CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 465.2 ออกหมัดไม่มีอะไรแตกต่าง

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 465.2 ออกหมัดไม่มีอะไรแตกต่าง
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เฉินผิงอันพยักหน้าเอ่ยว่า “หลังจากเผยเฉียนกลับมาแล้ว บอกนางว่าข้าให้นางไปดูร้านที่ตรอกฉีหลงกับเจ้า แล้วก็ช่วยเตือนนางแทนข้าสักคำว่า ไม่อนุญาตให้นางจูงฉวีหวงไปที่เมืองเล็ก ด้วยนิสัยขี้หลงขี้ลืมของนาง ลงได้เล่นสนุกอย่างบ้าคลั่งแล้วไม่ว่าอะไรก็จำไม่ได้ ส่วนเรื่องคัดตัวอักษร เจ้าก็ช่วยจับตามองนางสักหน่อย นอกจากนี้ก็คือหากเผยเฉียนอยากจะไปเรียนที่โรงเรียน โรงเรียนที่สกุลเฉินหลงเหว่ยเป็นผู้ก่อตั้งน่ะ หากเผยเฉียนยินดี เจ้าก็บอกให้จูเหลี่ยนไปทักทายที่ว่าการอำเภอสักคำ ดูว่าต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอะไรหรือไม่ หากไม่ต้องทำอะไรเลยก็ย่อมดีที่สุด”

สือโหรวตอบรับ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “คุณชาย ขอข้าอยู่บนภูเขาได้ไหม?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “หากเจ้าไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนนอกจริงๆ ก็ย่อมได้ แต่ข้าแนะนำเจ้าว่าควรจะรีบปรับตัวให้เข้ากับฟ้าดินขนาดเล็กอย่างเขตการปกครองหลงเฉวียนแห่งนี้ในเร็ววัน ไปเดินเล่นแถวศาลบุ๋นศาลบู๊บ่อยๆ ห่างไปไกลกว่านั้นยังมีศาลเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝู อันที่จริงเจ้าก็แวะไปดูได้ ไปให้พวกเขาคุ้นหน้าคุ้นตา ถึงอย่างไรก็ย่อมดีกว่า รากฐานความเป็นมาของเจ้าเป็นดั่งกระดาษที่ห่อไฟไม่อยู่ ต่อให้เว่ยป้อไม่พูด แต่คนมีความสามารถของต้าหลีก็มีมากมาย ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนมีใจมองออก ไม่สู้เจ้าเป็นฝ่ายปราฎตัวเองยังดีกว่า แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ความเห็นของข้า สุดท้ายแล้วเจ้าจะทำอย่างไร ข้าก็ไม่บังคับ”

สือโหรวเริ่มยิ้มออก พยักหน้ารับกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นบ่าวก็จะลองทำดู”

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างจนใจ “วันหน้าหากอยู่ต่อหน้าคนนอกอย่าเรียกตัวเองว่าบ่าว (คำว่าบ่าวของภาษาจีนในที่นี้คือคำว่า ‘หนูปี้’ ซึ่งเป็นคำที่บ่าวหญิงใช้เรียกตัวเอง) อีกล่ะ สายตาเวลาที่คนอื่นมองเจ้ากับข้ามักไม่ปกติ ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าเรื่องแรกที่ทำให้ภูเขาลั่วพั่วมีชื่อเสียงอาจกลายเป็นเรื่องที่คนเล่าลือกันว่าข้ามีความชอบประหลาดก็เป็นได้ เขตการปกครองหลงเฉวียนจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ สถานที่เพียงแค่นี้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของพวกเราสองคนก็เสียหายแน่ จะให้ข้าไปไล่อธิบายให้คนบนภูเขาแต่ละลูกฟังก็คงไม่ใช่เรื่อง”

สือโหรวกลั้นยิ้ม “คุณชายละเอียดรอบคอบ ข้าได้รับการสั่งสอนแล้ว”

เฉินผิงอันยิ่งระอาใจมากกว่าเดิม เขารีบโบกมือเป็นพัลวัน “บนภูเขาลั่วพั่วไม่ขาดคำประจบของเจ้าหรอก”

สือโหรวยกมือปิดปากหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ

เฉินผิงอันถอนหายใจอยู่ในใจ แล้วย้อนกลับไปที่เรือนไม้ไผ่

เนื่องจากเรือนแต่ละหลังห่างกันไม่ไกล เด็กสาวที่มองดูเหมือนกำลังเดินเล่น แต่แท้จริงแล้วคอยแอบลอบมองเหตุการณ์ตรงจุดนี้ตลอดเวลา เวลานี้ขนลุกชันไปทั้งตัวแล้ว เฉินยวนจีค่อยๆ ย่องหนีออกไป ด้วยรู้สึกว่าตนไปเห็นไปได้ยินความจริงบางอย่างที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง หลังจากปิดประตูลงเรียบร้อยแล้ว เฉินยวนจีก็ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ พึมพำว่า “อย่ากลัวๆ แบบนี้กลับจะยิ่งดี เขาจะได้ไม่คิดชั่วร้ายกับเจ้าอีก”

เด็กสาวเศร้ารันทดอยู่ในใจ เดิมทีนึกว่าย้ายหนีจากเมืองหลวงอันเป็นบ้านเกิดมาแล้วก็ไม่ต้องเจอกับบุรุษมีอำนาจที่น่ากลัวพวกนั้นอีก คิดไม่ถึงว่าจวนตระกูลเซียนที่ตอนเด็กตนเคยวาดฝันจินตนาการไว้อย่างงดงาม สุดท้ายกลับต้องมาเจอกับเจ้าภูเขาที่อายุยังน้อย แต่กลับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พอมาถึงภูเขาลั่วพั่ว เทพเซียนผู้เฒ่าจูก็ไม่ค่อยชอบพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเจ้าภูเขาหนุ่มคนนี้เท่าใดนัก ปล่อยให้นางคาดเดาเอาเอง แต่ละคำที่เอ่ยถึงล้วนเป็นคำพูดดีๆ ที่เหมือนมีเมฆหมอกบดบัง นางหรือจะกล้าเห็นเป็นจริงเป็นจัง ส่วนเด็กตัวดำเป็นถ่านที่ชื่อว่าเผยเฉียนผู้นั้นก็ไปมารวดเร็วราวกับสายลม เฉินยวนจีคิดจะพูดกับนางสักประโยคยังเป็นเรื่องยาก

ในเรือนชั้นสอง

เมื่อเฉินผิงอันยืนนิ่งแล้ว ผู้เฒ่าเปลือยเท้าก็ลืมตา ลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงหนักว่า “ก่อนจะฝึกหมัด ขอแนะนำตัวเองก่อน ข้าผู้อาวุโสชื่อว่าชุยเฉิง เคยเป็นอดีตเจ้าประมุขสกุลชุย”

เฉินผิงอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เฒ่าบอกชื่อแซ่ของตัวเอง

ผู้เฒ่าเอ่ยเนิบช้า “วิญญูชนชุยหมิงหวง คนหนุ่มที่ก่อนหน้านี้รับผิดชอบมาทวงหนี้ถ้ำสวรรค์หลีจูแทนสำนักศึกษากวานหู ตามทำเนียบวงศ์ตระกูลแล้ว เจ้าเด็กนี่ควรจะเรียกชุยฉานว่าท่านอาจารย์ลุง สายของเขาเคยเป็นสายรองของสกุลชุย ตอนนี้กลับกลายมาเป็นทายาทสายหลักแล้ว ส่วนสายของข้า ถูกคนมุทะลุวู่วามอย่างข้าทำให้เดือดร้อน จนถูกตัดชื่อออกจากสกุลชุย ลูกหลานทุกคนที่อยู่ในสายถูกลบชื่อออกจากทำเนียบวงศ์ตระกูล มีชีวิตอยู่ไม่ร่วมศาลบรรพชน ตายไปไม่ร่วมสุสาน ความเจ็บปวดแห่งวงศ์ตระกูลก็คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ การที่ต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้ เพราะข้าเคยสติไม่สมประดี ซัดเซพเนจรอยู่ในยุทธภพและหมู่ชาวบ้านร้านตลาดมาร้อยกว่าปี บัญชีนี้ หากจะคิดกันจริงๆ จังๆ ขึ้นมา ใช้วิธีการของผู้ฝึกยุทธก็ง่ายดายยิ่ง ไปที่ศาลบรรพชนสกุลชุยก็เป็นแค่เรื่องของหมัดสองหมัดเท่านั้น แต่หากข้าชุยเฉิงกับหลานชายที่ไม่ว่าจะเป็นชุยฉานก็ดี ชุยตงซานก็ช่าง ขอแค่พวกข้ายังคิดว่าตัวเองคือบัณฑิต กลับยากที่จะทำเช่นนั้นแล้ว เพราะหากอิงตามกฎของตระกูล อีกฝ่ายจะไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ แสดงให้รู้ว่าเข้าใจ

ท่ามกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวของพื้นที่มงคลดอกบัว ในประวัติศาสตร์ของแคว้นซงไล่ เคยมีขุนนางชั้นสูงที่กุมอำนาจใหญ่หลายคนที่เนื่องจากมีชาติกำเนิดมาจากสายรอง เป็นทายาทของอนุภรรยา จึงเกิดความขัดแย้งกับตระกูลของตัวเองที่อยู่ในท้องถิ่นด้วยเรื่องของที่ตั้งป้ายวิญญาณและทำเนียบวงศ์ตระกูลของมารดาแท้ๆ ของตัวเอง คิดอยากจะปรึกษากับพี่ชายที่เป็นเจ้าประมุขซึ่งไม่มีตำแหน่งขุนนางติดตัว จึงเขียนจดหมายหลายฉบับกลับบ้านเกิด ใช้ถ้อยคำที่แสดงถึงความจริงใจ แรกเริ่มพี่ชายก็ไม่ให้ความสนใจ ภายหลังคงเป็นเพราะทำให้น้องชายที่เป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวงโมโหเข้าแล้ว ในที่สุดก็ส่งจดหมายฉบับหนึ่งกลับมา คัดค้านข้อเสนอแนะของใต้เท้าใหญ่หัวหน้าขุนนางผู้นั้นโดยตรง คำพูดที่เอ่ยในจดหมายไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อย ในนั้นมีประโยคหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ‘เรื่องราวทั้งหลายในใต้หล้า เจ้าอยากจะควบคุมจัดการอย่างไรก็ทำไป แต่เรื่องในตระกูล เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเข้ามายุ่ง’ จนกระทั่งขุนนางชั้นสูงผู้นั้นตายไปก็ยังไม่ได้สมใจปรารถนา และตอนนั้นตลอดทั้งวงการขุนนางและปัญญาชนต่างก็ให้การยอมรับ ‘กฎเล็กๆ’ ข้อนี้

ถ้าเช่นนั้นเหตุใดชุยเฉิงถึงไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ตระกูลแล้วปล่อยหมัดใส่พวกมดตัวน้อยตัวนิดในศาลบรรพชนเหล่านั้น เหตุใดใต้เท้าหัวหน้าสภาขุนนางแห่งพื้นที่มงคลดอกบัวถึงได้ไม่เอาอำนาจส่วนรวมมาใช้ในเรื่องส่วนตัว เขียนรายงานออกกฎเป็นการข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า?

ทั้งๆ ที่สามารถทำได้ แต่เหตุใดถึงไม่ทำลายกฎเกณฑ์ที่มองดูเหมือนเปราะบางนี้ให้พังลง?

เฉินผิงอันทำท่าครุ่นคิด

นี่ก็คงจะเป็นหนึ่งในเส้นสายอันเป็นรากฐานที่ทำให้ทั้งชุยเฉิงสามารถมีขอบเขตไร้ผู้ใดอยู่เบื้องหน้าได้อย่างทุกวันนี้ และหัวหน้าสภาขุนนางผู้นั้นก็สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงของราชสำนักได้

หากเฉินผิงอันตัดสินใจว่าจะก่อพรรคตั้งสำนักขึ้นมาบนภูเขาลั่วพั่วจริงๆ เมื่อไหร่ จะบอกว่าซับซ้อนก็ซับซ้อนเกินจะกล่าว จะบอกว่าง่ายดายก็ค่อนข้างจะง่ายดาย นี่ก็หนีไม่พ้นการลงมือปฏิบัติจริง ดั่งนกนางแอ่นที่คาบดินโคลนมาทำรัง สะสมทีละน้อยไปจนมาก และตามทฤษฎีหลักการเหตุผลแล้ว ช้าแต่ไร้ความผิดพลาดก็จะยิ่งยืนหยัดได้มั่นคง เดินก้าวขึ้นบนได้อย่างมั่นใจ

ล้วนจำเป็นต้องให้เฉินผิงอันคิดให้มาก เรียนรู้ให้มาก ทำให้มาก

ชุยเฉิงพลันเอ่ยว่า “เจ้าเด็กชุยหมิงหวงผู้นี้ไม่ธรรมดา เจ้าอย่าได้ดูแคลนเขาเด็ดขาด”

เฉินผิงอันไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร

เขาจะมีคุณสมบัติอะไรไป ‘ดูแคลน’ วิญญูชนท่านหนึ่งของสำนักศึกษากันเล่า?

ความร้ายกาจของโจวจวี่นักปราชญ์แห่งสำนักศึกษากวานหูผู้นั้น เฉินผิงอันเคยสัมผัสกับตัวเองมาแล้วที่หมู่บ้านภูเขาแคว้นซูสุ่ย

ส่วนจงขุยแห่งใบถงทวีป ในอดีตก็เคยเป็นวิญญูชนของสำนักศึกษาเช่นกัน

ชุยหมิงหวงถูกขนานนามว่า ‘เสี่ยวจวินแห่งกวานหู’

คือหนึ่งในวิญญูชนสองท่านที่โดดเด่นที่สุดของสำนักศึกษาแจกันสมบัติทวีป

เดิมทีตามข้อตกลงระหว่างเขากับราชครูต้าหลี หรือก็คืออาจารย์ลุงของเขา ชุยหมิงหวงจะต้องออกจากสำนักศึกษากวานหู ใช้สถานะของวิญญูชนสำนักศึกษามารับหน้าที่เป็นรองเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาหลินลู่ต้าหลีอย่างเปิดเผย ส่วนเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาบนภูเขาพีอวิ๋น เดิมทีควรเป็นเจียวเฒ่าที่ปรากฏตัวด้วยสถานะของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าแคว้นหวงถิงผู้นั้น บวกกับผู้รอบรู้ในท้องถิ่นของต้าหลีอีกคนหนึ่ง หนึ่งหลักสองรอง เจ้าขุนเขาทั้งสามท่านล้วนจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายตำแหน่ง รอให้สำนักศึกษาหลินลู่ได้รับตำแหน่งหนึ่งในเจ็ดสิบสองสำนักศึกษาเมื่อไหร่ เฉิงสุ่ยตงก็จะลาออกจากตำแหน่งเจ้าขุนเขา ส่วนผู้รอบรู้ผู้เฒ่าของต้าหลีท่านนั้นก็ยิ่งไร้แรงและไร้ใจจะช่วงชิงสิ่งใด

ชุยหมิงหวงก็จะเป็นเรือที่ลอยขึ้นสูงตามกระแสน้ำ กลายเป็นเจ้าขุนเขาคนถัดไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักศึกษากวานหูก็ย่อมมีหน้ามีตา แต่ผลประโยชน์ที่แท้จริง แน่นอนว่าย่อมตกอยู่ในมือของชุยฉานเสียเกินครึ่ง ชุยหมิงหวงหมากที่วางแผนลับนี้ร่วมกันมานาน หลังจากได้รับตำแหน่งเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาที่ปรารถนาแม้ในยามหลับฝันไปแล้วก็ย่อมพึงพอใจ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือเกียรติยศที่ใหญ่เทียมฟ้า แทบจะเป็นจุดสูงสุดของบัณฑิตคนหนึ่งแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่ขอแค่ชุยหมิงหวงอยู่ในหลงเฉวียนต้าหลี ด้วยความสามารถในการวางแผนของชุยฉาน ไม่ว่าเจ้าชุยหมิงหวงจะมี ‘ปณิธานสูงส่งยาวไกล’ อีกมากแค่ไหน แต่ก็ได้แค่ยอมเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่อบรมสั่งสอนให้ความรู้ผู้อื่นอยู่ภายใต้เปลือกตาของชุยฉานแต่โดยดีเท่านั้น

เพียงแต่สถานการณ์ในภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจนเกินจะคาดเดา ทิศทางการดำเนินไปของเหตุการณ์หลายๆ อย่างอยู่นอกเหนือไปจากการคาดการณ์ของราชครูชุยฉาน

ยกตัวอย่างเช่นป๋ายอวี้จิงจำลองของต้าหลีแห่งนั้นที่เกือบจะกลายเป็นเรื่องขำขันในใต้หล้าซึ่งปรากฏเพียงวูบเดียวแล้วก็จางหายไป ซ่งเจิ้งชุนอดีตฮ่องเต้ก็ยิ่งบาดเจ็บสาหัส ภายใต้เงื่อนไขที่กองทัพม้าเหล็กต้าหลีกรีฑาทัพลงใต้ แผนการมากมายของชุยฉานที่อยู่ในภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปก็เริ่มเปิดฉากขึ้น สำนักกวานหูตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ ส่งวิญญูชนและนักปราชญ์หลายคน บ้างก็ให้ไปเยือนวังหลวงของแคว้นต่างๆ ตำหนิสั่งสอนกษัตริย์ในโลกมนุษย์ บ้างก็ไปปราบจลาจลความวุ่นวายในแต่ละแคว้นพร้อมกันในคราวเดียว

โดยเฉพาะการที่เรือข้ามฟากของภูเขาต่าเจี้ยวร่วงตกลงในอาณาเขตของราชวงศ์จูอิ๋ง เซี่ยสือเทียนจวินแห่งอุตรกุรุทวีปปรากฎตัว ข่มกำราบสำนักศึกษากวานหูที่อยู่เบื้องหลังจูอิ๋ง ไม่เพียงแต่สร้างความเดือดดาลให้แก่เหล่าผู้ฝึกตนในทวีป เมื่อเป็นเช่นนี้สำนักกวานหูจึงถือว่าแตกหักกับสกุลซ่งต้าหลีอย่างสิ้นเชิงแล้ว ชุยหมิงหวงจึงได้แต่อยู่ต่อในสำนักศึกษา ไม่อาจออกมารับหน้าที่เป็นรองเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาหลินลู่ได้ ว่ากันว่าตลอดหลายปีมานี้วิญญูชนท่านนี้ตั้งใจศึกษาหาความรู้อยู่ในห้องหนังสือ ไม่ปล่อยทิ้งเวลาให้เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย จึงได้รับคำชื่นชมเยินยอจากคนตลอดทั้งสำนักศึกษา

เฉินผิงอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

การฝึกหมัดคราวนี้ ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะไม่รีบร้อน ‘สอนให้เขาเป็นคน’ เลยสักนิด

ในอดีตล้วนตรงไปตรงมา แต่ละหมัดปะทะเนื้อ ราวกับว่าการที่ได้เห็นเฉินผิงอันอยู่ไม่สู้ตายก็คือความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของผู้เฒ่า

แต่วันนี้กลับเริ่มต้นด้วยการพูดคุย อีกทั้งยังไม่ได้คุยกันน้อยๆ ด้วย

ชุยเฉิงไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบจู้จี้จุกจิก แม้ว่านี่จะไม่สอดคล้องกับนิสัยของเขา แต่ก็ยังเป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องการฝึกยุทธของเผยเฉียนเป็นครั้งที่สอง เขาถามว่า “อยากจะให้เผยเฉียนมีช่วงเวลาที่ไร้ทุกข์ไร้กังวลขนาดนี้จริงๆ หรือ?”

นี่เป็นเพราะพรสวรรค์ของเผยเฉียนดีเกินไป หากย่ำยีพรสวรรค์นี้ก็ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย “คำพูดที่ไม่ตั้งใจของผู้ใหญ่ ตัวเองพูดไปแล้วก็ลืม แต่ไม่แน่ว่าเด็กอาจจะเก็บไว้ในใจตลอดเวลา แล้วนับประสาอะไรกับที่นี่ยังเป็นคำพูดที่เกิดจากความตั้งใจของผู้อาวุโสด้วย”

ชุยเฉิงขมวดคิ้ว

พูดจาแฝงความนัย

แน่นอนว่ากำลังตำหนิประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาจงใจพูดเสียดสีเผยเฉียน นี่ยังไม่นับว่าเป็นอะไร แต่ท่าทีของเฉินผิงอันกลับควรค่าให้คนขบคิดยิ่งนัก

ดูเหมือนเฉินผิงอันจะจงใจหลบเลี่ยงการฝึกวรยุทธของเผยเฉียน หากพูดประโยคที่น่าฟังสักหน่อยก็คือปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่หากพูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อยก็เหมือนกำลังกังวลว่าศิษย์จะเก่งเกินอาจารย์ แน่นอนว่าชุยเฉิงรู้จักนิสัยของเฉินผิงอันดี เขาย่อมไม่มีทางกลัวว่าเผยเฉียนจะไล่ตามอาจารย์ที่ก็ยังมีความสามารถครึ่งๆ กลางๆ อย่างเขาทันแน่นอน แต่กลับเหมือนกำลังกังวลอะไรบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นกังวลว่าเรื่องดีจะกลายเป็นเรื่องร้าย

ชุยเฉิงจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”

เฉินผิงอันทำท่าจะพูด แต่ก็ไม่พูด

ชุยเฉิงหัวเราะหึหึ “จะไม่พูดตอนนี้ก็ได้ ข้าย่อมมีวิธีต่อยให้เจ้ายอมเป็นฝ่ายเปิดปากเอง”

เฉินผิงอันเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ “จะต่อยอย่างไร? หากผู้อาวุโสไม่สนใจความต่างของขอบเขต ข้าสามารถพูดตอนนี้ได้เลย แต่หากผู้อาวุโสเต็มใจประมือกันด้วยขอบเขตที่เท่าเทียม ก็รอให้ข้าแพ้ก่อนค่อยพูด”

ชุยเฉิงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พูดตั้งแต่ตอนนี้ได้เลย พอข้าเห็นท่าทางกวนโอ้ยของเจ้าตอนนี้แล้วก็คันไม้คันมือนัก คาดว่าคงกะกำลังหมัดไม่อยู่เป็นแน่”

เฉินผิงอันสบถด่ามารดาอีกฝ่ายอยู่ในใจไม่หยุด

กลับบ้านเกิดคราวนี้ เผชิญหน้ากับเรื่องของการ ‘ป้อนหมัด’ ส่วนลึกในใจของเฉินผิงอันมีที่พึ่งเพียงอย่างเดียว ก็คือสี่คำว่าประมือกันด้วยขอบเขตเท่าเทียม หวังว่าจะสามารถระบายความอัดอั้นตันใจออกมา จะดีจะชั่วก็ต้องทุบต่อยลงบนร่างตาเฒ่าหนักๆ สักหลายๆ หมัดให้ได้ ส่วนหลังจากนั้นจะถูกซ้อมจนมีสภาพอนาถกว่าเดิมหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจแล้ว นับตั้งแต่ขอบเขตสามถึงขอบเขตห้า ฝึกหมัดมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงอย่างไรก็ไม่ควรทำไม่ได้แม้แต่แตะชายเสื้อของผู้เฒ่า

เฉินผิงอันถอนหายใจ แล้วจึงเล่าฝันประหลาดนั้นให้ผู้เฒ่าฟัง

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง

ผู้เฒ่าเงียบงันไม่เอ่ยคำใด

เฉินผิงอันเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสช่วยไขความฝันนี้ให้ข้าได้หรือไม่? หรือจะเป็นอย่างคำกล่าวโบร่ำโบราณของบ้านเกิดที่บอกว่าความฝันมักจะตรงข้ามกับความจริง?”

ผู้เฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “ดีนักนะ มีปมในใจปมใหญ่ที่ร้ายกาจอีกปมหนึ่งแล้ว หนึ่งคือกลัวตาย อีกหนึ่งคือกลัวว่าความสามารถของตัวเองจะไม่มากพอ ทำไม เฉินผิงอัน ยิ่งได้เดินทางไกล ความกล้าหาญก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ แล้วรึ?”

—–

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 465.2 ออกหมัดไม่มีอะไรแตกต่าง"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์