CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 578.1 ทำไมเซียนกระบี่ที่ชมศึกจึงมากมายขนาดนี้

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 578.1 ทำไมเซียนกระบี่ที่ชมศึกจึงมากมายขนาดนี้
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ผังหยวนจี้ประกบสองนิ้วไว้ด้านหน้าตัวเอง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “กระบี่บินของข้ามีไม่มาก แค่เล่มเดียวเท่านั้น ยังดีที่เร็วมากพอ หวังว่าคงจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”

บนถนนใหญ่ ปราณกระบี่พลันถือกำเนิด จากนั้นก็เหมือนธารน้ำหลายเส้นที่ไหลริกๆ มุ่งตรงเข้ามา บิดๆ เบี้ยวๆ ไร้ระเบียบ แล้วสุดท้ายก็แผ่ขยายตัว มารวมกันกลายเป็นแม่น้ำปราณกระบี่เส้นหนึ่ง

ปณิธานกระบี่เปี่ยมล้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง นักดื่มที่อยู่ในร้านเหล้าสองข้างถนนล้วนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าไอเยียบเย็นขุมนั้นได้ค่อยๆ ไหลพรั่งพรูเข้ามาบนถนนใหญ่ช้าๆ

การที่ผังหยวนจี้ถูกใต้เท้าอิ่นกวานเลือกเป็นลูกศิษย์ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะเขาเหยียบโชคดีขี้หมาอะไร แต่เป็นเพราะทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ผังหยวนจี้คือคนที่ตลอดร้อยปีมานี้มีหวังว่าจะสืบทอดวิชาของใต้เท้าอิ่นกวานได้มากที่สุดของกำแพงเมืองปราณกระบี่

สถานที่ที่มีเผ่าปีศาจมากที่สุด ก็คือสถานที่ออกกระบี่ของข้า

ผู้ฝึกกระบี่คนใดที่ไม่ฝันใฝ่ในขอบเขตเช่นนี้บ้าง?

ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกรักแห่งสวรรค์ที่มีชื่อเรียกขานน่าฟังว่าตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิด ระดับขั้นของตัวกระบี่บินดีหรือเลว จะเป็นตัวตัดสินระดับสูงต่ำของผลสำเร็จในท้ายที่สุดของพวกเขาได้จริงๆ

หลังจากที่ผังหยวนจี้เอ่ยประโยคนั้นออกมา

ร้านเหล้าเหลาสุราน้อยใหญ่ก็มีเสียงโห่ร้องดังเกรียวกราวไม่ขาดสาย ความหมายในเชิงสัพยอกหยอกล้อนั้นเต็มเปี่ยม

กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผังหยวนจี้มีชื่อว่า ‘กวงอิน’ (เวลา) เวลาราวกับสายน้ำ เป็นเหตุให้น้ำไหลไม่หยุดนิ่ง กระบี่ไร้รูปลักษณ์ หากจะบอกว่าเที่ยวจูกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่เป็นรากฐานที่สุดของฉีโซ่วเล่มนั้นมีการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาด้านจำนวน ถ้าอย่างนั้นกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผังหยวนจี้เล่มนี้ก็ไม่มีเหตุผลแล้วจริงๆ จุดที่ไม่มีเหตุผลที่สุดไม่เพียงแค่เพราะพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นเพราะว่าพอได้ครอบครองกระบี่บิน ‘อินกวง’ เล่มนี้ ผังหยวนจี้ก็ถูกขนานนามว่า ‘กระบี่ทะลุหมื่นอาคม’ กระบี่บินไม่เพียงแต่หล่อหลอมเรือนกาย ยังสามารถกลับมาหล่อเลี้ยงสามจิตเจ็ดวิญญาณได้อีกด้วย ด้านวิชาในการฝึกตนก็จะทำให้เหนื่อยเพียงครึ่ง แต่ได้ผลสำเร็จเป็นเท่าตัว บวกกับที่ตั้งแต่เด็กผังหยวนจี้ก็แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการฝึกตนอันเลิศล้ำ รู้วิชาหนึ่งก็อนุมานไปสู่วิชาอื่น วิชาที่ร่ำเรียนมาหลากหลายแต่ลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นผังหยวนจี้จึงมีฉายาอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ผังร้อยสำนัก’

ผังหยวนจี้ไม่มีชุดคลุมอาคม แล้วก็ไม่มีอาวุธกึ่งเซียนที่ได้มาจากทางตระกูลอย่างฉีโซ่ว ยิ่งไม่มีเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารที่เกินความจำเป็นอะไร

เฉินผิงอันเดินไปข้างหน้าเบาๆ ปณิธานหมัดของทั้งร่างดุจน้ำตกที่ไหลกระหน่ำพรั่งพรู เมื่อเดินอยู่บนถนนก็เหมือนพายเรือทวนกระแสน้ำ

ตอนที่เดิน ปณิธานหมัดของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวกับปราณกระบี่ที่บริสุทธิ์อย่างถึงที่สุดจึงปะทะพุ่งชนกัน เป็นเหตุให้พวกคนชมศึกที่ขอบเขตไม่สูงพอล้วนมองไม่เห็นใบหน้าและเรือนกายของมือกระบี่ชุดเขียวผู้นั้นแล้ว ภาพเหตุการณ์บนถนนเหมือนเหล้าที่อยู่ในถ้วย ส่วนคนบนถนนก็เหมือนเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งที่ถูกคนโยนลงไปในถ้วยเหล้าแล้วแกว่งถ้วยขาว ทำให้มองเหรียญทองแดงที่อยู่ก้นถ้วยนั้นได้ไม่ชัด

หนิงเหยาที่ยืนอยู่ที่เดิมมาตลอดเอ่ยเสียงเบา “การต่อสู้ครั้งนั้น เฉินผิงอันชนะได้อย่างไร เหตุใดฉีโซ่วถึงแพ้ วันหน้าข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด”

สองสายตาของเยี่ยนจั๋วเปล่งประกาย เหม่อมองแผ่นหลังนั้นแล้วเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “ขอแค่พี่น้องของข้ายินดีลงมือ รับรองว่าไม่ว่าสู้กับใครก็ล้วนชนะได้หมด”

จากนั้นเยี่ยนจั๋วก็หันหน้ามาพูดกลั้วหัวเราะคิกคัก “ใช่ไหม ซานชิว ใครเป็นคนพูดนะว่า ‘พูดโป้ปด มือข้างเดียวก็สามารถล้มฉีโซ่วได้’?”

เฉินซานชิวพูดด้วยสีหน้าเหลอหรา “น่าจะเป็นต่งถ่านดำที่พูดกระมัง”

ต่งฮว่าฝูพูดอย่างเดือดดาล “มารดาเจ้าเถอะ ไอ้หน้าด้าน!”

เตี๋ยจ้างระอาใจเล็กน้อย อันที่จริงต่งถ่านดำคือคนที่อยู่กับอาเหลียงมานานที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด และคาดว่าคงเป็น ‘สุดยอดผู้แข็งแกร่ง’ เพียงคนเดียวในกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่เคยฉี่รดอาเหลียง เพราะฉะนั้นหากต่งถ่านดำไม่นิ่งเงียบเหมือนน้ำเต้าตัน แต่ลองได้เปิดปากด่าคนแล้วล่ะก็ แต่ละคำที่หลุดจากปากก็ล้วนเป็นคำหยาบที่เรียนรู้มาจากอาเหลียงทั้งสิ้น หากคนฟังถือสาจริงๆ ก็จะทั้งขำจนตายแล้วก็ต้องโมโหจนตาย

เซียนกระบี่วัยกลางคนคนหนึ่งที่มาเยือนร้านเหล้าสภาพเละเทะอย่างเงียบเชียบ เดินมานั่งลงข้างกายชายฉกรรจ์เคราดกที่มีตาเพียงข้างเดียว ปาดฝุ่นผงที่อยู่บนโต๊ะทิ้ง ยิ้มพลางพยักหน้าเอ่ยว่า “พายุหมัดบริสุทธิ์ ปณิธานหมัดลี้ลับมหัศจรรย์ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าในอดีตเฉาสือผู้นั้นจะสามารถชนะคนผู้นี้ได้ถึงสามครั้งติด”

ชายฉกรรจ์เคราดกที่ก่อนหน้านี้เจอเท้าของใต้เท้าอิ่นกวานไปหนึ่งทีไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ยังคงดื่มเหล้าของตัวเองต่อไป ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “เจ้ามาช้าไป หากเห็นท่าทางที่เฉาสือฝึกวิชาหมัดอยู่บนหัวกำแพงก็จะไม่แปลกใจเช่นนี้อีก เฉาสือจะประสบความสำเร็จสูงแค่ไหน หรือฝ่าทะลุขอบเขตเร็วเท่าไร ข้าก็ล้วนรู้สึกว่าสมเหตุสมผลดีแล้ว”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ชายฉกรรจ์เคราดกก็มองเฉินผิงอันที่ยังคงเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้าท่ามกลางกระแสท่วมท้นของปราณกระบี่อย่างไม่รีบไม่ร้อน “แน่นอนว่าคนหนุ่มผู้นี้ก็ไม่เลวมากเหมือนกัน ปีนั้นข้าเองก็เคยเห็นเขาฝึกหมัดเดินกลับไปกลับมาอยู่บนหัวกำแพง เวลานั้นข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะมีขอบเขตวรยุทธอย่างในทุกวันนี้ ต่อให้ตอนนั้นผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่จะเป็นคนพูด ก็ไม่แน่เสมอไปว่าข้าจะยอมเชื่อ”

เซียนกระบี่วัยกลางคนที่เพิ่งเดินทางจากทักษินาตยทวีปมาถึงที่นี่ได้ไม่นานยิ้มกล่าวว่า “ได้ยินว่าเขามาจากถ้ำสวรรค์หลีจูของแจกันสมบัติทวีป ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับซ่งจ่างจิ้งที่เป็นอ๋องเจ้าแคว้นของต้าหลีหรือไม่”

ชายฉกรรจ์เคราดกส่ายหน้า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าอายุไม่มาก แต่แค่มองก็รู้ว่าเป็นนกแก่ที่ผ่านการเข่นฆ่ามาจนเคยชิน ในใต้หล้าไพศาลของพวกเจ้า ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจะมีเรื่องให้ต่อสู้ต่อยตีมากขนาดนั้นเลยหรือ? ต่อให้มียอดฝีมือช่วยป้อนหมัดถ่ายทอดวิชาให้ แต่หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แห่งความเป็นความตายหลายครั้ง ก็ไม่มีทางต่อสู้ให้ออกมาในรูปแบบนี้ได้”

“มองดูไม่เหมือนคนต่างถิ่น กลับเหมือนคนหนุ่มที่เกิดและเติบโตมาในกำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเรามากกว่า”

บุรุษเซียนกระบี่ที่มาจากทักษินาตยทวีปยกถ้วยเหล้าขึ้นชนกับอีกฝ่ายเบาๆ หลังจากจิบเหล้าไปคำหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจกล่าวว่า “ฟ้าดินกว้างใหญ่ คนที่ไม่ชอบดื่มเหล้าอย่างข้าก็มีเพียงมาที่นี่เท่านั้นที่เลี้ยงแมลงขี้เหล้าให้เกิดขึ้นมาในท้องได้”

ชายฉกรรจ์กระตุกมุมปาก ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบที่เงียบขรึมพูดน้อยผู้นี้เผยสีหน้าไม่พอใจอย่างที่หาได้ยาก เขาหัวเราะเสียงเย็นว่า “ล้วนเป็นขนบธรรมเนียมที่เจ้าตะพาบผู้นั้นนำพามาทั้งสิ้น คนโสดไม่ดื่มเหล้าก็ต้องโสดไปอีกหมื่นๆ ปี เซียนกระบี่ไม่ดื่มเหล้า ก่อกำเนิดต้องออกเดิน”

การต่อสู้สามครั้งจบลงแล้ว

อีกเดี๋ยวก็จะเป็นการต่อสู้ครั้งที่สี่

สะใจจริงๆ เลย

แม่นางน้อยแก้มย้อยคนนั้นใช้มือตีหน้าต่างอย่างแรง ใบหน้าแดงก่ำ ตื่นเต้นสุดขีด “เห็นหรือยัง เห็นหรือยัง สายตาของข้าดีหรือไม่? พวกเจ้าอย่าได้เขินอาย พูดออกมาดังๆ เลย!”

ไม่มีใครสนใจนาง

นี่ทำให้แม่นางน้อยขุ่นเคืองเล็กน้อย แล้วก็พลันสังเกตเห็นว่าพี่หญิงต่งที่อยู่ข้างกายค่อนข้างจะผิดปกติ

นางจึงถามอย่างใคร่รู้ว่า “พี่หญิงต่ง เป็นเพราะเพิ่งจะค้นพบว่าพี่หญิงหนิงเลือกบุรุษที่ดีขนาดนี้ พอหันมามองอีกที ตนเองก็อายุมากแล้ว เลือกไปเลือกมาก็ยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอ ดังนั้นในใจท่านเลยรู้สึกแย่มากเลยใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เอาอย่างข้าสิ ดีใจก็ต้องพูด เสียใจก็ต้องพูดออกมา ข้าจะดื่มเหล้าเป็นเพื่อนท่านเอง ข้าจะให้ท่านยืมอารมณ์ดีๆ ของข้าเอง!”

ต่งปู้เต๋อฟุบตัวลงบนขอบหน้าต่าง ยกมือสองข้างขยี้แก้มตัวเองอย่างแรง ทอดถอนใจพักหนึ่งก็พยักหน้าเอ่ยว่า “รู้สึกแย่มากๆ เลย หลายปีขนาดนี้ ไม่ว่าอะไรก็สู้แม่หนูหนิงไม่ได้เลย”

แม่นางน้อยเอ่ยปลอบใจ “พี่หญิงต่งท่านอายุมากกว่านี่นา ในเรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรพี่หญิงหนิงก็สู้ท่านไม่ได้แน่นอน ท่านกุมชัยชนะได้อย่างมั่นคงเลยล่ะ!”

ต่งปู้เต๋อหันหน้ามา ยื่นมือมากุมลำคอของแม่นางน้อยแล้วยกตัวนางขึ้นเบาๆ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “พูดดังๆ หน่อยสิ เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินไม่ชัด”

สองเท้าของเด็กสาวลอยพ้นพื้น นางพูดอย่างกรุ่นโกรธ “พี่หญิงต่ง นับจากวันนี้ไปท่านต้องเคารพข้าสักหน่อยนะ หากไม่ทันระวัง ข้าก็อาจได้เป็นภรรยาของเฉินผิงอันผู้นั้น ถึงเวลานั้นท่านต้องรับผลกรรมที่ก่อไว้ เขาเห็นว่าข้าถูกท่านรังแกบ่อยๆ เข้า โมโหขึ้นมา เขาจะต้องซ้อมท่านแน่ ก็เหมือนที่ซ้อมฉีโซ่วผู้นั้น ถึงเวลานั้นข้าจะห้ามก็ห้ามไม่อยู่ มีใจแต่ไร้กำลัง ได้แต่มองดูร่างของท่านดีดขึ้นดีดลงอยู่บนพื้นเท่านั้น”

ต่งปู้เต๋อโยนเด็กสาวในมือลงบนพื้น ยิ้มกล่าวว่า “พูดจาอะไรเหลวไหล คำพูดแบบนี้ แน่จริงเจ้าก็เอาไปพูดต่อหน้าแม่หนูหนิงเข้าสิ”

เด็กสาวยืนได้นิ่งแล้วก็ยักไหล่ “ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าเขาคอยส่งสายตาอยู่กับพี่หญิงหนิง ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ท่านแม่ข้ามักจะพูดให้ฟังบ่อยๆ บอกว่าบุรุษที่ไม่ได้มาครอบครอง นั่นต่างหากจึงจะเป็นบุรุษที่ดีที่สุดในใต้หล้า! ข้ารู้หรอกว่าท่านแม่ข้าจงใจพูดให้ท่านพ่อข้าได้ยิน ทุกครั้งท่านพ่อข้าล้วนมีท่าทางน่าสงสารราวกับต้องกินอาจม จะด่าก็ไม่กล้า จะตีก็ตีไม่ชนะ จะโกรธแบบจริงจังก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็น”

ต่งปู้เต๋อกดหัวของแม่นางน้อย เพราะต้องการให้ฝ่ายหลังทำการ ‘โขกหัว’ แล้วด่าขำๆ ว่า “อายุน้อยๆ ไม่รู้จักเรียนรู้อะไรดีๆ ดันเรียนรู้เรื่องที่ปากไม่มีหูรูดเสียได้ ไม่กลัวว่าพ่อแม่เจ้าจะตีเจ้าจนก้นลายจริงๆ หรือ?”

พอต่งปู้เต๋อดึงมือกลับ เด็กสาวก็ใช้สองมือปัดป่ายหน้าผากที่แดงก่ำอุดลุต ไม่ได้หันไปมองต่งปู้เต๋อ นางกำสองหมัดแน่นแล้วทุบลงบนขอบหน้าต่างอย่างแรง “น่าเบื่อ! ข้าตัดสินใจแล้วว่ารอให้เขาเอาชนะผังหยวนจี้ได้เมื่อไหร่ ข้าก็จะไปเรียนหมัดกับเขา หากเขาไม่สอน ข้าก็จะไปคุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านของพี่หญิงหนิง คุกเข่าสักครึ่งก้านธูปหนึ่งก้านธูป แสดงความจริงใจให้มากพอ! รอจนข้าเรียนวิชาหมัดได้แล้ว หึหึ ถึงเวลานั้นพี่หญิงต่งเวลาท่านเดินอยู่บนถนนยามค่ำคืนก็ระวังตัวไว้หน่อยเถอะ!”

แม้แต่ต่งปู้เต๋อก็ยังจนปัญญากับแม่นางน้อย

สมองมีรู เหตุผลเท่าไรก็เติมไม่เต็ม

ต่งปู้เต๋อพลันทอดถอนใจเอ่ยว่า “เซียนกระบี่ที่มาชมศึกค่อนข้างเยอะ”

แม่นางน้อยกำลังจะพูด กลับถูกต่งปู้เต๋อใช้แขนเกี่ยวคอของนางเอาไว้แล้วกระชากมาทางตนเสียก่อน แม่นางน้อยหัวเอียงกะเท่เร่ ตาสองข้างเหลือกขึ้น แลบลิ้น แกล้งตาย

บนถนนใหญ่

ผู้ฝึกยุทธหนุ่มชุดเขียวที่ปักปิ่นหยกสีขาวทำเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง

ไม่ได้อาศัยเรือนกายที่แข็งแกร่งและปราดเปรียวว่องไวของผู้ฝึกยุทธ ไม่ได้คิดจะ ‘ลุยน้ำ’ ด้วยความเร็วที่มากที่สุดขยับเข้าใกล้ผังหยวนจี้

แต่สะบัดแขนเบาๆ หนึ่งที สองมือคีบยันต์กระดาษเหลืองระดับขั้นธรรมดาปึกใหญ่เอาไว้แล้วโปรยออกไป ทีเดียวก็โปรยยันต์หลากสีออกไปถึงสี่สิบห้าสิบแผ่น

ยันต์แทบทุกแผ่นล้วนถูกปราณกระบี่ปั่นคว้านจนแหลกละเอียด

แต่เฉินผิงอันกลับยังทำแบบนี้ต่ออีก เขาเดินไม่เร็ว แต่ความเร็วในการโยนยันต์พวกนั้นกลับทำให้คนตาลาย

ผังหยวนจี้หัวเราะ สองนิ้วทำมุทรา เท้าเหยียบพายุลมกรด

ด้านหลังเฉินผิงอันจุดที่ห่างไปไกล ริ้วคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก ปรากฏร่างของผังหยวนจี้คนหนึ่ง

บนหลังคาเรือนสองฝั่งของถนนใหญ่ก็มีผังหยวนจี้ปรากฏตัวอีกยี่สิบคน

‘ผังหยวนจี้’ ทุกคนที่อยู่บนจุดสูง หากไม่ทำมุทราคาถาเต๋าก็ร่ายตราประทับลัทธิพุทธ ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาแต่ละคนล้วนปรากฏค่ายกลยันต์ค่ายหนึ่ง ระหว่างผังหยวนจี้กับผังหยวนจี้ ค่ายกลยันต์กับค่ายกลยันต์มีเส้นใยสีสันแตกต่างกันหลายเส้น เหมือนงูและมังกรที่เลื้อยผ่าน เชื่อมโยงต่อกันอย่างกลมกลืน สุดท้ายก่อตัวเป็นค่ายกลยันต์ที่ปกคลุมไปทั้งถนนเส้นใหญ่

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ผังหยวนจี้สองคนที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าและด้านหลังเฉินผิงอันก็เริ่มเดินหน้าไปช้าๆ เดินไปพลางเคาะๆ จิ้มๆ วาดยันต์อย่างง่ายดาย ที่ลอยอยู่กลางอากาศล้วนเป็นอักษรโบราณลายเมฆที่มีความประหลาดหลายร้อยหลายพันรูปแบบ และยันต์มายามากมายที่วาดขึ้นกลางอากาศ แสงศักดิ์สิทธิ์ตรงแก่นของยันต์ส่องประกายแสงที่สว่างพร่างพราวอย่างถึงที่สุด ยันต์บางส่วนเป็นริ้วกระเพื่อมของปราณวิญญาณแสงน้ำ บางส่วนเป็นสายฟ้าตัดสลับกัน บางส่วนเป็นมังกรร้อยรัดกัน มีมากมายหลายชนิด

ครั้งสุดท้ายหลังจากเฉินผิงอันโยนยันต์กระดาษเหลืองไปร้อยกว่าแผ่นในรวดเดียว

พริบตานั้นเขาก็พลันยืนนิ่ง กระบวนท่าหมัดถูกตั้งขึ้นอีกครั้ง ปณิธานหมัดเข้มข้นที่เดิมทีไหลวนท่วมท้นอยู่บนร่างประหนึ่งกระบี่ที่กลับคืนสู่ฝัก ใช้ท่าหมัดที่เก็บรวบไว้ปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว

หมัดพุ่งออกมาดุจสายรุ้ง

ประหนึ่งสายฟ้าครืนครั่นที่กำเนิดจากบนพื้นดิน

ลำธารปราณกระบี่สายยาวที่อยู่บนถนนใหญ่ทั้งสายล้วนสั่นสะเทือนไม่หยุด

ปณิธานกระบี่เกินครึ่งที่อยู่ในแม่น้ำปราณกระบี่เส้นนั้นมารวมตัวกันอยู่รอบกายคนชุดเขียว ประหนึ่งกองทัพใหญ่ล้อมเมือง

ผังหยวนจี้ที่อยู่บนถนนยังคงก้าวเดินไม่หยุด แล้วก็เดินไม่เร็ว สร้างความมั่นคงให้กับค่ายกลยันต์แห่งนั้นต่อไป

ผังหยวนจี้ไม่ได้ชมการต่อสู้ทั้งสามครั้งอย่างเสียเปล่า

เฉินผิงอันผู้นี้มีวิธีการโผล่ออกมาไม่ขาดสายมากเกินไป ประเด็นสำคัญคือยังเก็บซ่อนศักยภาพที่แท้จริง

ยกตัวอย่างเช่นมือซ้ายข้างนั้นที่ยังไม่ได้ออกหมัดอย่างเต็มกำลังแท้จริง

และยังมีความเร็วที่แท้จริงของเรือนกายเฉินผิงอันเร็วมากเท่าไรกันแน่ ผังหยวนจี้ยังคงใคร่ครวญไม่ออก

ศึกกับฉีโซ่ว เวทอำพรางตาที่เฉินผิงอันผู้นี้ตั้งใจจัดวางไว้ อันที่จริงมีเยอะมาก

ต่ำกว่าเซียนกระบี่ลงไป นอกจากหนิงเหยาและเขาผังหยวนจี้ รวมไปถึงผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดพวกนั้นแล้ว บางทีคนอื่นก็คงได้แค่มาดูเรื่องสนุกเท่านั้น

ความจริงแล้วลึกๆ ในใจของผังหยวนจี้รู้สึกจนใจอยู่เล็กน้อย

เจ้าเฉินผิงอันเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัว เป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างคนหนึ่ง มีกระบี่บินที่ผ่านการหลอมใหญ่จนกลายเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งก็แล้วไปเถิด แต่กระบี่บินอีกสองเล่มที่สร้างจำลองกระบี่บินของเซียนกระบี่ที่น่าตกใจอย่างมากนั่นล่ะ คืออะไรอีก?

สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่าไอ้หมอนี่ยังมีกระบี่เก็บซ่อนไว้อยู่อีกหรือไม่

ผังหยวนจี้รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ทำเรื่องที่ขาดคุณธรรมแบบนี้ได้จริงๆ

นอกจากนี้แล้ว ในใจผังหยวนจี้ยังมีความระแวงเพิ่มมากขึ้น

ยันต์เหล่านั้นที่เฉินผิงอันโยนออกมา ในความเป็นจริงแล้วเป็นการตรวจสอบจุดที่เล็กละเอียดแต่ละจุดของกระแสธารปราณกระบี่ให้ชัดเจนแม่นยำ

ดังนั้นผังหยวนจี้จึงเก็บปราณกระบี่กลับมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาจะไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตรวจสอบวิชาของเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

……

ก่อนหน้านี้หลังจากพวกกลุ่มของเฉินผิงอันออกมาจากจวนหนิง

บนสนามประลองยุทธ ข้ารับใช้ผู้เฒ่าของตระกูลหนิงอย่างน่าหลันเย่สิงที่ปกป้องคุ้มครองเจ้านายของจวนหนิงมาสามรุ่นด้วยความมานะบากบั่นก็มานั่งยองอยู่บนพื้น ยื่นนิ้วทั้งห้าออกมาลูบลงบนพื้นเบาๆ

หญิงชราแซ่เหยาที่ในอดีตมาอยู่ในจวนหนิงพร้อมกับคุณหนูอย่างป๋ายเลี่ยนซวงมายืนอยู่ด้านข้าง พูดอย่างมีโทสะว่า “เจ้าสุนัขเฒ่า ทำไมเจ้าไม่จับตามองทางฝั่งนั้น หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นจะทำอย่างไร? ชีวิตสุนัขของเจ้าชดใช้ได้ไหวหรือ?”

น่าหลันเย่สิงพูดอย่างเฉยชาว่า “ต่อให้อันตรายแค่ไหน แต่จะอันตรายเท่าสนามรบทางทิศใต้ได้หรือ?”

ป๋ายเลี่ยนซวงยิ่งโมโหหนัก “ความชั่วร้ายอันตรายของจิตใจคนเคยน้อยกว่าการเข่นฆ่าในสนามรบด้วยหรือ? น่าหลันสุนัขเฒ่า! เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่เข้าใจกันแน่?”

น่าหลันเย่สิงดึงมือกลับมา เงยหน้าขึ้น เงียบงันไม่ต่อคำ

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 578.1 ทำไมเซียนกระบี่ที่ชมศึกจึงมากมายขนาดนี้"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์