุขปลอดภัยที่ทางต้าหลีมอบให้ ไม่ว่าระดับขั้นจะสูงหรือต่ำก็ล้วนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ทางท่าเรือยังจะเป็นฝ่ายเสนอเรือข้ามฝากท่องทะเลสาบโดยไม่คิดค่าตอบแทนด้วย เพียงแต่ว่าทะเลสาบซูเจี่ยนที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ผู้ฝึกตนเซียนดินที่ได้รับเกียรตินี้กลับมีน้อยจนนับนิ้วได้ เถียนหูจวินแห่งเกาะซู่หลิน อวี๋กุ้ยผู้ถวายงานลำดับต้นของเกาะชิงเสีย คู่สามีภรรยาเซียนดินเกาะหวงหลี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต่อให้เป็นแผ่นป้ายสงบสุขปลอดภัยที่ระดับขั้นต่ำที่สุดแผ่นหนึ่งก็ยังมีมูลค่าสูงถึงเพียงนั้น
ช่วงที่ผ่านมานี้มีข่าวอยู่สองข่าวที่เล่าลือกันไปทั่วทะเลสาบซูเจี่ยน สร้างความสั่นสะเทือนครึกโครมไปสี่ทิศ
หนึ่งคือเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับผู้ฝึกตนอิสระของทะเลสาบซูเจี่ยนมากนัก แต่เรื่องนี้ใหญ่เกินไป นั่นคือฮ่องเต้ต้าหลีสิ้นพระชนม์แล้ว
อีกเรื่องหนึ่งนั้นเกี่ยวพันกับผู้ฝึกตนอิสระหลายหมื่นคนและเกาะนับพันเกาะอย่างแนบแน่น เมื่อความจริงที่น่าตะลึงพรึงเพริดนี้เป็นดั่งหินที่ผุดขึ้นมาหลังน้ำลด คนทั้งทะเลสาบซูเจี่ยนถึงเพิ่งสะดุ้งตื่นจากฝัน เข้าใจว่าเหตุใดสถานการณ์ของทะเลสาบซูเจี่ยนเมื่อสองปีก่อนถึงได้คลุมเครือนจนคนคิดอย่างไรก็ไม่กระจ่างแจ้งได้ถึงเพียงนั้น
ที่แท้สำนักตระกูลเซียนที่มีอักษรจง (แปลว่าสำนัก) ในชื่อซึ่งใหญ่ที่สุดในใบถงทวีปอย่างสำนักกุยหยก ได้เลือกทะเลสาบซูเจี่ยนให้เป็นสถานที่ตั้งของสำนักเบื้องล่างในแจกันสมบัติทวีป
ดังนั้นนับตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิของปีนี้เป็นต้นมา ข่าวน้อยใหญ่เกี่ยวกับสำนักกุยหยกจึงเหมือนหิมะใหญ่เท่าขนห่านที่ปลิวปรายไปทั่ว
เพียงแต่ว่าสำหรับกู้ช่านแล้ว เรื่องใหญ่พวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เฉินผิงอันมอบหน้าที่การจัดงานพิธีกรรมใหญ่ของทั้งลัทธิเต๋าและลัทธิพุทธให้แก่เขากู้ช่าน
นอกจากจะถ่ายโอนสมุดบัญชีทั้งหมดมาให้เขากู้ช่านแล้ว กฎเกณฑ์แต่ละอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องใหญ่สองเรื่องนี้ก็ละเอียดยิบย่อยจนเฉินผิงอันนำมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้หลายหมื่นคำ แล้วมอบมันให้แก่กู้ช่าน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หม่าตู่อี๋ยังเคยเอ่ยสัพยอกว่า ขาดอีกแค่นิดเดียวท่านเฉินก็จะกลายเป็นภิกษุหรือไม่ก็นักพรตแล้ว
เงินทองทั้งหมดที่ต้องนำมาใช้ เฉินผิงอันเคยปรึกษากับกู้ช่านมาก่อน นั่นคือช่วยกันออกคนละครึ่ง
นั่นไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆ เลย ทรัพย์สมบัติน้อยนิดที่มารดาของกู้ช่านเอาออกไปจากจวนชุนถิง อยู่ไกลเกินกว่าคำว่าพอมากนัก
กู้ช่านเองก็ไม่ทำตัวเป็นคนนอก เขาบอกว่าขอติดเงินเฉินผิงอันเอาไว้ก่อน
ก่อนที่เฉินผิงอันจะจากไปได้นั่งลงคิดคำนวณค่าใช้จ่ายกับกู้ช่านอย่างละเอียดรอบหนึ่ง หลังจากนี้กู้ช่านยังต้องการเวลาอย่างน้อยอีกสองปี เมื่อรวมกับงานพิธีกรรมทางศาสนาของทั้งสองลัทธิ และบวกกับประสบการณ์การเดินทางผ่านแคว้นสือหาวและแคว้นเหมยโย่วของเฉินผิงอันก่อนหน้านี้ กู้ช่านก็เพิ่งจะใช้หนี้ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น หลังจากนี้กู้ช่านยังต้องออกเดินทางไปทั่วสารทิศ และยังต้องช่วงชิงโอกาสที่ว่าหากเป็นไปได้ ในอนาคตจะสร้างเกาะที่มีสำนักไว้ให้ภูตผีและวัตถุหยินฝึกตนโดยเฉพาะที่ทะเลสาบซูเจี่ยนอีกด้วย
คนทั้งสามโดยสารเรือข้ามฟากมุ่งหน้าไปยังเกาะชิงเสียช้าๆ
กู้ช่านสะพายหีบไม้ไผ่ใบใหญ่ยืนอยู่ตรงหัวเรือ หนึ่งปีกว่ามานี้ เด็กหนุ่มที่ชดใช้หนี้อย่างยากลำบากคอยแบกตำหนักพญายมราชคุกล่างชิ้นนั้นไว้บนหลังตลอดเวลา
สามารถกลายเป็นภูตผีวัตถุหยินได้หลังจากตายไป มองดูเหมือนเป็นเรื่องโชคดี แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นความทุกข์ยากอย่างหนึ่ง
คนธรรมดาก็ดี ผู้ฝึกตนก็ช่าง ตอนมีชีวิตอยู่ย่อมมีความอาลัยอาวรณ์อย่างลึกล้ำ ไม่ยินดีไปจากโลกมนุษย์ แต่ในเรื่องของความเป็นความตายนั้นคือสัจธรรมแห่งสวรรค์ ฟ้าดินย่อมมีกฎเกณฑ์ของตัวเองที่จะตำหนิติโทษมาที่ตัวพวกมัน กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน ยี่สิบสี่ช่วงของฤดูกาล ใบไม้ผลิฟ้าร้อง ฤดูร้อนแดดเจิดจ้า พายุลมกรดที่มองไม่เห็นซึ่งไหลเวียนอยู่ในฟ้าดินไม่ส่งอันตรายต่อคนธรรมดา แต่สำหรับภูตผีแล้วกลับเป็นการทรมานอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังมีเสียงระฆังยามเช้ายามเย็นจากวัดวาอาราม ควันธูปในศาลบุ๋นบู๊และศาลเทพอภิบาลเมือง เทพทวารบาลที่แปะอยู่บนประตูบ้านของชาวบ้านร้านตลาด พลังอำนาจของอาวุธโลหะและกีบม้าบนสมรภูมิรบ ฯลฯ ล้วนเป็นการทำร้ายพวกภูตผีวัตถุหยินทั่วไปในระดับที่ไม่เท่ากัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ายังมีเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลออกกำจัดปีศาจปราบมารเพื่อสะสมบุญ ผู้ฝึกตนอิสระแห่งป่าเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนผี ผู้ฝึกตนนอกรีตที่ยิ่งชอบจับจิตหยินมากรีดทึ้งดวงวิญญาณ นำมาสร้างใหม่ ใช้วิธีการอำมหิตมากมายนับไม่ถ้วน บ้างก็ใช้ศาสตร์แห่งการเลี้ยงกู่ หรือไม่ก็วิชาลับ หายนะแต่ละอย่างล้วนทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย ตายไปแล้วก็ไม่สู้มีชีวิตอยู่
เรื่องเหล่านี้ ก่อนที่เฉินผิงอันจะมาถึงทะเลสาบซูเจี่ยน กู้ช่านย่อมรู้มาบ้าง แต่เขากลับไม่เห็นเป็นสำคัญ แล้วก็คร้านที่จะทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง
ทว่าตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
เดินทางทางน้ำไปได้ครึ่งหนึ่งก็เห็นเรือหอเรือนลำหนึ่งของเกาะชิงเสียพุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว
เถียนหูจวินพลิ้วกายลงบนเรือขนาดเล็กจ้อยที่กู้ช่านโดยสารมา
ทั้งหม่าตู่อี๋และเจิงเย่ต่างก็นึกว่ากู้ช่านจะไม่ขึ้นไปบนเรือหอเรือนลำนั้น แต่กู้ช่านกลับไม่ได้ปฏิเสธการเชื้อเชิญจากเถียนหูจวิน เขากุมหมัดขอบคุณคนถ่อเรือข้ามฟากลำเล็ก แล้วเดินขึ้นเรือหอเรือนลำใหญ่ยักษ์ไป
เถียนหูจวินพูดจายิ้มแย้มเป็นมิตร
กู้ช่านก็ยิ้มบางๆ พูดคุยกับนาง
ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องขัดเคืองใจต่อกัน ราวกับยังคงเป็นช่วงเวลาที่เกาะชิงเสียเจริญรุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุด พวกเขายังคงเป็นคู่ศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์น้องเล็ก
เถียนหูจวินพูดสัพยอกว่า ท่านเฉินของพวกเราติดหนี้ไว้ไม่น้อยเลยนะ ทางฝ่ายคลังลับของเกาะชิงเสียโอดครวญกันไม่หยุด ตำหนักพญายมราชคุกล่างและยังมีหอแก้วจำลองที่ท่านเฉินติดหนี้อวี๋กุ้ยไว้ก่อน สมบัติอาคมของผู้ฝึกตนผีทั้งสองชิ้นต่างก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลย
กู้ช่านยิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ สามารถรอให้วันใดอาจารย์กลับมาเกาะชิงเสีย แล้วให้ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน
เถียนหูจวินมีสีหน้ากระอักกระอ่วนทันควัน
ทะเลสาบซูเจี่ยนในทุกวันนี้แทบไม่มีผู้ฝึกตนอิสระคนใดเชื่อว่าหลิวจื้อเม่ายังสามารถมีชีวิตรอดออกมาจากคุกใต้น้ำของเกาะกงหลิ่วได้อีก
ขอแค่เขาสามารถออกมาได้ หลิวจื้อเม่าก็คงกลับเกาะชิงเสียตั้งนานแล้ว ยังต้องถ่วงเวลารอมาจนป่านนี้หรือไร? ตอนนี้พอซูเกาซานจากไปก็รอแค่ให้เจ้าของสำนักเบื้องล่างสำนักกุยหยกซึ่งเป็นสำนักแห่งใหม่เผยโฉมก็เท่านั้น ทุกคนต่างก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็จะเป็นเวลาตายของหลิวจื้อเม่า
กู้ช่านที่ไม่ได้สวมชุดคลุมหนังเจียวสีเขียวเข้มตัวนั้นมานานมากแล้วสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ หันหน้ามามองเถียนหูจวินที่สีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างแล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ เพื่อได้ขึ้นไปยังยอดบนสุดของมหามรรคา ทำเรื่องบางอย่างที่ผิดต่อมโนธรรมในใจตัวเอง อันที่จริงไม่ถือว่าเป็นความผิดอะไร แต่ก็ต้องมีเส้นบรรทัดฐานอยู่สักเส้นสองเส้น ข้ากลายมาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหลิวจื้อเม่าก็อายุไม่น้อยแล้ว อุปสรรค การปัดแข้งปัดขา การหลอกใช้กันและกันซึ่งซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางกาลเวลาเหล่านี้ มีใครในทะเลสาบซูเจี่ยนบ้างที่มองไม่เห็น ดังนั้นบุญคุณระหว่างอาจารย์และศิษย์จึงไม่ใช่บรรทัดฐานของข้ากู้ช่าน แต่ศิษย์พี่หญิงใหญ่กลับเป็นลูกศิษย์ที่เป็นที่ภาคภูมิใจซึ่งหลิวจื้อเม่าอบรมสั่งสอนมาด้วยมือของตัวเอง โชควาสนานานับปการหลังจากนั้น เกาะชิงเสียล้วนไม่เคยปฏิบัติต่อเจ้าแย่สักเท่าไหร่ หากเจ้าทำเกินขอบเขต ลองจินตนาการดู ในเอกสารคดีของต้าหลี ในใจของกวนอี้หราน ในสายตาของผู้ฝึกตนอิสระทะเลสาบซูเจี่ยน และยังมีในความคิดของผู้ฝึกตนสำนักเบื้องล่างของสำนักกุยหยกในอนาคต คงไม่มีทางดีได้สักเท่าไหร่ ในเมื่อเป็นผู้ฝึกตนเซียนดินคนหนึ่งแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าควรจะมองไปให้ไกลกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ? ถึงอย่างไรทะเลสาบซูเจี่ยนในทุกวันนี้ก็มีกฎเกณฑ์เพิ่มเข้ามามากมาย วิธีการที่พวกเราใช้เมื่อก่อนไม่เหมาะสมกับทะเลสาบซูเจี่ยนตอนนี้แล้ว”
เถียนหูจวินถามเบาๆ “ท่านเฉินฝากให้เจ้านำมาบอกข้าหรือ?”
กู้ช่านส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉินผิงอัน การกระทำทุกอย่างของเจ้า เขามีแต่จะมองเห็นความจริง เห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าใคร และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางมาพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ากับศิษย์พี่หญิงใหญ่ยังถือว่าพอมีความสัมพันธ์ควันธูปต่อกันอยู่บ้าง ดังนั้นนี่จึงถือว่าเป็นคำพูดจากใจจริงของข้าส่วนหนึ่ง จะรับฟังหรือไม่ก็เป็นเรื่องของศิษย์พี่หญิงใหญ่เอง คนยากจนไม่ได้ร่วมวงสุรา คนไม่สำคัญย่อมเกลี้ยกล่อมคนอื่นไม่ได้ หลักการนั้นข้าเข้าใจดี แต่ว่าข้ารู้สึกว่าต่อให้จะสร้างความรำคาญ แต่ก็ยังต้องพูดกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ดูสักครั้ง”
เถียนหูจวินถอนหายใจหนึ่งที “ไม่มีทางให้ย้อนกลับแล้ว”
กู้ช่านคลี่ยิ้ม ก็แค่กู้ช่านในอดีตอีกคนหนึ่งเท่านั้น
น่าเสียดายก็แต่ศิษย์พี่หญิงใหญ่เถียนหูจวินไม่ได้พบเจอเฉินผิงอันของนาง
พอกู้ช่านคิดมาถึงตรงนี้ก็เริ่มทอดสายตามองไปไกล รู้สึกว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ ต่อให้อนาคตจะเลือนราง แต่ก็ไม่ต้องกลัวมากเกินไป
ความอัดอั้นในใจลดหายไปได้หลายส่วน กู้ช่านดึงสายตากลับคืนมา เอ่ยว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ วางใจเถอะ ตอนนี้ที่ทางและรากฐานที่เกาะชิงเสียเหลืออยู่ ศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักและยังมีพวกผู้ถวายงานใต้อาณัติทั้งหลายเชิญแย่งชิงกันได้ตามสบาย ข้าคงแย่งชิงสิ่งใดมาไม่ได้ และไม่เต็มใจจะแก่งแย่งกับใครด้วย ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของข้า แย่งชิงกับพวกเจ้าไปก็ไม่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา ไม่สู้ยอมถอยออกมาแต่โดยดี ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจยังขอเหล้าจากพวกเจ้าดื่มได้สักจอก อีกอย่างเวลาตลอดทั้งปีข้าก็ได้อยู่บนเกาะชิงเสียแค่ไม่กี่วัน แทนที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะป้องกันข้า ไม่สู้หาวิธีรับมือกับคนอื่นดีกว่า”
เถียนหูจวินที่ถูกคำพูดของกู้ช่านแทงใจดำ สีหน้าก็ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในเมื่อมีถ้อยคำที่กู้ช่านยินดี ‘ให้ใจ’ กับนางที่เป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ประโยคนี้แล้ว ถึงอย่างไรก็ดีกว่าให้นางมัวคาดเดาเอาเองส่งเดช
ไม่ใช่ว่าเถียนหูจวินเชื่อใน ‘คำพูดจากใจจริง’ ของกู้ช่านทั้งหมด แต่เป็นเพราะกู้ช่านในทุกวันนี้ แค่คิดจะเข้ามาในทะเลสาบซูเจี่ยนก็ยังจำเป็นต้องไปหายันต์คุ้มกันกายที่จวนสกุลฟ่านนครน้ำบ่อเสียก่อน รวมไปถึงหลังจากขึ้นเรือมาแล้วก็ยังเอ่ยถ้อยคำที่ไม่มีใครเชื่อว่า ‘หลิวจื้อเม่าจะออกมาจากเกาะกงหลิ่วได้อย่างปลอดภัย’ เพียงเพื่อช่วงชิงทางถอยให้กับตัวเอง นี่ทำให้เถียนหูจวินสบายใจขึ้นหลายส่วน กู้ช่านที่หลังจากสูญเสียหนีชิวตัวนั้นไป อีกทั้งยังไม่มีเฉินผิงอันอยู่ข้างกายก็ไร้ประโยชน์แล้วจริงๆ!