CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 693.2 น้ำยังไม่ลด หินยังไม่ผุด

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 693.2 น้ำยังไม่ลด หินยังไม่ผุด
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เด็กสาวหน้าตางดงามเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่ง ‘แหวกพื้นดิน’ ออกมาจากพื้นนอกร้าน นางก็คือเทพแห่งผืนดินของภูเขามู่อี

สีหน้าของนางเคร่งเครียด “พวกเจ้าสองคนคนหนึ่งกล้าตอบตกลงกับข้า อีกคนหนึ่งกล้าตอบตกลงกับนาง อันที่จริงนี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ข้าบอกไว้ก่อนเลยว่า แม้ว่าสำนักพีหมาของพวกเจ้าจะเชี่ยวชาญวิถีของวิญญาณ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้ หากจะถามข้า ข้าว่าให้นางไปเป็นเทพหญิงที่แขวนชื่อไว้ในลำคลองเหยาเย่ยังดีกว่า ต่อให้ในความเป็นจริงแล้วจะยังเป็นพวกผีสาวที่จิตวิญญาณถูกกักขัง ไม่ได้มีสถานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเทียบกับการที่ต้องเสี่ยงอันตรายเป็นเทพแห่งผืนดินกลับปลอดภัยกว่ามากนัก ตาเฒ่าคนเรือเซวียก็อยู่ใต้อาณัติของสำนักพีหมา ไม่มีทางไม่เห็นแก่หน้าเจ้าผังหลันซีหรอก”

ผังหลันซีคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อน วันหน้าข้าจะไปถามเฉินผิงอันดู เขาเป็นคนที่คิดอะไรรอบคอบที่สุดแล้ว”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ผังหลันซีก็กระตุกคอเสื้อ “ข้าเป็นถึงผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่วเชียวนะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจะไม่ช่วยเลยหรือ?”

หญิงสาวคลี่ยิ้มพลางพยักหน้ารับ ยื่นนิ้วไปเกี่ยวกับมือของผังหลันซีเบาๆ ผังหลันซีพลิกมือกลับเป็นฝ่ายกอบกุมมือเรียวยาวนุ่มนิ่มของนางเอาไว้

เด็กสาวเทพเจ้าที่จุ๊ปากพูด “เลี่ยน เลี่ยนจริงๆ ทำไมไม่ปิดร้านทำเรื่องเหลวไหลไปทีเดียวเลยเล่า? ข้าไม่แอบดูแอบฟังอะไรหรอก”

……

บรรพจารย์สำนักเบื้องบนที่แล้งน้ำใจจนสร้างความเดือดดาลให้กับคนมากมายในสำนักพีหมาไม่ได้ออกไปจากภูเขามู่อีอย่างรู้กาลควร กลับกันยังพาคู่รักหนุ่มสาวจากหน่วยอู๋ฉางของสำนักเบื้องบนมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ต่อด้วย นานๆ ทีจะได้ออกจากบ้าน ก็ควรต้องไปเดินเที่ยวให้มาก มีเรื่องอะไรก็แค่ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวมาเป็นพอ อันที่จริงบรรพจารย์น่าหลันอยากจะไปเยือนสำนักฝูจีของใบถงทวีปดูสักครั้ง เวทฝูจี (ลักษณะคล้ายกับการเล่นผีถ้วยแก้ว เป็นกิจกรรมทางไสยศาสตร์ ในสมัยโบราณของจีนจะใช้ไม้ยาวท่อนหนึ่งผูกท่อนไม้ไว้ ด้านล่างเป็นกระบะทราย คนสองคนจับปลายไม้ยาวคนละฝั่ง หากท่อนไม้ที่ผูกไว้เขียนเป็นตัวอักษรคำใดลงบนทรายก็จะถือว่าเป็นคำชี้แนะจากเทพเจ้า) ของที่นั่นมหัศจรรย์อย่างยิ่ง

แต่บรรพจารย์ก็ไม่ได้อยู่ว่าง ทุกวันจะดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ หลักๆ แล้วก็เพื่อสะดวกให้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ล่าสุดบนภูเขาของทักษินาตยทวีปและฝูเหยาทวี หรือไม่ก็ร่ายเวทอภินิหารมองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือ มองดูลำคลองเหยาเย่ ไม่อย่างนั้นก็เปิดบทรวบรวมกวีที่ตนเองรวบรวมไว้ เขาคว้าเมฆขาวส่วนหนึ่งจากนอกศาลาแขวนกระบี่กลางภูเขามาทำเป็นโต๊ะหนังสือ วางกระดาษรวบรวมบทกวีไว้ปึกใหญ่ จากนั้นก็หยิบเอาดวงจันทร์ในน้ำของลำคลองเหยาเย่มาแขวนไว้ข้างโต๊ะต่างตะเกียง

เซียนซือบนภูเขามีทั้งปลาและมังกรปะปนกัน แม้จะบอกว่าก็มีคนที่ชอบลงไปเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์เช่นไปเป็นชาวไร่ชาวนา ไปเป็นบัณฑิต แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเหมือนบรรพจารย์น่าหลันที่ไม่แตะต้องฝุ่นธุลีในโลกโลกีย์ เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งเซียน

ทว่าในความเป็นจริงแล้วนักพรตผู้เฒ่ากลับมีชาติกำเนิดมาจากชาวบ้านธรรมดา หาใช่ลูกหลานตระกูลชนชั้นสูง ยิ่งไม่ใช่เมล็ดพันธ์เทพเซียนบนภูเขา เพียงแต่ว่าขึ้นเขามาฝึกตนตั้งแต่เด็กแล้ว

คืนหนึ่งผู้ฝึกตนเฒ่าปิดตำรารวมกวีเล่มหนึ่ง

จำได้ว่าครั้งแรกที่ตนออกจากบ้านเดินทางไกล อาจารย์มาส่งถึงหน้าประตูภูเขาแล้วเอ่ยว่า ‘เข้าภูเขาไปเถอะ’

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ สอบถามว่าทำไมถึงไม่ใช่ลงจากภูเขา

อาจารย์กลับไม่ได้อธิบายอะไร

เพียงแต่ภายหลังหลังจากที่ผ่านมานานมาก ตนที่ไม่ใช่เด็กหนุ่มมานานหลายปีแล้วถึงเพิ่งจะเข้าใจความหมายลึกซึ้งในคำพูดของอาจารย์ ที่แท้เส้นทางฝึกตนเดินขึ้นเขาเดินได้ไม่ง่าย จิตใจกลอุบายของคนบนโลกดุจดั่งภูเขาอันตราย เมื่อเข้ามาในภูเขาลูกนี้แล้วก็ยิ่งทำให้คนเดินได้ยากเข้าไปอีก

ผู้เฒ่าทอดถอนใจหนึ่งที เปิดบันทึกขุนเขาสายน้ำที่มีเพียงเล่มเดียวนอกเหนือจากรวบรวมบทกวี อ่านตัวอักษรของบทนำที่มีหลายพันตัวต่ออีกครั้ง ส่วนเนื้อหาช่วงหลัง โชควาสนาเรื่องน่าประทับใจ เด็กหนุ่มที่ทั้งเรียนหมัดทั้งเรียนหนังสือแต่งกลอนขับขานบทเพลงกับเทพหญิง กับผีสาวงาม คลอเคลียแนบชิด สัญญารักมั่นไม่เสื่อมสลาย สองสามหมัดก็เท่ากับผดุงความยุติธรรมในยุทธภพแล้ว ทิ้งเรื่องเละเทะเอาไว้ไม่สนใจ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น หลังจากสร้างชื่อระบือไกลในยุทธภพครั้งแล้วครั้งเล่าก็ขี่ม้าจากไปท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ร่ำสุราคลอเพลงเดินทางไกล เรื่องสกปรกโสมมอะไรทั้งหลายที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ ล้วนไม่เข้าตาเขาแม้แต่น้อย

ผู้เฒ่าอ่านหนังสือต่อพลางถามชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่ข้างกายว่า “สุ้ยย่วน เฉิงซิน พวกเจ้ารู้สึกว่าสิ่งที่เขียนในหนังสือเป็นจริงเป็นเท็จสักกี่ส่วน?”

สตรีส่ายหน้า “หากแค่อ่านหนังสือเล่มนี้ ต่อให้มีความจริงแค่หนึ่งสองส่วน วันหน้าข้าพบเจอคนผู้นี้ก็ต้องเดินอ้อมห่างไปให้ไกลเท่านั้น กลับเป็นกู้ช่านผู้นั้นที่ไม่จำเป็นต้องระแวดระวัง”

บุรุษเอ่ย “หลังออกเดินทางไกลก็ใช้ความรู้ของฝ่ายตัวเองไปเรียกร้องคนอื่นอย่างเข้มงวด ไม่เคยถามใจตัวเอง ช่างสิ้นเปลืองตัวอักษรที่บริสุทธิ์ของบทนำบันทึกท่องเที่ยวนี้จริงๆ”

กล่าวมาถึงตรงนี้บุรุษก็ชำเลืองตามองคนรักที่อยู่ข้างกาย ก่อนเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “หากอ่านแค่ตัวอักษรของบทนำ สภาพการณ์ของเด็กหนุ่มค่อนข้างยากลำบาก ข้ากลับหวังจากใจจริงให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง ความขมขื่นหมดสิ้นความหวานชื่นมาเยือน”

สตรียิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อยู่ในห้องหนังสือมีสาวงามอ่านตำราอยู่ข้างกาย อยู่ในยุทธภพมีหญิงรู้ใจอยู่เคียงข้าง มีบุรุษที่แท้จริงคนใดบ้างไม่อิจฉา”

บุรุษได้แต่ยิ้มเฝื่อน รู้อยู่แล้วเชียวว่าคำพูดแบบนี้จะพูดไม่ได้

วันนี้ผู้ฝึกตนเฒ่าจ้องมองภาพขุนเขาสายน้ำบนโต๊ะเมฆขาวคล้ายจะรู้สึกแปลกใจ เขาเอามือปาด ผลักม้วนภาพไปไว้นอกโต๊ะเพื่อสะดวกให้คู่รักเทพเซียนได้มองเห็นความหลากหลายของผู้คนในหมู่ชาวบ้าน ก่อกำเนิดอายุน้อยสองคนที่มาจากหน่วยอู๋ฉางคือลูกรักแห่งสวรรค์ของสำนักเบื้องบนสำนักพีหมาในแผ่นดินกลาง ทั้งสองฝ่ายเกิดมาก็เป็นเมล็ดพันธ์เทพเซียนบนภูเขาแล้ว บิดามารดาของทั้งคู่ก็คือผู้ฝึกตน ตอนนั้นที่สุ้ยย่วนและเฉิงซินผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่เล็กเรื่องหนึ่ง ผู้ฝึกตนเผ่าเองก็ฝากความหวังไว้กับเด็กรุ่นหลังจากหน่วยอู๋ฉางสองคนนี้มาก ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือทั้งสุ้ยย่วนและเฉิงซินต่างก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องระดับล่างของหมู่ชาวบ้านมากนัก ความคิดตื้นเขินเกินไป

บนม้วนภาพวาด ที่แท้ก็เป็นภาพที่แม่นางน้อยกับบัณฑิตหนุ่มไปจุดธูปที่ศาลเทพลำคลอง

ผู้ฝึกตนเฒ่าลูบหนวดยิ้ม “ขนาดธูปน้ำของศาลยังตัดใจซื้อไม่ลง ไม่ค่อยเหมือนกับลักษณะนิสัยของอาจารย์นางที่เขียนบอกไว้ในตำราสักเท่าไร แต่ก็ถูกเหมือนกัน แม่นางน้อยมีประสบการณ์ในยุทธภพโชกโชน ทำอะไรคล่องแคล่วฉับไว สุ้ยย่วน เฉิงซิน หากพวกเจ้ามีขอบเขตเดียวกับแม่นางน้อยคนนี้ คาดว่าพวกเจ้าสองคนถูกนางขายแล้วยังต้องช่วยนางนับเงินอย่างอารมณ์ดีด้วย”

หลังจากที่เผยเฉียนจุดธูปเดินเล่นศาลเทพลำคลองเสร็จ จากนั้นก็เป็นเหตุการณ์น่าตะลึงพรึงเพริดที่นางจะถามหมัดกับเทพลำคลองเหยาเย่อย่างเซวียหยวนเซิ่ง แต่สุดท้ายกลับไม่มีคลื่นมรสุมใหญ่ใดๆ

เซวียหยวนเซิ่งคนเรือผู้เฒ่าพายเรือส่งคนทั้งสองข้ามลำคลองไปด้วยตัวเอง นี่ก็น่าจะเป็นดั่งคำว่าหากไม่ตีกันคงไม่ได้รู้จักกนกระมัง

ส่วนเด็กหนุ่มที่แอบขโมยของในศาลเทพลำคลองผู้นั้นก็ถูกชายฉกรรจ์ที่ข้อมือหักสั่งให้คนซ้อมไปหนึ่งรอบ ทำเอาเด็กหนุ่มกุมหัวกลิ้งตลบอยู่บนพื้น น้ำมูกน้ำตาไหลร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา สุดท้ายทั้งเลือดทั้งฝุ่นที่เปรอะเต็มร่างเขาก็ชวนให้คนสะอิดสะเอียนไม่น้อย ก่อนที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นจะจากไปได้บอกให้เด็กหนุ่มขยันขันแข็งเข้าหน่อย ภายในหนึ่งเดือนต้องขโมยเงินให้ได้ห้าสิบตำลึงเงินเป็นค่าซื้อยา ไม่อย่างนั้นจะคิดบัญชีทั้งเก่าทั้งใหม่รวมกัน

เด็กหนุ่มเดินโซซัดโซเซลอดผ่านกอต้นกกต้นอ้อริมน้ำไปเพียงลำพัง ไปถึงริมลำคลองเหยาเย่ก็ถอดเสื้อตัวนอกออกมาซัก เขาแสยะปากแยกเขี้ยว สุดท้ายก็เดินไปนครปี้ฮว่าทั้งที่ยังเจ็บระบม เดินไปได้ประมาณหกร้อยลี้ เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มก็แห้งแล้ว เพียงแต่ว่าบนร่างยังมีรอยช้ำ ซี่โครงยังเจ็บแปลบ กลับเป็นใบหน้าที่เนื่องจากตอนกลิ้งอยู่กับพื้นเด็กหนุ่มป้องกันไว้อย่างแน่นหนาจึงมองเห็นบาดแผลไม่ค่อยชัด มีเพียงสองมือของเด็กหนุ่มที่ไม่เจอกับหายนะ เพราะตอนที่ชายฉกรรจ์สั่งให้คนซ้อมเขาได้เตือนไว้ก่อน เพราะถึงอย่างไรเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านการลักขโมยก็ถือเป็นต้นไม้เรียกเงินสำหรับพรรคพวกเขา อาศัยสองมือนี้ของเขาถึงได้ขโมยของมาได้อย่างที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น

เด็กหนุ่มกลับเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่งนอกนครปี้ฮว่า นอกบ้านหลังหนึ่งยังคงมีสภาพเหมือนเดิม แปะภาพเทพทวารบาล กลอนคู่ และยังมีตัวอักษรชุนที่อยู่สูงที่สุด

เนื่องจากเพิ่งแปะไปได้ไม่นาน ดังนั้นจึงยังไม่ซีดขาวหรือมีรอยยับย่น

เด็กหนุ่มกวาดตามองรอบด้าน เห็นว่าไม่มีใครถึงได้มองไปยังร่องบนกำแพงดินข้างเทพทวารบาลแผ่นหนึ่ง เห็นว่าเหรียญทองแดงสองเหรียญนั่นยังอยู่ก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก จากนั้นก็หัวเราะ

แน่นอนว่าเงินเหรียญทองแดงไม่มีค่า แต่สำหรับบ้านหลังนี้ของเขาแล้วกลับมีความหมายยิ่งใหญ่มาก

สถานที่ที่ลึกลับแห่งนี้ถูกเขาและน้องสาวเรียกเล่นๆ ว่า ‘ด้านในสุดของนายท่านเทพทวารบาล’

ตอนที่เกือบจะประคองบ้านหลังนี้ต่อไปไม่ไหว ขณะที่เขาพาน้องสาวไปเล่นสนุกก็เจอกับเหรียญสองเหรียญโดยบังเอิญ

เป็นเงินเทพเซียน สองเหรียญเงินเกล็ดหิมะ

หลายปีที่ผ่านมานี้พวกเขาไม่เคยใช้เงินเกล็ดหิมะสองเหรียญนี้ หนึ่งเพราะไม่กล้า กลัวว่าจะนำพาหายนะมาให้ อีกอย่างต่อให้ตายท่านแม่ก็ไม่ยอมให้เอาไปใช้ บอกว่าเงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญต้องเก็บไว้ให้เป็นสินสอดแต่งภรรยาของเขา ส่วนอีกเหรียญหนึ่งจะเป็นสินเดิมของน้องสาวเขาในวันหน้า แบบนี้ดีจะตายไป

เขาเพิ่งมารู้ทีหลังว่าหากปีนั้นท่านแม่ของพวกเขาไม่ได้เงินเทพเซียนสองเหรียญนี้มากะทันหัน จึงฮึดสู้ ยอมที่จะลำบากมากขึ้น แต่ก็ต้องนำพาลูกทั้งสองคนอดทนใช้ชีวิตอันโสมมที่ต้อยต่ำยากจนนี้ให้ผ่านแต่ละวันไปให้ได้ นางก็เกือบจะตอบตกลงกับเจ้าหนี้ที่จิตใจอำมหิตไปเป็นหญิงชาวเรือแล้ว ก็คือไปเป็นคนพายเรือประเภทที่หากลูกค้าจ่ายเงินมากขึ้นก็สามารถลูบคลำได้ตามใจชอบ ตอนกลางคืนไม่ข้ามลำคลอง ก็จะจอดเรือไว้ริมตลิ่งลำคลองเหยาเย่ จุดโคมไว้หนึ่งดวง หากบุรุษเห็นแสงไฟนั้นก็สามารถมาหลับนอนด้วยได้ รอกระทั่งอายุมากขึ้นค่อยไปเป็นคณิกาในหอนางโลม ไม่ว่าจะอย่างไร หากท่านแม่ทำอย่างนี้จริง เงินทองในบ้านย่อมมีมากขึ้น และเขากับน้องสาวก็จะต้องมีชีวิตที่ดีมากขึ้น ทุกครั้งที่ท่านแม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ก็จะเล่าอย่างหมดเปลือก แต่เด็กหนุ่มไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้ น้องสาวเขาก็หน้าซีดทุกครั้งที่ได้ยิน นางมักจะแอบไปพึมพำเบาๆ ที่หน้าประตูเพียงลำพัง เอ่ยขอบคุณเหล่านายท่านเทพทวารบาล ดังนั้นขนบธรรมเนียมประจำตระกูลเขาก็คือทุกปีเมื่อเปลี่ยนภาพเทพทวารบาลใหม่แล้ว จะไม่ทิ้งภาพเทพทวารบาลเก่าไป ท่านแม่จะให้เขากับน้องสาวอัญเชิญเทพทวารบาลลงจากประตูมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ส่วนสถานที่ที่อยู่ดีๆ ก็มีเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญโผล่ออกมานั้น ท่านแม่ก็เอาเหรียญทองแดงสองเหรียญมาเปลี่ยนใส่แทน

เรื่องเดียวที่ทำให้เด็กหนุ่มไม่พอใจในตัวเองก็คือไม่สามารถเป็นเมล็ดพันธ์บัณฑิตอะไรได้ และเขาเองก็ไม่มีความคิดเช่นนี้ เพียงแต่ว่าท่าทางผิดหวังแต่กลับไม่พูดอะไรของท่านแม่ก็ทำให้ในใจเขารู้สึกไม่ดี

ในอดีตมีครั้งหนึ่งเขาแอบเอาเงินเกล็ดหิมะเหรียญหนึ่งไป หมายจะเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินขาว ให้น้องสาวที่อยากกินขนมได้กินอิ่มก่อน แล้วค่อยให้ท่านแม่กับน้องสาวได้มีชีวิตที่สุขสบายมั่นคง ผลกลับถูกท่านแม่ที่เหมือนเสียสติคว้าตัวกลับบ้าน นั่นเป็นครั้งที่ท่านแม่ตัดใจตีเขาได้ลง แถมยังตีอย่างเอาเป็นเอาตาย น้องสาวที่อายุน้อยกว่าเขาก็ยืนร้องไห้อยู่ด้านข้าง ร้องราวกับว่าเจ็บปวดยิ่งกว่าเขาเสียอีก

นับแต่วันนั้นมา ในฐานะบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในบ้าน เขาก็สาบานว่าจะต้องหาเงินมาให้ได้! กระทั่งกลายเป็นเด็กหนาม เขาถึงได้รู้ว่าหากปีนั้นไม่ได้ท่านแม่ขัดขวาง สามคนในครอบครัวก็ไม่เพียงแต่ไม่อาจมีชีวิตที่ดีได้ กลับกันยังจะต้องเจอกับหายนะ อย่าว่าแต่เงินเกล็ดหิมะสองเหรียญร้อย ต่อให้เป็นเงินเหรียญทองแดงสองเหรียญก็อาจถูกพวกอันธพาลที่เคยฆ่าคนเคยเห็นเลือดมามากมายใช้สารพัดวิธีมาทรมานจนตาย ลำพังเขากับท่านแม่ย่อมไม่มีทางรักษาเงินเทพเซียนสองเหรียญที่หล่นลงมาจากฟ้าเอาไว้ได้

รอกระทั่งเด็กหนุ่มอาศัยความสามารถและเส้นสายของตนแอบเอาเงินเกล็ดหิมะไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินขาวได้ เด็กหนุ่มกลับเปลี่ยนความคิดแล้ว เขาจะเก็บเงินเกล็ดหิมะทั้งสองเหรียญไว้ให้น้องสาว น้องสาวของเขา เขาจะไม่มีทางปล่อยให้พวกสัตว์เดรัจฉานมาแตะต้องนางเด็ดขาด ในอนาคตนางจะต้องได้แต่งงานกับคนที่ดี นางกับท่านแม่จะต้องไปจากชายหาดโครงกระดูก ที่นี่เหลือแค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว อาศัยความสามารถของตัวเอง เขาต้องมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้แน่นอน

วันนี้เด็กหนุ่มผลักประตูเดินเข้าไป น้องสาวที่พักอยู่ในห้องเดียวกับท่านแม่กำลังตัดกระดาษหน้าต่างเป็นรูปดอกไม้ น้องสาวมือเบา ดอกไม้แปะหน้าต่างที่ต้องตัดอย่างประณีตบรรจงหลายๆ แบบ นางมองแค่แวบเดียวก็ทำเป็นแล้ว แม้งานนี้จะหาเงินมาไม่ได้มาก กินข้าวไม่อิ่ม แต่ถึงอย่างไรก็หาเงินได้

เด็กสาวลุกขึ้นยืนอย่างตกตะลึงระคนยินดี “ท่านพี่ ท่านมาได้อย่างไร ข้าจะไปเรียกท่านแม่กลับมาบ้านให้ทำอาหารดีๆ ให้ท่านกินสักมื้อนะ?”

เด็กหนุ่มยกม้านั่งตัวเล็กมานั่งข้างกายเด็กสาว ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ยเบาๆ ว่า “ไม่ต้องหรอก ข้ามีชีวิตดีแค่ไหน เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ? ฝีมือทำอาหารของท่านแม่เรา ในบ้านไร้เงินก็ไร้น้ำมัน ในบ้านมีเงินก็ล้วนมีแต่น้ำมัน กินไม่ลงจริงๆ แต่ครั้งนี้รีบร้อนกลับมา เลยไม่ได้เอาของขวัญอะไรมาฝากเจ้าด้วย”

เด็กสาวหัวเราะ ดวงตาใสบริสุทธิ์ที่น่ามองอย่างถึงที่สุดคู่นั้นยิ้มตาหยีจนเป็นพระจันทร์เสี้ยว “ไม่ต้องๆ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ยื่นมือไปลูบหัวตัวเอง แล้วยื่นหมัดออกไป ก่อนจะแบช้าๆ เป็นเศษเงินก้อนเม็ดหนึ่ง “เอาไป”

เด็กสาวทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายก็รับเงินก้อนเม็ดนั้นไว้ หนักมาก ตั้งเจ็ดแปดเฉียนแน่ะ

เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนม้านั่ง โน้มตัวมาด้านหน้า สองมือเท้าคาง มองนายท่านเทพทวารบาลทั้งสององค์บนประตูที่หันหน้าเข้าหาตัวบ้านเพราะประตูเปิดอ้า

อันที่จริงทุกวันนี้เด็กหนุ่มที่ฉลาดเกินวัยผู้นี้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของเทพทวารบาลอะไรอีกแล้ว เขามีการคาดเดาเป็นของตัวเอง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นจอมยุทธหนุ่มสวมงอบไม้ไผ่คนนั้น

ทว่าท่านแม่กับน้องสาวเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญนั้นได้มาเพราะเทพทวารบาลแสดงอภินิหาร

แต่ว่าจะใช่หรือไม่จะมีความหมายอะไรเล่า

ส่วนปู่หลานที่เกือบจะถูกเด็กหนุ่มขโมยเงินไปคู่นั้น พอออกมาจากศาลแล้วก็นั่งรถม้าหยาบๆ ที่เช่ามาจากบ้านเกิดเดินทางเลียบลำคลองเหยาเย่กลับบ้านเกิดที่อยู่ทางเหนือ

เด็กน้อยบอกว่าจะอ่านหนังสือ ผู้เฒ่ากลับยิ้มเอ่ยว่ารถม้าโยกคลอน อ่านหนังสือตอนนี้จะเสียสายตาเอาได้ กลับไปถึงบ้านค่อยอ่านก็ยังไม่สาย

เด็กน้อยหัวเราะหึหึ บอกว่าถึงบ้านก็ไม่พูดแบบนี้แล้ว ผู้เฒ่าลูบศีรษะของเด็กน้อย เด็กน้อยพลันเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่ของนายท่านเทพลำคลอง มีพี่สาวคนหนึ่งเดินอยู่ข้างกายพวกเรา เวลาที่นางเม้มปากยิ้มบางๆ ช่างน่ามองจริงๆ”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 693.2 น้ำยังไม่ลด หินยังไม่ผุด"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์