กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 817.4 ปลาใหญ่เหมือนมังกร
ชุยตงซานยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “อันที่จริงลืมบอกกับเจ้าไปว่า เรื่องที่ไม่บังเอิญที่สุดก็คือข้าค่อนข้างเชี่ยวชาญในการรับมือกับเทวบุตรมารนอกโลก ต่อสู้กับผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งอาจกินแรงอยู่บ้าง แต่เล่นงานเทวบุตรมารนอกโลกขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งกลับทำได้ง่าย”
ครู่หนึ่งต่อมาชุยตงซานก็ยกมือขึ้น สะบัดชายแขนเสื้อสีขาวหิมะ
เด็กชายผมขาวหน้าซีดขาวเล็กน้อย เม้มปากไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เมื่อครู่คนผู้นี้เปิดประตูห้องหัวใจเหมือนคนโง่ที่เป็นฝ่ายเปิดประตูต้อนรับแขก แต่นางกลับดันไม่เชื่อ จึงข้ามธรณีประตูเข้าไป ผลคือจิตวิญญาณถูกฉีกกระชากออกเป็นสามร้อยกว่าส่วนในเสี้ยววินาที แล้วถูกวางไว้บนกระดานหมากที่อยู่ระหว่างเมฆหลากสี กลายไปเป็นหมากแต่ละเม็ด
หมี่ลี่น้อยกระตุกชายแขนเสื้อของชุยตงซาน เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
แม่นางน้อยชุดดำไม่ได้พูดว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ
นางไม่รู้สึกว่าตัวเองสามารถชี้นิ้วสั่งชุยงตงซานได้ แต่นางก็เป็นกังวลจริงๆ ดังนั้นนางจึงทำเพียงเงยหน้าขึ้น เกาแก้ม หัวเราะฮ่าๆ สองที
ชุยตงซานคลี่ยิ้มอ่อนโยน ตบหัวหมี่ลี่น้อยเบาๆ “ไม่ต้องห่วง พวกเราแค่เล่นสนุกกันเท่านั้นเอง”
เด็กชายผมขาวเอ่ยด้วยเสียงในใจ “เจ้าก็คือซิ่วหู่?!”
ตอนที่อยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ บรรพบุรุษอิ่นกวานไม่เคยบอกว่าชุยฉานศิษย์พี่ของเขาได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว
และตอนที่อยู่บนเรือราตรี อู๋ซวงเจี้ยงก็ได้ช่วยนางเสริมความทรงจำส่วนหนึ่งมาเพิ่ม หนึ่งในนั้นก็คือคำวิจารณ์ที่มีต่อนักพรตของบ้านเกิดอย่างไพศาลที่เขายินดีมอบคำว่าวีรบุรุษผู้กล้าให้ มีเพียงสามคนเท่านั้น เจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว ชุยฉานราชครูต้าหลี
นอกจากนี้ยังมีโจวจื่ออีกหนึ่งคน
ชุยตงซานบ่นว่า “อยู่ดีๆ มาด่ากันทำไม”
ไม่ถูกสิ คนผู้นี้ไม่ใช่ชุยฉานทั้งหมด ถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่ชุยฉานเลย
แค่รู้สึกว่าภูเขาลั่วพั่วของบรรพบุรุษอิ่นกวานเต็มไปด้วยอันตรายรายล้อมจริงๆ ตนเป็นถึงขอบเขตบินทะยานผู้ยิ่งใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจเดินกร่างได้เลย
มันเหลือบตามองชายแขนเสื้อของชุยตงซานแล้วหัวเราะหยันว่า “ใช้ได้นี่นา กระจกโบราณส่องจิต ร่างกายและจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ชายแขนเสื้อมีทะเลบูรพา กาหยกรินเท หมายปล่อยดวงจันทร์หนึ่งดวง”
ชุยตงซานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตะวันและจันทรา ทิวาราตรีไม่หยุดพัก บนภูเขาใครเล่าจะเกียจคร้านเหมือนข้าผู้อาวุโส ไม่ยอมฝึกตนเป็นเทพเซียน”
เด็กชายผมขาวเอ่ยชื่นชม “กลอนดี กลอนดี สามารถเอามาผัดกับข้าวโต๊ะใหญ่ได้เลย หากว่าแต่งได้บทหนึ่งทุกวัน ครบหนึ่งปีจะไม่ประหยัดเงินไปมากมายเลยหรอกหรือ”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “วันหน้าหัดไปเรียนรู้จากเทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยให้ดีว่าควรจะพูดจาอย่างไร”
……
ในรัศมีแปดร้อยลี้ที่มียอดเขาอีเซี่ยนภูเขาบรรพบุรุษเป็นใจกลาง ล้วนเป็นภูเขาสายน้ำส่วนตัวของภูเขาตะวันเที่ยง
ยอดเขาอีเซี่ยนที่มีกลุ่มยอดเขาห้อมล้อมดุจดาวล้อมเดือนมีปราณกระบี่ตัดสลับถักทอ เกิดเป็นภาพบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจ มีผู้ฝึกกระบี่จับมือกันขี่กระบี่ไปมาอยู่เป็นระยะ มองดูอยู่ไกลๆ ก็คล้ายกับว่ามีลำแสงหิ่งห้อยที่ลากยาวอยู่กลางอากาศเส้นแล้วเส้นเล่า
การประชุมในศาลบรรพจารย์วันนี้ไม่มีเก้าอี้ว่างเปล่า เซียนกระบี่ทุกท่าน เค่อชิงผู้ถวายงานล้วนมาถึงกันหมดแล้ว
เจ้าสำนักจู๋หวง บรรพจารย์ขอบเขตหยกดิบ เซี่ยหย่วนชุ่ย เถาแยนโปบรรพบุรุษตระกูลเถาที่ดูแลเรื่องเงิน เยี่ยนฉู่บรรพจารย์ผู้คุมกฎของสำนัก หยวนเจินเย่ผู้ถวายงานปกป้องภูเขา
นอกจากนี้ตำแหน่งที่ค่อนไปทางด้านหน้าล้วนเป็นพวกเจ้าของยอดเขาอย่างยอดเขาอวิ๋นเฟิง
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังมีเถียนหว่าน ผู้ดูแลรายงานขุนเขาสายน้ำและบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ ส่วนเรื่องของการรวบรวมและคัดกรองรายงานข่าว นางแค่แขวนชื่อไว้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่แท้จริง
ตำแหน่งที่นั่งอยู่ท้ายสุดก็คือคนนอกอย่างหยวนป๋าย เจ้าของยอดเขาตุ้ยเซวี่ย ทุกครั้งที่เข้าร่วมการประชุมของศาลบรรพจารย์ หยวนป๋ายไม่เคยพูดอะไร มาเข้าร่วมการประชุมเพื่อให้ครบจำนวนคนยิ่งกว่าเถียนหว่านเสียอีก
ทว่าผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนนี้เคยเป็นหนึ่งในหยกคู่ของอดีตราชวงศ์จูอิ๋ง อีกคนหนึ่งทุกวันนี้ไปอยู่ที่ภูเขาฮุยเหมิงซึ่งเป็นภูเขาใต้อาณัติของภูเขาลั่วพั่ว ใช้นามแฝงว่าเส้าพอเซียน
ดูเหมือนว่าจุดจบของคนทั้งสองต่างก็ไม่ค่อยดี ล้วนต้องมาพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาคนอื่น
หยวนป๋ายเลื่อนจากเค่อชิงมาเป็นผู้ถวายงานได้ไม่นานเท่าไรก็พกกระบี่ลงจากภูเขา ไปถามกระบี่กับหวงเหอที่สวนลมฟ้าครั้งหนึ่ง สามารถถ่วงรั้งการฝ่าทะลุขอบเขตของฝ่ายหลังเอาไว้ได้ ทว่าผลสำเร็จบนวิถีกระบี่ของหยวนป๋ายกลับต้องเดินมาถึงปลายทางของทางหัวขาดแต่เพียงเท่านี้
ข้างกายหยวนป๋ายมีเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่งที่มีชีวิตพึ่งพากันและกันอยู่บนยอดเขาตุ้ยเซวี่ยเท่านั้น
เพียงแต่ว่าการประชุมในยอดเขาอีเซี่ยนครั้งนี้ ในศาลบรรพจารย์ได้มีคนหน้าใหม่เพิ่มมาสองคน คนหนึ่งคือผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่อายุยังน้อย คราวก่อนมีงานพิธีเปิดยอดเขาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ คนทั้งทวีปล้วนรับรู้
คนผู้นี้เกือบจะได้เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักกระบี่หลงเฉวียน แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หร่วนฉงถึงเป็นฝ่ายสละตัวอ่อนเซียนกระบี่คนนี้ทิ้ง
และยังมีอู๋ถีจิงที่อายุน้อยยิ่งกว่า สีหน้าเย็นชา ไม่ชอบยิ้มแย้มพูดคุย หลังจากนั่งลงแล้วก็เริ่มหลับตาทำสมาธิ ไม่ต่างจากหยวนป๋ายสักเท่าไร
เสียงในใจที่เอ่ยแสดงความยินดีกับเขา เขากลับคร้านจะสนใจ
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมีชื่อว่ายวนยาง นอกจากนี้แล้วว่ากันว่ายังมีกระบี่บินที่เก็บเป็นความลับไม่แพร่งพรายอยู่อีกเล่มหนึ่ง
ทุกวันนี้ทั่วทั้งบนและล่างภูเขาตะวันเที่ยงต่างก็กำลังลงแรงกันอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานพิธีการเฉลิมฉลองที่ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาอย่างหยวนเจินเย่จะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบ
เว่ยป้อแห่งภูเขาพีอวิ๋นคือซานจวินขุนเขาใหญ่คนแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีปที่ได้เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน
ส่วนผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยงคนนี้ก็กลายเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนแรกที่มีชาติกำเนิดมาจากภูต
และการประชุมในวันนี้ก็เพราะว่ามีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องมาเยือนสำนัก
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานทางฝั่งของสกุลเจียงอวิ๋นหลินได้ส่งข่าวดีที่ใหญ่เทียมฟ้าข่าวหนึ่งมาให้ การประชุมของศาลบุ๋นในครั้งนี้ก็ด้วยเรื่องที่ว่า เนื่องจากการพูดอย่างเป็นกลางของเจ้าประมุขตระกูล ขอแค่ราชวงศ์ต้าหลีพยักหน้าตอบตกลง และทางฝั่งของภูเขาตะวันเที่ยงยอมเอาผู้ฝึกกระบี่ออกมาห้าสิบคน ให้พวกเขาเดินทางไปยังเปลี่ยวร้าง เรื่องของสำนักเบื้องล่างก็จะผ่านการอนุมัติจากศาลบุ๋นไปได้
ในความเป็นจริงแล้วก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าสำนักจู๋หวงได้ฝ่าทะลุขอบเขต เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบอย่างเงียบเชียบ ทว่าจู๋หวงเพียงแค่ปรึกษาเรื่องนี้กับอาจารย์อาเซี่ยหย่วนชุ่ย เถาแยนโปเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่ ผู้ถวายงานหยวนและคนรู้ใจอย่างเถียนหว่านเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ความหมายของจู๋หวงก็คือขอให้ผ่านไปอีกสักสองสามปีค่อยปล่อยข่าวนี้ออกไป ถึงเวลานั้นค่อยจัดงานพิธีกันอีกครั้ง
เซี่ยหย่วนชุ่ยเอ่ยชมประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ไหว ศิษย์หลานช่างเก็บอารมณ์ได้ดีจริงๆ
ฝ่ายสุนัขรับใช้ที่เอาแต่ประจบสอพลอเจ้าสำนักอย่างเถียนหว่านก็ถึงกับเสนอว่าไม่สู้เรื่องดีมาเป็นคู่ จะได้จัดงานพิธีไปพร้อมกันได้พอดี
เถาแยนโปหัวเราะหยัน บอกว่าข้าที่เป็นดูแลเงินยังไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องประหยัดเงินก้อนนี้เลย เถียนหว่านเจ้าที่เป็นคนดูแลรายงานขุนเขาสายน้ำกลับรู้จักคิดแทนข้ามากนัก ทำไม หรือพวกเราสองคนมาแลกตำแหน่งกันนั่งดีไหมล่ะ?
ผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่หัวเราะดังลั่น บอกว่างานพิธีเฉลิมฉลองของภูเขาตะวันเที่ยงพวกเรามีขึ้นติดกันครั้งแล้วครั้งเล่า หลายปีมานี้จัดถี่เกินไปมากจริงๆ ทำให้พวกผู้ฝึกตนในทวีปมองกันตาไม่กะพริบ สหายบนภูเขาวิ่งกันจนขาแทบขวิดแล้ว คาดว่าคงเริ่มมีคนบ่นด้วยความไม่พอใจบ้างแล้ว หากหลี่ถวนจิ่งยังมีชีวิตอยู่บนโลกจะไม่โมโหจนจิตแห่งกระบี่แตกสลายคาที่เลยหรือ?
ได้ยินว่ามีหวังจะสร้างสำนักเบื้องล่าง นอกจากอู๋ถีจิงและหยวนป๋ายที่ยังคงไม่สะทกสะท้านแล้ว ทุกคนในศาลบรรพจารย์ต่างก็มีสีหน้ายินดีปลาบปลื้มกันไม่มากก็น้อย
ก่อนหน้านี้คำวิจารณ์เกี่ยวกับภูเขาตะวันเที่ยงในทวีปออกจะแย่ไปสักหน่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสำนักตัวอักษรจงเก่าแก่ทั้งหลายที่เอ่ยถ้อยคำไร้มารยาทต่อภูเขาตะวันเที่ยงไปไม่น้อย ในบรรดานั้นก็มีบรรพจารย์ฉินแห่งร่องต้าหนีของศาลลมหิมะที่พูดจาเหน็บแนมอย่างเปิดเผยอยู่หลายคำ ความหมายคร่าวๆ ก็คือภูเขาตะวันเที่ยงมีคุณูปการเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า อย่าว่าแต่สำนักเบื้องล่างแห่งหนึ่งเลย ต่อให้ก่อตั้งสำนักเบื้องล่างไปทั่วเก้าทวีปก็ยังเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว
เยี่ยนฉู่พูดกลั้วหัวเราะว่า “ตอนนี้เรื่องของสำนักเบื้องล่างเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ถ้าอย่างนั้นสำนักล่างล่างก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย ลองคิดดูได้นะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นบรรพจารย์ฉินจะยินดีขยับเท้าออกจากบ้านมาร่วมงานพิธีของพวกเราหรือไม่”
เถาแยนโปลูบหนวดยิ้มกล่าว “ถึงเวลานั้นข้าจะส่งเทียบเชิญไปยังร่องต้าหนีของศาลลมหิมะด้วยตัวเอง ฉบับหนึ่งไม่ได้ ก็ส่งไปเพิ่มอีกหลายๆ ฉบับ”
เหล่าเซียนกระบี่ผู้เฒ่าที่รวมถึงยอดเขาโปอวิ๋นเป็นหนึ่งในนั้นก็เคยอัดอั้นกับเรื่องนี้กันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเฒ่าคนแก่ของภูเขาตะวันเที่ยงเช่นพวกเขาที่เคยไปเยือนสนามรบของนครมังกรเฒ่า สนามรบของลำน้ำใหญ่ที่ทุ่มชีวิตออกกระบี่หลายครั้งอย่างแท้จริง
เนื้อหาการประชุมในวันนี้ยังมีการเปิดยอดเขาหลังจากที่อู๋ถีจิงเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตโอสถทองแล้ว จะเปิดยอดเขาลูกไหน นับแต่วันนี้ไปจะไปฝึกกระบี่อยู่ที่ใด
ทุกวันนี้ภูเขาที่ว่างอยู่เหลืออีกไม่มากแล้ว
หนึ่งในนั้นก็มียอดเขาเดียวดายเล็กใหญ่ที่เรียกรวมกันว่ายอดเขาคู่รักที่ถูกปล่อยว่างมาโดยตลอด ไม่เคยเปิดยอดเขา เพราะไม่มีผู้ฝึกกระบี่คู่รักที่จับมือกันเลื่อนเป็นเซียนดินมานานมากแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ภูเขาตะวันเที่ยงยังตั้งกฎของสำนักไว้ข้อหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ว่าผู้ฝึกกระบี่คู่รักสองคนใดก็ตาม ขอแค่เลื่อนเป็นโอสถทองทั้งสองคนก็ไม่เพียงแต่เข้าไปอยู่ในยอดเขาคู่รักได้ ยังสามารถเก็บรักษายอดเขาก่อนหน้านี้ไว้ได้ด้วย
ส่วนยอดเขาสะพายกระบี่ซึ่งเป็นยอดเขาสูงอันดับที่สองเว้นจากยอดเขาอีเซี่ยนซึ่งเป็นยอดเขาบรรพบุรุษ บรรพจารย์บุกเบิกภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยงได้วางกระบี่ยาวเล่มหนึ่งไว้บนยอดเขา และเคยตั้งกฎเหล็กเอาไว้ว่ามีเพียงผู้ฝึกกระบี่รุ่นหลังที่เป็นเซียนกระบี่ภายในอายุร้อยปีเท่านั้น ถึงจะสามารถนำกระบี่ยาวเล่มนี้ไปเป็นกระบี่ประจำกายได้ เวลาปกติแล้วหยวนเจินเย่ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาก็ฝึกตนอยู่ที่ภูเขาลูกนี้
ในความเป็นจริงแล้วขอแค่มีใครสามารถเอากระบี่ยาวไปได้ ไม่พูดถึงสถานะเจ้ายอดเขาของยอดเขาสะพายกระบี่ อันที่จริงแม้แต่ตำแหน่งเจ้าสำนักของภูเขาตะวันเที่ยงก็ไม่มีใครมีความเห็นต่างใดๆ แล้ว
นอกจากนี้ก็คือยอดเขาชิงอู้ที่อยู่ใกล้กับท่าเรือป๋ายลู่มากที่สุด ภูเขาเล็ก ปราณวิญญาณบางเบา และยังอึกทึกเสียงดัง ไม่ว่าใครก็ล้วนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร
หลังจากที่สงครามใหญ่ปิดฉากลง ผู้ถวายงานหยวนก็ไปย้ายเอาขุนเขาเก่าสามลูกทางทิศใต้ที่ปริแตกซึ่งอยู่ใต้อาณัติของต้าหลีมา แม้ว่าภูเขาจะมีความเสียหายอย่างหนัก แต่ถึงอย่างไรก็เคยเป็นขุนเขาใหญ่ของหนึ่งแคว้น รากฐานจึงดีเยี่ยม ลูกหนึ่งในนั้นก็ได้มอบให้กับโอสถทองหนุ่มที่ย้ายจากสำนักกระบี่หลงเฉวียนมาอยู่ภูเขาตะวันเที่ยง แต่ภูเขาลูกที่ดีที่สุดนั้น ว่ากันว่าวานรเฒ่าชุดขาวตั้งใจเก็บไว้ให้เถาจื่อโดยเฉพาะ
นอกจากนี้แล้วก็เหลือแค่ยอดเขาปี้ไห่ ภูเขาอวี้หลาง ภูเขาซีอวิ๋น ภูเขาสู่หลง ไม่ดีไม่เลว แต่แท้จริงแล้วล้วนไม่เหมาะจะยกให้กับผู้มีพรสวรรค์บนวิถีแห่งกระบี่ที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวต่อโลกภายนอกอย่างอู๋ถีจิง
สุดท้ายเจ้าสำนักจู๋หวงก็ได้ให้ข้อสรุปว่าจะมอบยอดเขาเซียนเหรินสะพายกระบี่ให้กับอู๋ถีจิง
ทันใดนั้นสีหน้าของผู้คนในศาลบรรพจารย์ก็เปลี่ยนมาเป็นหลากหลาย
แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คืออู๋ถีจิงกลับเป็นฝ่ายเสนอขอเปลี่ยนยอดเขาด้วยตัวเอง ต้องการเป็นยอดเขาคู่รักแห่งนั้น
แม้แต่จู๋หวงและพวกบรรพจารย์ทั้งหลายก็ยังมึนงง จึงได้แต่พักเรื่องนี้ไว้ก่อนชั่วคราว คิดว่าจะสอบถามอู๋ถีจิงเป็นการส่วนตัวเสียก่อนว่าเหตุใดถึงได้เลือกเช่นนี้
หลังจากเลิกประชุม เถียนหว่านก็ขี่กระบี่กลับไปยังยอดเขาจูอวี๋ที่ถูกผู้คนเยาะเย้ยว่า ‘นกไม่มาเกาะ’ เพียงลำพัง
บรรพจารย์หญิงที่ชื่อเสียงไม่ดีผู้นี้อาศัยอยู่ในภูเขาเพียงลำพัง พอมาถึงสถานที่ฝึกตนก็พลันยื่นมือมากุมหน้าผาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เดิมทีควรจะเป็นช่วงเวลาอันดีงามที่ผลิดอกออกผล
ในภูเขามีบรรพจารย์เซี่ยหย่วนชุ่ยที่ปิดด่านมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน จากนั้นก็เป็นเจ้าสำนักจู๋หวง ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาหยวนเจินเย่
นอกภูเขามีเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ หลี่ถวนจิ่ง หวงเหอ หลิวป้าเฉียวแห่งสวนลมฟ้า
อู๋ถีจิง รวมไปถึงซูเจี้ยที่ถูกนางพากลับมายังภูเขาตะวันเที่ยงอย่างเงียบเชียบแล้วพาไปอยู่ที่ยอดเขาคู่รัก
อู๋ถีจิงที่เป็นหลี่ถวนจิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่ ส่วนซูเจี้ย? ก็คือผู้ฝึกตนหญิงที่น่าสงสารของภูเขาตะวันเที่ยงที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เคยเข่นฆ่ากันด้วยความรักกับหลี่ถวนจิ่งตามความหมายที่แท้จริงไปครั้งหนึ่ง
เดิมทีหากบวกหวงเหอกับหลิวป้าเฉียวในชาตินี้เข้าไปด้วย
ก็จะกลายเป็นปมเชือกที่พัวพันกันยุ่งเหยิง
บวกกับการวางแผนลับที่ร้อยเรียงต่อเนื่องกันในจุดอื่น โชคชะตาวิถีกระบี่ของหนึ่งทวีป อย่างน้อยที่สุดนางสามารถยึดครองไปได้สี่ส่วน หากโชคดีก็จะได้ไปครึ่งหนึ่งเต็มๆ!
เอามาหล่อหลอมเป็นวัตถุที่ขัดเกลามหามรรคา ส่วนโชคชะตากระบี่บริสุทธิ์ที่เหลืออยู่ นางเตรียมเอาไว้มอบให้คนอื่นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
นางสามารถทำการค้าที่ใหญ่เทียมฟ้าครั้งหนึ่งกับคนบางคนที่อยู่ทางเหนือได้
ไม่ว่าในอนาคตเขาจะเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่หรือไม่ก็ล้วนจะรับปากนางสามเรื่อง
‘เถียนหว่าน’ สะบัดชายแขนเสื้อ สีหน้ากลับคืนมาเป็นปกติได้ทันที จุ๊ปากเอ่ยว่า “ฝีมือนี้เรียกได้ว่าฝีมือของเทพเซียน พอจะนำไปวางไว้ในสถานการณ์เมฆหลากสีได้อย่างถูไถ”
ความคิดของสตรีรอบคอบละเอียดอ่อนจริงเสียด้วย
สีหน้าของนางแสดงความเจ็บปวด ใบหน้าบิดเบี้ยว
เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นกลับคล้ายหลุดพ้นอย่างเต็มที่ เหมือนคนที่แยกดินแดนออกมาตั้งตัวเป็นอิสระ ไม่สะทกสะท้านด้วยแม้แต่น้อย
ตัวของนางสั่นสะท้าน ยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาปาดลงไปบนใบหน้าเบาๆ เอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “ทำตัวดีๆ หน่อย บวกกับคราวก่อนก็สองครั้งแล้ว เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสาม หากยังไม่รักษากฎอีกรอบ ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะพาเจ้าไปขับถ่ายให้ทั่วยอดเขาเซียนเหรินสะพายกระบี่ จากนั้นไปเปลื้องผ้าร่ายระบำอยู่บนยอดเขาตุ้ยเซวี่ย หรือไม่อย่างนั้นก็ไปยอดเขาชิงอู้ที่อยู่ใกล้กับท่าเรือป๋ายลู่ที่สุด ให้เจ้าตะโกนดังๆ สามรอบว่าเถียนหว่านชอบบรรพจารย์หยวน”
เถียนหว่านยิ้มเอ่ย “ไม่ทันระวังถูกอาจารย์ตกปลาใหญ่ได้สองตัวแล้ว”
ตัวหนึ่งในนั้นก็คือเซียนกระบี่ใหญ่ป๋ายฉางแห่งอุตรกุรุทวีป
อาศัยหินของภูเขาลูกอื่นมากลึงเป็นหยก ภูเขาที่ยืมมาก็คือวิถีกระบี่ทางทิศใต้ครึ่งหนึ่งของแจกันสมบัติทวีป
แน่นอนว่าเพื่อเลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานแล้วมุ่งไปสู่ขอบเขตสิบสี่ แต่โอกาสผสานมรรคาที่แน่นอนของคนผู้นี้คืออะไร กลับยังยากจะคาดเดาอยู่เหมือนเดิม
ส่วนปลาใหญ่อีกตัวนั้น คือสกุลลู่สำนักหยินหยางแผ่นดินกลาง แต่ไม่ใช่โจวจื่ออย่างที่ชุยตงซานคาดการณ์เอาไว้
ส่วนความรุ่งโรจน์ความตกอับของภูเขาตะวันเที่ยง นางย่อมไม่สนใจแม้แต่น้อย ก็แค่ไฟแรงน้ำมันเดือด นกทิ้งรอยเท้าไว้ในหิมะแล้วจากไปเท่านั้น
เถียนหว่านคิดไปเงียบๆ ก่อนจะอดไม่ไหวถอนหายใจออกมา
นางยกมือตบหน้าตัวเองทันที
เถียนหว่านมีสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย แล้วตบหน้าตัวเองซ้ำอีกที เรี่ยวแรงนั้นหนักหน่วงจนแก้มสองข้างแดงบวมฉึ่ง
นางหัวเราะคิกเอ่ยว่า “เจ้าเป็นสตรี ยามที่อำมหิตขึ้นมาแม้แต่ตัวเองก็ยังตบตีได้ลงคอ”
เถียนหว่าน คือควรจะเรียกว่าชุยตงซานที่ ‘มีชีวิตอยู่พึ่งพากันและกัน’ สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ สาวเท้าเดินเป็นวงกลมอยู่ในห้อง
ลู่ไถที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้า
หลิวไฉที่ยังซ่อนตัวเก็บหัวเก็บหาง
หลิวไฉ่สาวใช้ข้างกายหยวนป๋าย ตัวอยู่ที่ภูเขาตะวันเที่ยง เมื่อเทียบกับภูเขาลั่วพั่วแล้วจึงถือว่าอยู่ใกล้เพียงตรงหน้า
เย่จู๋ชิงเทพวารีแม่น้ำชงตั้นเคยส่งจดหมายลับหลายฉบับมาที่ยอดเขาอีเซี่ยน เนื้อหายิบย่อยที่มองดูเหมือนสำคัญอย่างมาก แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ภูเขาลั่วพั่วยอมให้ภูเขาตะวันเที่ยงรับรู้ เพื่อถือโอกาสนี้หลอกเซียนกระบี่ผู้อาวุโส เซียนกระบี่ใหญ่และเหล่าเซียนกระบี่รุ่นเยาว์ของศาลบรรพจารย์ให้หลงลงคูลงคลองไป
และจดหมายลับพวกนี้ก็ล้วนเป็นลายมือของจูเหลี่ยนผู้ดูแลใหญ่ทั้งสิ้น ไม่แน่ว่าตัวอักษรทุกตัวในจดหมายอาจเป็นเขาที่เขียนด้วยตัวเอง ก็แค่เลียนแบบลายมือและน้ำเสียงในการพูดของเย่จู๋ชิงเท่านั้น
ไม่แน่ว่าเย่จู๋ชิงอาจจะคอยฝนหมึกอยู่ข้างกายพ่อครัวเฒ่าด้วยซ้ำ
อันที่จริงลำพังแค่ภูเขาลั่วพั่ว สามารถสยบขวัญจวนวารีแม่น้ำชงตั้นได้ก็จริง แต่กลับไม่มีทางทำให้เย่ชิงจู๋ยอมทำตามคำสั่งด้วยการร่วมวางแผนเล่นงานภูเขาตะวันเที่ยง ยอมที่จะเป็นศัตรูกับสำนักแห่งหนึ่งโดยไม่คิดเสียดายเช่นนี้แน่นอน
การที่ทำให้นางยอมสวามิภักดิ์ต่อภูเขาลั่วพั่วอย่างถวายชีวิตเช่นนี้ ก็เพราะอาศัยแม่นางชุดเขียวมัดผมหางม้าคนหนึ่ง
ชุยตงซานถอนหายใจ เพียงแต่ว่าเรื่องแบบนี้จะพูดได้อย่างไร ไม่อาจพูดได้
พูดไปแล้วก็ถือว่าผิด แค่คิดก็ผิดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ไม่พูดไม่จา ไม่รู้ไม่กล่าว ไม่ไปคิดถึงเท่านั้น
เถียนหว่าน หรือควรจะเรียกว่าชุยตงซานสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ยิ้มเอ่ย ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองคนก็รอต้อนรับอาจารย์มาถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงอยู่ที่นี่ดีไหม?”
——