CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 798.1 จริงดังคาด

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 798.1 จริงดังคาด
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เรือข้ามฟากพ้นจากพื้นมาค่อนข้างสูง สายลมบนท้องฟ้าพัดโชย ไม่ใช่เทพเซียนก็คล้ายคนกลางเมฆา

เฉินผิงอันยิ้มพูดสัพยอกหลี่ไหว “เดินทางไปศึกษาต่อไกลขนาดนี้ แล้วยังเคยออกท่องยุทธภพกับเผยเฉียนมาก่อน ไม่เคยเจอสตรีที่ถูกใจบ้างเลยหรือ?”

คำว่าถูกใจ คงหมายถึงว่าท่ามกลางกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันแออัด แค่เหลือบมองปราดๆ ก็ยากจะลืมเลือนได้อีก

หลี่ไหวส่ายหน้า “ไม่เลย ข้าหน้าตาเหมือนแตงเบี้ยวพุทราแตก หน้าตาเหมือนบิดาข้า ขอแค่สตรีไม่ได้ตาบอดล้วนไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ความฉลาดในการรู้ตัวเอง ข้ายังพอมีอยู่บ้าง ต่อให้ข้าอยากจะถูกหลอกเงินถูกหลอกความงามก็ยังไม่มีทรัพย์สินและความงามเช่นนั้น ดังนั้นจึงมีดีอยู่อย่างหนึ่ง วันหน้าขอแค่มีสตรีที่ชอบข้าจริงๆ ก็จะต้องชอบข้าจากใจจริง ดังนั้นจะรีบร้อนไปไย แค่อดทนรอคอยไปก็พอ”

อันที่จริงรูปโฉมของหลี่ไหวไม่ได้แย่ เด็กหนุ่มที่คิ้วเข้มตาโต ไม่ว่าอย่างไรก็มองดูแล้วคมคาย

นักพรตเนิ่นกล่าวอย่างปลงอนิจจัง “คุณชายถ่อมตัวเสียจนน่ากลัว”

หลิ่วชื่อเฉิงพยักหน้าเอ่ยคล้อยตาม “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบคุณชายหลี่ แต่กลับรู้สึกว่าเขารูปโฉมดุจมังกรท่วงท่าดุจหงส์ กลมกลืนเป็นธรรมชาติ”

ถัวเหยียนฮูหยินนึกถึงหมี่อวี้แห่งเรือนชุนฟาน แล้วก็พลันเข้าใจขึ้นมาว่าเหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเฉินผิงอันถึงยังห่างเหิน ที่แท้ก็ขาดในเรื่องนี้นั่นเอง

สำหรับ ‘ถ้อยคำจากใจจริง’ ของนักพรตเนิ่นและเจ้าหอหลิ่ว หลี่ไหวไม่ได้เห็นเป็นจริงเป็นจัง ด่าข้าไม่หนัก ชมข้าก็ยิ่งเบา

พูดถึงแค่เรื่องการด่าคน คำด่าที่มีพลังมากที่สุดไม่ได้อยู่บนหนังสือ แล้วก็ไม่ได้อยู่บนภูเขา ยังคงเป็นบ้านเกิดที่ด่าได้ร้ายกาจที่สุด บางครั้งแค่ประโยคสองประโยคก็สามารถทิ่มแทงให้คนไม่อาจเงยหน้า ยืดเอวตรงไม่ได้ ยามจะตักน้ำยังต้องเลือกตอนที่คนไปตักน้ำน้อยถึงจะออกมาจากบ้านได้

หลี่ไหวฟุบตัวอยู่บนราวระเบียง ทอดสายตาเหม่อลอย

ดูเหมือนว่าชีวิตของตนมักจะมีเรื่องแปลกประหลาด ไม่ทันตั้งตัวเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทำให้เขาได้แต่เหมือนคนที่เหยียบเปลือกแตง ลื่นไถลไปถึงตรงไหนก็ตรงนั้น

ตอนยังเด็กก็รู้สึกเพียงว่าอาจารย์ฉีของเมืองเล็กคืออาจารย์สอนหนังสือที่ยามถ่ายทอดความรู้เข้มงวดอย่างมาก แต่เวลาปกติก็พูดคุยด้วยได้ง่ายอย่างมาก เพียงแต่ว่ายากจนไปสักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีแม้กระทั่งภรรยาสักคนหรอกกระมัง? ดังนั้นหลี่ไหวในตอนนั้น แม้จะอายุยังน้อยก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าวันหน้าต่อให้ต้องลงไร่ทำนา ขึ้นเขาตัดฟืนเผาถ่านกับท่านพ่อท่านแม่ หรือต่อให้ต้องไปเป็นลูกศิษย์ของเตาเผามังกรก็ยังได้ แต่จะไม่ยอมเป็นอาจารย์สอนหนังสือเด็ดขาด นี่ไม่ใช่ถ้วยข้าวที่มีแค่ใบเดียวก็ทำให้คนกินอิ่มได้แล้วสักหน่อย ภายหลังถึงได้รู้ว่าที่แท้อาจารย์ฉีมีความรู้ยิ่งใหญ่กว่าที่คิดไว้มากนัก คือเจ้าขุนเขาของเจ็ดสิบสองสำนักศึกษาแห่งลัทธิขงจื๊อ และยิ่งเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของอาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่ง แล้วยังเป็นศิษย์น้องของชุยฉานราชครูต้าหลี อาจารย์ฉีเป็นบัณฑิตที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง ยิ่งรู้จักเขามากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งรู้ว่าเขาเก่งกาจยอดเยี่ยมมากเท่านั้น

แยกจากกับต่งสุ่ยจิ่งและสือชุนเจีย มีเพียงเขากับหลินโส่วอีที่เลือกจะออกจากบ้านเดินทางไกล ไล่ตามไปทันเฉินผิงอันกับหลี่เป่าผิง ขุนเขาสายน้ำยามกลางวัน มองดูแล้วก็งดงามดี แต่พอถึงยามค่ำคืนกลับมืดมิดวังเวง มองดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก เปลี่ยนรองเท้าสานไปคู่แล้วคู่เล่า เดินจนเท้าด้าน

หลี่ไหวไม่เคยบอกกับใครมาก่อนว่า ปีนั้นตอนที่ออกจากบ้านมาพร้อมกับหลินโส่วอี ช่วงระยะทางก่อนที่จะตามไปทันเฉินผิงอันกับหลี่เป่าผิง ประโยคที่เขาพร่ำพูดมากที่สุดก็คือบอกให้หลินโส่วอีสาบานครั้งแล้วครั้งเล่าว่า หากวันไหนเขาหลี่ไหวเปลี่ยนใจต้องการกลับบ้าน เจ้าหลินโส่วอีจะต้องกลับบ้านไปเป็นเพื่อนข้าด้วย

ภายหลังได้เจอกับอาเหลียง ชายฉกรรจ์เนื้อตัวสกปรกที่สวมงอบขี่ลา ไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนถูกจูเหอใช้หมัดหนึ่งต่อยให้ล้มคว่ำลงพื้นแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาได้

หลายๆ ครั้งหลี่ไหวเห็นว่าอาเหลียงพูดจาน่าเตะนัก เป็นพวกคนประเภทเดียวกับเจิ้งต้าเฟิง แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ใต้เตียงในบ้านต้องมีกล่องไม้ซ่อนไว้ ไม่แน่ว่าด้านในอาจเก็บกระโปรง เอี๊ยมตัวในของสตรีสาวสะพรั่งเอาไว้จนเต็ม หลี่ไหวจึงกังวลว่าปากของเจ้าอาเหลียงผู้นี้จะไม่มีหูรูด ไม่ทันระวังเอ่ยประโยคไหนทำให้จูเหอเดือดดาลขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรจูเหอก็เป็นคนที่เดินออกมาจากถนนฝูลวี่ ข้อพิถีพิถันจึงมีเยอะ ดังนั้นหลี่ไหวถึงได้คอยช่วยไกล่เกลี่ยอยู่ตลอด ตนอายุน้อย พูดจาไม่น่าฟัง จูเหอก็ไม่สะดวกจะลงมือต่อยตีคนอื่น

อาเหลียงมาเยือนอย่างลึกลับ จากไปก็ไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว จากนั้นระหว่างทางยังเจอกับเจ้าห่านขาวใหญ่ อวี๋ลู่และปู้เค่อชี่ (แปลว่าไม่ต้องเกรงใจ เป็นคำที่ไว้เอ่ยตอบเวลามีคนขอบคุณ หรือพูดว่าเซี่ยเซี่ยในภาษาจีน ดังนั้นปู้เค่อชี่ของหลี่ไหวจึงหมายถึงตัวละครเซี่ยเซี่ย)

ปู้เค่อชี่ผู้นั้นหน้าตาใช้ได้เลย น่าจะงามเท่ากับหลี่หลิ่วผู้เป็นพี่สาวถึงสองคนเลยกระมัง แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นสตรีที่ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องออกเรือน น่าเสียดายที่หลินโส่วอีถึงกับชอบหลี่หลิ่วเพียงคนเดียว หลี่ไหวคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ พี่สาวเขากรอกยาลวงวิญญาณให้กับหลินตอไม้หรืออย่างไร?

ตอนนั้นชุยตงซานบอกว่าเฉินผิงอันคืออาจารย์ของเขาแล้ว หลี่ไหวมึนงงไปหมด มักจะรู้สึกว่าเจ้าคนต่างถิ่นพวกนี้สมองไม่ค่อยดี ทำไมเจ้าไม่รับเฉินผิงอันเป็นบิดาไปเลยเล่า?

ท่านพ่อท่านแม่ย้ายบ้านจากไปไกลแล้ว พี่สาวไปเป็นเทพเซียนบนภูเขาที่ยอดเขาสิงโต ท่านพ่อท่านแม่เปิดร้านอยู่ที่ตีนเขา กิจการไม่เลว ใช้สอยประหยัดหน่อยก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก ได้ยินมาว่าครั้งนี้ท่านแม่กลับบ้านเกิด พูดจาแข็งกระด้างกว่าเดิม เสียงก็ดังมาก พาพี่เขยกลับมาที่บ้านเดิมพร้อมนางด้วย ทุกวันนี้ถึงกับกล้าตินั่นตินี่ หากไม่รังเกียจว่าน้องสาวของสามีที่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวใส่น้ำมันน้อยเกินไป ก็รังเกียจว่าเนื้อเป็ดผัดหน่อไม้แห้งเนื้อไม่แน่นพอ เนื้อปลาก็มีกลิ่นคาวดิน

สหายรักอย่างเผยเฉียน ดูเหมือนว่าจู่ๆ นางจะเปลี่ยนจากถ่านดำตัวน้อยมาเป็นแม่นางตัวใหญ่ จนกระทั่งบัดนี้หลี่ไหวก็ยังไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วเผยเฉียนเป็นองค์หญิงจากแคว้นไหนกันแน่ เหตุใดถึงผลัดมาอยู่ในหมู่ชาวบ้านได้ ทำไมถึงถูกเฉินผิงอันพามาอยู่ข้างกายได้?

ใต้หล้าวุ่นวายโกลาหล ใต้หล้าสงบสุข เจิ้งต้าเฟิงไม่เฝ้าประตูอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่วอีกต่อไป หยางเหล่าโถวไม่อยู่แล้ว พี่สาวแต่งงานแล้ว เฉินผิงอันเป็นอิ่นกวานแล้ว

ตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ถูกเฒ่าตาบอดรับเป็นลูกศิษย์ จะขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่ สลัดก็สลัดไม่หลุด เขาหลี่ไหวแขนขาเล็กบาง จะไปอธิบายเหตุผลให้ใครฟังได้? ตอนนั้นเฉินผิงอันก็ไม่อยู่ข้างกายเสียด้วย

ไม่เคยรู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงอย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นยังจะทำอย่างไรได้อีก

แต่หลี่ไหวรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ดังนั้นจึงคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าต้องรู้จักทะนุถนอมเห็นค่าในความโชคดี

เฉินผิงอันกล่าว “รู้ความสามารถของตัวเองดี เจอกับด่านยากหรือความลำบาก ไม่โทษฟ้าไม่ตำหนิคนอื่น นี่เรียกว่าจิตใจที่สงบเป็นกลาง ข้อนี้น่าจะเหมือนกับท่านพ่อของเจ้า เวลาปกติไม่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก”

หลี่ไหวฟังแล้วก็อารมณ์ดี แต่ปากก็ยังพูดว่า “พอเถอะน่า ข้าก็ได้แต่เก่งอยู่ในโปงผ้าห่ม อยู่ข้างนอกขี้ขลาดจะตาย”

ในความทรงจำ ดูเหมือนว่าน้อยครั้งนักที่เฉินผิงอันจะด่าคน แล้วก็น้อยมากที่จะชมคน

บนถนนเส้นหนึ่ง เฉินผิงอันอีกคนนั้นก็ไม่ได้ด่าคนเหมือนกัน เพียงแค่ขว้างก้อนหินอยู่อย่างนั้น

บนภูเขาอ๋าวโถว หลิวจวี้เป่าและอวี้พ่านสุ่ย ผู้ฝึกตนสองคน แน่นอนว่าใช้จิตหยินเดินทางไกลมาพบเจอกันที่นี่

ก่อนหน้านี้ได้ถามอาจารย์ผู้เฒ่าต่งและจิงเซิงซีผิงมาแล้ว ตัวอยู่ในศาลบุ๋น จิตหยินออกมาข้างนอก เป็นเรื่องที่ได้รับการอนุญาตจากทางศาลบุ๋น

อาจารย์ผู้เฒ่าต่งยังเอ่ยหยอกล้อหนึ่งประโยคอย่างหาได้ยาก บอกว่าทางฝั่งของศาลบุ๋นไม่กล้าถ่วงรั้งเวลาการหาเงินของเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งสองคนหรอก

หลิวจวี้เป่าแห่งธวัลทวีป ในหนึ่งวันสามารถหาเงินเทพเซียนได้กี่เหรียญ เป็นปริศนาอยู่ในใต้หล้าไพศาลมาโดยตลอด

ยกตัวอย่างเช่นการประชุมครั้งนี้ สองสามีภรรยาสกุลหลิวต่างก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ สตรีออกเรือนแล้วไปที่ร้านผ้าห่อบุญเกาะนกแก้ว หลิวจวี้เป่าก็ยิ่งจ่ายเงินซื้อจวนทั้งหลังในราคาสูงไว้อย่างลับๆ เพียงแค่รอให้การประชุมสิ้นสุดลงก็จะป่าวประกาศเรื่องนี้ต่อภายนอก

หลังจากที่สกุลหลิวรับช่วงต่อดูแลภูเขาอ๋าวโถว ผลไม้และเหล้าหมักของจวนแต่ละแห่ง เห็นได้ชัดว่าดีกว่าเดิมไม่น้อย โดยเฉพาะน้ำแปดเซียนที่รสชาติสดชื่นอย่างถึงที่สุด

ทางฝั่งศาลบุ๋นก็ยินดีที่ได้เห็น นอกจากท่าเรือเวิ่นจินแล้ว ค่าใช้จ่ายจากการสร้างท่าเรือสามแห่งขึ้นมาชั่วคราว ทางศาลบุ๋นก็ล้วนได้ทุนคืนมาหมดแล้ว แล้วยังได้กำไรอีกด้วย

ในใจหลิวจวี้เป่ามีแผนการแล้วว่าอีกเดี๋ยวจะสร้างทัศนียภาพหกแห่งขึ้นมาบนภูเขาอ๋าวโถว สถานที่ประลองหมากล้อมสองแห่ง แห่งหนึ่งคือสถานที่ที่เจียงไท่กงเด็กหนุ่มเป็นผู้รับคำท้า อีกแห่งหนึ่งคือศาลาที่รอแค่แขวนกรอบป้ายเท่านั้น ฟู่จิ้น หลินจวินปี้ อวี้ชิงชิง ล้วนสามารถเอามาโอ้อวดได้ ส่วนเจี่ยงหลงเซียงผู้นั้นก็ช่างเถิด เป็นการลดตัวเกินไป ไม่เรียกแขก แล้วยังง่ายที่จะไล่แขกอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีผนังบทกลอนที่จางเหวินเถียวเป็นผู้นำ มีคนหลายสิบคนที่จับมือกันมาแต่งกลอนแล้วประทับตราเอาไว้ เหล่าปราชญ์มารวมตัวกัน มีภาพวาดน้ำและบกของบรรพจารย์ที่เป็นจิตรกรอยู่ภาพหนึ่ง สีแดงสดเข้าคู่กับสีเขียว สีสันสดใสงดงาม มีคนมากมายห้าร้อยกว่าคน ละลานตา ต่างคนต่างมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป…วันหน้าหากมีเซียนซือเดินทางมาท่องเที่ยวหรือร่วมประชุมที่ศาลบุ๋นก็จะต้องมาเข้าพักบนภูเขาอ๋าวโถวแน่นอน

ฮ่องเต้เด็กหนุ่มหยวนโจ้วหน้าแดงก่ำ “ใช้ได้ๆ ใต้เท้าอิ่นกวานช่างเหมือนน้ำลึกเหมือนขุนเขาสูงตระหง่าน ลำพังแค่อาศัยปราณกระบี่ก็สามารถร่ายเวทกักร่างใส่โจรเฒ่าอวิ๋นเหมี่ยวได้แล้ว”

“สุนัขรับใช้เหยียน ความสามารถในการเก็บตกของดีช่างยอดเยี่ยม! มารดามันเถอะ ถึงกับถูกเขาเก็บขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งไปได้! ข้าผู้อาวุโสอิจฉาจะตายอยู่แล้ว”

“ทำไมไม่ต่อสู้กันต่อแล้วเล่า เจ้าเด็กน้อยอวิ๋นเหมี่ยวยังกล้าพูดจาอาฆาตอีกหรือ? ใต้เท้าอิ่นกวานใช้กระบี่แทงเขาให้ตายเลย…”

ในห้องโถงใหญ่ พวกหลิวจวี้เป่ามองภาพขุนเขาสายน้ำทั้งหลายเงียบๆ ต่างคนต่างมีความคิด มีเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวที่พูดพล่ามไม่หยุด

อวี้พ่านสุ่ยอดรำคาญฮ่องเต้ท่านนี้ไม่ได้จริงๆ จึงเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ท่านไม่กระหายน้ำหรือ?”

หลิ่วสุ้ยอวี๋ยิ้มกล่าว “ดีมากเลย น่ารำคาญเสียที่ไหน”

นางถอดรองเท้าหุ้มแข้งออกนานแล้ว นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ ไม่ได้สวมถุงเท้า เผยให้เห็นเท้าคู่ที่งามราวกับหยกมันแพะ เล็บเท้าทาสีทาเล็บสีแดง มองดูแล้วสะดุดตาอย่างยิ่ง

ฮ่องเต้ของราชวงศ์เสวียนมี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นไม่ต่างจากนักเล่านิทานที่เพิ่งได้ออกมาเผชิญโลกกว้างสักเท่าไร ประเด็นสำคัญคือความรู้สึกของเขายังจริงใจ ฟังแล้วคลายความเบื่อหน่ายได้อย่างมาก

ฮ่องเต้เด็กหนุ่มเลียนแบบคนในยุทธภพในตำรา กุมหมัดสูงเอ่ยว่า “พี่หญิงหลิ่ว พวกเราแค่พบหน้าก็ถูกชะตากันจริงๆ หากไม่รังเกียจล่ะก็ พวกเราสามารถมาสาบานเป็นพี่ชายน้องสาวต่างแซ่กันได้ ยินดีต้อนรับท่านไปเป็นแขกที่บ้านข้า!”

หลิ่วสุ่ยอวี๋ยิ้มกล่าว “ตกลง ขอแค่เงินเดือนมากพอ อย่าว่าแต่พี่สาวน้องชายเลย จะให้หญิงสาวที่ยังไม่เคยออกเรือนอย่างข้ารับลูกบุญธรรมก็ยังไม่เป็นปัญหา”

หยวนโจ้วหยุดต่อปากต่อคำทันที เจอกับยอดฝีมือเข้าให้แล้ว สู้ไม่ได้เลย

พวกพี่สาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุทธภพเหล่านี้พูดจาหยาบคายไม่ยำเกรงสิ่งใด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกตอไม้ในวังพวกนั้นจะทัดเทียมได้

หลิวจวี้เป่ากับอวี้พ่านสุ่ยพลันหันมาสบตากัน

มีคนพุ่งมายังภูเขาอ๋าวโถวด้วยเรือนกายที่เป็นดั่งสายรุ้ง

เพ่ยอาเซียงเอ่ยอย่างสงสัย “ทำไมเฉินผิงอันถึงมาที่ภูเขาอ๋าวโถวได้ล่ะ? อึกทึกครึกโครมขนาดนี้ คิดจะทำอะไร?”

หยวนโจ้วกลอกตามองบน “นี่ยังต้องคิดอีกหรือ ต้องมาซ้อมเจี่ยงหลงเซียงที่มีความแค้นต่อกันแน่นอน คนทั่วไปในวงการขุนนางชอบประจบคนที่มีท่าทีว่าจะได้ครองอำนาจ (烧冷灶หากแปลตรงตัวหมายถึงผัดกับข้าวบนเตาเย็น) ไอ้หมอนี่กลับดีนัก น้ำมันหมูบดบังหัวใจรื้อเตาเย็นๆ ออก คราวนี้ดีแล้วล่ะสิ ทำเอากระดูกแก่ๆ ของตัวเองหลุดแยกออกจากโครงกระดูกแล้วกระมัง ไม่ตีกันก็เสียเปล่า ตีกันเสร็จก็รีบเผ่นหนี หากข้าเป็นใต้เท้าอิ่นกวานจะต้องซ้อมจนเจี่ยงหลงเซียงฉี่เล็ดแน่นอน จากนั้นค่อยป้อนให้เจี่ยงหลงเซียงกินให้อิ่ม!”

หลิวจวี้เป่าโบกชายแขนเสื้อสร้างภาพแห่งขุนเขาสายน้ำขึ้นมาอีกครั้ง ก็คือภาพบนภูเขาอ๋าวโถว เพียงไม่นานคนชุดเขียวผู้หนึ่งก็กระชากเจี่ยงหลงเซียงจากไป

หยวนโจ้วตบที่เท้าแขนเก้าอี้ “ไม่เสียแรงที่เป็นใต้เท้าอิ่นกวาน ทุกหนทุกแห่งล้วนเหนือความคาดคิดของผู้คนได้เสมอ! ลากหมาเดินทางไกลนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยมาดองอาจเสียจริง”

เด็กหนุ่มหันหน้าไปมอง “ท่านปู่อวี้ ขอร้องท่านล่ะ ช่วยสานความสัมพันธ์ให้ที บอกกับใต้เท้าอิ่นกวานให้ดีๆ บอกให้เขามาหาพวกเรา ไม่เป็นราชครูก็สร้างสำนักขึ้นมา เสวียนมี่ของพวกเราจะออกเงินออกแรงออกคนให้เอง ไม่ว่าอะไรก็ปรึกษากันได้ทั้งนั้น ขอแค่เขายินดีเปิดปาก เสวียนมี่ก็กล้าตอบตกลง ข้าที่เป็นฮ่องเต้จะไปเป็นเค่อชิงที่บันทึกชื่ออยู่ในสำนักของเขาก็ยังไม่เป็นปัญหา ถึงเวลานั้นอิ่นกวานมาเยือนเมืองหลวง ข้าค่อยให้กรมพิธีการวางแผนดีๆ สักรอบ จะต้องให้เกิดภาพมวลชนมารอรับจนทุกตรอกว่างเปล่าทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ให้จงได้ ถึงเวลานั้นข้าค่อยจูงม้าให้อิ่นกวานเดินเข้ามาในวังด้วยตัวเอง วันหน้าเขาจะพกกระบี่เข้าพระตำหนัก ขี่ม้านั่งราชรถ ก็ล้วนไม่มีการสั่งห้าม…”

หลิวโยวโจวกล่าว “พาข้าไปด้วย ข้าก็อยากเป็นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อ”

ยิ่งมองเขาก็ยิ่งถูกชะตากับฮ่องเต้เด็กหนุ่มผู้นี้ วันหน้ามีโอกาสจะต้องไปเดินเล่นที่ราชวงศ์เสวียนมี่ให้มากแน่นอน

หยวนโจ้วเอ่ย “พี่หลิว วันหน้าหากเจ้าจะไปทำการค้าที่เสวียนมี่ของพวกเรา ไม่ว่าจะถูกใจสิ่งใด นับตั้งแต่ราชสำนักไปจนถึงท้องถิ่น บนภูเขาล่างภูเขา ล้วนเป็นราคาของสหาย ทุกอย่างลดแปดส่วน น้ำลายหนึ่งฟองเท่ากับตะปูหนึ่งดอก วันนี้ข้าก็ขอกล่าวไว้ที่นี่เลย!”

อวี้พ่านสุ่ยคลึงขมับ มาเจอกับเจ้าลูกกระต่ายที่มองดูเหมือนคนโง่แต่แท้จริงแล้วใจดำอำมหิตผู้นี้ จะไม่ปวดหัวได้หรือ?

หลิวจวี้เป่ายิ้มเอ่ย “การทำการค้าของข้าที่ใบถงทวีปค่อนข้างใหญ่ ไม่เหมาะจะใกล้ชิดกับเฉินผิงอันและภูเขาลั่วพั่วมากเกินไปนัก ราชวงศ์เสวียนมี่ของพวกเจ้ากลับไม่มีปัญหา”

อวี้พ่านสุ่ยส่ายหน้า ไม่รู้สึกว่าเฉินผิงอันเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์เสวียนมี่แล้วจะเป็นเรื่องดีเสมอไป หนึ่งเพราะต้นไม้ใหญ่ย่อมเรียกลมได้ง่าย นอกจากนี้คนใกล้ชิดมักเกิดความไม่พอใจกันได้ง่าย อาศัยอยู่นานก็ทำให้คนรังเกียจ ญาติที่ไปมาหาสู่กันบ่อยก็อาจห่างเหิน คำพูดเก่าแก่พวกนี้ควรต้องฟังไว้บ้าง อายุของคำพูดเก่าแก่มักจะมากกว่าพวกคนเฒ่าคนแก่อยู่เสมอ

คนหนุ่มอย่างเฉินผิงอันเพียงแค่กระทำการเหมือนซิ่วหู่เท่านั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ซิ่วหู่จริงๆ

อำนาจแคว้นของราชวงศ์เสวียนมี่ดั่งดวงตะวันที่ลอยขึ้นสูงกลางนภา ไม่ต้องให้ใครมาส่งถ่านท่ามกลางหิมะ ยิ่งไม่ต้องการการปักบุปผาลงบนผ้าแพร ทุกอย่างล้วนมีขั้นตอนให้ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง แค่ต้องทำไปตามลำดับขั้นตอนก็พอ ภายในเวลาร้อยปีก็จะสามารถเลื่อนลำดับรายชื่อราชวงศ์ให้สูงขึ้นได้แล้ว หากสามารถคว้าโอกาสในการโจมตีเปลี่ยวร้างครั้งนี้ไว้ได้ ไม่แน่ว่าคนรุ่นนี้อาจสามารถทำให้ราชวงศ์เสวียนมี่นั่งได้มั่นคงแปดส่วน ช่วงชิงมาได้เจ็ดส่วนและมีหวังหกส่วนก็เป็นได้

อวี้พ่านสุ่ยเริ่มจับผิด “ใบถงทวีปคือแผงลอยเละเทะที่มีรอยรั่วช่องโหว่เต็มไปหมด มองดูเหมือนว่ามีเงินให้เก็บได้ทุกหนทุกแห่ง โชควาสนากลาดเกลื่อนนองพื้น แต่หากสำนักเบื้องล่างของภูเขาลั่วพั่วเลือกที่ตั้งเป็นใบถงทวีป ไม่แน่ว่าอาจเป็นการพบเจอกันบนทางแคบกับสกุลหลิวที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันจนหน้าดำหน้าแดง เจ้าเป็นคนพิถีพิถัน ทว่าพวกคนทำการค้าที่หลายปีมานี้ถูกรวบรวมมาไว้ภายใต้กลุ่มคนของพวกเจ้าสกุลหลิว ปลาและมังกรปะปนกัน หาเงินด้วยจิตใจที่โหดเหี้ยม กลับไม่แน่เสมอไปว่าจะพิถีพิถันอะไรแล้ว”

หนึ่งตระกูล หนึ่งภูเขา ขอแค่มีคนมาก อันที่จริงการทำเรื่องต่างๆ ในหลายๆ ครั้งมักจะเกินความจำเป็น

ยกตัวอย่างเช่นกังวลว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีแต่ตำแหน่งว่างเปล่า ต้องรักษาตำแหน่งใต้ก้นที่ทำให้มีหน้ามีตานั่นเอาไว้ให้ได้ ลงมือทำเรื่องอะไรเพื่อหาเงิน ก็ง่ายที่จะออกแรงมากเกินไป ก็เหมือนอย่างรายงานขุนเขาสายน้ำที่ต่อให้เป็นที่ว่าการน้ำใสแห่งหนึ่ง ยามจรดพู่กันก็มักจะควบคุมปลายพู่กันไม่ได้ ความหวังดีจึงกลายเป็นทำเรื่องผิด นอกจากนี้ยังมีศาลบรรพชนและศาลบรรพจารย์ที่รับผิดชอบคุมกฎ ตีหน้าเย็นชามองใครก็ผิดไปหมด มักจะเคยชินกับการจับผิด แล้วยังมีพวกคนที่รับผิดชอบดูแลถุงเงินที่ชอบหาเรื่อง คอยสร้างความลำบากใจให้กับคนที่แสวงหาความร่ำรวยบนภูเขาบ้านตัวเอง…

——

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 798.1 จริงดังคาด"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์