กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 891.5 สำนักเบื้องล่าง
ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะยกเลิกคำสั่งห้าม ผู้ฝึกตนของสองทวีปอย่างแจกันสมบัติทวีปและใบถงทวีป คนจำนวนมากมายหลายร้อยคนได้ข่าวก็พากันกรูกันมาที่นี่ และยิ่งมีคนไม่น้อยที่ข่าวสารว่องไวจึงมาเฝ้ารออยู่ที่ซากปรักนครมังกรเฒ่าอยู่ก่อนนานแล้ว แม้จะบอกว่าถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่มีทางเก็บตกของดีชิ้นใหญ่อะไรไปได้ เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตนของต้าหลีก็กวาดค้นกันซ้ำไปหลายรอบแล้ว ทว่าหลังจากที่ต้าหลีคลายคำสั่งห้ามก็ยังมีคนที่ได้ลาภลอยมา แซ่สกุลใหญ่หลายแซ่ของนครมังกรเฒ่าจะคอยรับซื้อสมบัติวิเศษประเภทนี้โดยเฉพาะ จากนั้นเอาไปขายต่ออีกทอดก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
หมี่อวี้หันหน้าไปมองใต้เท้าอิ่นกวานที่อยู่ข้างกายตามจิตใต้สำนึก
ปรมาจารย์ในด้านนี้อย่างแท้จริงยืนอยู่ข้างกายตนนี่เอง
ผู้ฝึกลมปราณด้านล่างที่มาเสี่ยงโชคเก็บตกของผุพังพวกนั้นต้องรับอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ปู่ หากมาจุดธูปคารวะที่นี่ก่อน ไม่แน่ว่าอาจได้ผลเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดฝันมาก็เป็นได้
ใต้เท้าอิ่นกวานเหล่ตามองมาทันที เซียนกระบี่หมี่จึงได้แต่ถอนสายตากลับมาอย่างขลาดๆ
เงาร่างของผู้ฝึกตนหลายคนบนมหาสมุทรเหลือบมาเห็นเรือข้ามฟากเฟิงยวนก็เร่งรุดทะยานลมไล่ตามมา คือผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งของใบถงทวีป มาที่นี่พวกเขาได้เงินกันไปไม่น้อยจริงๆ จึงอยากจะขอติดเรือเดินทางกลับบ้านเกิดที่อยู่ทางใต้ด้วย ไม่อย่างนั้นหากให้ทะยานลมข้ามมหาสมุทรก็ช่างลำบากยิ่งนัก อีกทั้งยังมีเรื่องไม่คาดฝันมากมาย
ผู้ฝึกตนเปิดปากพูดกลับใช้ภาษากลางของแจกันสมบัติทวีป หรือก็คือภาษาทางการของต้าหลี
ช่วยไม่ได้ วันนี้ไม่เหมือนในวันวาน หากยังพูดภาษาทางการของต้าหลีไม่เป็นอีก ก็คงใช้ชีวิตอยู่ที่นครมังกรเฒ่าแห่งนี้ไม่รอดจริงๆ
พอได้ยินว่าเป็นเรือส่วนตัวของภูเขาลั่วพั่ว
ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เอ่ยทันทีว่า ล่วงเกินแล้ว ลาก่อน
เฉินหลิงจวินเห็นภาพนี้เข้าก็กุมท้องหัวเราะก๊ก โอ้ย ทำเอานายท่านใหญ่หัวเราะจนเจ็บท้องไปหมดแล้ว
ชื่อเสียงของมนุษย์ เงาของต้นไม้
พรรคบนภูเขาแห่งหนึ่งที่ชอบรื้อถอนศาลบรรพจารย์บ้านคนอื่น พูดจาเสียไพเราะว่าเข้าร่วมงานพิธีแสดงความยินดี แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการถามกระบี่ที่พลังอำนาจบีบคั้นผู้คน
ก็มีอยู่ที่เดียวในแจกันสมบัติทวีป แทบไม่ต่างอะไรจากอุตรกุรุทวีปแล้ว
ถามกระบี่ต่อสำนักบ้านคนอื่น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีปด้วย
บนมหาสมุทรกว้างใหญ่แห่งนี้ ด้านหน้าไม่มีหมู่บ้าน ด้านหลังไม่มีโรงเตี๊ยม ยังจะขอติดเรือไปด้วย? จะเป็นฝ่ายเดินขึ้นเรือโจรเข้ามาในรังโจรด้วยตัวเองเลยหรือ? ระวังว่ามีชีวิตขึ้นเรือ แต่ไม่มีชีวิตลงจากเรือเล่า
นี่ทำให้เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยที่ไม่มีพื้นที่ให้แสดงฝีมือทั้งปลาบปลื้มทั้งเสียดาย ปลาบปลื้มก็เพราะบารมีและชื่อเสียงของภูเขาบ้านตนขจรขจายไปไกล ที่เสียดายก็เพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้รับรู้วิถีการรับรองแขกของตนเลย
เรือข้ามฟากเฟิงยวนพอจะมองเห็นเค้าโครงแผ่นดินของใบถงทวีปได้อย่างเลือนรางแล้ว
เพียงไม่นานท่ามกลางแสงราตรี เรือข้ามฟากก็มาถึงท่าเรือภูเขาชิงจิ้งที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทวีป เฉินผิงอันพาพวกเผยเฉียนขึ้นเขาไปเยี่ยมเยือนยอดเขาเทียนแจว๋ตำหนักพยัคฆ์เขียว
ก่อนหน้านี้ศาลบรรพจารย์ของที่นี่ได้ย้ายไปอยู่ที่แจกันสมบัติทวีปแล้ว ก่อกำเนิดเฒ่าลู่ยงก็ยิ่งกลายเป็นผู้ถวายงานอันดับสองของราชวงศ์ต้าหลี เล่าลือว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ตื้นเขินกับซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองต้าหลี มีมิตรภาพส่วนตัวต่อกัน
คราวก่อนเฉินผิงอันมอบตราประทับชิ้นหนึ่งที่ด้านใต้แกะสลักเป็นคำว่าชิงจิ้งมาให้ อดีตเจ้าสำนักเจียงแห่งสำนักกุยหยก โจวอันดับหนึ่งแห่งภูเขาลั่วพั่วที่เดินทางมาร่วมกันก็ได้มอบประโยคหนึ่งให้แก่เทพเซียนผู้เฒ่า
‘ใบถงทวีปมีลู่ยง เท่ากับว่าทำให้ในใจและในสายตาของผู้ฝึกตนใต้หล้าไพศาลมีสำนักที่ตั้งตระหง่านไม่ล้มลงแห่งหนึ่งเพิ่มมา’
หลังจากนั้นลู่ยงก็เลือกวันฤกษ์งามยามดี เผาผลาญโชคชะตาขุนเขาสายน้ำของภูเขาชิงจิ้งส่วนหนึ่ง สุดท้ายเขาที่โชคไม่เลวจึงหลอมยานั่งลืมตนสองเตาออกมาได้สำเร็จ นำไปส่งให้เรือนอวิ๋นฉ่าวภูเขาผูซานของเย่อวิ๋นอวิ๋นทีเดียวรวด เจินเหรินผู้เฒ่าไม่ได้เก็บไว้เองส่วนตัว ไม่ได้แอบฮุบไว้สองสามเม็ดตามกฎดั้งเดิมอย่างที่หาได้ยาก
อันที่จริงทางฝั่งของเย่อวิ๋นอวิ๋น ตามการคาดการณ์ แค่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อยามาได้หนึ่งเตาก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีไม่คาดฝันที่ใหญ่เทียมฟ้าแล้ว ผลกลับกลายเป็นว่ามอบให้เปล่าๆ มาถึงสองเตา อีกทั้งยังเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของเจ้าตำหนักพยัคฆ์เขียวที่นำมามอบให้ถึงเรือนอวิ๋นฉ่าวภูเขาผูซานด้วยตัวเอง เย่อวิ๋นอวิ๋นที่ไม่ค่อยชอบการต้อนรับขับสู้ผู้คนจึงออกมารับรองแขกด้วยตัวเอง ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางหญิงผู้นี้อยากจะขอซื้อ ‘เม็ดชุดขนนก’ มูลค่าควรเมืองสองเตาตามราคาตลาดอย่างที่ตกลงไว้กับเฉาเซียนซือก่อนหน้านี้
คาดไม่ถึงว่านักพรตโอสถทองของตำหนักพยัคฆ์เขียวผู้นั้นจะยืนกรานไม่รับเงิน แล้วก็ไม่สนด้วยว่าปรมาจารย์หญิงที่ถูกเรียกขานว่าหวงอีอวิ๋นผู้นี้จะเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางอะไร นักพรตแค่ยืนกรานเรื่องเดียวว่าหากเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซานไม่รับไปเปล่าๆ ตนก็จะเอาโอสถกลับไป
ถึงอย่างไรโอสถนั่งลืมตนของตำหนักพยัคฆ์เขียวบ้านตนก็ไม่ต้องกลุ้มใจว่าจะขายไม่ออกอยู่แล้ว
คู่ควรกับคำว่า ‘มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า’ ได้แต่ปรารถนามิอาจได้มาครอบครอง ยานี้หลอมยากอย่างมาก เนื่องจากวิชาลับการหลอมโอสถที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่นไม่แพร่งพรายต่อคนนอกของตำหนักพยัคฆ์เขียวนั้นยังมีวัตถุดิบที่สำคัญอย่างถึงที่สุดอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือปราณวิญญาณภูเขาสายน้ำที่มีเฉพาะบนภูเขาชิงจิ้ง ดังนั้นจึงเป็นยามหัศจรรย์ที่เซียนดินทั้งทวีปในอดีตได้แต่ปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน ไม่อย่างนั้นก็มิอาจกลายมาเป็นของที่ทางศาลบรรพจารย์ของใบถงทวีปใช้ ‘ประทาน’ ให้เป็นรางวัลได้
ในอดีตทุกครั้งที่ลู่ยงหลอมยาสำเร็จก็จะจงใจแอบ ‘เม้ม’ ไว้เม็ดสองเม็ด นำไปมอบให้ภูเขาไท่ผิงเปล่าๆ เพราะถึงอย่างไรโอสถหนึ่งเตาที่สำนักทั้งหลายสั่งจองไว้ล่วงหน้า แต่ไหนแต่ไรมาจำนวนเม็ดยาก็ไม่มีจำนวนที่แน่นอนอยู่แล้ว
ขายให้กับสำนักใหญ่แห่งต่างๆ ในหนึ่งทวีป เพราะต้องการเงิน บวกกับความสัมพันธ์ควันธูป
มอบให้กับภูเขาไท่ผิงเปล่าๆ ก็เพราะเลื่อมใสในมาดของจอมยุทธผู้ผดุงคุณธรรมของเทียนจวินผู้เฒ่าและเจ้าขุนเขา
เนื่องจากบุญคุณความแค้นในอดีตเป็นเหตุให้ลู่ยงได้รับการยอมรับจากผู้ฝึกตนทั้งทวีปว่าเป็นผู้ฝึกตนที่มีอคติต่อเทพเซียนพสุธาที่เป็นผู้ฝึกยุทธในยุทธภพมากที่สุด
ดังนั้นเย่อวิ๋นอวิ๋นถึงได้ประหลาดใจเช่นนั้น
วันนี้หลังจากที่เฉินผิงอันรำลึกความหลังกับเทพเซียนผู้เฒ่าไปแล้วก็มีสีหน้าลำบากใจอย่างหาได้ยาก “พี่ใหญ่ลู่ ข้าอาจจะต้องสั่งจองโอสถนั่งลืมตนจากท่านอีกเตาแล้วล่ะ ภายในสิบปีก็ได้”
เนื่องจากโอสถชนิดนี้สามารถช่วยบำรุงจิตใจของผู้ฝึกลมปราณ ช่วยจัดระเบียบและกำจัดภัยแฝงเล็กๆ น้อยๆ ในด้านการฝึกตนที่อยู่ตามขุนเขาสายน้ำเรือนกายมนุษย์ สำหรับเฉินผิงอันที่ทุกวันนี้บาดเจ็บและขอบเขตถดถอยอย่างหนักแล้ว ยานั่งลืมตนของตำหนักพยัคฆ์เขียวแห่งนี้จึงเป็นการให้ยาถูกโรคพอดี บางทีไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับยาล้ำค่าหายากชนิดใดก็อาจเป็นดั่งฝนที่ตกลงมาทันเวลามากกว่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่การปักบุปผาลงบนผ้าแพรอะไร แต่เป็นการส่งถ่านท่ามกลางหิมะอย่างแท้จริง
ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันก็คงไม่มีทางเปิดปากขอร้องเช่นนี้
ในทวีปบ้านตน สำนักกุยหยก เสี่ยวหลงชิว อารามจินติ่ง ราชสำนักต้าเฉวียน ฯลฯ ต่างก็พากันร้องขอโอสถนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแจกันสมบัติทวีปทางทิศเหนือและยังมีจวนอ๋องเจ้าเมืองในเมืองหลวงสำรองของต้าหลี สำนักโองการเทพ ตระกูลฝูนครมังกรเฒ่า อารามเต๋าของเซียนจวินเฉาหรงที่ต่างก็มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้า ตามลำดับที่กำหนดไว้แน่นอนแล้ว อย่าว่าแต่หนึ่งถึงสองร้อยปีเลย ภายในสามร้อยปี ลู่ยงก็ไม่มีเวลาว่างแล้ว
แต่ลู่ยงกลับยังหัวเราะเสียงดังกังวาน “บังเอิญยิ่งนัก ในมือของผินเต้ายังเหลืออีกสองสามเม็ด จะมอบให้น้องเฉินเดี๋ยวนี้เลย”
เดิมทีคิดว่าจะเอาไว้มอบให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดและลูกศิษย์ของลูกศิษย์เพื่อเป็นของขวัญในการเปิดยอดเขา เมื่อหลายปีก่อนต้องติดตามตนระเหเร่ร่อนไปทั่ว คุณความเหนื่อยยากสูงยิ่ง อยู่ในแจกันสมบัติทวีปแห่งนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ จากช่วงแรกเริ่มสุดที่ต้องตกระกำลำบาก คอยทนรับสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามของผู้คน กระทั่งหลอมโอสถให้กับกองทัพชายแดนต้าหลีโดยไม่รับค่าตอบแทน ก็เหมือนลมและน้ำได้หมุนเวียนผลัดเปลี่ยน กลายเป็นได้รับความเคารพ จวนเซียนจำนวนไม่น้อยของแจกันสมบัติทวีปมีทั้งที่บอกเป็นนัยและบอกอย่างชัดเจนแก่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักพยัคฆ์เขียวว่า อยากจะรับสมัครตัวพวกเขา ให้พวกเขาเปลี่ยนสำนัก แต่กลับไม่มีใครที่อยากจะออกจากทำเนียบศาลบรรพจารย์ของตำหนักพยัคฆ์เขียว
หากรู้แต่แรกว่าคุณชายเฉินต้องการโอสถนั่งลืมตน คราวก่อนที่มอบให้เย่อวิ๋นอวิ๋นเปล่าๆ สองเตาก็คงไม่ทำตัวซื่อสัตย์ขนาดนั้นแล้ว
เฉินผิงอันกำลังจะพูด เจินเหรินผู้เฒ่าก็ยกมือขึ้นบ่นก่อนแล้ว “หยุดเลย ถ้อยคำห่างเหินก็อย่าได้พูดเลย จะทำลายมิตรภาพของกันและกันไปเปล่าๆ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เรื่องการก่อสร้างใหม่ของตำหนักพยัคฆ์เขียว หากมีเรื่องอะไรที่ต้องการการช่วยเหลือ พี่ใหญ่ลู่ก็เขียนใบรายการมาได้เลย เรือเฟิงยวนสามารถช่วยซื้อหามาให้ได้ การค้าครั้งนี้ ภูเขาลั่วพั่วมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว ไม่ขาดทุนและไม่ได้กำไร”
ลู่ยงหัวเราะฮ่าๆ “มีเพียงเรื่องนี้ที่เกี่ยวพันกับหน้าตาของสำนัก ข้าก็คงไม่เกรงใจน้องเฉินแล้ว”
จากนั้นลู่ยงก็เป็นฝ่ายเชื้อเชิญให้คนของภูเขาลั่วพั่วออกไปชมทัศนียภาพด้านนอกด้วยกัน
เดินเล่นบนภูเขาช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง
ลมจากฟ้าพัดแสงจันทร์เป็นริ้วกระเพื่อม ได้ยินเสียงใสกังวานดุจเสียงหยก
คนทั้งกลุ่มลงจากเขาขึ้นเรือ เรือข้ามฟากก็ออกเดินทางลงใต้ต่ออีกครั้ง
ในที่สุดก็มาถึงสำนักเบื้องล่างในอนาคตที่ชุยตงซานเลือกที่ตั้งด้วยตัวเอง
ชุยตงซาน เฉาฉิงหล่าง สุยโย่วเปียน พ่อครัวน้อยเฉิงเฉาลู่ เส้าพอเซียน เหมิงหลง สือชิว
พวกเขาต่างก็มารออยู่ที่ท่าเรือนานแล้ว
ในบริเวณใกล้เคียงยังมีมัลละยันต์ หุ่นเชิดกลไกอีกกลุ่มใหญ่ที่กำลังขยับขยายท่าเรือให้กว้างขวางอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ชื่อของสำนักเบื้องล่างยังไม่ได้ตัดสินใจ
และสถานที่แห่งนี้ที่ชุยตงซานเลือกไว้ก็ไม่ใช่สถานที่ขุนเขาสายน้ำงดงามอะไร ก็แค่เป็นสถานที่ที่กินอาณาบริเวณหกร้อยลี้ ตั้งอยู่ตรงชายแดนที่เชื่อมต่อสองแคว้น
บริเวณโดยรอบไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำอะไร ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือศาลเทพแห่งผืนดินที่มีประวัติยาวนานเป็นพันปีแห่งหนึ่ง ต่าวเซ่อแห่งเขตอวี้หาง
ดูเหมือนว่าชุยตงซานจะตั้งใจเลือกสถานที่ที่ยากจนและว่างเปล่าแห่งนี้
เขาต้องการสร้างเนื้อสร้างตัวจากมือเปล่า
หลังจากได้รับคำเตือนในจดหมายที่อาจารย์ส่งมาจากเมืองหลวงต้าหลี ชุยตงซานก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากแรกเริ่มได้อิงตามการวางแผนและการอนุมานจากอาจารย์และศิษย์คู่นี้กับโจวอันดับหนึ่ง การเลือกที่ตั้งของสำนักเบื้องล่างจะต้องทำลายแผนการสองชั้น ‘เจ็ดปรากฎสองอำพราง’ ของอารามจินติ่งไปให้ได้ ไม่เพียงแต่จะต้องรักษาควันธูปของภูเขาไท่ผิงที่ไม่เหลือใครอยู่ในใต้หล้าไพศาลให้ไม่ถูกเสี่ยวหลงชิวยึดครองที่ตั้งเก่าแล้ว ยังต้องพยายามขัดขวางการร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างอารามจินติ่งกับตำหนักพยัคฆ์เขียวด้วย
เพียงแต่ว่าอย่างแรกคือเรื่องเร่งด่วน อย่างหลังจะทำหรือไม่ทำก็ได้
ในคฤหาสน์หลบร้อนมีหนังสือเก็บสะสมไว้เยอะมาก หนึ่งในนั้นก็มีอวิ๋นจี๋ชีเชียนยี่สิบสี่เล่มของลัทธิเต๋า ในบรรดานั้นก็มีบทของตะวันจันทราดาราอยู่ด้วย
อารามเต๋าแห่งหนึ่งที่เป็นแค่ภูเขาตัวสำรองสำนักอักษรจง ตู้หันหลิงที่เป็นเจ้าอารามก็เป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่ง แผนการที่วางไว้กลับยิ่งใหญ่ วิธีการที่ใช้ก็ยิ่งใหญ่จนเรียกได้ว่าใหญ่เทียมฟ้าเลยทีเดียว
หากค่ายกลเจ็ดดาวเป่ยโต้วร่วมช่วยเหลือให้สองอำพรางนี้สร้างสำเร็จขึ้นมา อารามจินติ่งก็จะเท่ากับว่าได้ครอบคลุมปรากฎการณ์ฟ้าดินและโชคชะตาขุนเขาสายน้ำของใบถงทวีปไปเกือบครึ่งทวีป
แต่ในเมื่อในเรื่องนี้มีแผนการของสกุลลู่สำนักหยินหยางแผ่นดินกลางซุกซ่อนอยู่ ชุยตงซานจึงล้มเลิกความคิดที่จะ ‘แทรกเข้าไปก่อกวน’ ทันที เขาอยากจะเบิกตากว้างมองให้ดีๆ นักว่าตู้หันหลิงแห่งอารามจินติ่งที่ไม่มีภูเขาไท่ผิงและภูเขาชิงจิ้งคอยขัดขวางแล้ว จะสามารถสร้าง ‘ปรากฎการณ์ฟ้าบรรยากาศดิน’ ที่อลังการได้สักแค่ไหนกัน
คนสองกลุ่มมารวมตัวกัน
เด็กหนุ่มชุดขาวที่มีไฝแดงกลางหว่างคิ้วโค้งตัวก้มจนสุดให้กับเฉินผิงอัน พอยืดตัวขึ้นตรงแล้วก็โค้งกายประสานมือคารวะอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ายิ้มเอ่ย “ขอขอบคุณผู้ถวายงานเสี่ยวโม่จากใจจริง”
เสี่ยวโม่ประสานมือคารวะกลับคืน “เสี่ยวโม่คารวะเจ้าสำนักชุย”
คนทั้งกลุ่มพากันเดินไปที่ภูเขาสูงลูกหนึ่ง เฉินผิงอันพูดคุยอยู่กับชุยตงซาน
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ทางฝั่งของอารามจินติ่ง มิอาจพูดได้ว่าไม่ระมัดระวังรอบคอบ ไม่คิดเรื่องที่ไม่ควรต่อภูเขาไท่ผิงและตำหนักพยัคฆ์เขียว หยุดมือเร็วมาก เหลือเพียงเสี่ยวหลงชิวที่ยังไม่รู้หนักเบา คิดอยากจะเก็บท่วงทำนองแห่งมรรคาที่เหลืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับภูเขาไท่ผิงมาหลอมเป็นคันฉ่องแสงจันทร์ของภูเขาไท่ผิงบานนั้น ผลคืออยู่ดีๆ หวงถิงก็กลับมาจากใต้หล้าห้าสี ถามกระบี่ไปรอบหนึ่ง ศาลบรรพจารย์ถูกรื้อถอนไปแล้ว พี่สาวนักพรตหญิงคนนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกรา ถึงกับสร้างกระท่อมอยู่ข้างซากปรักของศาลบรรพจารย์แล้วพักอยู่ที่นั่น”
หวงถิงนักพรตหญิงแห่งภูเขาไท่ผิง อันที่จริงได้กลับจากใต้หล้าห้าสีมายังใต้หล้าไพศาลพร้อมกับกวอจู๋จิ่ว เพียงแต่ว่าคนหนึ่งไปที่แจกันสมบัติทวีป คนหนึ่งกลับมาที่ใบถงทวีปอันเป็นบ้านเกิด
เฉินผิงอันเอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “เป็นข้าที่แหวกหญ้าให้งูตื่น”
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันไปที่ภูเขาไท่ผิงมารอบหนึ่งแล้วลงมือที่นั่น ทำให้เกิดความครึกโครมไม่น้อย และยิ่งทำเรื่องลับเรื่องหนึ่งสำเร็จ นั่นคือสังหารเจ้าสำนักว่านเหยาแห่งพื้นที่มงคลสามภูเขาอย่างเซียนเหรินหันอวี้ซู่ ภายหลังติดตามเจียงซ่างเจินไปที่ตำหนักพยัคฆ์เขียว ตู้หันหลิงต้องได้ข่าวแน่นอน หลังจากชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้ว อารามจินติ่งจึงได้แต่ถอยมาเลือกลำดับรอง ลดระดับขั้นของค่ายกลใหญ่ปรากฎการณ์ฟ้าดินแห่งนั้นลง
หากไม่พูดถึงความเป็นศัตรูที่ถูกกำหนดมาแล้วของทั้งสองฝ่าย ตู้หันหลิงก็คู่ควรกับคำว่าผู้พิชิตของพื้นที่หนึ่งจริงๆ
พันธมิตรใบท้อที่ราชวงศ์ต้าเฉวียน อารามจินติ่งที่อยู่ทางเหนือ ถ้ำมังกรขาวที่อยู่ภาคกลาง เรือนอวิ๋นฉ่าวภูเขาผูซานทางทิศใต้ ทั้งสามฝ่ายล้วนเป็นผู้ริเริ่ม สุดท้ายรวบรวมจวนเซียนบนภูเขาสิบหกแห่งที่เป็นผู้พิชิตแห่งใบถงทวีป บวกกับกองกำลังใต้อาณัติอีกสามสิบสี่แห่ง ร่วมกันลงนามเป็นพันธมิตร ในนามคือร่วมมือกันต่อต้านกองกำลังของทวีปอื่น
เนื่องจากเย่อวิ๋นอวิ๋นไม่สนใจกิจการงานใดๆ จึงเพียงแค่สวมชื่อเท่านั้น ดังนั้นหลังจากที่อารามจินติ่งและถ้ำมังกรขาวลงนามเป็นพันธมิตรใบท้อกันแล้ว เซียนซือทั้งสองท่านจึงถูกเรียกขานเป็นจักรพรรดิบนภูเขาและอัครเสนาบดีกลางภูเขา
ชุยตงซานยืนอยู่ตรงตีนเขา ชี้นิ้วไปพลางเอ่ย “อาจารย์ ต้องรอให้ท่านมาที่นี่ก่อนถึงจะก่อตั้งประตูภูเขาได้ ถึงเวลานั้นยังสามารถตัดแถบผ้าไหม (หรือตัดริบบิ้น) ได้ด้วยนะ”
เฉินผิงอันไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ปีนั้นภูเขาลั่วพั่วไม่เห็นต้องยุ่งยากเช่นนี้เลย
เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “งานเฉลิมฉลองของสำนักเบื้องล่าง ก็เลือกเป็นวันแรกเริ่มของฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็แล้วกัน”
ชุยตงซานอืมรับหนึ่งที
วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ วันเริ่มต้นของสี่ฤดูกาล วันแรกของหนึ่งขวบปี ปราณหยางแผ่ระเหย หมื่นสรรพสิ่งถือกำเนิด
ชุยตงซานเอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ เรื่องแขวนภาพเหมือนว่าอย่างไร จะให้ใครเป็นคนวาด?”
เนื่องจากเป็นสำนักเบื้องล่าง ถ้าอย่างนั้นภาพแขวนในศาลบรรพจารย์จะต้องอิงตามกฎบนภูเขาของใต้หล้าไพศาล เริ่มแขวนภาพเหมือนของบรรพจารย์บุกเบิกภูเขาของสำนักเบื้องบนแล้ว
อีกทั้งจำเป็นต้องแขวนไว้ตรงกลางอีกด้วย
เฉินผิงอันหันไปมองชุยตงซานอย่างอ่อนใจ “พวกเราละเมิดกฎสักครั้งไม่ได้จริงๆ หรือ?”
ชุยตงซานส่ายหน้าอย่างแรง พูดอย่างหนักแน่นว่า “อาจารย์ ละเมิดกฎไม่ได้เด็ดขาด!”