CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 809.2 เสียงในใจ

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 809.2 เสียงในใจ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เฉินผิงอันกลั้นยิ้ม พูดกับเผยเฉียนว่า “แม้ว่าอาจารย์พ่อจะแพ้ แต่เฉาสือก็ถูกอาจารย์พ่อต่อยจนหน้ากลายเป็นหัวหมู ไม่เสียเปรียบหรอก”

เผยเฉียนเกาหัว “อาจารย์พ่อเคยบอกไม่ใช่หรือว่าด่าคนอย่าแฉข้อด้อย ตีคนอย่าตีหน้า นี่ล้วนเป็นข้อห้ามใหญ่ของยุทธภพไม่ใช่หรือ?”

เฉินผิงอันกล่าว “จะต้องเกรงใจเฉาสือไปไย ล้วนเป็นสหายเก่ากันแล้ว”

เผยเฉียนคลี่ยิ้มกว้าง

ดื่มเหล้าไป เฉินผิงอันกับหนิงเหยาต่างก็ใช้เสียงในใจเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง

เด็กชายผมขาวลากเจ้าฟักแคระหมี่ลี่น้อยให้ไปดูการประลองยุทธที่เวทีประลองต่อ หมี่ลี่น้อยจึงไปเขย่งปลายเท้าเป็นเพื่อนเจ้าฟักแคระ ฟุบตัวอยู่บนหน้าต่างมองบนเวทีประลองที่ส่งเสียงฮื่อ ฮ่า หมัดไปเท้ามา

เฉินผิงอันเล่าเรื่องการประชุมของศาลบุ๋นให้ฟังคร่าวๆ หนิงเหยาก็บอกถึงคำเตือนของหาวซู่สิงกวาน

สุดท้ายหนิงเหยานึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ “เรือข้ามฟากของภูเขาต่าเจี้ยวลำนั้น นอกจากผู้ฝึกตนบางส่วนที่ยินดีอยู่บนเรือราตรีต่อแล้ว เรือข้ามฟากและทุกคนที่เหลือ อาจารย์จางล้วนปล่อยไปทั้งหมด”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มีชีวิตรอดจากหายนะ แค่ตกใจไปเอง ก็คือการฝึกตนที่ดีที่สุด ดังนั้นถึงได้บอกว่ายังคงเป็นเจ้าที่หน้าใหญ่ หากเป็นข้า เจ้าของเรือลำนี้หากไม่เผยโฉม หรือต่อให้เผยตัวก็ยังต้องนั่งลงเรียกราคาสูงเทียมฟ้ากับข้าอย่างแน่นอน”

ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกกระบี่คนใดก็ล้วนสามารถใช้กระบี่เปิดตราผนึกของเรือข้ามฟากได้ตามใจชอบ

นี่คือการแสดงความเคารพที่อาจารย์จางเจ้าของเรือราตรีมีต่อบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าใหม่เอี่ยม

หนิงเหยาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เห็นได้ชัดว่าเห็นแก่หน้าของหลี่เซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าสักหน่อย”

เฉินผิงอันคลี่ยิ้มกว้างสดใส “ก็จริงนะ การประชุมครั้งนี้บางทีอาจมีเพียงข้าที่หลี่เซิ่งออกหน้าด้วยตัวเอง ทั้งรับและส่ง”

หนิงเหยายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “มีหน้ามีตาเสียจริง”

อาจารย์ผู้เฒ่าท่านหนึ่งมาโผล่อยู่ข้างโต๊ะเหล้า ยิ้มถามว่า “ขอเหล้าสักชามดื่มจากอาจารย์เฉินและแม่นางหนิงได้หรือไม่?”

เขาปรากฏตัวกะทันหัน ราวกับว่าลูกค้าที่นั่งอยู่บนโต๊ะเหล้าบริเวณใกล้เคียง ต่อให้จะเป็นนักดื่มที่คอยจับตามองคนที่ขวางหูขวางตาถึงที่สุดอย่างเฉินผิงอันอยู่ตลอดเวลาก็ยังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย รู้สึกเพียงว่าสมเหตุสมผลดีแล้ว เดิมทีก็ควรเป็นเช่นนี้

เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มกล่าว “คารวะเจ้าเรือจาง เชิญนั่งได้ตามสบาย”

อาจารย์จางนั่งลงแล้วก็หยิบจอกเหล้าใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ เหล้าเต็มจอกได้ด้วยตัวเอง ถึงกับเป็นจอกน้ำพุสุราเลยหรือ?

เฉินผิงอันถาม “รบกวนเจ้าเรือจางช่วยบอกกล่าวไปยังเจ้านครสองแห่งอย่างนครจีเฉวี่ยนและนครป๋ายเหยี่ยนหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าน่าจะไม่ไปที่นั่นแล้ว คราวหน้าที่ขึ้นเรือมาจะต้องแวะไปเยี่ยมเยือนแน่นอน”

อาจารย์จางพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”

เฉินผิงอันถามอีกว่า “ข้าสามารถเปิดร้านที่นครเถียวมู่ได้หรือไม่?”

อาจารย์จางยังคงพูดง่ายอย่างถึงที่สุด “ยินดีต้อนรับ”

บนเกาะกุ้ยฮวา เฉินผิงอันมีเรือนเล็กกุยม่ายอยู่ในนามแห่งหนึ่ง ในสวนน้ำค้างวสันต์ก็มีหน้าผาอวี้อิ๋ง แล้วยังมีร้านผีฝูด้วยอีกแห่งหนึ่ง

ครั้งนี้เดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีป บางทีอาจจะต้องปรึกษากับทางถ้ำสวรรค์วังมังกรเสียหน่อย พูดถึงเรื่องการ ‘เช่า’ เกาะบางแห่ง

คือเกาะเป็ดน้ำที่ไม่มีเจ้าของมานานหลายปี

เฉินผิงอันให้ความสำคัญกับขุนเขาสายน้ำแห่งนั้นมาก คิดเอาไว้ว่าในชีวิตของการฝึกตนในอนาคต จะคอยไปปิดด่านฝึกตนอยู่ที่นั่นเป็นระยะ

ไม่ว่าจะอย่างไร เฉินผิงอันก็หวังว่าจะสามารถเก็บมันมาไว้ในกระเป๋าตัวเองได้ ไม่ว่าจะอาศัยเงินเทพเซียนซื้อมาหรืออาศัยความสัมพันธ์ควันธูปเครือข่ายผู้คน ก็จะต้องลองดูสักตั้ง

ถ้ำสวรรค์วังมังกรถูกกองกำลังสามตระกูลแบ่งสรรกัน สำนักมังกรน้ำที่เป็นดั่งหอเรือนใกล้น้ำ ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงของลี่ไฉ่ หน่วยฉงเสวียนของราชวงศ์ต้าหยวน แล้วก็ยังมีเสิ่นหลินแห่งตำหนักวารีหนันซวินที่ได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงหยวนกงแห่งลำน้ำใหญ่ หลี่หยวนอดีตสุ่ยเจิ้งของลำน้ำใหญ่ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นหลงถิงโหว การประชุมศาลบุ๋นก่อนหน้านี้ หยางชิงข่งผู้เป็นราชครูต้าหยวนเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยือนที่สวนกงเต๋อ ดังนั้นนอกจากสองสำนักเหนือใต้ของสำนักมังกรน้ำที่เฉินผิงอันสานสะพานความสัมพันธ์ไว้แล้ว การเช่าเกาะเป็ดน้ำ หรือถึงขั้นซื้อมันไว้โดยตรง ก็มีโอกาสแล้ว

ขอแค่สำนักมังกรน้ำตอบตกลงกับเรื่องนี้ ทุกวันนี้เฉินผิงอันก็ย่อมมีวิธีการอื่นมาร่วมหาเงินจากจุดอื่นกับสำนักมังกรน้ำ

หากยังมีที่พักคล้ายคลึงกับท่าเรือบนเรือราตรีลำนี้อีก แน่นอนว่าย่อมดียิ่งกว่า

การมาพักผ่อนผ่อนคลายอารมณ์จากการฝึกตนบนภูเขาในอนาคต นอกจากจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือหรือตกปลาแล้ว อันที่จริงยังมีอีกอย่าง ก็คือพยายามมาหาประสบการณ์บนเรือราตรีบ่อยๆ เพราะว่าที่นี่มีหนังสือเยอะมาก คนเก่าๆ และเรื่องราวเก่าๆ ก็ยิ่งเยอะกว่า หากโชคดีได้พัฒนาไปอีกก้าว สามารถเปิดร้านไว้ที่นี่ได้โดยตรง การขึ้นเรือก็ยิ่งมีเหตุผลชอบธรรมมากขึ้น หรือว่าจะอนุญาตให้เจ้าเส้าเป่าเจวี้ยนเป็นเจ้านครได้แค่คนเดียว ไม่อนุญาตให้ข้าเปิดร้านทำกิจการบ้างเลย?

อาจารย์จางกล่าว “มีความคิดอย่างหนึ่ง อาจารย์เฉินลองฟังดูสักหน่อยดีไหม?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าเรือจางว่ามาได้เลย”

อาจารย์จางเอ่ยว่า “อาจารย์หลินอันของนครหลิงซีอยากจะยกตำแหน่งเจ้านครให้กับอาจารย์เฉิน ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร?”

เฉินผิงอันหันหน้าไปมองหนิงเหยา

หนิงเหยากล่าว “ไม่เกี่ยวกับข้า ก่อนหน้านี้ไปเที่ยวเยือนนครหลิงซี ข้ากับหลี่ฮูหยินพูดคุยกันได้ไม่เลว แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่นางจะยกนครให้เช่นนี้”

อาจารย์จางจึงไขปริศนาให้ “เป็นเซียนฉาที่ก่อนหน้านี้ขึ้นเรือมาเสนอความเห็น อาจารย์หลินอันรู้สึกว่าสามารถทำเรื่องนี้ได้ ข้าเองก็เคารพในความต้องการของอาจารย์หลินอัน”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ข้าไม่มีวิชาอภินิหารที่เป็นพรสวรรค์อย่างการถอดจิตท่องฝันเช่นเส้าเป่าเจวี้ยน เป็นเจ้านครของนครหลิงซีมีแต่จะเป็นเถ้าแก่สะบัดมือทิ้งร้านที่พึ่งพาไม่ได้ ย่อมต้องผิดต่อภาระยิ่งใหญ่ที่อาจารย์หลินอันมอบให้ ข้าว่าไม่ดีหรอก แค่ได้เปิดร้านหนังสือสักแห่งในนครเถียวมู่ ข้าก็พอใจมากแล้ว”

อาจารย์จางยิ้มกล่าว “ตำแหน่งเจ้านครก็ให้เว้นว่างเอาไว้ก่อน ถึงอย่างไรก็มีรองเจ้านครสองท่านคอยจัดการกิจธุระทุกอย่างให้ หลายปีที่อาจารย์หลินอันรับหน้าที่เป็นเจ้านคร เดิมทีนางก็ไม่สนใจกิจธุระต่างๆ อยู่แล้ว แต่กระนั้นนครหลิงซีก็สามารถดำเนินการมาได้อย่างไร้อุปสรรค”

เฉินผิงอันอึ้งตะลึง “แล้วอาจารย์จางไม่บอกแต่แรก?!”

อาจารย์จางเพียงแค่ยิ้มแล้วยกจอกเหล้าขึ้นดื่มกับตัวเอง

อ้อ ทีนี้รู้จักเรียกว่าอาจารย์แล้ว ไม่เรียกเจ้าเรือจางที่ฟังดูห่างเหินแล้วรึ?

อาจารย์จางถาม “เปิดร้าน เป็นเถ้าแก่ คิดว่าจะเปิดร้านทำการค้าอะไร?”

เฉินผิงอันกล่าว “เขียนตำนานเรื่องเล่าเล็กๆ ของบุคคล จากนั้นก็ทำตามกฎของนครเถียวมู่เรือราตรีค้าขายตำรา”

อาจารย์จางพยักหน้า “ได้สิ จะลงเรือเมื่อไหร่?”

เฉินผิงอันเอ่ย “ต้องดูว่าเรือราตรีจะไปจอดเทียบชายหาดโครงกระดูกเมื่อไหร่”

อาจารย์จางเก็บจอกเหล้า ยิ้มกล่าวว่า “ต้องอ้อมเส้นทางสักหน่อย ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม”

เฉินผิงอันคิดคำนวณในใจเงียบๆ เชื่อมโยงกับสถานที่ที่แสงกระบี่ของหนิงเหยาโผล่มาก่อนหน้านี้ รวมไปถึงท่าเรือกุยซวีที่หลี่เซิ่งพูดถึง จากนั้นอาศัยระยะห่างระหว่างสำนักซานไห่ของแผ่นดินกลางกับชายหาดโครงกระดูกของอุตรกุรุทวีป ก็พอจะประมาณการณ์ความเร็วในการแล่นของเรือราตรีได้คร่าวๆ

อาจารย์จางลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวลา แต่ได้มอบยันต์สีทองปึกหนึ่งไว้ให้กับเฉินผิงอัน ทว่าด้านบนสุดมีกระดาษยันต์สีเขียวอยู่แผ่นหนึ่ง วาดเป็นรูปแผนที่ขุนเขาสายน้ำเก้าทวีปของไพศาล จากนั้นก็มีแสงสีทองเล็กๆ หนึ่งจุดที่กำลังเคลื่อนไหวไปบนกระดาษยันต์ ‘ช้าๆ’ น่าจะเป็นร่องรอยบนทะเลของเรือราตรีลำนี้ในใต้หล้าไพศาล? ยันต์สีทองแผ่นอื่นๆ ถือเป็นเอกสารผ่านด่านสำหรับการขึ้นเรือของเฉินผิงอันในอนาคต?

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืนเอ่ยขอบคุณหนึ่งคำ แล้วจึงกุมหมัดส่งลา

อาจารย์จางยิ้มเอ่ยเตือนว่า “อาจารย์เฉินคือลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อของศาลบุ๋น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเรือราตรีกับศาลบุ๋นนั้นธรรมดามาโดยตลอด ดังนั้นยันต์สีเขียวแผ่นนี้ก็อย่าให้ไปอยู่ใกล้ศาลบุ๋นเลย หากเป็นไปได้ล่ะก็อย่าได้เอาออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ ส่วนวิธีการขึ้นเรือก็ง่ายมาก อาจารย์เฉินแค่ต้องบีบ ‘ยันต์นำส่ง’ แผ่นหนึ่งบนทะเลให้แหลกสลาย จากนั้นเก็บเอาปราณวิญญาณกรอกเข้าไปในจุดแสงสีทองบนยันต์สีเขียว เรือราตรีก็จะขยับเข้าใกล้มาหาอาจารย์เฉินด้วยตัวเอง ยันต์นำส่งเรียนง่ายวาดง่าย ใช้ครบยี่สิบแผ่น หลังจากนี้ก็ต้องให้อาจารย์เฉินวาดยันต์ขึ้นเองแล้ว”

หลังจากอาจารย์จางจากไป หนิงเหยาก็ส่งสายตาสอบถามมาให้

เฉินผิงอันเก็บยันต์ทั้งหมดใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ยว่า “พยายามให้มีความสัมพันธ์แบบที่ทั้งไม่ใช่มิตรและทั้งไม่ใช่ศัตรู จากนั้นก็ให้มีการไปมาหาสู่ทางการค้าต่อกัน เพิ่มบุปผาลงบนผ้าแพรให้แก่กันและกัน”

หนิงเหยาพยักหน้ารับ

นางไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวทุกอย่างบนเรือราตรีให้ปวดหัวอีกแล้ว เพราะเขาเชี่ยวชาญดี

ตรงหน้าต่าง เด็กชายผมขาวบอกว่าตัวเองก็เป็นยอดฝีมือเหมือนกัน จะบินไปตรงเวทีประลอง ต้องการช่วยบรรพบุรุษอิ่นกวานช่วงชิงเอาชื่อเสียงที่ตีกับคนทั่วหล้าไร้ศัตรูเทียมทานมา การเดินทางมาเยือนที่นี่ในครานี้ถึงจะไม่เสียเที่ยว สามารถให้ตนเป็นคนที่ได้รับความอยุติธรรมด้วยการบอกว่าเป็นแค่หนึ่งในลูกศิษย์ของบรรพบุรุษอิ่นกวานเท่านั้น หาใช่คนที่เป็นโล้เป็นพายที่สุดไม่

หมี่ลี่น้อยกอดรั้งเด็กชายผมขาวไว้เต็มแรง ไม่ให้นางก่อเรื่อง จากนั้นลากกันตัวโยกตัวเอนขยับมาทางโต๊ะเหล้า

เด็กชายผมขาวเตะสองขาอุตลุด ปากก็โวยวายไม่หยุด แม่นางน้อยชุดดำบอกว่าไม่ได้ๆ ชื่อเสียงในยุทธภพไม่อาจสร้างกันเช่นนี้

เฉินผิงอันไม่ได้ขัดขวางพวกนางสองคนที่เอะอะโวยวาย นึกไปถึงคนยี่สิบคนที่สิงกวานพูดถึง

ตัวของหาวซู่เอง เถียนหว่านแห่งภูเขาตะวันเที่ยง หันอวี้ซู่เซียนเหรินแห่งพื้นที่มงคลสามภูเขา มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจยังรวมใครบางคนของสำนักฉงหลินไปอีกคน

ในเมื่อสิงกวานหาวซู่มาเยือนเรือราตรีลำนี้ ทั้งยังหยุดอยู่ที่นครหรงเม่าค่อนข้างนาน ถ้าอย่างนั้นเจ้านครสิงเม่าที่ใช้นามแฝงว่าเส้าเป่าเจวี้ยน คนผู้นี้ก็อาจจะกลายเป็นสมาชิกตัวสำรองที่สามารถชดเชยตำแหน่งที่ขาดได้ทุกเมื่อ

แน่นอนว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการทิ้งไป เป็นหนึ่งในคนยี่สิบคน เพียงแต่ว่าอำพรางตนไว้ได้อย่างลึกล้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่เส้าเป่าเจวี้ยนวางแผนเล่นงานตนในทุกก้าวย่างตอนอยู่นครเถียวมู่ก็มีเหตุผลมากพอจะอธิบายได้แล้ว

ส่วนสำนักฉงหลินก็มีความเกี่ยวข้องกับเซียนกระบี่ใหญ่ป๋ายฉางและลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างสวีเซวี่ยนแห่งอุตรกุรุทวีปค่อนข้างลึกล้ำ เพราะสวีเซวี่ยนคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจซึ่งอยู่เบื้องหลังสำนักฉงหลิน เรื่องนี้หลิวจิ่งหลงเคยเตือนเขามาก่อน ไม่อย่างนั้นด้วยตบะขอบเขตหยกดิบของเจ้าสำนักฉงหลิน ป่านนี้ก็คงถูกพวกเซียนกระบี่และปรมาจารย์ใหญ่วิถีวรยุทธของบ้านเกิดที่เกลียดขี้หน้าเขาต่อยจนฟันร่วงเต็มพื้นไปนานแล้ว ผู้ฝึกลมปราณและผู้ฝึกยุทธเต็มตัวของอุตรกุรุทวีปมีสักกี่คนกันที่พูดคุยด้วยง่าย? ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะถูกคนเอากระสอบป่านครอบหัวซ้อม หรือไม่ก็ขว้างวิชาอภินิหาร กระบี่บินที่เหมือนสายฝนใส่ศาลบรรพจารย์บ้านคนอื่น โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ

สำนักฉงหลินที่เป็นแผงลอยการค้าใหญ่ขนาดนี้ บนภูเขาล่างภูเขา ทั่วทั้งอุตรกุรุทวีป หรือแม้กระทั่งในธวัลทวีปและแจกันสมบัติทวีปก็ยังมีกิจการของพวกเขาอยู่ไม่น้อย พูดถึงแค่ตระกูลเซียนทั้งหลายที่อยู่ใกล้เคียงกับภูเขาตี่ลี่ก็คือภูเขาเงินภูเขาทองอย่างสมชื่อที่แท้จริงแล้ว

ตอนนั้นสำนักฉงหลินเคยไปหาจวนไฉ่เชวี่ยด้วยเรื่องของชุดคลุมอาคม สามครั้งห้าครั้ง เสนอเงื่อนไขที่ดีเยี่ยมให้แก่จวนไฉ่เชวี่ย อีกทั้งยังแสดงออกให้เห็นว่าเป็นคนที่พูดคุยด้วยง่ายอย่างถึงที่สุด ต่อให้จวนไฉ่เชวี่ยจะปฏิเสธไปหลายครั้ง ก็ดูเหมือนว่าหลังจบเรื่องจะไม่เคยขัดขาจวนไฉ่เชวี่ยอย่างลับๆ เลยสักครั้งเดียว ดูท่าความต้องการของคนดื่มสุราไม่ได้อยู่แค่ที่สุราแล้ว แต่อยู่บนภูเขาลั่วพั่วด้วย เป็นเพราะสำนักฉงหลินกังวลว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น? ดังนั้นถึงได้ทำอะไรอย่างสำรวมคลุมเครือเช่นนี้?

เฉินผิงอันถึงขั้นไม่ตัดความเป็นไปได้อย่างหนึ่งออก สมมติว่าเจ้าสำนักฉงหลินคือหนึ่งในยี่สิบคนจริง ก็ไม่แน่ว่าอาจมีคนที่สองของสำนักที่ซ่อนอยู่ในจุดมืดสลัวยิ่งกว่า

เฉินผิงอันแบ่งสมาธิไปคิดเรื่องราวต่างๆ พลางพูดคุยกับเผยเฉียนไปด้วย “เดี๋ยวจะสอนวิชาหมัดบทหนึ่งแก่เจ้า จะต้องตั้งใจเรียนให้ดี วันหน้าไปที่เรือนฉ่าวถังผูซาน ไปขอความรู้จากผู้อาวุโสหวงอีอวิ๋น เจ้าก็สามารถใช้หมัดนี้ได้”

เผยเฉียนตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากพยักหน้ารับแล้วก็แอบดื่มเหล้าหนึ่งอึกระงับความตกใจ

เฉินผิงอันลุกขึ้นเอ่ยว่า “พวกเราออกไปหาสถานที่เงียบๆ ฝึกหมัดกัน”

เด็กชายผมขาวกลอกตาเร็วรี่ ก่อนจะเดินอาดๆ หมายจะนำทางทุกคน

ผลคือถูกหมี่ลี่น้อยกอดเอาไว้ “จ่ายเงิน อย่าลืมจ่ายเงินก่อนสิ”

เด็กชายผมขาวโอดครวญ กระซิบกระซาบกับหมี่ลี่น้อยพักหนึ่งเพื่อขอยืมเศษเงินมาจากนาง หมี่ลี่น้อยมอบเงินให้แล้วก็รีบหยิบพู่กันถ่านอันเล็กบางที่พ่อครัวเฒ่าทำให้ออกมาจากในหีบหนังสือ จากนั้นกางสมุดว่างเปล่าเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะ เปิดหน้าแรกแล้วเริ่มเขียนบัญชีด้วยสีหน้าจริงจัง

แม่นางน้อยเขียนไปด้วยแล้วยังต้องใช้มือข้างหนึ่งปิดไปด้วย

เฉินผิงอันเหลือบตามองสมุดบัญชีที่เหมือนร้านเล็กๆ เพิ่งจะเปิดกิจการก็ยิ้มถามว่า “ก่อนหน้านี้ที่ให้เงินข้ายืม ทำไมไม่จดลงบัญชีด้วยเล่า?”

หมี่ลี่น้อยไม่เงยหน้าขึ้นมา เพียงแค่ยื่นมือมาเกาแก้ม เอ่ยว่า “ข้ากับเจ้าฟักแคระคือสหายในยุทธภพนี่นา ทำการค้าจึงต้องคิดบัญชีกันอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นหากว่าข้าติดเงินก็จะจดเอาไว้ แต่ข้ากับเจ้าขุนเขาคนดี กับพี่หญิงหนิงและเผยเฉียนล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกันนะ ไม่ต้องคิดบัญชี”

เผยเฉียนยิ้มยื่นมือไปโยกศีรษะของหมี่ลี่น้อย

พอถูกโยกหัวแบบนี้ ตัวอักษรบนสมุดจึงเบี้ยวไปด้วย หมี่ลี่น้อยโมโหจนกระทืบเท้า ยื่นมือมาปัดมือเผยเฉียนทิ้ง “อย่าเร่งๆ กำลังจดบัญชีล่ะ”

คนทั้งกลุ่มเดินเท้าออกมาจากในนครที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของยุทธภพและกลิ่นอายชาวบ้านร้านตลาด เดินไปบนถนนทางหลวงที่แบ่งเส้นทางสัญจรสำหรับเดินเท้าและรถม้า กระทั่งไปเจอกับป่าลูกพลับแห่งหนึ่งที่ลูกพลับสุกงอมเป็นสีแดงราวกับทะเลเพลิง

ก่อนหน้านี้ผ่านทะเลสาบแห่งหนึ่ง ไอน้ำไอหมอกลอยอบอวล เรือลำน้อยที่จอดตกปลา เดิมทีก็คล้ายปลาที่ว่ายวนอยู่ในน้ำ

เวลานี้เด็กชายผมขาวพาหมี่ลี่น้อยไปเก็บลูกพลับสีแดงที่ร่วงเต็มพื้นเหมือนโคมไฟอันน้อย ดินและน้ำที่ใดบ้างที่ไม่หล่อเลี้ยงผู้คน

หนิงเหยาเอนหลังพิงต้นไม้ต้นหนึ่ง สองแขนกอดอก นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นอาจารย์และศิษย์สองคนนี้สอนหมัดเรียนหมัดกัน

เผยเฉียนปลดหีบไม้ไผ่ลงมาวางไว้ตรงจุดที่ห่างไปไกล คล้ายกับว่ารู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง จึงไม่รู้ว่าควรจะวางมือวางเท้าไว้ตรงไหนดี

เฉินผิงอันประหลาดใจเล็กน้อย ยิ้มถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้?”

อันที่จริงคนที่ตื่นเต้นควรจะเป็นอาจารย์พ่ออย่างเขามากกว่า ต้องระวังว่าจะถูกลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาต่อยให้ล้มคว่ำด้วยหมัดเดียวอีกครั้ง

เผยเฉียนสูดลมหายใจเข้าลึก ยืนนิ่งอย่างเคร่งขรึม “ขออาจารย์พ่อโปรดสอนหมัด”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ เอ่ยว่า “หมัดที่จะสอนในวันนี้เรียบง่ายมาก ข้าจะใช้วิชาหมัดแค่บทเดียวมาประลองฝีมือกับเจ้า ส่วนเจ้า สามารถออกหมัดได้ตามสบาย”

——

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 809.2 เสียงในใจ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์