CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 745.2 ภูเขาสายน้ำพลิกกลับค่ำคืนลมหิมะ

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 745.2 ภูเขาสายน้ำพลิกกลับค่ำคืนลมหิมะ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เฝ่ยหรานถูกโจวมี่ทิ้งไว้ที่ท่าเรือใบท้อ

ก่อนจะจากไป ดูเหมือนว่าโจวมี่จะบาดเจ็บไม่เบา ถึงขนาดทำให้ขอบเขตสิบสี่บนยอดเขาสูงสุดคนหนึ่งหน้าซีดขาวได้

ตอนนั้นบนร่างของโจวมี่ยังมีปราณกระบี่ที่เฉียบคมอย่างถึงที่สุดและปณิธานของเวทอสนีหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ยังมีพายุหมัดแปลกประหลาดอีกขุมหนึ่งที่ปัดเป่าเท่าไรก็ไม่จางหาย

หลังจากเฝ่ยหรานทิ้งตราประทับหนังสือชิ้นนั้นทิ้งไปก็กลับไปที่กระโจมทัพก่อนรอบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเหตุใด มู่จีแห่งกระโจมเจี่ยจื่อ หรือควรจะเรียกว่าโจวชิงเกาลูกศิษย์คนสุดท้ายของโจวมี่ได้มารออยู่ที่นั่นนานแล้ว เขาบอกว่าอีกเดี๋ยวจะต้องไปใบถงทวีปพร้อมกับเฝ่ยหราน จากนั้นจึงจะไปถ้ำแห่งโชควาสนาบนเกาะหลูฮวา อันที่จริงเฝ่ยหรานชื่นชมคนหนุ่มผู้นี้มาก เพียงแต่ว่าไม่ค่อยชอบความรู้สึกย่ำแย่ที่เหมือนหุ่นเชิดถูกชักใย หันไปทางไหนก็ชนกำแพงเช่นนี้อย่างยิ่ง ทว่าในเมื่อโจวชิงเกาก็มาแล้ว นั่นต้องเป็นคำสั่งของโจวมี่อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าตัวเฝ่ยหรานเองคิดเห็นอย่างไร ก็ไม่ได้สำคัญอีกแล้ว

เฝ่ยหรานเพียงแค่ถามคำถามหนึ่ง จุดจบของนครเซิ่นจิ่งในราชวงศ์ต้าเฉวียนแห่งนี้จะเป็นเช่นไร

โจวชิงเกาชิงตอบสองคำ เป็นเหมือนเดิม

เฝ่ยหรานจึงพาโจวชิงเกาย้อนกลับไปที่ยอดเขาจ้าวผิง จากนั้นก็เดินทางลงใต้ไปด้วยกัน เฝ่ยหรานพลิ้วกายลงในนครที่เหลือแต่ซากรกร้างแห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ ครั้นจึงเดินขึ้นสะพานหินโค้งที่มีพืชหญ้าเขียวชอุ่มขึ้นเต็มไปด้วยกัน

เฝ่ยหรานที่สวมชุดเขียวสะพายกระบี่ สวมหน้ากากหยุดอยู่บนจุดโค้งสูงสุดของสะพานหิน ถามว่า “ในเมื่อต่างก็เลือกที่จะทุ่มเดิมพันอย่างเต็มที่ เหตุใดถึงยังต้องแบ่งทหารออกเป็นสองเส้นทางอยู่ที่แจกันสมบัติทวีปกับทักษินาตยทวีป คิดจะยึดครองหนึ่งในนั้นมา ไม่ยากเลย อิงตามสงครามในทุกวันนี้ นี่ไม่ใช่การสู้รบอะไรอีกแล้ว แต่เป็นการทุบไหที่แตกให้แหลกกว่าเดิม ฝูเหยาทวีปและเกราะทองทวีปไม่มีกำลังเสริมไปช่วย แต่กรูกันเข้าไปยังแจกันสมบัติทวีปและทักษินาตยทวีปทั้งหมด มันใช่เรื่องหรือ? กระโจมทัพใหญ่แห่งต่างๆ ไม่มีใครมีความเห็นต่างบ้างเลยหรือ? ขอแค่พวกเราได้ยึดครองทวีปหนึ่งในนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม หากยึดครองแจกันสมบัติทวีปได้ก็ไปทำสงครามกับอุตรกุรุทวีปต่อ ยึดครองทักษินาตยทวีปได้ก็ใช้เกราะทองทวีปเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ เดินทางขึ้นเหนือไปตีหลิวเสียทวีปต่อ ถ้าอย่างนั้นสงครามครั้งนี้ก็สามารถดำเนินต่อไปได้ ต่อให้ตีกันไปอีกหลายสิบปีหรือหนึ่งร้อยปีก็ยังไม่มีปัญหา โอกาสชนะของพวกเราไม่ถือว่าน้อย”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแจกันสมบัติทวีปที่ใช้เมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลีเป็นเส้นแบ่งเหนือใต้ของหนึ่งทวีป พื้นที่เลียบมหาสมุทรทางทิศใต้ทั้งหมด แต่ละแห่งล้วนมีเผ่าปีศาจกรูกันปรากฎตัวออกมาจากมหาสมุทรใหญ่อย่างบ้าคลั่ง

โจวชิงเกาเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยสงสัยเช่นนี้ แต่อาจารย์กลับไม่เคยให้คำตอบ”

เฝ่ยหรานยื่นมือไปปาดราวสะพานหยกขาว ในมือเต็มไปด้วยฝุ่น เงียบไปครู่หนึ่งก็ถามอีกว่า “บรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่คิดอย่างไรกันแน่นะ?”

โจวชิงเกาคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ข้าไม่กล้าถามอาจารย์เรื่องนี้”

สุดท้ายเฝ่ยหรานถามว่า “ทำไมไม่ติดตามอยู่ข้างกายอาจารย์ของเจ้า”

โจวชิงเกายังคงส่ายหน้า “อาจารย์สั่งมา ลูกศิษย์ทำตาม อะไรที่ไม่ควรถามก็จะไม่ถามสักคำ อะไรที่ไม่ควรคิด…ก็จะพยายามคิดให้น้อยลง”

เฝ่ยหรานหันตัวกลับมา เอนหลังพิงราวสะพาน ทิ้งตัวหงายไปด้านหลัง มองท้องฟ้า

ท้องฟ้าว่างเปล่า หัวใจว่างโหวง

หลังจากที่เฝ่ยหรานพอจะฝึกตนจนประสบความสำเร็จบ้างเล็กน้อย อันที่จริงก็เคยชินที่จะมองตัวเองเป็นคนบนภูเขามาโดยตลอด แต่กระนั้นก็ยังแบ่งแยกบ้านเกิดกับใต้หล้าไพศาลได้อย่างชัดเจน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเพื่อกระโจมทัพก็ดี หรือต้องออกกระบี่สังหารคนที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ช่าง เฝ่ยหรานล้วนไม่เคยเลอะเลือน เพียงแต่อยู่นอกสนามรบ อย่างอยู่ที่ใบถงทวีปแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เฝ่ยหรานจะไม่เหมือนกับพวกอวี่ซื่อ จวินทาน ต่อให้เป็นโจวชิงเกาข้างกายที่ในใจเลื่อมใสความรู้ของร้อยสำนักแห่งไพศาลอย่างยิ่งผู้นี้ ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงไม่เหมือนกัน

โจวชิงเกายิ้มเอ่ย “ข้าไม่ดื่มเหล้า ดังนั้นจึงไม่ได้พกสุราติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงจะแหกกฎดื่มกับพี่เฝ่ยหรานสักครั้งแล้วล่ะ”

เฝ่ยหรานส่ายหน้า “ช่างเถิด สุราดับทุกข์ไม่ควรดื่ม”

หากจะบอกว่าชีวิตคนก็คือการนำวันเดือนปีมาใช้แทนก้อนอิฐที่ถูกปูให้กลายเป็นสะพานโค้งแห่งหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นมนุษย์ธรรมดาในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด คนวัยสามสิบปี อย่างมากสุดก็วัยสี่สิบปี ก็คงเดินไปถึงจุดที่สูงที่สุดของสะพานได้แล้ว เดินอยู่บนนั้น อยู่บนสะพานสามารถหันกลับไปมองดูได้ แต่กลับไม่มีทางให้เดินกลับไป ดังนั้นตอนเด็กจึงรีบร้อนอยากเติบใหญ่ พอเติบใหญ่กลับกลัวว่าจะแก่ ส่วนผู้ฝึกลมปราณที่เดินขึ้นเขาฝึกตน มองดูเหมือนไม่ต้องตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วหากจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนค่อยๆ เน่าเปื่อยทรุดโทรม อีกทั้งยังไม่มีความหวังจะได้ฝ่าทะลุขอบเขต ก็มีแต่จะทุกข์ทรมานยิ่งกว่ามนุษย์ธรรมดา

เฝ่ยหรานพลันหัวเราะ “ใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเราท่านนั้นชื่อว่าเฉินผิงอัน แต่กลับดูเหมือนว่าเป็นคนที่ชีวิตยากจะสงบสุขที่สุด พอคิดแบบนี้ อารมณ์ของข้าก็ดีขึ้นได้เยอะเลย”

เฝ่ยหรานหยิบเหล้าออกมาสองกา โยนให้โจวชิงเกาหนึ่งกา อยู่ดีๆ ก็ถามโพล่งขึ้นมาว่า “ใบถงทวีปไม่มีอะไรให้เที่ยวเล่นดู ไม่สู้พวกเราสองคนข้ามถ้ำแห่งโชควาสนาตรงไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ไปเยี่ยมเยียนใต้เท้าอิ่นกวานเลยดีไหม?”

โจวชิงเกาลังเลตัดสินใจไม่ได้

เฝ่ยหรานตบบ่าอีกฝ่าย “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้ามผ่านกำแพงเมืองปราณกระบี่มา เฉินผิงอันไม่ได้สนใจเจ้า ตอนนี้ใกล้จะต้องตอกปิดฝาโลงแล้ว พวกเจ้าต้องมีเรื่องให้ได้คุยกันแน่นอน ขอแค่สนิทสนมคุ้นเคยกัน เจ้าก็จะรู้ว่าเขาพูดมากยิ่งกว่าใครทั้งนั้น”

โจวชิงเกาพยักหน้ารับ จิบเหล้าหนึ่งคำ ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู เงื่อนไขก็คือเจ้าต้องรับรองกับข้าว่าข้าจะไม่ถูกเขาฆ่าตาย”

เฝ่ยหรานยิ้มเอ่ย “ตกลง”

……

กำแพงเมืองปราณกระบี่ บนหัวกำแพงเมือง ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจสำนักการทหารขอบเขตประตูมังกรคนหนึ่งหอบหายใจหนักหน่วง มือที่จับดาบสั่นสะท้านน้อยๆ

ก่อนจะขึ้นมาบนหัวกำแพงเมืองก็นัดหมายกับใต้เท้าอิ่นกวานที่มีชื่อเสียงเลื่องลือผู้นั้นไว้เรียบร้อยแล้วว่า ทั้งสองฝ่ายแค่ประลองวิชาดาบประลองวิชาหมัดกันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องแบ่งเป็นตาย หากมันแพ้ก็จะถือเสียว่าการเดินทางมาทางทิศเหนือสุดของใต้หล้าเปลี่ยวร้างครั้งนี้เสียเปล่า ลงจากหัวกำแพงเมืองไปจะแล่นกลับบ้านตัวเองทันที ใต้เท้าอิ่นกวานผู้นั้นยกนิ้วโป้ง เอ่ยชมด้วยภาษากลางของใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่พูดชัดเหมือนคนท้องถิ่นยิ่งกว่ามันอยู่หลายส่วนว่า ทำอะไรมีความพิถีพิถัน มีมาดของวีรบุรุษผู้องอาจที่ไม่ได้พบเจอมานาน ดังนั้นทุกอย่างไร้ปัญหา

การต่อสู้ครั้งนี้จึงต่อสู้อย่างเต็มคราบสาแก่ใจ อันที่จริงก็เป็นผู้ฝึกตนสำนักการทหารผู้นี้ที่ออกดาบฟันหัวกำแพงเมืองอยู่เพียงลำพัง อิ่นกวานหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีแดงสดเพียงปล่อยให้มันฟันดาบลงบนร่าง บางครั้งก็ยกดาบแคบพิฆาตที่ซ่อนอยู่ในฝักขึ้นมาบังบ้างเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นจะดูว่ารับรองแขกไร้ความจริงใจเกินไป ง่ายที่จะทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกหมดอาลัยตายอยากแต่เนิ่นๆ เพราะเห็นแก่ความรู้สึกของชายชาตรีผู้นี้ เฉินผิงอันยังจงใจร่ายเวทอสนีไว้บนฝ่ามือ ทำให้ทุกครั้งที่ฝักดาบปะทะกับคมดาบจะต้องมีประกายสายฟ้าสีขาวประหนึ่งงูขาวเลื้อยลดแลบปลาบขึ้นมาเป็นระลอก

เวลานี้ใช้ดาบยันพื้นมองเจ้าคนที่เก็บดาบหยุดมือ เฉินผิงอันก็ยิ้มตาหยีถามว่า “ฟันจนเหนื่อยแล้วสินะ ไม่สู้เปลี่ยนมาให้ข้าฟันบ้าง?”

ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนนั้นรีบยืดอกตั้ง พูดอย่างห้าวเหิมทันที “ไม่เหนื่อยๆ ไม่เหนื่อยเลยสักนิด! ขอข้าพักสักหน่อย เจ้าจะรีบร้อนอะไรนักหนา”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “แขกเช่นเจ้ามาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ก็ไม่ควรเรียกข้าด้วยความเคารพว่าใต้เท้าอิ่นกวานสักคำหรือ? ข้ารอเจ้ามานานมากแล้วนะ”

มันตะโกนเสียงดังอย่างไม่ลังเล “ใต้เท้าอิ่นกวาน”

แล้วยังเอ่ยเสริมมาอีกประโยค “ชื่อเสียงสมคำเล่าลือ วิชาหมัดยอดเยี่ยม!”

เฉินผิงอันพลันกวาดตามองไปรอบด้านอย่างเคว้งคว้าง เพียงแต่ว่าเก็บอารมณ์นั้นมาในชั่วพริบตา โบกมือให้มัน “กลับไปเถอะ”

มันกลับไม่ได้โง่จริงๆ “ไม่ฆ่าข้าหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าเพิ่งเคยขึ้นมาบนหัวกำแพงเมืองเป็นครั้งแรกในชีวิต อีกทั้งยังไม่เคยลงสนามรบ ไม่แน่ว่าชั่วชีวิตนี้เจ้าอาจไม่มีโอกาสได้ขยับมาใกล้ที่นี่อีกแล้ว จะฆ่าเจ้าไปทำไม”

มันเก็บดาบแล้วก็กุมหมัดเอ่ยว่า “ฝีมือด้อยกว่าหนึ่งระดับ วิชาหมัดของใต้เท้าอิ่นกวานสูงส่งอย่างแท้จริง”

เฉินผิงอันใช้มือหนึ่งค้ำไว้บนด้ามดาบ อีกมือหนึ่งนวดคลึงหว่างคิ้ว ชำเลืองตามองแขกที่คำพูดคำจาค่อนข้างถ่อมตน สีหน้าก็ยิ่งจริงใจ “กลับไปบ้านเกิดก็บอกไปว่าตัวเองเอาชนะอิ่นกวานได้ หากคนอื่นถามข้า ข้าก็จะช่วยยอมรับเรื่องนี้ให้เจ้าเอง”

มันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา “แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง”

เฉินผิงอันเก็บดาบพิฆาตในมือมา มันเห็นท่าไม่ดีก็รีบทะยานลมเผ่นหนีไปไกลทันใด หลังจาก ‘ปีศาจใหญ่’ ที่สมองมีปัญหาผู้นั้นจากไป เฉินผิงอันก็เงยหน้าขึ้น พบว่าอยู่ดีๆ ก็มีหิมะใหญ่ตกลงมา ตกมาอย่างไม่มีลางบอกกล่าวแม้แต่น้อย

ลมหิมะเมฆล่องลอยบดบังสายตา

ก่อนหน้าวันนี้ยังมีความคลางแคลงอยู่บ้าง

ไม่รู้ว่าจะยังมีโอกาสได้หวนกลับไปยังสถานที่ที่เคยไป ไปกินบะหมี่ปลาไหลที่ปีนั้นไม่ได้กินอีกหรือไม่

ไม่รู้ว่าจะยังมีโอกาสได้หวนกลับคืนไปยังบ้านเกิด กินเนื้อผัดหน่อไม้ฤดูหนาวที่กินร้อยรอบก็ไม่เบื่ออีกสักมื้อ ถ้วยสุราบนโต๊ะถูกคนเปลี่ยนเป็นจอกสุราให้แทนอีกหรือไม่

พอถึงหน้าร้อนก็จะถูกคนลากไปกินหม้อไฟ จะยังมีคนแก่หลอกตนว่าหนึ่งสิ่งข่มหนึ่งสิ่ง ดื่มเหล้าสามารถแก้เผ็ดได้ ทำให้เขาเผ็ดจนน้ำตาแทบไหลอีกหรือไม่

ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ พอหยิบบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนั้นออกมาอีกครั้ง ตนทั้งรอคอยให้วันนี้มาถึงอย่างยากลำบาก แต่ก็ทั้งคล้ายว่าจะกังวลกับการมาถึงของวันนี้

ทันใดนั้นปรากฎการณ์แห่งฟ้าดินพลันเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวง เป็นเหตุให้ตลอดทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่สั่นสะเทือนไม่หยุด เฉินผิงอันพยายามข่มจิตใจให้สงบมั่นคงอย่างสุดกำลัง

ภูเขาสายน้ำพลิกสลับกลับเปลี่ยน

บัณฑิตลัทธิขงจื๊อสวมชุดสีเขียวคนหนึ่งมายืนอยู่บนหัวกำแพงเมือง หันหน้ามามองคนหนุ่ม “เจ้าสามารถกลับได้แล้ว”

เฉินผิงอันหยิบปิ่นหยกสีขาวออกมาปักบนมวยผม

เดินก้าวหนึ่งไปถึงบนหัวกำแพง แล้วทรุดตัวลงนั่งยอง “ให้ข้ากินข้าวสักมื้อดื่มเหล้าสักกา รอให้ข้ากินดื่มอิ่มหนำแล้วค่อยตัดสินใจได้หรือไม่?”

ชุยฉานพยักหน้า “เรื่องใหญ่สิ้นสุดลงแล้ว ทุกเรื่องที่เหลือล้วนเป็นเรื่องเล็ก”

เฉินผิงอันนั่งแปะลงบนหัวกำแพงเมือง ทิ้งตัวนอนหงายไปด้านหลัง บอกว่าจะกินดื่มให้อิ่มหนำ แต่กลับไม่ได้กินข้าวไม่ได้ดื่มเหล้า เพียงแค่นอนอยู่บนพื้น เบิกตากว้างเหม่อมองม่านฟ้าที่มีลมหิมะอยู่เช่นนั้น “ช่างให้คนรอคอยนานนัก อีกนิดเดียวก็เกือบจะทนทรมานไม่ไหวแล้ว”

——

Next

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 745.2 ภูเขาสายน้ำพลิกกลับค่ำคืนลมหิมะ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์