กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 674.2 งานเย็บปักถักร้อย
เดินมาถึงคุกที่นับจากด้านหลังคือกรงขังแห่งที่สี่ ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรเชี่ยวชาญการอำพรางลมปราณคนหนึ่ง ท่าไม้ตายคือวัตถุแห่งชะตาชีวิตสองชิ้นที่ล้วนสามารถพันธนาการกระบี่บินได้ คือคนอำมหิตที่ชอบสังหารผู้ฝึกกระบี่บนสนามรบอย่างโหดเหี้ยม
อันที่จริงสำหรับการกระทำเช่นนี้ เฉินผิงอันไม่ได้ชื่นชอบหรือรังเกียจสักเท่าไรนัก ทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่นี้ก็มีเซียนกระบี่หลายท่าน และยังมีพวกน่าหลันไฉ่ฮ่วน ฉีโซ่วที่ต่างก็เป็นคนเหี้ยมที่ขึ้นชื่อเรื่องความไร้ปราณี เพียงแต่ตามบันทึกในเอกสารของสายอิ่นกวาน ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรที่อยู่ในสำนักใหญ่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นี้ เมื่ออยู่ที่บ้านเกิด ขนาดในกลุ่มของเผ่าปีศาจด้วยกันเองก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความวิปริตโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังชอบซื้อคนอย่างจู๋เชี่ยที่ถูกใต้หล้าเปลี่ยวร้างมองเป็นพวก ‘ลูกผสม’ และยังเคยซื้อเชลยที่เป็นผู้ฝึกกระบี่หญิงหลายคนจากภูเขาของปีศาจใหญ่ฉงกวง จุดจบของพวกนางจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องบอกก็พอจะจินตนาการได้
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ผู้อาวุโสเหนี่ยนซิน ช่วยเปิดประตูให้ที”
ตราผนึกของคุก เฉินผิงอันรู้เวทลับ แต่กลับเปิดไม่ออก
สตรีคนเย็บผ้าเผยเรือนกายที่ร่องรอย ราวรั้วแสงกระบี่พลันหายวับไป
เฉินผิงอันเดินไปด้านหน้า พบว่านางไม่มีท่าทีที่จะจากไป เฉินผิงอันก็หยุดยืนตรงหน้าประตู หันหลังให้กับสตรีที่มีสภาพน่าเวทนาจนทนมองไม่ได้ กำลังจะเปิดปากพูด
เหนี่ยนซินกลับเอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยหรือไม่? หรือจะบอกว่ารักหน้าตาของตัวเอง จึงไม่อยากให้คนนอกได้มาเห็นวิธีการอันอำมหิตของลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ? ไม่จำเป็นหรอก”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ แล้วจึงม้วนชายแขนเสื้อขึ้นไปอีกชั้น
ประมาณหนึ่งก้านธูปต่อมา
เหนี่ยนซินมองไปยังแผ่นหลังของคนหนุ่มที่นั่งยองอยู่บนพื้น
เผ่าปีศาจขอบเขตประตูมังกรตนนั้นเหลือแค่ศีรษะที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์ ด้านล่างลำคอลงไปล้วนเหมือนดินโคลนเละๆ กองหนึ่ง แต่ยังไม่ตาย เนื้อหนัง เส้นเอ็น กระดูกและจิตวิญญาณ ค่อยๆ ขยับไปทีละชั้น ลงมืออย่างเนิบช้า
ดูท่าเส้นทางการฝึกวรยุทธของอิ่นกวานหนุ่มคงเจอกับความยากลำบากมาไม่น้อย ถึงได้มีความหมายของคนที่ ‘ป่วยมานานจึงกลายเป็นหมอ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเสียเอง’
เป็นเหตุให้เผ่าปีศาจขอบเขตประตูมังกรที่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณล้วนแข็งแกร่งทนทานก็ยังร้องคร่ำครวญขอว่า ‘ฆ่าข้าเถอะ ฆ่าข้าเถอะ’
เฉินผิงอันควักลูกตาข้างหนึ่งของเผ่าปีศาจตนนั้นออกมา บีบให้แหลกเบาๆ เอานิ้วมือเช็ดไปบนหน้าผากของอีกฝ่ายสองสามที ถามว่า “ร่างมนุษย์ที่จำแลงมาจากเผ่าปีศาจต่างก็มีความต่างในรายละเอียดเล็กๆ ใช่หรือไม่?”
เหนี่ยนซินพยักหน้ารับ “ไม่เพียงแต่เผ่าปีศาจที่จำแลงร่างเป็นมนุษย์เท่านั้นที่มีความแตกต่าง ต่อให้เป็นพวกเราเอง ยามที่ศึกษาเวทคาถาของใต้หล้า ต้นกำเนิดเหมือนแต่แตกกิ่งก้านสาขาออกไป แบ่งแยกเป็นนับพันนับหมื่นเส้นสาย วิชาที่ได้รับการขนานนามว่า ‘ต้นตำรับของความเหนือเมฆ’ ได้นั้น ล้วนสามารถมองข้ามผลกระทบจากการแบ่งแยกเส้นสายแบ่งแยกสาขาเหล่านั้นไปได้เลย วิชานอกรีตเป็นลำดับรอง วิชามารชั่วร้ายก็รองลงไปอีก ล้วนพาคนให้เดินขึ้นเขาได้ ความยากง่ายแตกต่างกัน สูงต่ำไม่เหมือนกัน ยิ่งเป็นต้นตำรับดั้งเดิมก็ยิ่งสามารถจับเส้นสายของพื้นที่มงคลถ้ำสวรรค์ในร่างกายมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ ยิ่งเดินอ้อมระยะทางได้น้อยลง เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เมื่อเป็นเส้นทางกว้างใหญ่ ปราณวิญญาณก็เปี่ยมล้นไหลริน รถและม้าสัญจรกันขวักไขว่ ประหนึ่งกองทัพยาตรา พลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างมาก หากเป็นทางเส้นเล็กเท่าไส้แกะ หนทางแคบชันอันตราย ถึงอย่างไรการโคจรของปราณวิญญาณก็มีจำกัด เพียงแต่ว่าเรื่องราวทุกอย่างไม่มีอะไรที่ตายตัว คนที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำจะไม่ถูกพันธนาการด้วยหลักการเหตุผลข้อนี้ ต่อให้เป็นทางสายเล็กก็ยังคงเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดได้อยู่ดี”
เฉินผิงอันยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาวางไว้บนหว่างคิ้วของเผ่าปีศาจตนนั้นแล้วปาดลงเบาๆ เหมือนกรีดมีด จากนั้นก็ถลกหนังหน้าของอีกฝ่ายออกมา
เหนี่ยนซินเห็นว่าการกระทำของเขาเบามือเนิบช้าแต่กลับมั่นคงอย่างถึงที่สุด ประเด็นสำคัญคือจิตใจไม่มีริ้วคลื่นกระเพื่อม ไร้ความอาฆาตแค้น ไร้ความชื่นชอบหรือเศร้าใจ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมที่สุดในการเป็นคนเย็บผ้าหรือไม่ก็เพชรฆาตมาตั้งแต่เกิด
หากเรียบเรียงผู้ฝึกตนสิบประเภทของใต้หล้าไพศาลออกมา เพชรฆาตและคนเย็บผ้าที่เป็นหนึ่งในนั้นก็มีความมหัศจรรย์หลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน
เหนี่ยนซินเอ่ยเตือน “ขอบเขตประตูมังกรที่เรือนกายอ่อนแอแบบนี้ ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าลงมือเย็บผ้าได้หรอกนะ”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ทราบดี ก็แค่อุ่นมือเท่านั้น เพราะคิดอยู่ว่าจะขอเรียนศาสตร์การเย็บผ้าจากผู้อาวุโสเหนี่ยนซินสักหน่อย”
เหนี่ยนซินส่ายหน้า “แนะนำใต้เท้าอิ่นกวานว่าอย่าได้เข้ามาสัมผัสกับเส้นทางนี้ง่ายๆ จะดีกว่า มีแต่จะทำให้ฟ้าดินรู้สึกรังเกียจ เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อมหามรรคา ผู้ฝึกยุทธกลายเป็นเทพ ผู้ฝึกกระบี่เดินขึ้นฟ้า นั่นต่างหากถึงจะเป็นเส้นทางใหญ่ด่านหยางกวนที่อิ่นกวานสมควรจะเดิน”
เฉินผิงอันเอานิ้วจิ้มเข้าไปที่หน้าผากของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจ ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “เวทคาถาไร้ข้อห้าม แค่จิตใจมั่นคงก็เพียงพอแล้ว คนชั่วย่อมต้องมีคนชั่วมางัดข้อกัน กับคนชั่วมีเพียงคนชั่วที่งัดข้อได้ ต่างกันแค่ตัวอักษรเดียว สองคำกล่าวนี้ อย่างแรกจนใจเกินไป อย่างหลังตายตัวเกินไป ข้ารู้สึกว่าต่างก็ไม่ค่อยถูก”
เหนี่ยนซินเงียบงัน
เฉินผิงอันเดินออกมาจากคุก เดินไปยังกรงขังแห่งถัดไป
เมื่อบันทึกลงในเอกสารของคฤหาสน์หลบร้อน ก็เป็นแค่การออกหมัดตามใจปรารถนาเท่านั้น
วิธีการแตกต่างกัน ความเหมือนเพียงอย่างเดียวก็คือจะบอกชื่อแซ่ของตัวเองก่อน
ใต้หล้าไพศาล เฉินผิงอัน
เหนี่ยนซินติดตามอยู่ด้านหลังคนหนุ่มตลอดเวลา มองดูเขาลงมือตลอดทั้งขั้นตอน
เผ่าปีศาจเซียนดินสิ้นชีพไปแล้ว เหนี่ยนซินจึงเปิดถุงผ้าปักลายที่ห้อยเอวออก หยิบเอาเข็มเล็ก มีดสั้นที่แตกต่างกันออกมาจัดการกับศพ ส่วนอิ่นกวานหนุ่มนั้นยืนมองอยู่ด้านข้าง
จิตหยินของเหนี่ยนซินออกมาจากร่าง ลักษณะแปลกประหลาดอย่างยิ่ง จิตหยินเล็กเท่าเมล็ดงาจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว ทว่าในมือของจิตหยินยังถือ ‘เข็มเย็บผ้า’ ที่เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตขนาดเล็กกว่าดวงจิตไว้อีกหนึ่งเล่ม
ตอนที่เผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจสำนักการทหารขอบเขตโอสถทอง เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมืออย่างเต็มที่ ตัวเองไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย
ยามที่คุมเชิงกับผู้ฝึกกระบี่โอสถทองคนหนึ่ง เหนี่ยนซินค้นพบด้วยความตกตะลึงว่าอิ่นกวานหนุ่มหายตัวไปกลางอากาศ คล้ายกับสร้างฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่งขึ้นมาสกัดกั้น
หลังจากถอนวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินทิ้งไป ขณะที่เหนี่ยนซินจัดการกับศพ เฉินผิงอันก็ถามว่า “ผู้อาวุโสเหนี่ยนซิน ผู้ฝึกลมปราณสิบประเภทที่มีคนเย็บผ้าเป็นหนึ่งในนั้น ผู้อาวุโสเคยพบเจอกับตัวเองมากี่ประเภท?”
มือของเหนี่ยนซินยังเคลื่อนไหวไม่หยุด นางเลือกเส้นเอ็นได้อย่างคล่องแคล่วแล้วดึงออกมา เลาะข้อต่อกระดูกออก มือไม้ว่องไวดุจเมฆคล้อยน้ำไหล ทว่าภาพนี้ยังอยู่ไกลกับคำว่าชวนให้คนมองสบายตาสบายใจมากนัก
เหนี่ยนซินเล่าเรื่องลับที่ขนาดในคฤหาสน์หลบร้อนก็ยังไม่มีบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้อิ่นกวานหนุ่มฟัง พวกตู๋ฉีหลางทะเลทักษิณที่พกข้องราชามังกรไปคอยดักจับเจียวที่เหนื่อยล้า หรือไม่ก็ขโมยโชคชะตาน้ำ เจ้านายที่พวกเขาคอยรับใช้คือปีศาจใหญ่ตนหนึ่งที่เคยประมือกับฮว่อหลงเจินเหรินเทียนซือใหญ่ต่างแซ่มาก่อน ขนาดฮว่อหลงเจินเหรินที่ฝีมือสูงกว่าหนึ่งขั้น ไปเคาะด่านอยู่สิบปีก็ยังไม่อาจฝ่าค่ายกลใหญ่ขุนเขาสายน้ำยุคบรรพกาลที่อยู่ใต้ทะเลซึ่งมีชื่อว่า ‘หลุมน้ำลู่’ ไปได้ เล่าลือกันว่าซากปรักแห่งนั้นเคยเป็นหนึ่งในตำหนักหลักของเทพวารียุคดึกดำบรรพ์
เฉินผิงอันฟังมาถึงตรงนี้ก็เอ่ยว่า “ฮว่อหลงเจินเหรินเป็นยอดฝีมือนอกโลกที่สมชื่ออย่างแท้จริง”
เหนี่ยนซินไม่ได้เงยหน้า เพียงถามชวนคุยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานเคยเจอฮว่อหลงเจินเหรินมาก่อนหรือ?”
นางกำลัง ‘แกะสลัก’ ผนึกตราให้กับหัวใจที่ถูกอิ่นกวานหนุ่มแหวกออกมาจากอก รวมไปถึงโอสถทองของเผ่าปีศาจที่ลอยอยู่ด้านข้าง
จิตหยินที่เล็กจ้อยของนางกำลังร้อยเข็มสนด้าย
เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที
เหนี่ยนซินเงยหน้าขึ้น หยุดความเคลื่อนไหวบนมือลง “ฮว่อหลงเจินเหรินก็คือคนที่สังหารอาจารย์ของข้า”
เฉินผิงอันไม่ได้รับคำ “รบกวนผู้อาวุโสช่วยทำต่อ บุญคุณความแค้นในอดีตของใต้หล้าไพศาล ข้าไม่สนใจ”
สายตาของเหนี่ยนซินยังคงอยู่บนร่างเฉินผิงอัน ยิ่งนานสายตาของนางยิ่งฉายประกายเร่าร้อน
เฉินผิงอันยอมรับชะตากรรม แน่นอนว่าไม่อาจแค่อนุญาตให้ตนทวงหนี้กับปีศาจใหญ่ชิงชิว แต่กลับปล่อยให้เหนี่ยนซินมาคิดบัญชีกับตนได้
เหนี่ยนซินเล่าเรื่องประหลาดพวกนั้นต่อไป
บางทีอยู่ในคุกมานานหลายร้อยปี ยากนักกว่าจะได้เจอคนตัวเป็นๆ คนเย็บผ้าผู้นี้จึงไม่ขี้เหนียวคำพูด
พวก ‘กว้อเค่อ’ ที่หลอมสุสานหลุมศพโบราณเพื่อชักนำทหารหยินให้ข้ามอาณาเขต คนที่ขอบเขตสูง หากโบกธงแห่งชะตาชีวิต ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมดวัดดวงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน สามารถทำให้สถานที่ที่กว้างไกลพันลี้กลายเป็นโลกมืดของดวงวิญญาณได้เลย
และยังมีศพงามที่วิชาการยั่วยวนเหนือกว่าภูตจิ้งจอก เป็นครึ่งคนครึ่งผี ขนาดเทพเซียนก็ยังยากจะสัมผัสได้ถึง ชอบให้มีการมั่วโลกีย์เกิดขึ้นในวังมากที่สุด เพียงแต่ว่าศพงามนั้นปรากฏตัวน้อยครั้ง ทว่าทุกครั้งที่ร่องรอยถูกเปิดเผยก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องทิ้งเรื่องราวมากมายไว้ในตำราประวัติศาสตร์
แล้วยังมีโจรเด็ดบุปผาที่อยู่บนภูเขาที่ทำหน้าที่สังหารภูตดอกไม้ต้นไม้เอามาหลอมเป็นยาโดยเฉพาะ บุปผาสิบสองชนิดหลอมเป็นโอสถเล็ก หากสามารถจับภูตต้นไม้ดอกไม้ได้หนึ่งร้อยแปดตัวจึงจะสามารถนำมาหลอมเป็นโอสถใหญ่ได้ วิธีการที่ใช้อำมหิตอย่างยิ่ง ทว่าประสิทธิผลกลับน่าตะลึง เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับพื้นที่มงคลร้อยบุปผา เล่าลือกันว่าบรรพจารย์ผู้บุกเบิกภูเขาของสายโจรเด็ดบุปผานี้เคยมีความแค้นเรื่องความรักที่ถูกปิดซ่อนเป็นความลับกับเจ้าแห่งบุปผาในใต้หล้าของพื้นที่มงคลร้อยบุปผามาก่อน เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลหลายคนที่แสร้งวางมาดภูมิฐาน ในนามนั้นบอกว่าจะช่วยถอนรากถอนโคน แต่แท้จริงแล้วกลับรับไว้เป็นผู้ถวายงาน ทำให้เงินทองไหลมาเทมา ชีวิตเจริญรุ่งเรืองขึ้นในทุกวัน
เฉินผิงอันได้ยินมาถึงตรงนี้ก็ถามอย่างประหลาดใจ “พวกเทพหญิงในพื้นที่มงคลร้อยบุปผาเหล่านั้นมีจิตวิญญาณที่แท้จริงของบุปผาบรรพกาลสอดแทรกอยู่ภายในจริงหรือ?”
เพราะเขานึกถึงเทพหญิงขุนนางสวรรค์ที่อยู่ในนครปี้ฮว่าของชายหาดโครงกระดูกขึ้นมาได้
เหนี่ยนซินพยักหน้ารับ “ข้าเคยจับโจรบุปผาขอบเขตก่อกำเนิดได้คนหนึ่ง แล้วเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติอาคมที่สำคัญชิ้นหนึ่งมาจากพื้นที่มงคลร้อยบุปผา สามารถแน่ใจได้ว่าเทพบุปผาสี่ท่านนั้นมีอายุขัยยืนยาวอย่างแท้จริง กลับเป็นเจ้าแห่งบุปผาของพื้นที่มงคลเสียอีกที่เป็นผู้มาทีหลังแต่ไล่ตามมาทัน”
กล่าวมาถึงตรงนี้เหนี่ยนซินก็ชำเลืองตามองคนหนุ่ม “ต้องยกคุณความชอบให้กับบทกวีที่สืบทอดกันมาของพวกบัณฑิต”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อ่านกลอนท่องบทอาขยาน ไม่ใช่เรื่องที่ข้าเชี่ยวชาญ ดูท่าคงถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่มีวาสนากับพื้นที่มงคลร้อยบุปผา”
เหนี่ยนซินเอ่ยประโยคที่ไม่ถูกกาลเทศะเอาเสียเลย “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถมีชีวิตรอดกลับไปยังใต้หล้าไพศาลได้?”
เฉินผิงอันเอ่ย “จะพยายามแล้วกัน”
เหนี่ยนซินเล่าต่อถึงเทพแห่งโรคระบาด อันที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นฝ่ายอธรรมสักเท่าไร แต่เป็นคนน่าสงสารมาตั้งแต่เกิด บุคคลที่เทพขยาดผีรังเกียจ ถูกมหามรรคาสยบกำราบ แต่ละคนแทบจะไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้ หากไม่ถูกผู้ฝึกลมปราณของฝ่ายธรรมะจับมาขัง ตัดขาดกับโลกภายนอกไปตลอดชีวิต ไม่อย่างนั้นก็ถูกผู้ฝึกตนวิถีมารนำไปเลี้ยงดู ให้มาเป็นหุ่นเชิดที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ หรือถ้าเบากว่านั้นก็เอามาข่มขู่ราชสำนักและที่ว่าการ ทำหน้าที่เป็นต้นไม้เขย่าเงิน หากถูกโยนไปบนสนามรบ พลังพิฆาตจะยิ่งใหญ่มาก และภัยร้ายที่จะตามมาก็มีมากมายนับไม่ถ้วน โรคระบาดจะลุกลาม สรรพชีวิตมอดม้วย ภายในเวลาร้อยปีแม้แต่หญ้าสักต้นก็ไม่อาจงอกงาม มลพิษอบอวลไปทั่วทุกหนแห่ง
และยังมีเซียนนกเขา ความหมายก็ตรงตามชื่อ เชี่ยวชาญการเป็นนกพิราบที่ยึดรังนกกางเขน ไม่ว่าผู้ฝึกลมปราณคนใดบนโลกล้วนสามารถถูกพวกเขาเอามาทำเป็นรังนกได้ด้วยการย่อความคิดให้เท่าเมล็ดงา ปลูกเมล็ดพันธ์ไว้ในใจของคนอื่นโดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น ยังมีตู้ซือที่ชอบไปมาระหว่างโลกคนเป็นและโลกคนตาย ชอบปกปิดความลับเป็นที่สุด มีผีทวงหนี้ที่คอยรับมือกับคนโง่ผู้ลุ่มหลงในรักตามหมู่ชาวบ้านโดยเฉพาะ สามารถส่งต่อกรรมให้กับคนที่เป็นศัตรูกับพวกเขา แล้วยังแอบเก็บรวบรวมควันธูปของศาลและของตระกูลต่างๆ มาได้ด้วย สุดท้ายคือคนขายคันฉ่อง เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทิศเพื่อคอยไล่จับและหล่อหลอมเงาของมนุษย์ธรรมดาโดยเฉพาะ กักดวงวิญญาณของคน กำหนดชะตาชีวิตคน ดึงเอาโชควาสนาของคนอื่นมาเป็นของตนอย่างกำเริบเสิบสาน
เกี่ยวกับคนขายคันฉ่อง เหนี่ยนซินยังบอกด้วยว่าเป็นข่าวลือที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ ในประวัติศาสตร์ของใต้หล้าไพศาลเคยมีคนขายคันฉ่องที่เปี่ยมพรสวรรค์คนหนึ่งพยายามจะเอาแสงจันทร์ที่เรืองรองมาหลอมเป็นคันฉ่องแต่งหน้า
หากทำได้สำเร็จ ใต้หล้าแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือผู้ฝึกตนก็ล้วนต้องแหงนหน้าจ้องมอง ‘คันฉ่อง’ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไรแค่คิดก็รู้ได้แล้ว
ฟังเรื่องวงในบนภูเขาที่ค่อนจะแปลกประหลาดพวกนี้จบ เฉินผิงอันก็ทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจังเบาๆ ว่า “ผู้บรรลุมรรคา อายุขัยยืนยาว ขอแค่ยินดีเดินทางไปทั่วสี่ทิศ ย่อพื้นดินหดขุนเขาสายน้ำ ก็มักจะได้เจอกับเรื่องราวประหลาดผู้คนมหัศจรรย์ได้ไม่รู้จักจบสิ้นเสมอ”
ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน เฉินผิงอันก็สังเกตเห็นว่าวัตถุแห่งชะตาชีวิตของเหนี่ยนซินคือเข็มร้อยด้ายสิบเล่มที่จิตหยินของนางถืออยู่ในมือ มีประกายแสงเจ็ดสีที่เล็กบางอย่างถึงที่สุดลากมาตามท้ายเข็ม ซึ่งสามารถแบ่งกันรับมือกับสามจิตเจ็ดวิญญาณได้พอดี
เหนี่ยนซินทำงานในมือเสร็จก็พาจิตหยินกลับคืนเข้าร่าง ลุกขึ้นเอ่ยว่า “ข้าลองคำนวณดูคร่าวๆ เผ่าปีศาจหกสิบกว่าตน หากเจ้าสามารถสังหารได้ทั้งหมด ข้าก็สามารถช่วยปะชุนให้เจ้าได้สามสิบสองจุด เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัว เป็นเหตุให้ลายมือบนฝ่ามือ หลังมือ นิ้วทั้งห้าล้วนต้องลงมืออย่างจริงจัง ช่องโพรงสำคัญบนใบหน้ามีดวงตาทั้งคู่เป็นหลัก แน่นอนว่าหัวใจเป็นจุดสำคัญ ข้าจะใช้เข็มร้อยด้ายสอดเข้าไปพันอยู่ในหัวใจ อาจใช้เวลานานสักหน่อย ด้านหลังมีกระดูกสันหลังเป็นหลัก หลังจากถลกหนังแล้วข้าจะต้องดึงเอากระดูกสันหลังทั้งเส้นขึ้นมาให้สูงกว่าเดิมชุ่นกว่า เรื่องพวกนี้ยังไม่เท่าไร สามจิตเจ็ดวิญญาณต่างหากจึงจะสำคัญ อีกทั้งหลังจากเย็บปะชุดได้แล้ว นั่นต่างหากถึงจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดที่แท้จริง บอกไว้ก่อนว่าการใช้ปีศาจใหญ่ห้าขอบเขตบนมาเป็นเสื้อผ้า ขอบเขตของเจ้าไม่สูง เรื่องไม่คาดฝันก็จะเพิ่มมากขึ้น สามจิตเจ็ดวิญญาณล้วนต้องจุดตะเกียง อย่าว่าแต่การออกหมัดเลย แค่เดินธรรมดา ขอแค่จิตขยับเล็กน้อย ไส้ตะเกียงส่ายไหว จิตใจก็จะไม่มั่นคงแล้ว”
กล่าวมาถึงตรงนี้เหนี่ยนซินก็กระตุกมุมปาก “แต่ก่อนหน้านี้ใต้เท้าอิ่นกวานกล่าวว่า ‘จิตใจสงบ’ คิดดูแล้วคงจะไม่กลัวสักเท่าไร”
เฉินผิงอันสีหน้าไร้อารมณ์
เหนี่ยนซินพยักหน้ารับ อายุไม่มาก แต่ความกล้าไม่น้อย
จากนั้นก็เห็นเพียงว่าอิ่นกวานหนุ่มคนนั้นหยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ขึ้นมาดื่มเหล้าไปอึกใหญ่
——