กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 872.1 ตอนนั้นผู้ที่นั่งอยู่ล้วนเป็นผู้กล้าที่โดดเด่น
- Home
- กระบี่จงมา Sword of Coming
- บทที่ 872.1 ตอนนั้นผู้ที่นั่งอยู่ล้วนเป็นผู้กล้าที่โดดเด่น
ตอนที่เป็นเด็กหนุ่มเฉินผิงอันเคยทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจังว่า แจกันสมบัติทวีปนั้นกว้างใหญ่เหลือเกิน แต่มันกลับยังเป็นแค่ทวีปที่เล็กที่สุดในไพศาลเท่านั้น
ทว่าสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งแล้ว ที่แท้พื้นที่ของหนึ่งทวีปก็เล็กจนเหมือนลานบ้านของเรือนหลังหนึ่ง
การทะยานลมเดินทางไกลของผู้บรรลุมรรคา ก้มหน้าหลุบตามองลงมายังโลกมนุษย์ ทุกความอัศจรรย์หลากหลายล้วนปรากฏอยู่ในสายตา
เคยเห็นภิกษุรูปหนึ่งกับตาตัวเอง เขานั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ใต้น้ำตก สิบนิ้วพนม ภายใต้แสงแดดสาดส่องก็ราวกับอรหันต์ร่างทององค์หนึ่ง
นกตัวหนึ่งบินโฉบต่ำ ปลายปีกกรีดผ่านผิวน้ำของสระก่อให้เกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก
ในลานบ้านของเรือนใหญ่โตหรูหรา มีสตรียืนพิงราวรั้วชมดอกอวี้หลันบนต้นไม้ใหญ่ นางอาจจะกำลังคิดถึงคนในใจบางคนอยู่เงียบๆ ชายคาตวัดงอนมุมหนึ่งกับกิ่งดอกไม้แอบจับมือกัน
ขุนเขาของแคว้นเล็กใต้อาณัติต้าหลี เส้นทางภูเขาอันตราย คนหามเกี้ยวที่แบกลำไม้ไผ่เรียบรื่นฝีเท้าว่องไวแผ่วเบาราวกับบิน สตรีที่เป็นลูกค้านั่งเกี้ยวขึ้นภูเขา แต่กลับหลับตาจึงพลาดทัศนียภาพงดงามข้างทาง
บ้านเกิดแห่งสายน้ำแห่งหนึ่ง ข้างทางมีเด็กสาวสวมกระโปรงดอกบัว นางเปลือยเท้า หิ้วรองเท้าปักลายบุปผา เขย่งเท้าเดินไปตามเส้นทาง
มีคุณชายตระกูลสูงศักดิ์พาบ่าวรับใช้หลายร้อยคนเดินเลียบไปตามเส้นทางภูเขาสายน้ำที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนตายดับหมดสิ้น ทั้งยังเป็นพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีการซ่อมแซมแก้ไข ภูเขาถูกเจาะทะเลสาบถูกขุด
มีชนชั้นสูงคนหนึ่งดื่มเหล้าเมามายอยู่ในศาลา ด้านนอกศาลาริมหน้าผาพลันมีเมฆขาวล่องลอยมา เขาชูจอกเหล้าขึ้นสูงแล้วโยนทิ้งไปข้างนอกอย่างไม่ใส่ใจ ชนชั้นสูงดวงตาปรือปรอยเพราะความเมา ตะโกนพูดเสียงดัง บอกว่าภูเขาลูกนี้มีเก้าสายน้ำ (เปรียบเปรยว่ามีจำนวนมาก) หินแข็งแกร่งนอนทอดขวาง ไม่รู้ว่าผ่านมากี่พันกี่หมื่นปีแล้ว ศาลาแห่งนี้และเมฆขาวถูกวาดภาพแรเงาด้วยพู่กันมากที่สุด ได้เห็นทัศนียภาพงดงามนี้ก็ให้ซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด
มีเซียนซือหลายคนขี่กระเรียนเซียนท่องเที่ยวไปตามก้อนเมฆ คนหนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มหน้าตาคมคายหมดจดที่โบกแส้ปัดฝุ่นในมือง่ายๆ ก็เป็นเหตุให้เมฆขาวที่อยู่ข้างกายกระจายตัวเหมือนหิมะโปรยปราย เด็กสาวที่อยู่ข้างกันคลี่ยิ้มราวบุปผา
ท่ามกลางภูเขาที่มีผืนป่าลึก มีเหนียงเนียงเทพภูเขาเรือนกายสูงสองจั้งแต่งหน้าประณีตงดงาม นางเดินอยู่ในระเบียง กระโปรงยาวรากละพื้น ด้านหลังมีเด็กชายเด็กหญิงสองคนที่หลังจากตายไปก่อนวัยอันควรก็ถูกนางเก็บดวงวิญญาณมาคอยติดตามมาด้วย
บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่งที่เส้นสายภูเขาไม่ชัดเจน ตัวภูเขาสูงชันอันตราย เล็กบางเหมือนหลังของปลาหลี ภูเขาทั้งลูกมองดูคล้ายมีดเล่มหนึ่งที่ฟันลงบนเขียง หน้าผาซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดทางสายเล็กไส้แกะบนยอดเขาถึงกับสร้างเรือนพักตั้งโดดเดี่ยวอยู่หลังหนึ่ง หลังคาขาวกระเบื้องดำ มีเพดานเปิดอ้าเป็นสี่เหลี่ยม น้ำสี่ทิศไหลรวมกันในโถงเดียว บริเวณใกล้เคียงมีต้นสนโบราณต้นหนึ่งที่หยั่งรากอยู่ในร่องหน้าผา อยู่เคียงข้างกันและกัน
ทว่าที่มากกว่านั้นกลับเป็นซากปรักของนครน้อยใหญ่เกลื่อนพื้น สงครามใหญ่ปิดฉากลงมานานหลายปี แต่กลับยังไม่สามารถฟื้นฟูสภาพเดิมอย่างในวันวานได้เลย
ขุนเขาสายน้ำของครึ่งทวีป ทั้งวัตถุและผู้คนล้วนแปรเปลี่ยนไปแล้ว มีเพียงตัวอักษรใหญ่เก่าแก่ที่แกะสลักไว้บนหน้าผาและป้ายหินหน้าหลุมศพใหม่เอี่ยมนับไม่ถ้วนล่างภูเขา ทั้งสองต่างเงียบงันมิอาจเอื้อนเอ่ย
ก่อนหน้านี้อยู่ในเมืองหลวงต้าหลี สวินชวี่ที่สอบเคอจวี่ปีเดียวกับเฉาฉิงหล่างรับหน้าที่อยู่ในศาลหงหลูของตรอกหนันซวิน ได้ช่วยรวบรวมรายงานขุนเขาสายน้ำในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานให้กับเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันจึงทำเหมือนหาม้าตามลายแทง ไปเยือนสถานที่ต่างๆ ที่มีบันทึกไว้ในรายงาน ส่วนใหญ่จะไปหยุดพักแค่ครู่เดียว มองดูเสร็จก็จากไป
เขตอวี้จางที่มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้าเต็มภูเขา ไม่ว่าจะเอามาสร้างจวนหรือทำเป็นโลงศพก็ล้วนเป็นวัตถุดิบดีเยี่ยมอันดับหนึ่ง เป็นเหตุให้ชนชั้นสูงของเมืองหลวงและเศรษฐีจากสถานที่ต่างๆ และยังมีเซียนซือบนภูเขาต่างก็ต้องการต้นไม้ยักษ์อย่างไม่มีขอบเขตสิ้นสุด เฉินผิงอันจึงได้เห็นคนขโมยต้นไม้กลุ่มหนึ่งกับตาของตัวเอง พวกเขากำลังต่อยตีกับพวกทหารที่มาจากทางการ
และยังมีอู้โจวที่เรียกตัวเองว่าเป็นภูเขาแห่งรังไหม มีเครื่องทอผ้านับไม่ถ้วน โรงทอผ้าแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นสำเร็จแล้ว ป้ายของทางการก็ถูกนำมาแขวนไว้แล้ว ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดการณ์ทั้งหมด ยังไม่ทันถึงหนึ่งเดือนก็มากพอจะให้ที่ว่าการแต่ละแห่งของต้าหลีออกคำสั่งให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว
อาณาเขตอวิ้นโจวแคว้นหวงถิง มองเห็นลำธารสายนั้น นั่นคือทางเข้าซึ่งเป็นซากปรักของตำหนักมังกรแคว้นสู่โบราณแห่งหนึ่งจริงเสียด้วย น้ำที่ไหลอยู่ในลำธารคุณภาพดีเยี่ยม น้ำใสเย็นสะอาด เฉินผิงอันจึงหาตาน้ำพุแห่งหนึ่งแล้วสูบน้ำมาหลายสิบจิน จากนั้นก็ไปเยือนซากปรักวังมังกรมารอบหนึ่ง มองเมินตราผนึกเก่าแก่โบราณทั้งหลาย ประหนึ่งเข้าไปในดินแดนไร้ผู้คน เทียบกับตี้ซือผู้ตรวจสอบสภาพภูมิศาสตร์ของต้าหลีแล้วกลับเข้ามาในที่แห่งนี้ได้เร็วยิ่งกว่า เพียงแต่ว่าเฉินผิงอันไม่ได้เก็บเอาสมบัติวิเศษตระกูลเซียนทั้งหลายไป แค่คิดว่ามาเที่ยวเล่นในภูเขาสายน้ำเท่านั้น
แรกเริ่มสุดก็คือในพื้นที่มงคลดอกบัวของใบถงทวีป ภายหลังก็เป็นซากปรักจวนเซียนของอุตรกุรุทวีป ทยอยได้เจอเจ้าอารามผู้เฒ่าตงไห่แห่งอารามกวานเต๋า กับนักพรตซุนแห่งอารามเสวียนตูใหญ่ ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกหวาดผวากับการเข้าไปตรวจสอบเยี่ยมเยือนเซียนในสถานที่ทำนองนี้อยู่บ้างเล็กน้อย
ในรายงานมีเสมียนกรมโยธาเมืองหลวงสำรองของต้าหลีคนหนึ่งที่มีชื่อว่าหลี่ฉุย คนในตระกูลทุกรุ่นล้วนมีชาติกำเนิดเป็นสุ่ยกง (ขุนนางผู้ดูแลระบบทางน้ำ ทางเรือ การก่อสร้างทางน้ำ ฯลฯ) ได้ตั้งใจวาดภาพชี้นำลำน้ำภาพหนึ่งขึ้นมา เกี่ยวพันไปถึงการเปลี่ยนช่องทางของลำน้ำใหญ่หลายสิบสายที่อยู่ในอาณัติของแม่น้ำลำคลอง หากไม่ผิดไปจากที่คาด ราชสำนักต้าหลีก็ได้ส่งผู้ฝึกลมปราณกองโหราศาสตร์ที่เชี่ยวชาญการตรวจสอบสภาพพื้นดินให้มาสำรวจดูแล้วว่าเรื่องนี้สามารถทำได้หรือไม่
สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำแล้วก็มีคำกล่าวที่ว่าภัยจากฟ้าหายนะจากคนอยู่เช่นกัน
สงครามใหญ่ครั้งหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีปตายดับไปนับไม่ถ้วน นี่ถึงได้มีวิญญาณวีรบุรุษบุ๋นบู๊ตามแคว้นต่างๆ ของในหนึ่งทวีปจำนวนมากที่รอชดเชยตำแหน่งเทพอธิบาลเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำในระดับต่างๆ
ทว่าเรื่องของการเปลี่ยนเส้นทางน้ำ สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำที่อยู่ระหว่างทางแล้วก็คือหายนะร้ายแรงครั้งใหญ่ สามารถทำให้เทพภูเขาเจอกับภัยทางน้ำ น้ำท่วมกลบทับร่างทอง เทพวารีเจอกับภัยความแล้ง ดวงอาทิตย์สาดส่องแผดเผา
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ร่างทองกับศาลไม่อาจเดินหนีไปไหนได้ คิดจะย้ายถิ่นฐานก็ยากราวกับขึ้นสวรรค์ มีแต่ศาลเปล่าๆ ไม่มีควันธูปในโลกมนุษย์ อีกทั้งยังจะต้องถูกราชสำนักตัดชื่อออกจากทำเนียบหยกทองตามกฎ มีแต่จะตกกลายไปเป็นศาลเถื่อน ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ทนทุกข์ทรมาน อย่างมากสุดก็ได้แต่ยืมควันธูปจากศาลเทพอภิบาลเมืองที่อยู่ใกล้เคียง แล้วนับประสาอะไรกับที่ต้องยืมให้ได้ก่อนถึงจะได้ ดังนั้นวงการขุนนางของขุนเขาสายน้ำ แต่ไหนแต่ไรมาจึงมักจะยินดีเป็นเทพอภิบาลเมืองประจำอำเภอที่อำนาจหน้าที่มีขีดจำกัด แต่ไม่ยอมเป็นเสมียนขุนเขาสายน้ำอย่างพวกเทพภูเขาเล็ก พ่อปู่แม่ย่าลำคลองที่มีพันธนาการน้อยกว่า
ผู้เฒ่าคนหนึ่งลักษณะคล้ายชาวไร่ชาวนา เรือนกายแข็งแกร่งกำยำ ผิวหนังของเขาถูกแดดเผาจนกลายเป็นสีทองแดง เหมือนชาวบ้านที่ทุกปีได้แต่เอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เวลานี้เขานั่งยองอยู่บนทำนบยาวริมลำคลอง ทอดถอนใจเฮือกๆ กลัดกลุ้มยิ่งนัก
และยังมีคนหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกาย เขานั่งอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ลายเซียงเหวิน โบกพัดเบาๆ ลายบนพัดไม้ไผ่กับเสื่อไม้ไผ่คล้ายคลึงกัน กล้ามเนื้อผิวหนังของชายหนุ่มขาวซีดเหมือนคนป่วยอยู่หลายส่วน คล้ายกับบัณฑิตที่มักจะหลบอยู่ในห้องหนังสือไม่ออกมาตากแดด
คนทั้งสองอยู่ด้วยกัน อายุแตกต่าง รูปโฉมก็ยิ่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเต้าหู้ขาวก้อนหนึ่งกับถ่านดำก้อนหนึ่งที่วางไว้ด้วยกัน
ผู้เฒ่าเอ่ย “วันหน้าข้าจะบอกกับผู้ดูแลหลิวของกองอี๋จื้อเมืองหลวงสำรองต้าหลีสักคำ ดูว่าจะขอร้องให้เขาช่วยเอาฎีกาฉบับนั้นถวายขึ้นไปได้หรือไม่”
คนหนุ่มส่ายหน้า พูดจาตรงไปตรงมาเหมือนคนซื่อบื้อที่แยกแยะดีชั่วไม่ออก “เป็นแค่ผู้ดูแล ไม่ใช่ขุนนางในเมืองหลวงด้วยซ้ำ เขาต้องไม่มีมีสิทธิ์มีเสียงอะไรแน่นอน”
ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างมีโทสะ “นายท่านขุนนางทั้งหลายพวกนั้น เจ้าปีนป่ายได้ถึงหรือ? เทพเล็กๆ อย่างพวกเราสองคนที่ดูแลอาณาเขตสันเขาเล็กๆ กับลำคลองเล็กๆ ผู้ดูแลหลิวก็คือขุนนางที่ใหญ่ที่สุดที่ข้ารู้จักแล้ว รักษาม้าตายดั่งม้าเป็น ถึงอย่างไรก็ดีกว่ารอความตายอยู่ที่นี่”
คำว่าขุนนางที่กล่าวถึงนี้หมายถึงหลางจง หยวนไหว้หลางที่เป็นขุนนางหลักและขุนนางผู้ช่วยในกองหนึ่งของกรมพิธีการ สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขุนเขาสายน้ำที่ระดับขั้นอยู่ปลายแถวอย่างพวกเขา ก็คือนายท่านใหญ่ที่มีตำแหน่งสูงเทียมฟ้าในที่ว่าการแล้ว
คนหนุ่มยิ้มเอ่ยอย่างซีดเซียว “ฝนจะตก หญิงสาวจะออกเรือน ยังจะมีวิธีอะไรได้อีก ได้แต่ยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ในเรื่องของการเปลี่ยนเส้นทาง หากไม่พูดถึงผลประโยชน์ส่วนตัว ก็ถือว่ามีผลประโยชน์ต่อชาวบ้านจริงๆ”
คนหนุ่มยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งเยือกเย็น “ใครใช้ให้เจ้าเป็นเพื่อนของข้ากันล่ะ”
ผู้เฒ่าหันหน้ามาเหลือบตามอง เอ่ยเสียงเบาว่า “มีผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งมา หน้าตาไม่คุ้น มองความสูงต่ำของตบะที่แท้จริงไม่ออก แต่หากมองปราดๆ ก็คือขอบเขตชมมหาสมุทร”
คนหนุ่มมองคนนอกที่เดินขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวรองเท้าผ้า ระหว่างที่เดินลมหายใจทอดยาว แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดาอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำบนโลกล้วนเชี่ยวชาญด้านการมองลมปราณ ส่วนใหญ่มักจะตัดสินว่าใครใช่หรือไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณได้ดีกว่าผู้ฝึกตน ส่วนเรื่องที่ว่าจะมองตบะลึกล้ำตื้นเขินออกในปราดเดียวหรือไม่ ก็ต้องดูที่ระดับความสูงของเทวรูปร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งแล้ว
คนหนุ่มหุบพัดพับเข้าด้วยกัน ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าอย่าได้คิดว่าป่วยร้ายแรงแล้วจึงหาหมอส่งเดชเลยดีกว่า อีกอย่างการเปลี่ยนแปลงเส้นทางของน้ำไหลในสถานที่แห่งนี้ รวมแล้วมีกระแสน้ำของแม่น้ำลำคลองที่ต้องปล่อยทิ้งให้เสียเปล่าถึงหกสาย สำหรับนายท่านเทพภูเขาอย่างเจ้าถือเป็นเรื่องดีใหญ่เทียมฟ้า อย่าได้ทำอะไรส่งเดชเลย น่านน้ำเก่าใต้อาณัติของข้าที่ถูกเจ้าควบรวมไปก็ถือว่าเป็นน้ำดีที่ไม่ไหลเข้านาคนอื่น”
เทพภูเขา เทพแห่งผืนดินในบริเวณใกล้เคียงที่เหลืออีกหลายคน ทุกวันนี้ต่างก็รอคอยให้กรมโยธากรมพิธีการลงมือจัดการเรื่องการเปลี่ยนเส้นทางลำน้ำใหญ่ ส่วนเทพแห่งสายน้ำที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างชอบธรรมและพ่อปู่แม่ย่าลำคลองที่ระดับขั้นต่ำต้อย กลับต้องยอมรับชะตากรรมฟังลิขิตสวรรค์แล้ว แม้ว่าขุนนางของสองกรมอย่างพิธีการและโยธาในเมืองหลวงสำรองแห่งที่สองจะรับปากว่าราชสำนักต้าหลีจะจัดหาทางถอยให้ แต่ก็กลัวว่าจะเป็นคำพูดที่เอ่ยไปตามมารยาท หากกลับคำไม่ยอมรับขึ้นมา จะไปร้องทุกข์เอากับใคร?
ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “เรื่องดีกะผายลมอะไร อาณาเขตกว้างใหญ่ เรื่องถูกเรื่องผิดก็มากตามไปด้วย นับประสาอะไรกับที่เดิมทีก็ล้วนเป็นของลำคลองเที่ยวโปของเจ้า ข้าหงุดหงิดใจนัก เมื่อเจ้าจากไปแล้วทิ้งข้าไว้ ข้าจะทำอย่างไร จะให้ข้าช่วยเฝ้าสุสานให้เจ้าหรือ? ตอนมีชีวิตอยู่ตำแหน่งขุนนางของเจ้าใหญ่กว่าหน่อย แต่จะดีจะชั่วตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโหว ตายไปก็ได้รับสมญานามย้อนหลัง ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่ถึงคราวที่ข้าผู้อาวุโสต้องมาเป็นคนเฝ้าสุสานให้กับเฉินไท่ฟู่หรอกกระมัง? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้จริงๆ หรือไร”
คนหนุ่มเอ่ยโน้มน้าว “ต่อให้ควันธูปในโลกมนุษย์ต้องขาดสะบั้นไปนับแต่นี้ อาศัยทรัพย์สมบัติที่ข้าสะสมมา บวกกับควันธูปที่เจ้าจะยืมมาได้ในภายหลัง สันเขาเตี๋ยอวิ๋นก็ถือเสียว่าเลี้ยงเค่อชิงไร้ประโยชน์ที่เอาแต่กินข้าวไม่ทำงานไว้คนหนึ่งก็แล้วกัน คาดว่าหากจะทนไปอีกหกสิบปีก็คงไม่ยาก เจ้าต้องคิดแบบนี้ มนุษย์ธรรมดาล่างภูเขา เวลาหกสิบปีก็เป็นอายุที่มีชีวิตมาได้หนึ่งชาติแล้ว ข้ายังต้องมีอะไรให้ไม่พอใจอีกเล่า”
คนชุดเขียวหยุดเดิน กุมหมัดยิ้มเอ่ย “ผู้ฝึกตนอิสระเฉาโม่คารวะเทพภูเขาโต้วแห่งสันเขาเตี๋ยอวิ๋น”
บุรุษแซ่เฉาที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกตนอิสระหันไปมองคนหนุ่ม “คิดดูแล้วท่านผู้นี้คงเป็นพ่อปู่ลำคลองเฉินแห่งลำคลองเที่ยวโปสายนี้กระมัง โต้วแยนเทพภูเขาของสันเขาเตี๋ยอวิ๋น ตอนมีชีวิตอยู่ถูกแต่งตั้งให้เป็นโหว รับหน้าที่เป็นเทพอภิบาลเมืองประจำอำเภอ เทพอภิบาลเมืองประจำจังหวัดและเทพภูเขาของที่แห่งนี้ สันเขาเตี๋ยอวิ๋นมีเรื่องเล่าเทพเซียนที่ว่าเซียนขี่ชือบินทะยานแพร่ไปทั่วในหมู่ชาวบ้านด้วย”
พ่อปู่ลำคลองเที่ยวโป เฉินเหวินเชี่ยน ตอนมีชีวิตอยู่เคยรับหน้าที่เป็นจ่วนอวิ้นสื่อ ดูแลเรื่องการขุดลอกการขนส่งทางน้ำและเรื่องการสร้างคลังเก็บเสบียง เป็นขุนนางได้ถึงตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ หลังตายไปก็ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งย้อนหลังให้เป็นราชครูของรัชทายาท ได้รับสมญานามว่าเหวินตวน
ผู้เฒ่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ชูแขนสองข้างขึ้นกุมหมัดคารวะเซียนซือแซ่เฉาผู้นี้กลับคืน “โชคดีที่ได้พบ โชคดีที่ได้พบ”
โอ้โห เจ้าเด็กน้อยนี่มองดูแล้วอายุไม่มาก แต่สายตากลับไม่เลว ถึงขั้นจำตนและเฉินเหวินเชี่ยนได้ด้วย โดยเฉพาะสหายรักข้างกายที่ขึ้นชื่อว่าชอบเก็บตัวสันโดษ ไม่ว่าใครที่มาเยือนลำคลองเที่ยวโป เขาก็ล้วนปิดประตูไม่ต้อนรับแขก มาดใหญ่กว่าเทพใหญ่แห่งแม่น้ำลำคลองทั้งหลายเสียอีก
พ่อปู่ลำคลองเฉินยังคงมีนิสัยแข็งกระด้างแสร้งทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยิน โต้วแยนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ปลาแก่แห่งลำคลองที่ล้อคลื่นกินดอกไม้เป็นอาหารอย่างเฉินเหวินเชี่ยนผู้นี้มีชื่อเสียงไม่น้อยอยู่บนและล่างภูเขา เซียนซือบนภูเขา ขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่มาตกปลาที่นี่ มีมากพอๆ กับปลาซิ่งฮวาหลูและปลาจวี้ชิงที่มีเฉพาะในลำคลองแห่งนี้
เวลาหลายร้อยปีก็ไม่เคยเห็นว่าเฉินเหวินเชี่ยนจะพยายามตีสนิทกับใคร หากเปลี่ยนมาเป็นโต้วแยนล่ะก็ ป่านนี้คงรู้จักขุนนางชนชั้นสูงหลายกระบุงโกยแล้ว จากนั้นก็จะดึงตัวพวกผู้แสวงบุญรายใหญ่ให้มาที่ศาลบ้านตน
อันที่จริงสถานที่สองแห่งอย่างเมืองหลวงและเมืองหลวงสำรอง ในและนอกวงการขุนนาง ต่อให้มีปัญญาชนจำนวนไม่น้อยที่เคยได้ยินเรื่องลำคลองเที่ยวโปมาก่อน แต่กลับไม่มีใครกล้าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เรื่องส่วนรวมเสียหาย ไม่มีใครกล้าช่วยพูดแทนพ่อปู่ลำคลองเฉินและลำคลองเที่ยวโปเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ครึ่งคำ
คนชุดเขียวกวาดตามองไปรอบด้าน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “พ่อปู่ลำคลองเฉินเป็นอย่างที่โลกภายนอกเล่าลือกันจริงๆ นิสัยสบายๆ รักอิสระ ไม่สนใจสักนิดว่าควันธูปมีมากน้อย ขอแค่เผ่าพันธ์น้ำในลำคลองไม่ทำผิดกฎก็พอ ไม่สนใจจะจัดการดูแลโชคชะตาขุนเขาสายน้ำ หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ชาวบ้านหลายล้านคนได้รับความเมตตาจากลำคลองเที่ยวโปมานานถึงสองร้อยปีแล้ว ไม่เคยมีจิ้นซื่อระดับสองโผล่มาสักคน มีแต่ถงจิ้นซื่อที่ทยอยกันโผล่มาสองคน… ‘เหมือนฮูหยิน’?”
อันที่จริงลำคลองเที่ยวโปในช่วงแรกๆ ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาขุนเขาสายน้ำหรือโชคชะตาบุ๋นบู๊ก็ล้วนเข้มข้นและบริสุทธิ์ มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในขุนเขาสายน้ำของหลายแคว้น เพียงแต่ว่ากาลเวลายาวนาน มีการผลัดเปลี่ยนรัชสมัยหลายครั้ง พ่อปู่ลำคลองเฉินเองก็ไม่สนใจสิ่งใด แค่รับประกันว่าชายฝั่งสองด้านของลำคลองเที่ยวโปจะไม่มีอุทกภัยเกิดขึ้น และน่านน้ำในเขตการปกครองของตนไม่มีภัยแล้งก็พอ นอกจากนี้เฉินเหวินเชี่ยนก็ไม่สนใจเรื่องอะไรอีกแล้ว