CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 664.1 เมาเหล้า

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 664.1 เมาเหล้า
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่ร่ายวิชาอภินิหารจักรวาลชายแขนเสื้อดึงเอาพวกจู๋เชี่ยกลับมาจากมุมกำแพงของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ก็คือหวงหลวนที่เอาซากปรักจวนตระกูลเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนมาหล่อหลอมเป็นเรือนพักของตัวเอง

ลู่จือพกกระบี่ออกจากหัวกำแพงเมืองไปสังหารปีศาจใหญ่ยอดเขาที่ถูกขนานนามว่ามีกลิ่นอายเซียนที่สุดในใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นี้ด้วยตัวเอง บวกกับตรงแม่น้ำยาวสีทองมีเซียนกระบี่หมี่ฮู่ออกกระบี่สกัดขวาง แต่กระนั้นหวงหลวนที่ใช้การถูกทำลายฟ้าดินในชายแขนเสื้อฝั่งขวาไปครึ่งหนึ่งเป็นค่าตอบแทน แล้วก็เพราะมีปีศาจใหญ่หย่างจื่อมารอรับหวงหลวนด้วยตัวเอง อีกฝ่ายจึงสามารถหนีกลับกระโจมเจี่ยเซินได้สำเร็จ

ลู่จือยืนอยู่บนแม่น้ำยาวสีทองที่ยิ่งนานเซียนกระบี่ก็ยิ่งเหลือน้อยลง ไม่ได้หวนกลับไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ แต่หยุดอยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้าพิทักษ์พื้นที่แถบนั้น

ก่อนหน้านี้การออกกระบี่ของนางถูกมัดมือมัดเท้าเกินไป เพราะสนามรบที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำยาวกับหัวกำแพงเมืองมีผู้ฝึกกระบี่ของฝ่ายตนอยู่มากเกินไป

อินเฉินผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในขีดตัวอักษรใหญ่ส่ายหน้า สีหน้าไม่เห็นด้วย แล้วยังส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก พูดนินทาว่า “หากข้ามีขอบเขตเช่นนี้ เจ้าหวงหลวนนั่นย่อมหนีไม่พ้นแน่ สงครามสู้รบกันมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่รู้ว่าควรจะคิดบัญชีอย่างไรถึงจะได้กำไรอีก เจ้าลู่จือเป็นเซียนกระบี่ใหญ่ได้อย่างไร สตรีก็คือสตรี สตรีที่มักใจอ่อนอยู่เสมอ”

ชื่อเสียงที่คนรักคนเคารพของอินเฉินในกำแพงเมืองปราณกระบี่ คาดว่าก็คงจะได้มาเพราะสาเหตุนี้

นอกกระโจมเจี่ยเซิน หวงหลวนสะบัดขายแขนเสื้อข้างซ้ายเหมือนโยนถั่วลงบนพื้น ผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ทั้งหลายที่ร่างเล็กเท่าเมล็ดงาพากันเผยกาย

จู๋เชี่ยเก็บกระบี่เอ่ยขอบคุณ หลีเจินสีหน้ามืดทะมึน อวี่ซื่อสภาพกระเซอะกระเซิงประคองเด็กหนุ่มจวินทานที่ยังคงหมดสติเอาไว้

ส่วนหลิวป๋ายคือคนที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด โชคดีที่จิตวิญญาณถูกจวินทานเก็บรวบรวมมาไว้ได้

เด็กหนุ่มมู่จีที่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับเป็นผู้นำของกระโจมเจี่ยเซิน พอรู้สภาพการณ์ของหลิวป๋ายก็ร้อนใจราวไฟลน กระนั้นก็ยังค้อมเอวขอบคุณผู้อาวุโสท่านนี้

หวงหลวนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “มู่จี พวกเจ้าต่างก็เป็นศูนย์รวมของโชคชะตาในใต้หล้าพวกเรา มหามรรคายาวไกล บุญคุณช่วยชีวิต ถึงอย่างไรก็ต้องมีโอกาสได้ตอบแทน”

มู่จีเอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “ผู้น้อยย่อมไม่กล้าลืมพระคุณยิ่งใหญ่ในวันนี้แน่นอน”

หากกระโจมเจี่ยเซินมีตัวอ่อนเซียนกระบี่รบตายไปคนหนึ่งจริงๆ ถ้าอย่างนั้นในฐานะผู้นำของกระโจมเจี่ยเซิน เขามู่จีก็คงไม่ใช่แค่ถูกบันทึกลงบนสมุดคุณความชอบว่าทำงานผิดพลาดอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นการกระทำนี้ของหวงหลวนจึงไม่ต่างจากพระคุณช่วยชีวิตสำหรับเด็กหนุ่มมู่จี

หย่างจื่อยกมือขึ้น กักตัวอวี่ซื่อเอาไว้แล้วซัดเขาให้ถอยห่างไป นางไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของอวี่ซื่อ กอดเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมอกเบาๆ ยื่นนิ้วข้างหนึ่งกดไปที่หว่างคิ้วของจวินทาน โชคชะตาน้ำที่บริสุทธิ์ที่สุดของฟ้าดินไหลออกจากปลายนิ้วของนางกรอกเข้าสู่ช่องโพรงลมปราณใหญ่ของเด็กหนุ่ม ขณะเดียวกันนั้นนางก็ขยี้สองนิ้วสร้างกระบี่สั้นสีขาวแวววาวขึ้นมาเล่มหนึ่ง เป็นของตกทอดยุคบรรพกาลที่นางเก็บรักษามาไว้นานหลายปี ถูกนางกดลงไปบนหว่างคิ้วของจวินทาน กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเด็กหนุ่มถูกทำลายไปเล่มหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นนางก็จะชดใช้คืนให้เขาเล่มหนึ่ง

ครู่หนึ่งต่อมา จวินทานค่อยๆ ฟื้นตื่น พอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของสตรีที่สวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมชุดคลุมมังกรสีดำ ดวงตาของเด็กหนุ่มพลันแดงก่ำ เอ่ยเรียกเสียงสั่น “อาจารย์”

หย่างจื่อเอ่ยเสียงอ่อนโยน “อุปสรรคความยากลำบากทั้งหลาย อย่าได้เก็บเอามาใส่ใจ”

ถึงอย่างไรจวินทานก็ยังมีจิตใจเป็นเด็กหนุ่ม มาเจอกับหายนะครานี้ ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจิตแห่งเต๋าจะไม่ถูกทำลาย ซึ่งถือว่าไม่ง่ายสำหรับเขาเลย แต่ถึงอย่างไรก็เสียใจอย่างสุดแสน เด็กหนุ่มพูดเสียงสะอื้น “ไอ้หมอนั่นชั่วร้ายเกินไปแล้ว พวกเราห้าคนราวกับว่าต้องคอยจับคู่เข่นฆ่ากับเขาอยู่ตลอดเวลา วันหน้าพี่หญิงหลิวป๋ายจะทำอย่างไร?”

ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มก็ยังคงสงสารพี่หญิงหลิวป๋ายของเขา

หย่างจื่อยิ้มเอ่ย “เดิมทีอาจารย์ของหลิวป๋ายก็รังเกียจที่รูปโฉมของนางไม่งดงามมากพอ ไม่คู่ควรกับเจ้าอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งดี ให้อาจารย์โจวเปลี่ยนเนื้อหนังมังสาร่างใหม่ให้นางเสียเลย แล้วพวกเจ้าค่อยมาผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกันใหม่”

เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้า เขาไม่ได้ต้องการเช่นนี้

หย่างจื่อลูบศีรษะของเด็กหนุ่ม “ทุกอย่างล้วนตามใจเจ้า”

หวงหลวนประหลาดใจอย่างยิ่ง สตรีอย่างหย่างจื่อผู้นี้รับลูกศิษย์ผู้สืบทอดมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

เซียนกระบี่โซ่วเฉินรีบร้อนเดินทางมาที่กระโจมเจี่ยเซิน รับเอาดวงวิญญาณของศิษย์น้องหญิงไปจากจวินทาน เมื่อแน่ใจว่าทั้งโอสถทองและก่อกำเนิดของหลิวป๋ายไม่ได้มีปัญหาอะไร โซ่วเฉินก็ถอนหายใจโล่งอก เอ่ยขอบคุณทุกคนคำหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ใช้เวทไม้คุ้มครองดวงจิตของหลิวป๋ายไว้อย่างระมัดระวัง แล้วรีบเดินทางอ้อมเส้นทางไปหาอาจารย์

ส่วนทำไมต้องเดินทางอ้อมเส้นทาง แน่นอนว่าสาเหตุมาจากอาเหลียงผู้นั้น

หวงหลวนทะยานลมจากไป กลับคืนไปยังเรือนแก้วหอหยกของเขา เลือกสถานที่ที่เงียบสงบแล้วเริ่มเข้าฌานทำสมาธิ สูบปราณวิญญาณที่บริสุทธิ์มาจนสิ้น

การลงมือครั้งนี้ อันที่จริงก็ถือเป็นเขาที่ได้รับความเสียหายใหญ่หลวงที่สุด ใช้โหวขุยเหมินที่ตัวเองตั้งใจอบรมปลูกฝังมาเป็นหุ่นเชิดที่ถูกชักใยอยู่บนสนามรบ ให้เป็นคนแรกที่ประมือกับอิ่นกวานหนุ่มก่อน ผลกลับกลายเป็นว่าไม่เพียงแต่ต้องเสียหมากสำคัญเม็ดหนึ่งไป ยังโดนกระบี่จากลู่จือและหมี่ฮู่ฟันเข้าใส่ ชายแขนเสื้อของชุดคลุมอาคมแหลกยับไปครึ่งหนึ่ง บวกกับฟ้าดินขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง ประเด็นสำคัญคือต้องผลาญตบะสามร้อยปีของเขาไปเปล่าๆ

จิตของหวงหลวนขยับเล็กน้อยก็เห็นเพียงว่าห่างไปไม่ไกลมีหอเรือนหลังหนึ่งที่เกิดจากการนำโครงกระดูกเจียวหลงจำนวนมากมาประกอบเป็นเสาคานเป็นระเบียงโผล่ขึ้นมากลางอากาศ หวงหลวนรีบคลายพันธนาการแล้วรับเข้ามาในฟ้าดินของตัวเองทันที

หวงหลวนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขอบพระคุณท่านบรรพบุรุษที่ประทานสิ่งของให้”

มู่จีหวนกลับเข้าไปในกระโจมทัพอีกครั้ง

จู๋เชี่ยกับหลีเจินยืนเคียงไหล่กัน กำลังชมศึกอยู่ไกลๆ

ศึกล้อมสังหารอิ่นกวานก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขาสองคนยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เพียงแต่ว่าหากเทียบกับพวกสามคนอย่างหลิวป๋าย จวินทานและอวี่ซื่อแล้ว คาดว่าพวกเขาสองคนต่างหากถึงจะเป็นคนที่อัดอั้นตันใจที่สุด

หลีเจินใช้เสียงในใจพูดคุยกับจู๋เชี่ย “คิดไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้ให้เขาในเรื่องวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินหากไม่เป็นเช่นนี้ ต่อให้เฉินผิงอันจะมีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเพิ่มมาอีกสองเล่มก็ยังต้องตายอยู่ดี!”

จู๋เชี่ยเอ่ย “จะบ่นหรือไม่พอใจก็ได้ แต่หวังว่าเจ้าจะไม่พานโกรธเอากับจวินทานและอวี่ซื่อ”

หลีเจินพูดเยาะหยัน “หากเจ้าไม่เตือน ข้าก็คงลืมไปแล้วว่ายังมีพวกเขาร่วมศึกด้วย เศษสวะสามคน นอกจากจะเป็นตัวถ่วงแล้วยังจะทำอะไรได้อีก?”

จู๋เชี่ยขมวดคิ้ว “หลีเจิน ข้ากล้าพูดเลยว่า ผ่านไปอีกร้อยปี ต่อให้เป็นหลิวป๋ายที่บาดเจ็บสาหัสที่สุด ผลสำเร็จบนเส้นทางวิถีกระบี่ของนางก็ยังต้องสูงกว่าเจ้าแน่นอน”

หลีเจินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเย้ยตัวเอง “เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าจะมีชีวิตอยู่รอดถึงร้อยปี?”

จู๋เชี่ยย้อนถาม “ใช่หรือไม่ใช่หลีเจิน สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้าแน่ใจว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งไหม? สรุปแล้วเจ้าสามารถส่งกระบี่ออกไปเพื่อตัวเองได้หรือไม่?”

ความสงสัยใหญ่หลวงที่สุดที่อยู่ในใจของจู๋เชี่ยก็คือ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนหลีเจินแห่งภูเขาทัวเยว่จะเป็นพวกพยศดื้อดึงยากจะกำราบ ในสายตาไม่เคยเห็นหัวใคร แต่ความฮึกเหิมกล้าหาญฉายประกายคมกริบเช่นนั้น จู๋เชี่ยไม่คิดว่ามีอะไรที่ผิด

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด หลังจากหลีเจิน ‘ตาย’ ไปแล้วครั้งหนึ่ง ยิ่งนานวันนิสัยก็ยิ่งสุดโต่ง ถึงขั้นเรียกได้ว่าหมดอาลัยตายอยากมากขึ้นเรื่อยๆ

หลีเจินใช้สองมือขยี้ข้างแก้ม พึมพำว่า “เจ้าเคยเดินทางผ่านแม่น้ำแห่งกาลเวลากับตัวเองมาก่อนไหม? อาจจะไม่เคย หรืออาจจะเคย แต่เจ้าต้องไม่เคยเห็นท้องน้ำของแม่น้ำแห่งกาลเวลาแน่นอน ข้าเคยเดินผ่านมาแล้ว นั่นก็คือโชคชะตา”

จู๋เชวี่ยฟังเสียงพึมพำเบาๆ ของหลีเจินแล้วหัวคิ้วก็ขมวดแน่น

อวี๋ซื่อยืนโดดเดี่ยวอยู่ด้านข้างเพียงลำพัง เมื่อเทียบกับหลีเจินที่มีสีหน้าหม่นหมอง เขายิ่งอกสั่นขวัญหายมากกว่า

อยู่คนเดียวย่อมง่ายที่จะทำให้คนเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว โดดเดี่ยวทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนที่แออัดเบียดเสียด

เรือนกายหนึ่งโผล่มาข้างกายเขา คือหญิงสาวคนหนึ่ง ดวงตาสองข้างของนางเป็นสีแดงฉาน ชุดคลุมอาคมที่อยู่บนร่างของนางถักทอด้วย ‘เส้นด้าย’ สีเขียวเข้มเล็กละเอียด คือลำธารลำคลองแม่น้ำแต่ละเส้นที่ถูกนางจับมาหล่อหลอมท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน

นางเอ่ยปลอบใจเสียงเบา “คุณชาย ไม่เป็นไรนะ ยังมีข้าอยู่”

จากนั้นนางก็จ้องเขม็งไปยังหย่างจื่อที่เรือนกายอรชรอ้อนแอ้น สองฝ่ายมองคุมเชิงกัน เพราะทั้งคู่คือเจ้าของแม่น้ำเย่ลั่วคนเก่าและคนปัจจุบัน

อวี่ซื่อยื่นมือมาผลักมือของหญิงสาวออกเบาๆ เดินนำหน้าไปก่อนพลางเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ไปกันเถอะ”

สตรีผู้นั้นตามหลังเขามาติดๆ

จวินทานเห็นภาพนี้แล้วก็พลันตะลึงพรึงเพริด

มู่จีที่นั่งอยู่ในกระโจมทัพเงยหน้าขึ้น แล้วก็ก้มหน้าลงต่ำอีกครั้ง

มู่จีรู้จักอาจารย์ของหลีเจิน จู๋เชี่ยและหลิวป๋ายสามคนมาโดยตลอด แต่เพิ่งจะรู้ที่พึ่งที่แท้จริงของจวินทานและอวี่ซื่อก็ในวันนี้

เด็กหนุ่มเกาหัว ไม่รู้ว่าวันหน้าเมื่อไหร่ที่ตนจะสามารถรับลูกศิษย์และกลายเป็นที่พึ่งของพวกเขาเช่นนี้ได้บ้าง?

……

เฉินผิงอันพลันสะดุ้งตื่น เขาลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง ยังดี คือเรือนเล็กของจวนหนิงที่ไม่ได้กลับมานาน ไม่ใช่มุมกำแพงของกำแพงเมืองปราณกระบี่

เฉินผิงอันยกมือมากุมขมับ รู้สึกปวดหัวราวหัวจะแตก เขาพ่นลมหายใจขุ่นมัวหนักๆ ครั้งหนึ่ง เพียงการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็ทำให้ฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์ปั่นป่วนไปหมด น่าจะไม่ได้อยู่ในฝันถึงจะถูก เวทคาถาของเทพเซียนบนภูเขามีมากมายนับพันนับหมื่น เรื่องราวแปลกประหลาดบนโลกมีมากเกินไป ไม่ป้องกันไม่ได้เลย

เฉินผิงอันเหม่อมองไปที่หน้าประตู

ตรงธรณีประตูมีบุรุษคนหนึ่งนั่งอยู่ ในมือของเขาหิ้วกาเหล้ากำลังแหงนหน้าดื่มเหล้า

ในห้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยา แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจปิดกลิ่นหอมของสุราเอาไว้ได้

บุรุษลุกขึ้นยืน เอนตัวพิงกรอบประตู ยิ้มเอ่ย “วางใจเถอะ คนอย่างข้ามีแต่จะปรากฏตัวในฝันของสตรีเท่านั้น”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 664.1 เมาเหล้า"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์