กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 734.1 ผู้ถือกระบี่
กลางอากาศเหนือสนามรบอันกว้างใหญ่ระหว่างค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาของสำนักกุยหยกและกระโจมทัพของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ฉงกวงปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานที่สวมชุดอาคมสีแดงสดยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ชุดคลุมอาคมมีชื่อว่า ‘เฉินไฉ่’ พอเข้ามาในใต้หล้าไพศาลก็รับผิดชอบบัญชาการณ์การศึกของสามกระโจมทัพใหญ่ หลอมดวงวิญญาณของใบถงทวีปไปนับไม่ถ้วน ทำให้สีของชุดคลุมอาคมยิ่งแดงสด หากมองอย่างละเอียด ทุกครั้งที่พื้นผิวของชุดคลุมอาคมเกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมเล็กๆ ก็จะทำให้แม่น้ำใหญ่หมื่นลี้ในฟ้าดินเล็กเกิดภาพอันน่าสยดสยองที่ทะเลเลือดซับตลบอบอวล วิญญาณหลายล้านดวงเหมือนตกอยู่ในกระทะทองแดงน้ำมันเดือดพล่านในนรก ถูกวิชาการหล่อหลอมที่คล้ายคลึงกับเพลิงใหญ่เดินลงน้ำชนิดหนึ่งมาต้มเผา ชุดคลุมอาคมชิ้นนี้ก็คือวัตถุผสานมรรคาที่ฉงกวงพยายามจะสร้าง ‘กาลเวลามืดสว่าง’ ขึ้นมาอีกเส้นหนึ่ง คือรากฐานโอกาสบนมหามรรคาในการเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่ของฉงกวงในอนาคต
ทุกวันนี้สถานที่แห่งอื่นของใบถงทวีปไม่มีสงครามอีกแล้ว จึงมาคอยจับตามองสำนักกุยหยกโดยเฉพาะ เพราะทางกระโจมเจี่ยจื่อให้คำสัญญาว่า ขอแค่ฉงกวงสามารถสังหารเจียงซ่างเจินได้ คุณความชอบในการสู้รบจะเท่าเทียมกับขอบเขตบินทะยานหนึ่งท่าน คล้ายคลึงกับการที่เซียวสวิ้นใช้กระบี่สังหารอดีตเจ้าสำนักกุยหยกอย่างสวินยวนที่เป็นขอบเขตบินทะยาน
แล้วก็เพราะอิ่นกวานหนุ่มของกำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้นสวมชุดคลุมอาคมสีเดียวกัน ดังนั้นทุกวันนี้ฉงกวงจึงมีฉายาว่า ‘อิ่นกวานเฒ่า’ และเขายังชอบใจกับฉายานี้อย่างมากด้วย
ปีศาจใหญ่ฉงกวงที่นั่งรอให้สำนักกุยหยกล่มสลายพลันเงยหน้าขึ้นแล้วขับเคลื่อนวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตอย่างไม่รีรอ แม่น้ำยาวเลือดสดเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ พอไม่มีตราผนึกของชุดคลุมอาคม เสียงร้องโหยหวนจากเศษซากดวงวิญญาณหลายแสนดวงในแม่น้ำยาวก็ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดินทันที แม่น้ำยาวพุ่งกระแทกชนเข้าใส่ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งที่ใหญ่ราวเบาะนั่งเต็มแรง ฝ่ายหลังพลันเผยตัว มาพร้อมกับปราณเต๋าอันเที่ยงธรรมไพศาลที่ทำให้จิตวิญญาณของปีศาจใหญ่ฉงกวงสั่นสะเทือนอีกทบทวี ฉงกวงไม่กล้านิ่งเฉย เพียงแต่ไม่รอให้แม่น้ำยาวเลือดสดเส้นนั้นกระแทกลงบนยันต์เล็กจ้อยแผ่นนั้น เพียงแค่ชั่ววินาทีก็มียันต์อีกนับร้อยนับพันแผ่นโผล่ออกมา คือยันต์ขุนเขาสายน้ำ ห้าขุนเขา ลำคลองแม่น้ำ ภูเขาบรรพบุรุษอันเป็นที่ตั้งถ้ำสถิตตระกูลเซียนใหญ่แห่งต่างๆ ในแต่ละแคว้นของใบถงทวีปล้วนปรากฏขึ้นมาบนยันต์เหล่านั้น บนภูเขามีน้ำล้อมรอบ เทือกเขาแผ่ขยายสายน้ำคดเคี้ยว ขุนเขาสายน้ำแอบอิงกันอยู่ในหนึ่งทวีป
คงไม่ใช่ฝูลู่อวี๋เสวียนแห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางหรอกกระมัง?
ฉงกวงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะบังคับภูตผีวิญญาณวีรบุรุษที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ในแม่น้ำยาวเลือดสดสายนั้นให้ถอยร่นมาอยู่ตรงน่านน้ำปลายสุดของแม่น้ำลำธารเล็กน้อย ถึงอย่างไรสนามรบแห่งนี้ในทุกวันนี้ก็ยังมีหยวนโส่วปีศาจบนบัลลังก์คอยบัญชาการณ์กองทัพ และในทางส่วนตัวฉงกวงกับหยวนโส่วก็มีข้อตกลงร่วมกันอย่างหนึ่ง ฉงกวงต้องการเพียงแค่ชีวิตของเจียงซ่างเจิน ส่วนภูเขาและผู้ฝึกตนทั้งหมดของสำนักกุยหยกจะตกเป็นของหยวนโส่วทั้งหมด
นักพรตหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้างามดุจหยกแต่เปี่ยมไปด้วยมาดแห่งความโบราณเก่าแก่ผู้หนึ่งอาศัยยันต์ขุนเขาสายน้ำข้ามทวีปที่ตนสร้างขึ้นมาเองแผ่นนี้มาปรากฎตัวอยู่บนสนามรบทางทิศใต้ของใบถงทวีป เห็นเพียงว่านักพรตหนุ่มที่สวมชุดคลุมเต๋าเหลืองม่วงคนนั้น มือหนึ่งถือประคองตราประทับห้าอสนี อีกมือหนึ่งทำมุทรากระบี่ แสงรุ้งสีขาวหิมะพลันสว่างวาบขึ้นระหว่างฟ้าดิน ทำให้คนนอกมิอาจแยกออกว่าเป็นเวทจากยันต์หรือเป็นกระบี่บินของเซียนกระบี่กันแน่ เพียงชั่วพริบตาก็ตัดแม่น้ำเลือดสายยาวให้ขาดสะบั้นเป็นสองท่อน
ในใจฉงกวงตะลึงพรึงเพริดสุดขีด ร้องโอดครวญอยู่ในใจไม่หยุด ไม่กล้าโอ้อวดวิชาอภินิหารมืดสว่างตรงหน้าคนผู้นี้อีกแล้ว พยายามรวบรวมสายน้ำเลือดสดที่แตกฉานซ่านเซ็นกลับเข้ามาไว้ในชายแขนเสื้ออย่างสุดกำลัง คิดไม่ถึงว่าผู้สูงศักดิ์หวงจื่อจากจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์คนนั้นจะใช้มืออีกข้างหนึ่งทำมุทราอีกครั้ง พื้นที่ร้อยลี้รอบกายของปีศาจใหญ่ฉงกวงพลันมีตราผนึกขุนเขาสายน้ำที่ฟ้าดินแห่งหนึ่งหดรวบเป็นกรงขังทรงสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นมา ราวกับว่าได้กักขังฉงกวงไว้ภายในตราประทับที่ลี้ลับมหัศจรรย์นั้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นสูง ตราประทับพลันขยายใหญ่ดุจขุนเขากระแทกลงบนศีรษะของปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยาน
ฉงกวงได้แต่เผยร่างจริง แต่กลับไม่สามารถพุ่งฝ่าตราประทับออกไปได้ ไม่เพียงเท่านี้ ฉงกวงยังถูกตราประทับชิ้นหนึ่งสยบกำราบเอาไว้ทำให้ร่างร่วงดิ่งลงพื้นเป็นแนวเส้นตรง
ร่างจริงของปีศาจใหญ่ถูกกดทับจนต้องนอนหมอบอยู่บนพื้น แต่มันไม่ยินยอม จึงใช้มือสองข้างยันพื้น หมายจะใช้แผ่นหลังพลิกตราประทับอาคมชิ้นนั้นลงไป
ฉงกวงไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่ยืดเยื้อค่อยๆ เผาผลาญพลัง วิชาการหลบหนีซึ่งเป็นวิชาแห่งชะตาชีวิตก็ยิ่งเป็นเอกในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ต่อให้เผชิญหน้ากับเซียนกระบี่ใหญ่ท่านหนึ่ง ฉงกวงก็ไม่เคยหวาดเกรง ยกตัวอย่างเช่นสิบคนของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ต่อให้โจวเสินจือจะร่วมมือกับไหวเฉียน แม้ว่าการที่ฉงกวงรับมือกับศัตรูหนึ่งในนั้นจะไม่ถึงขั้นมีโอกาสชนะมากมาย แต่จะดีจะชั่วหากคิดจะหนีก็ยังหนีไปได้ ก็แค่อาจจะทุลักทุเลบ้าง ต้องสูญเสียของนอกกายที่ไม่ใช่รากฐานของมหามรรคาไปบางส่วน ฉงกวงกลัวก็แต่เทพเซียนผู้เฒ่าที่ไม่กลัวการสู้รบยืดเยื้อยิ่งกว่าตนอย่างฝูลู่อวี๋เสวียน และยิ่งกลัวจ้าวเทียนไล่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ที่ว่ากันว่ามือหนึ่งถือตราประทับเทียนซือ อีกมือหนึ่งถือกระบี่เซียนว่านฝ่า!
นักพรตหนุ่มพลิ้วกายลงบนตราประทับ เมื่อเท้าทั้งสองข้างสัมผัสโดนพื้นผิวของตราประทับ ตราประทับอาคมก็กระแทกโครมลงไปเบื้องล่างด้วยพลานุภาพที่ใครก็มิอาจต้านทาน กดทับร่างของปีศาจใหญ่ที่ดิ้นรนจะลุกขึ้นลงไปใหม่อีกครั้ง สนามรบพลันตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นผง มืดฟ้ามัวดิน
นอกจากตราประทับที่กดทับลงบนร่างปีศาจใหญ่แล้วก็ยิ่งมีแส้สายฟ้าอีกเก้าพันกว่าสายที่พลานุภาพน่าครั่นคร้าม ประหนึ่งน้ำตกสี่สายที่สาดเทลงบนพื้นดินของโลกมนุษย์ กักขังปีศาจใหญ่ที่มิอาจฝ่าตราประทับหลบหนีไปได้ไว้ภายใน ตราประทับไม่เพียงแต่สยบปีศาจ ยังจะหลอมสังหารมันอยู่ภายในนั้นด้วย
กระบองหนึ่งฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว เป็นการโจมตีอย่างเต็มพละกำลัง มีอานุภาพราวกับจะบุกฟ้าเบิกดิน
ร่างของเทียนซือหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ เพียงแต่ว่าบนตราประทับมีกายธรรมที่สวมชุดคลุมอาคมชายแขนเสื้อกว้างใหญ่พลิ้วสะบัด ทั่วร่างเต็มไปด้วยปราณเต๋าม่วงเหลืองล้อมวนปรากฏขึ้นมา ยกฝ่ามือข้างหนึ่งต้านรับกระบองยาว ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ทำมุทรา ห้าอสนีมารวมตัวกันกลายเป็นโชควาสนานับไม่ถ้วน สุดท้ายกายธรรมประกบสองนิ้วแล้วยื่นออกไป ใช้เวทห้าอสนีดั้งเดิมมามอบเป็นของขวัญตอบแทนกลับคืนปีศาจใหญ่บนบัลลังก์หยวนโส่ว เวทสายฟ้าที่อยู่ใกล้ในระยะประชิดพลันมาระเบิดตูมอยู่ตรงหน้าหยวนโส่ว
ทำเอาหยวนโส่วที่ขี่กระบี่ถือกระบองตาลายเหมือนมีดาวสีทองหมุนติ้วอยู่เบื้องหน้า ได้แต่ลากกระบี่เผ่นหนีไป กระบี่บินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเซถอยไปด้านหลังตามไปด้วย ถอยออกไปรวดเดียวหลายสิบลี้ถึงจะรั้งร่างให้หยุดนิ่งมั่นคงได้
นักพรตตัวดี เวทสายฟ้าตัวดี ไม่เสียแรงที่เป็นเทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์
แม้ว่าหยวนโส่วจะไม่สนใจว่าเจ้าขอบเขตบินทะยานที่อยู่ใต้ตราประทับผู้นั้นจะเป็นหรือตาย แต่หากเจ้าฉงกวงผู้นี้ตายอยู่ภายใต้เปลือกตาของตน ถึงอย่างไรก็ไม่อาจมีคำอธิบายที่ดีให้กับกระโจมเจี่ยจื่อได้ โดยเฉพาะกับเจ้าโจวมี่ผู้นั้นที่ทุกวันนี้ยิ่งทำให้หยวนโส่วกริ่งเกรงเหลือเกิน เขาเคยปรึกษากับหย่างจื่อมาก่อน ทางที่ดีที่สุดทั้งสองอย่าได้เข้าใกล้โจวมี่ ดังนั้นหยวนโส่วถึงได้มายังสนามรบสำนักกุยหยกที่อยู่ทางทิศใต้สุดของใบถงทวีปแห่งนี้ ส่วนหย่างจื่อนั้นไปที่สนามรบของทักษินาตยทวีป
กายธรรมของจ้าวเทียนไล่มีปราณแท้จริงของมรรคกถาเต๋าสองสีม่วงทองรวมตัวกันอยู่ที่สามตันเถียน ประหนึ่งดวงดาวสามดวงที่โคจรไม่หยุดอยู่นิ่ง เคลื่อนคล้อยอย่างแน่นหนาแต่กลับมีระเบียบ
ฝ่ามือข้างหนึ่งสกัดขวางกระบองยาว ใช้คาถาเต๋าโจมตีให้ปีศาจบนบัลลังก์ถอยร่น ส่วนร่างจริงของจ้าวเทียนไล่กลับคอยกวาดตามองไปรอบด้าน ยิ้มบางๆ ยกฝ่ามือที่ขาวสะอาดราวหยกขึ้น ฝ่ามือข้างนั้นโปร่งแสงแวววาว ดูไม่ออกว่าจริงหรือลวง สุดท้ายจ้องมองไปยังจุดหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ของจ้าวเทียนไล่คล้ายมีจะประกายแสงตะวันจันทราไหลวนเวียน หลังจากนั้นเขาก็ตวาดคำหนึ่งเบาๆ ว่า “นิ่ง”
เวทคาถาของข้าแม่นมั่น สมาธิรวมเป็นหนึ่ง ปราณผสานร่างจริง ใช้สยบกำราบเวทหลบหนีโดยเฉพาะ
หมื่นภูตผีและดวงวิญญาณ แม้จะเปลี่ยนร่างไปหลบซ่อน ก็ไม่อาจกลายร่างอยู่ในกระจกของข้าได้แม้สักเสี้ยว
เทียนซือใหญ่ภูเขามังกรพยัคฆ์ใช้มือข้างหนึ่งทำมุทรากระจกชั้นสูงกักตัวปีศาจใหญ่ฉงกวงที่ดูเหมือนว่าจะ ‘ลอกคราบ’ ออกมาจากร่างจริง ไม่ใช่การใช้จิตหยินเดินทางไกลอะไรให้แน่นิ่งอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่คล้ายกับถูกแช่แข็งสายนั้น
ปีศาจใหญ่ฉงกวงคำรามอย่างเดือดดาล “หยวนโส่วช่วยข้าด้วย!”
“เศษสวะดีแต่จะส่งเสียงหนวกหู!”
หยวนโส่วคำรามกร้าวกลับไปหนึ่งประโยค แต่กระนั้นก็ยังเลือกที่จะช่วยฉงกวง เรือนกายพลันขยายใหญ่พันจั้ง ฟาดกระบองเข้าใส่กายธรรมเทียนซือเต็มแรง ฝ่ายหลังหุบรวบนิ้วทั้งห้าของสองมือไว้กลางฝ่ามือ ห้านิ้วรวบรวมเวทคาถาดั้งเดิม วิชาอสนีแบ่งออกเป็นห้าแสงสี นั่นก็คือหนึ่งในเวทลับของจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ คาถาดรรชนีห้าสายฟ้า
บนโลกเล่าลือกันแค่ว่าขอแค่เป็นสถานที่ที่มีภูตผีปีศาจออกอาละวาด จะต้องมีเทียนซือกระบี่ไม้ท้อ
แต่กลับไม่รู้ว่ามนุษย์ธรรมดาขึ้นเขาข้ามแม่น้ำ รักษาโรคกำจัดเสนียดชั่วร้าย เชิญเทพสั่งผี เทียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์ล้วนมียันต์ตำรามุทรา วิชาอสนียิ่งใหญ่โอฬาร ผีร้ายหลบเร้นถอยหนี พลานุภาพสวรรค์น่ายำเกรง พิฆาตสังหารหมื่นภูตผี
ผู้สูงศักดิ์หวงจื่อของจวนเทียนซือทั่วไปเมื่อมีคาถามุทราบทนี้พอคำพูดออกจากปากคาถาอาคมก็น่าจะติดตามด้วยการสำแดงวิชาอสนี ทว่ากายธรรมของเทียนซือใหญ่กลับเปลี่ยนแปลงมุทราใหม่ นอกจากจะมีห้าอสนีล้อมวนข้อมือแล้ว ยังหันหลังมือของมือทั้งสองประกบเข้าหากัน บนขวาล่างซ้าย นิ้วกลางและนิ้วนางของสองมือเกี่ยวกัน มือซ้ายหมุนไปทางด้านนอก สุดท้ายฝ่ามือทั้งสองล้วนหันขึ้นด้านบน ฝ่ามือสร้างโชควาสนานับพันนับหมื่น ประหนึ่งมีฟ้าร้องจนเกิดแรงสะเทือน ขณะเดียวกันนิ้วชี้ก็เกี่ยวกับนิ้วชี้ นิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วก้อย ทำทุกอย่างนี้เสร็จในรวดเร็ว แสงสายฟ้าตัดสลับ พริบตาเดียวก็กลายเป็นตราประทับพลิกมือตลบฟ้า
บวกกับก่อนหน้านี้มีดรรชนีห้าสายฟ้าก่อตัวรออยู่ก่อนแล้ว กายธรรมของจ้าวเทียนไล่มีตราประทับทั้งสองอยู่บนมือ มรรคกถาล้วนซุกซ่อนอยู่บนสองมือ ประหนึ่งทัณฑ์สวรรค์สายฟ้าที่ลอยสูงอยู่เหนืออากาศของสนามรบ
ทว่านักพรตหนุ่มที่เดินทางมาไกลท่านนี้คล้ายจะยังไม่สาแก่ใจมากพอ ในเวลาเพียงชั่วประกายไฟแลบก็สร้างตราประทับจื่อเวยขึ้นมาอีก จากนั้นจึงร่ายวิชาอภินิหารที่ลี้ลับมหัศจรรย์อีกบท ใช้หนึ่งคาถาก่อเกิดหมื่นคาถา ตราประทับจื่อเวยไม่ขยับเขยื้อนคล้ายภูผามั่นคง ทว่ามือสองข้างของกายธรรมกลับเปลี่ยนนิ้วทำมุทราเล็กน้อย ตราประทับสยบมารและตราประทับเทียนกังก็ปรากฏพรวดพร้อมกันในรวดเดียว
จากนั้นใช้ดรรชนีซานชิงจำแลงออกมาเป็นคาถาสามภูเขา แล้วเปลี่ยนเป็นตราประทับห้าขุนเขา สุดท้ายหยุดนิ่งกลายเป็น ‘กระดานสายฟ้า’ วิชาลับที่สืบทอดต่อกันมาจากจวนเทียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์
หนึ่งคาถาก่อเกิดหมื่นอาคม หมื่นอาคมกลับรวมกันเป็นวิชาอสนี
อีกทั้งยังมีค่ายกลภาพปากว้าหมุนวนอยู่ด้านนอกมือทั้งสองช้าๆ บวกกับภาพบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ที่ดวงดาวสามกลุ่มเคลื่อนคล้อย แล้วยังมีห้าอสนีมารวมตัวกันอยู่บนหนึ่งฝ่ามือ
นักพรตหนุ่มที่พอมาถึงสนามรบไม่พูดไม่จาอะไรสักคำก็จะฆ่าขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งทิ้งทันที ไม่เพียงแต่ตราประทับอาคมใต้ฝ่าเท้าที่สยบกำราบปีศาจใหญ่ฉงกวงไว้ได้แล้ว ดูท่าจะยังต้องการแบ่งแพ้ชนะเป็นตายกับปีศาจบนบัลลังก์หยวนโส่วด้วย
เทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ผู้นี้คล้ายจะต้องการใช้กำลังของคนคนเดียวมาสำรวจและฝ่าปณิธานที่แท้จริงของวิถีสวรรค์ทั้งหมดไป
มุทรา ตราประทับฝ่ามือ กระดานสายฟ้า แต่ละอย่างนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วลัดนิ้วมือของกายธรรมเทียนซือใหญ่ภูเขามังกรพยัคฆ์เท่านั้น ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งก็ยังมิอาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสรุปแล้วกายธรรมเทียนซือของจ้าวเทียนไล่ร่ายมุทราไปกี่บทกันแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะมองเห็นว่าจ้าวมุทราทำมุราอย่างไรได้อย่างชัดเจนเลย อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจ้าวเทียนไล่จะไม่จำเป็นต้องปลุกเสกคาถาเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับปณิธานแท้จริงของมรรคกถาที่ร่ายไปเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นนี่จึงไม่ถือว่าเป็นเปิดปากคาถาปรากฏที่ลี้ลับมหัศจรรย์อะไรอีกแล้ว แต่เป็น ‘จิตขยับเต๋าบังเกิด หมื่นคาถารวมเป็นหนึ่ง’ ที่เล่าลือกันในหมู่ฝึกตนบนยอดเขาแล้ว
สุดท้ายกายธรรมเทียนซือทำมุทราปิดท้าย ถึงกับเอาตราประทับอาคมทั้งหมดมาหลอมรวมกันเป็นมุทรากระบี่บทหนึ่งได้
เหมือนฝ่ามือข้างหนึ่งถือประคองดวงตะวันสีขาว ส่องประกายแสงเจิดจ้าหมื่นจั้ง ประหนึ่งปราณกระบี่เก้าหมื่นเล่มที่สาดยิงออกมาพร้อมกัน
ผู้ฝึกตนสำนักกุยหยกกับกองทัพใหญ่ที่รับหน้าที่โจมตีของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ไม่ว่าจะอยู่ไกลหรือใกล้ ทุกคนจำต้องหลับตาลงในทันที มิกล้ามองนานแม้แต่น้อยเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น
ครู่หนึ่งต่อมาฟ้าดินเงียบสงัด
ราวกับภาพปรากฎการณ์ที่ฟ้าร้องดังฝนตกเบา?
เพียงแต่ว่าพอมองอีกครั้ง ในมือของหยวนโส่วปีศาจบนบัลลังก์ตัวนั้นกลับไม่มีกระบองยาวอยู่แล้ว อีกทั้งยังถือกระบี่ด้วยมือเดียวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศห่างไปร้อยลี้ ในมือลากเอาปีศาจใหญ่ฉงกวงที่ชุดคลุมอาคมเสียหายไปเกินครึ่งมาด้วย ทั้งแผ่นหลังของฉงกวงโชกไปด้วยเลือดและบาดแผลเหวอะหวะ ขนาดมีเรือนกายที่แข็งแกร่งของขอบเขตบินทะยานก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าบาดแผลจะกลับมาประสานตัวดีดังเดิม
ปีศาจใหญ่ฉงกวงหายใจรวยรินเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอบคุณบรรพจารย์หยวนที่ช่วยชีวิต”
หยวนโส่วก้มหน้าลงมองแล้วพลันปล่อยมือออก กระทืบเท้าทะลุแผ่นอกของฉงกวง บิดข้อเท้าเบาๆ หมายขยี้หน้าอกของอีกฝ่ายให้แหลก ยกกระบี่ยาวที่ถืออยู่ในมือขึ้นดันไปบนหน้าผากของเจ้าตะพาบตัวนี้ เอ่ยอย่างเดือดจัด “เจ้าตัวดี ก่อนหน้านี้แกล้งตายมาโดยตลอดงั้นรึ?! คิดว่าวัตถุแห่งชะตาชีวิตของข้าไร้ค่าหรือไร?!”
ฉงกวงปล่อยให้หยวนโส่วระบายโทสะตามใจชอบ บาดแผลน้อยนิดจากฝีเท้านี้ของหยวนโส่วไหนเลยจะเทียบกับปณิธานเต๋าในตราประทับอาคมของจ้าวเทียนไล่ที่ราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทรในทะเลเลือดของชุดคลุมอาคมแห่งชะตาชีวิตได้ การเข่นฆ่าที่อยู่ดีๆ ก็มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวในวันนี้เกือบจะทำให้ฉงกวงต้องคืนผลประโยชน์บนมหามรรคาที่ได้มาจากใบถงทวีปกลับคืนไปทั้งหมด เพียงแต่ว่าหยวนโส่วยินดีออกกระบี่พิฆาตมุทรากระบี่ช่วยเหลือตนเอาไว้ ฉงกวงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก จึงไม่กล้ายื่นมือออกไปปัดปลายกระบี่นั้นออก ฉงกวงเอ่ยอย่างจนใจว่า “บรรพจารย์หยวน เทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ผู้นั้น ตราประทับกระบี่สองชิ้นคือวิชาอภินิหารที่สยบกำราบข้าได้ตั้งแต่เกิดมากที่สุด ความเสียหายของบรรพจารย์ในวันนี้ ข้าจะต้องชดใช้คืนให้เป็นสองเท่าตัวแน่นอน”
หยวนโส่วโบกแขนหนึ่งที ในมือก็มีกระบองยาวที่สลักชื่อว่า ‘ค้ำยันมหาสมุทร’ ด้ามหนึ่งโผล่มา เพียงแต่ว่าความเสียหายกลับรุนแรงมากกว่าเดิม สองศึกใหญ่ก่อนหลังที่ต้องต่อสู้กับป๋ายเหย่และจ้าวเทียนไล่ กระบองยาวด้ามนี้เหลือแต่ชื่อแล้วจริงๆ เว้นเสียจากว่าในอนาคตสามารถหลอมลำน้ำใหญ่ทั้งสายได้ถึงจะกลับคืนมาเป็นปกติ เพียงแต่ว่าลำน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีปที่อยู่ใกล้หน่อย กับลำน้ำจี้ตู๋ของอุตรกุรุทวีปที่อยู่ไกลหน่อย ทุกวันนี้หยวนโส่วล้วนไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก
จ้าวเทียนไล่เก็บตราประทับอาคมไปแล้ว มายังภูเขาบรรพบุรุษของสำนักกุยหยก ประสานมือคารวะเจียงซ่างเจินเจ้าสำนักที่เขาเลื่อมใสมานาน
จวนเทียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์มีเด็กชายที่มีฉายาเต๋าว่าอู๋เล่ยทำหน้าที่เฝ้าบ้าน เขานั่งขัดสมาธิอยู่นอกตำหนักฝูหมอเพียงลำพัง คอยจับตามองยันต์ผนึกหนังที่เทียนซือใหญ่แต่ละรุ่นต้องคอยปลุกเสกแผ่นนั้น
ส่วนฝักกระบี่ของกระบี่เซียน ‘ว่านฝ่า’ ถูกเด็กชายเอาไปวางไว้ตรงบ่อน้ำ
เจียงซ่างเจินคารวะกลับคืนด้วยพิธีการของลัทธิเต๋าซึ่งไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์เท่าใด นับว่าเป็นพิธีการยิ่งใหญ่แล้ว เพียงแต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาคนอย่างเจียงซ่างเจินนี้ทำอะไรไร้ความยำเกรง ขอแค่เทียนซือใหญ่ที่ช่วยคลี่คลายปัญหาเร่งด่วนให้กับสำนักผู้นี้ยินดี ไม่แน่ว่าจะให้นวดไหล่ทุบหลังให้อีกฝ่ายเขาก็ยังทำได้
เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “เวทคาถาของเทียนซือใหญ่ไร้เทียมทาน ปล่อยและเก็บได้ตามใจปรารถนา ข้าผู้แซ่เจียงไม่มีโอกาสเรียกกระบี่บินด้วยซ้ำ ที่แท้ความต่างของหนึ่งขอบเขตก็ไม่ใช่แค่ความต่างระหว่างฟ้ากับเหวเท่านั้น”
จ้าวเทียนไล่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “ช่างเป็นสงครามยากลำบากแห่งความเป็นตายอย่างแท้จริง สำนักกุยหยกไม่ง่ายเลย”
เจียงซ่างเจินเอ่ย “เมื่อเทียบกับสำนักใบถงที่เป็นผู้นำของทวีปพวกเราแล้ว กระดูกของผู้ฝึกตนสำนักกุยหยกก็แข็งกว่าอยู่หลายส่วนจริงๆ”
สำนักใบถงทางทิศเหนือของใบถงทวีป ทุกวันนี้ได้ตกเป็นของกระโจมเจี่ยจื่อแล้ว พวกตะพาบแก่หนังเหนียวตายยากกลุ่มหนึ่งไม่ต่างจากซากศพที่ตายแล้ว ทำตัวเป็นโจรขายทวีป
ดังนั้นขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปที่เท่ากับแจกันสมบัติทวีปสองแห่งครึ่งจึงเหลือแค่สำนักกุยหยกที่ยังดื้อรั้นต่อต้าน หลังจากที่สำนักใบถงทรยศหันไปสวามิภักดิ์ต่อกระโจมเจี่ยจื่อ สำนักกุยหยกก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายล่อแหลม หากไม่ใช่เพราะเจียงซ่างเจินเจ้าสำนักที่เดิมทีเตร็ดเตร่ไปทั่วกลับคืนมายังสำนักอีกครั้ง คาดว่าป่านนี้อาณาเขตของหนึ่งทวีปก็คงไม่มีสงครามใดๆ เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
——