กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 819.3 เด็กหนุ่มข้ามแม่น้ำ
ฉีเจินวางเม็ดหมากลงบนกระดานเบาๆ เอ่ยว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งจ่างจิ้งกับไทเฮาต้าหลีลุ่มลึกอย่างมาก ข้อนี้ก็เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลวงต้าหลีกับเมืองหลวงแห่งที่สอง พูดง่ายๆ ก็คือซ่งจ่างจิ้งกำลังช่วยให้ราชสำนักต้าหลีอาศัยโอกาสนี้มาแบ่งขีดความสัมพันธ์กับสตรีผู้นั้นให้ชัดเจน อาศัยสิ่งนี้มาบอกอิ่นกวานหนุ่มแห่งภูเขาลั่วพั่วอย่างเฉินผิงอันว่า บุญคุณความแค้นบางอย่างบนภูเขาก็ให้คลี่คลายกันบนภูเขา อย่าได้เดือดร้อนมาถึงล่างภูเขา”
เกาเจี้ยนฝูเซียนดินลัทธิเต๋าที่ในอดีตเคยถูกขนานนามให้เป็นกุมารทองกุมารีหยกคู่กับเฮ้อเสี่ยวเหลียงมีสีหน้าซับซ้อน
ฉีเจินเงยหน้าขึ้น “ทำไม อยากให้อิ่นกวานปรากฏตัวมากนักหรือ?”
เกาเจี้ยนฝูพยักหน้า “หากถึงขั้นนี้แล้วเฉินผิงอันยังถามกระบี่ได้สำเร็จ ข้าก็จะยอมแพ้เขาทั้งปากทั้งใจ ยอมรับว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ ต่อจากนี้จะไม่มีห่วงอะไรอีก จะสงบใจฝึกตนอย่างเดียว”
ฉีเจินยิ้มเอ่ย “เข้าใจหาบันไดลงให้ตัวเองนะ ไม่ดื้อเพ่งท่าเดียวก็ถือว่าเป็นคาถาทางใจที่เป็นเวทลับบทหนึ่งของการฝึกตนบนภูเขาเช่นกัน”
เกาเจี้ยนฝูถาม “หากเขากล้าถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงในช่วงเวลาเช่นนี้จริงๆ จะสำเร็จได้จริงหรือ? หรือจะเอาอย่างหวงเหอแห่งสวนลมฟ้าที่หยุดแค่พอสมควร ภูเขาลั่วพั่วอาศัยสิ่งนี้มาป่าวประกาศบอกแก่ทั้งทวีปว่าจะยกเอาบุญคุณความแค้นมาพูดให้ชัดเจนก่อน วันหน้าค่อยวางแผนรับมือไปช้าๆ?”
ฉีเจินกล่าว “เรื่องของการถามกระบี่ ยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้เสียเลย ทว่าหากเฉินผิงอันจะถามกระบี่ต้องไม่มีทางทำลวกๆ แน่นอน คนหนุ่มผู้หนึ่งที่สามารถเป็นอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้ ไม่มีทางทำอะไรตามแต่อารมณ์ ยิ่งไม่มีทางทำเรื่องโง่ที่ตัวเองไม่มีความมั่นใจ”
จิ้นชิงซานจวินขุนเขากลางยืนอยู่บนระเบียงของหอเรือนสูงแห่งหนึ่งบนยอดเขาตุ้ยเซวี่ยกับหยวนป๋าย
หยวนป๋ายยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ครั้งนี้จิ้นซานจวินไม่ควรมาที่ภูเขาตะวันเที่ยงเลยจริงๆ ง่ายที่จะถูกสกุลซ่งต้าหลีจดจำแค้นเอาได้”
จิ้นชิงพูดด้วยสีหน้าเฉยชา “เหตุใดข้าถึงได้เป็นซานจวิน เจ้าหยวนป๋ายจะไม่รู้เลยหรือ?”
หยวนป๋ายกล่าว “ก็เพราะว่ารู้ชัดเจนดี หยวนป๋ายถึงได้คาดหวังให้เว่ยซานจวินสามารถเฝ้าพิทักษ์ขุนเขาสายน้ำของมาตุภูมิไปได้อย่างยาวนาน”
จิ้นชิงมองผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์ซึ่งมหามรรคาหยุดนิ่งตรงหน้าแล้วเอ่ยอย่างเสียดายว่า “ในฐานะราษฎรจูอิ๋งเก่า สิ่งที่เจ้าทำลงไปมากพอจะให้ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอายแล้ว แต่ตามความเห็นของข้า เป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับต้องตกต่ำเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ ภูเขาตะวันเที่ยงทำอะไรไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว หากครั้งนี้ข้าไม่มา ไม่แน่ว่าแม้แต่ยอดเขาตุ้ยเซวี่ยเจ้าก็อาจจะยังรักษาไว้ไม่อยู่ ด้วยนิสัยของคนอย่างจู๋หวง เซี่ยหย่วนชุ่ย ไม่แน่ว่าเมื่อรอให้การเลือกที่ตั้งสำนักเบื้องล่างสำเร็จก็จะผลักเรือตามน้ำ บอกว่าให้เจ้าได้หวนกลับคืนบ้านเกิด แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะใช้งานผู้ฝึกกระบี่หยวนป๋ายจนสิ้นค่าแล้ว ทั้งได้ประจบเอาใจข้า แล้วยังได้อาศัยชื่อของเจ้ารับตัวพวกตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ในอาณาเขตจูอิ๋งเก่ามา ส่วนหยวนป๋ายจะเป็นหรือตาย ชื่อเสียงจะเป็นเช่นไร ไม่สำคัญสำหรับภูเขาตะวันเที่ยงแม้แต่น้อย”
หยวนป๋ายกล่าว “ขอแค่ตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ของมาตุภูมิสามารถเดินขึ้นเขาฝึกตนกันได้แต่เนิ่นๆ ผลได้ผลเสียของข้าคนเดียวไม่มีค่าพอให้พูดถึงเลย ยิ่งเป็นตัวอ่อนเซียนกระบี่ หากถูกถ่วงรั้งโอกาสสำคัญไปมากเท่าไร ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็ยิ่งยากจะคาดคิดเท่านั้น ยิ่งเดินขึ้นเขาฝึกกระบี่ช้า ช้าหนึ่งก้าวก็จะยิ่งช้าไปทุกก้าว”
หยวนป๋ายทอดสายตามองยอดเขาฝั่งตรงข้ามที่มีหิมะสะสมอยู่ตลอดทั้งปีแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า ข้าหวังว่าในอนาคตจะมีวันหนึ่งที่ลูกหลานจูอิ๋งเก่าได้ยึดครองยอดเขามากมายของภูเขาตะวันเที่ยง จับกลุ่มสามัคคีกัน ไม่ปล่อยให้คนนอกมาหยามเกียรติ”
จิ้นชิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้หลิวเหล่าเฉิงมาหาข้า บอกว่าทางฝั่งของสำนักเจินจิ้ง เจ้าสำนักเหวยอิ๋งตั้งใจจะทำการค้ากับภูเขาตะวันเที่ยง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เหวยอิ๋งต้องการเอาตัวเจ้าไป ส่วนสำนักกุยหยกจะมีเงื่อนไขอะไรมาเป็นข้อเสนอ จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร หลิวเหล่าเฉิงกลับไม่ได้บอกอย่างละเอียด ดังนั้นข้าจึงอยากฟังความเห็นของเจ้าว่าเคยคิดจะไปจากภูเขาตะวันเที่ยงหรือไม่? ขอแค่เจ้าพยักหน้าตอบตกลง ข้าจะรับผิดชอบปรึกษาเรื่องนี้กับจู๋หวงพร้อมหลิวเหล่าเฉิงเอง เจ้าไม่ต้องออกหน้า”
จิ้นชิงเอ่ยมาถึงตรงนี้ในใจก็ให้รู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก “ได้รับความสำคัญเช่นนี้จากเซียนกระบี่ใหญ่อย่างเหวยอิ๋ง นับว่าหาได้ยากยิ่ง เหวยอิ๋งผู้นี้เป็นอัจฉริยะและมีแผนการอันล้ำลึก สายตาดีเยี่ยม”
เหวยอิ๋ง เว่ยจิ้น ป๋ายฉาง คือผู้นำผู้ฝึกกระบี่ของสามทวีปในทุกวันนี้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้มากที่คนทั้งสามจะพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้น สักวันหนึ่งจะได้เลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยาน
ในฐานะซานจวินของขุนเขาใหญ่ในหนึ่งทวีป จิ้นชิงเชี่ยวชาญศาสตร์การมองลมปราณ สายตาน้อยนิดแค่นี้จึงยังมีอยู่
หยวนป๋ายอึ้งตะลึง จากนั้นในสายตาก็มีรอยยิ้ม อดไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา “ครั้งนี้จิ้นซานจวินมาเพื่อขุดมุมกำแพงบ้านคนอื่นหรือ?”
จิ้นชิงยกสองแขนกอดอก หัวเราะหยันเอ่ยว่า “หรือจะให้ข้ามาแสดงความยินดีกับภูเขาตะวันเที่ยงล่ะ? แม้แต่ของขวัญข้าผู้อาวุโสยังไม่ได้เอามา มามือเปล่าโดยแท้”
เถาแยนโปเทพเจ้าแห่งโชคลาภของภูเขาตะวันเที่ยง เถาจื่อ วานรเฒ่าชุดขาว สามีภรรยาสกุลสวี่นครลมเย็น สวี่ปินเซียนทายาทสายตรง
คนทั้งหกมารวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาชิวลิ่งที่ตั้งกิจการของตระกูลเถา ในบรรดายอดเขามากมายของภูเขาตะวันเที่ยง ภูเขาชิวลิ่งคือสถานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่เป็นรองแค่ยอดเขาอีเซี่ยน ถึงขั้นที่ว่ายังเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกกระบี่มากกว่ายอดเขาสุ่ยหมอของเซี่ยหย่วนชุ่ยด้วยซ้ำ
เถาจื่อเติบโตกลายเป็นสตรีรูปร่างอรชรสูงโปร่ง สวี่ปินเซียนเองก็เป็นคุณชายตระกูลชั้นสูงผู้สง่างาม ในอดีตมีนักพรตหญิงลัทธิเต๋าคนหนึ่งเดินทางไกลมาเยือนนครลมเย็น ได้ตั้งชื่อให้กับสวี่ปินเซียนที่อยู่ในห่อผ้าอ้อมด้วยตัวเอง ความหมายดีเยี่ยม คนบนภูเขาที่ครบทั้งบุ๋นและบู๊
คนวัยเดียวกันทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน คู่รักเทพเซียน เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก และคนทั้งสองก็กำลังจะผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกันบนภูเขาจริงๆ ทุกวันนี้ทั้งเถาจื่อและสวี่ปินเซียนต่างก็เป็นขอบเขตประตูมังกร ไม่พูดถึงเป็นโอสถทองภายในอายุร้อยปี แม้กระทั่งโอสถทองหกสิบปีก็ยังมีความหวัง อีกทั้งคนทั้งสองที่ทุกวันนี้เพิ่งจะอายุสามสิบกว่าปีก็ยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ด้วยกันทั้งคู่
วานรชุดขาวถามเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เรื่องที่แคว้นหูถูกขโมยไป หรือว่าจะให้แล้วกันไปทั้งอย่างนี้?”
ช่างเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่เทียมฟ้าเสียจริง แคว้นหูที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่อยู่ดีๆ ก็หายไป ผลคือผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วแม้แต่ใครที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง นครลมเย็นก็ยังไม่รู้
ในอนาคตเมื่อสวี่ปินเซียนมาสู่ขอที่ภูเขาตะวันเที่ยง นครลมเย็นยังจะเอาของหมั้นที่พอจะเข้าท่าเข้าทีออกมาได้อีกหรือ?
หรือสกุลสวี่จะรอคอยตาปริบๆ ให้ภูเขาตะวันเที่ยงช่วยเพิ่มสินเดิมเจ้าสาวให้?
บรรพจารย์เถาแยนโปยกฝาถ้วยปัดไอน้ำออกจากถ้วยชาเบาๆ ผู้ถวายงานหยวนที่มักจะพูดจาไม่น่าฟังอยู่เสมอผู้นี้ วันนี้นับว่าพูดจาเข้าหูอย่างที่หาได้ยาก
หลังจากเถาแยนโปได้ยินว่าแคว้นหูหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาก็ถึงกับรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตอบตกลงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ หากไม่เป็นเพราะสวี่หุนเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนแล้ว และนครลมเย็นก็เลื่อนขั้นเป็นสำนักอักษรจงเช่นเดียวกัน ป่านนี้ภูเขาชิวลิ่งกับนครลมเย็นคงแยกกันเดินทางใครทางมันไปแล้ว นครลมเย็นที่ไม่มีแคว้นหูก็เท่ากับว่าสูญเสียพลังต้นกำเนิดไปมาก เถาจื่อออกเรือนไปอยู่ที่นั่นก็ช่างไม่เป็นธรรมกับนางจริงๆ
นครลมเย็นเองก็ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้จะมีเบาะแสแค่เพียงเล็กน้อย หรือพอจะคาดเดาเป้าหมายได้สักสองสามคน ด้วยขอบเขตของสวี่หุนและรากฐานของนครลมเย็น อีกทั้งยังแต่งงานสานสัมพันธ์กับสกุลหยวนเสาค้ำยันแคว้นต้าหลี บวกกับทางฝั่งของภูเขาชิวลิ่งนี้ ในแจกันสมบัติทวีป ใครเล่าจะกล้าไม่คืนแคว้นหูกลับมาแต่โดยดี?
สวี่หุนขมวดคิ้วน้อยๆ
สตรีออกเรือนแล้วคลี่ยิ้มอย่างฝืดฝืน เอ่ยว่า “กำลังตรวจสอบอยู่”
วานรชุดขาวใช้ฝ่ามือดันที่วางแขนเก้าอี้ “ตรวจสอบอะไรกัน สงสัยใครก็ไปหาถึงหน้าประตูบ้าน ขุดดินลึกสามฉื่อ เดี๋ยวก็หาเจอเองไม่ใช่หรือ? ทำไม หรือว่านครลมเย็นของพวกเจ้าไม่สงสัยใครเลยสักคน?”
สวี่ปินเซียนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ท่านปู่หยวน ข้าสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับภูเขาลั่วพั่ว เพียงแต่ว่าที่นั่นมีสำนักกระบี่หลงเฉวียนและภูเขาพีอวิ๋น จึงไม่สะดวกจะไปหาเรื่อง”
สำนักเก่าแก่ของแจกันสมบัติทวีปไม่อาจทำเรื่องที่ขาดคุณธรรมเช่นนั้นได้
วานรเฒ่าชุดขาวเหลือบมองเจ้าลูกกระต่ายน้อยที่นับตั้งแต่เด็กมาก็ชอบใส่ชุดสีแดงสดคนนี้แล้วหัวเราะหยัน เอ่ยว่า “หร่วนฉงกับเว่ยป้อก็เพิ่งจะเป็นขอบเขตหยกดิบเองไม่ใช่หรือ อีกอย่างพวกเจ้าก็แค่ไปหาเรื่องภูเขาลั่วพั่ว ต่อให้หร่วนฉงกับเว่ยป้อมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วยก็ถือว่าเป็นการละเมิดข้อห้ามไม่น้อย ภูเขาลั่วพั่วไม่ใช่สำนักเบื้องล่างของพวกเขาเสียหน่อย เหตุใดจะไปหาเรื่องไม่ได้ ต่อให้มีเรื่องกันลามไปถึงราชสำนักต้าหลี นครลมเย็นก็ไม่ใช่ฝ่ายที่ไร้เหตุผล”
เว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ หลิวเหล่าเฉิงแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน เว่ยป้อแห่งภูเขาพีอวิ๋น หยวนเจินเย่แห่งภูเขาตะวันเที่ยง
เซียนกระบี่ ผู้ฝึกตนอิสระ เทพภูเขา ภูต เส้นทางแตกต่างกัน ทยอยกันเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน ประเด็นสำคัญคือคนเหล่านี้ล้วนมีโชคชะตาของแคว้นอยู่บนร่าง
เถาจื่อยิ้มเอ่ย “ท่านปู่หยวน นครลมเย็นย่อมมีจุดที่พวกเขาลำบากใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านก็อย่าสาดเกลือลงบนบาดแผลผู้อื่นอีกเลย”
วานรเฒ่าชุดขาวหันมายิ้มเอ่ย “นังหนูตัวเหม็น ยังไม่ทันออกเรือนก็เป็นน้ำที่ถูกสาดออกไปเสียแล้ว ทำให้ท่านปู่หยวนเสียใจยิ่งนัก”
เถาจื่อยิ้มตาหยี “วันหน้าที่ท่านปู่หยวนช่วยย้ายภูเขาไปที่นครลมเย็นก็ถือโอกาสไปฝึกตนอยู่ที่นั่นตลอดทั้งปีเลยสิ ทางฝั่งของภูเขาตะวันเที่ยงนี้ ไหนเลยจะต้องการผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาอะไรอีก มีบารมีของท่านปู่หยวนอยู่ ใครเล่าจะกล้ามาหาเรื่องภูเขาตะวันเที่ยง หวงเหอแห่งสวนลมฟ้าผู้นั้นก็ได้แค่กล้าโอ้อวดเวทกระบี่ปลายแถวอันน้อยนิดของเขาอยู่ไกลๆ ที่ท่าเรือป๋ายลู่ไม่ใช่หรือ? ยังไม่กล้ามาพบหน้าท่านปู่หยวนเลยด้วยซ้ำ”
หญิงสาวคลี่ยิ้มหวาน วานรเฒ่าชุดขาวหัวเราะเสียงดังกังวาน
สตรีออกเรือนแล้วสกุลสวี่ปิดปากหัวเราะ สวี่ปินเซียนยิ้มอย่างรู้ทัน
มีเพียงสวี่หุนที่สีหน้าไร้อารมณ์ เพียงแค่กระตุกมุมปากแล้วก้มหน้าดื่มชา ในใจถอนหายใจ แม่นางน้อยคนนี้ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันเลยจริงๆ วันหน้านางแต่งเข้านครลมเย็นจะเป็นโชคดีหรือเคราะห์ร้ายก็ยังไม่แน่
แต่ขอแค่ตนเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเซียนเหริน ทุกเรื่องก็ล้วนพูดง่าย
เถาแยนโปเหลือบตามองสวี่หุนแวบหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็โพล่งขึ้นมาว่า “ตามรายงานที่ทางจวนวารีแม่น้ำอวี้เย่ส่งมาให้ หลิวเสี้ยนหยางเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองแล้ว”
เสื้อเกราะโหวจื่อที่ถูกสวี่หุนนำมาหลอมเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตก็คือของสืบทอดจากบรรพบุรุษของหลิวเสี้ยนหยางในถ้ำสวรรค์หลีจู
สวี่หุนพูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ดูท่าคุณสมบัติในการฝึกตนของหลิวเสี้ยนหยางจะดีมากจริงๆ นี่หมายความว่าสายตาในการรับลูกศิษย์ของอริยะหร่วนดียิ่งกว่า”
เถาแยนโปหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองหนุ่มที่กำลังเปิดขุนเขาอยู่ในภูเขาตะวันเที่ยงมีชื่อว่าอวี่หลิ่น ตอนอายุน้อยก็คือตัวอ่อนเซียนกระบี่อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว เคยเกือบจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักกระบี่หลงเฉวียน ถึงขั้นที่ว่ายังเคยฝึกตนอยู่ที่ภูเขาเสินซิ่วซึ่งเป็นภูเขาบรรพบุรุษของสำนักกระบี่หลงเฉวียนอยู่พักหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สุดท้ายหร่วนฉงถึงได้ส่งเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ซึ่งถูกกำหนดมาว่าจะสามารถสร้างโอสถได้ผู้นี้ลงจากภูเขา ดังนั้นอวี่หลิ่นกับ ‘ศิษย์พี่ชายศิษย์น้องหญิง’ ในสำนักกระบี่หลงเฉวียนสองคนในอดีตถึงหันมาเข้าร่วมกับภูเขาตะวันเที่ยง ในช่วงแรกของการเดินขึ้นเขา อวี่หลิ่นก็ได้ถูกเซียนกระบี่ผู้เฒ่าอย่างเถาแยนโปเลือกตัวไปในการประชุมศาลบรรพจารย์ครั้งหนึ่ง พามาฝึกตนอยู่บนยอดเขาชิวลิ่ง ได้รับคำชี้แนะจากเถาแยนโปไปไม่น้อย ต่อให้จะเปิดภูเขาก่อตั้งจวนขึ้นเองแล้ว อันที่จริงก็ยังถือว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่สายของภูเขาชิวลิ่งอยู่
สวี่หุนพูดว่าสายตาในการเลือกลูกศิษย์ของหร่วนฉงดี ถ้าอย่างนั้นการที่เถาแยนโปฝากความหวังไว้ที่อวี่หลิ่นมากจะหมายความว่าอย่างไร?
สตรีสกุลสวี่รีบพูดไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “พลาดอวี่หลิ่นไปต้องเป็นความเสียหายใหญ่ครั้งหนึ่งของสำนักกระบี่หลงเฉวียนแน่นอน ทุกวันนี้อวี่หลิ่นเป็นโอสถทองแล้ว มีหวังจะได้เป็นก่อกำเนิดภายในร้อยปี จะต้องเป็นตัวช่วยสำคัญของภูเขาชิวลิ่งแน่ แค่รอให้บรรพจารย์เถาเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบน ในอนาคตเมื่อมีการประชุมในศาลบรรพจารย์ยอดเขาอีเซี่ยน ขอแค่เป็นเรื่องที่บรรพจารย์เถาไม่ตอบตกลงก็ย่อมไม่มีทางได้รับการอนุมัติแน่นอน”
เถาแยนโปลูบหนวดยิ้ม “จะพูดแบบนี้ไม่ได้ เอาเจ้าสำนักและอาจารย์ลุงเซี่ยไปไว้ที่ไหนเสียเล่า?”
จากนั้นนางก็ยกถ้วยชาชูขึ้นสูง เริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “งานฉลองครั้งนี้มีเซียนดินมากมายราวก้อนเมฆ คือเรื่องน่ายินดีที่พันปีก็ไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้งของแจกันสมบัติทวีปเรา ข้าขอใช้น้ำชาต่างสุรามาแสดงความยินดีกับบรรพจารย์หยวน ณ ที่นี้”
วานรเฒ่าชุดขาวผงกศีรษะ ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มจนหมด
ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยงผู้นี้พลันเอ่ยขึ้นว่า “เดี๋ยววันหน้าข้าจะหาโอกาสเหมาะๆ ปลิดชีพหลิวเสี้ยนหยางด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นหนึ่งในสินเดิมให้กับเถาจื่อ”
……
ในรัศมีแปดร้อยลี้รอบขุนเขาสายน้ำส่วนตัวของภูเขาตะวันเที่ยง มีลำคลองสายหนึ่งชื่อว่าลำคลองเนี่ยนป๋อ ศาลเทพลำคลองสร้างขึ้นข้างคูน้ำไคเหยียน ผู้ฝึกตนสองคนออกจากบ้านมาเดินเล่นท่องเที่ยวยามราตรีอยู่ที่นี่
หลิวเหล่าเฉิงที่เป็นเจ้าสำนักคนที่สามของสำนักเจินจิ้งต่อจากเจียงซ่างเจิน เหวยอิ๋ง ข้างกายมีผู้ฝึกตนหญิงก่อกำเนิดที่เป็นผู้ถวายงานลำดับรองอย่างหลี่ฝูฉวีติดตามมาด้วย
ส่วนผู้ถวายงานอันดับหนึ่งที่มาร่วมแสดงความยินดีกับภูเขาตะวันเที่ยงพร้อมกันในครั้งนี้อย่างหลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวิน เวลานี้ไปดื่มเหล้ากับสหายรักบนภูเขาเพียงลำพัง
หลี่ฝูฉวีเห็นว่าตลอดทางมานี้หลิวเหล่าเฉิงไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงตรงดิ่งมาที่คูน้ำไคเหยียน ดูเหมือนว่าจะนัดใครมาพบที่นี่? เพียงแต่ว่าหลี่ฝูฉวีเป็นคนมีนิสัยระมัดระวังรอบคอบ เจ้าสำนักไม่พูด นางจึงไม่ได้ถามอะไรมากความ
——