กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 898.1 สิบสองตำแหน่งสูง
ชุยตงซานเดินออกไปจากบ่อสายฟ้าพื้นที่ต้องห้ามที่สร้างขึ้นจากปราณกระบี่สีทองเพียงลำพังคนเดียวก่อน
เสี่ยวโม่เอ่ย “ไร้ช่องโหว่ใดๆ”
ชุยตงซานพยักหน้ายิ้มกล่าว “อาจารย์จำเป็นต้องปิดด่านอยู่พักหนึ่ง พวกเรารอกันไปก่อนก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มชุดขาวเอาสองมือสอดรองไว้ใต้ท้ายทอย ส่วนเสี่ยวโม่ที่สวมหมวกเหลืองรองเท้าเขียวก็กอดไม้เท้าเดินป่าไผ่เขียวไว้ในอ้อมอก
ชุยตงซานใช้เสียงในใจเอ่ย “นอกจากเรื่องบางอย่างที่สำคัญที่สุดแล้ว อาจารย์ยังต้องหลอม ‘จันทร์ในบ่อ’ อีกเล็กน้อย ดูว่าจะสามารถจำแลงออกมาเป็น…เขาวงกตแห่งแล้วแห่งเล่าในฟ้าดินได้หรือไม่ บางทีอาจเป็นภูเขาเซียนตูที่อยู่ข้างนอก หรือบางทีอาจจะอยู่ที่คฤหาสน์หลบร้อนที่ไม่ดำรงอยู่แล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นถ้ำสวรรค์หลีจูของบ้านเกิดก่อนที่จะหล่นลงพื้น ยิ่งอาจารย์เข้าใจเรื่อง ‘เขาวงกต’ ละเอียดเท่าไรก็ยิ่งมีแนวโน้มเข้าใกล้ ‘ความจริง’ มากเท่านั้น ดังนั้นหากเรื่องนี้ทำสำเร็จ ก็เท่ากับว่านอกเหนือจากกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่มีจำนวนมากแล้ว อาจารย์ยังสามารถควบคุมวิชาอภินิหารการ ‘จำแลง’ อย่างที่สองของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนี้ เมื่อใช้ร่วมกับนกในกรงที่สามารถสร้างฟ้าดินเล็กขึ้นได้ด้วยตัวเองก็จะยิ่งไร้ข้อผิดพลาดมากขึ้นไปอีก”
เสี่ยวโม่สงสัยเล็กน้อย จึงถามว่า “ขอถามเจ้าสำนักชุย เหตุใดคุณชายที่ไม่ใช้จันทร์ในบ่อรวมมือกับนกในกรงไปเลยล่ะ?”
ชุยตงซานหลุดหัวเราะพรืด “ทุกเรื่องล้วนยากที่การเริ่มต้น ตั้งแต่ศูนย์จนถึงหนึ่ง กับตั้งแต่หนึ่งจนถึงสิบ มักจะเป็นอย่างแรกที่คิดได้ยากและทำได้สำเร็จยากมากกว่า แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้าเองก็บอกแล้วว่าอาจารย์แสวงหา ‘ความจริง’ ไม่ใช่ภาพลวงตา เป็นเหตุให้คน สิ่งของและเรื่องราวที่ ‘จันทร์ในบ่อ’ ทุกเล่มจำแลงออกมาจึงใกล้เคียงกับความจริงอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่ยากมากๆ แล้ว”
พูดแค่นิดเดียวเสี่ยวโม่ก็เข้าใจได้ทันที พยักหน้าเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่ยากจนแทบไม่ต่างจากการเดินขึ้นสวรรค์จริงๆ”
แรงบันดาลใจของเฉินผิงอันมาจากการทำท่ามือประกอบของหลี่เป่าผิงพลางพูดว่า ‘เต๋าให้กำเนิดหนึ่ง หนึ่งให้กำเนิดสอง สามให้กำเนิดหมื่นสรรพสิ่ง’ ขณะที่เข้าร่วมประชุมศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง รวมไปถึงการถามกระบี่กับหยวนซงแห่งภูเขาทัวเยว่ในภายหลัง ฝ่ายหลังสร้างระเบียงยาวหนาแน่นเส้นนั้นขึ้นมากับมือตัวเอง และตอนที่เฉินผิงอันอยู่ข้างสระน้ำซึ่งไร้น้ำด้านหลังเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่วก็นึกไปถึงประโยคของลัทธิพุทธที่บอกว่า ‘ประหนึ่งดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำแต่ไม่สัมผัสน้ำ ประหนึ่งตะวันจันทราที่โคจรอยู่กลางอากาศไม่หยุดนิ่ง’ สุดท้ายเฉินผิงอันก็นึกถึง ‘ศาลา’ ที่สร้างขึ้นด้วยตัวเองในคุกของกำแพงเมืองปราณกระบี่ขึ้นมาอีก
ดังนั้นตอนที่อยู่ในหอวั่งซิ่งฮวาของราชวงศ์ต้าเฉวียนถึงได้ให้เสี่ยวโม่ช่วยปกป้องมรรคา เฉินผิงอันมีการทดลองสองครั้ง ครั้งหนึ่งอาศัย ‘ภาพสำเนา’ มากมายในหอตำราของทะเลสาบหัวใจมา ‘คัดลอก’ ขุนเขาสายน้ำพันลี้ในอาณาเขตของภูเขาทัวเยว่ ต้นไม้ดอกไม้ทุกต้น ภูเขาทุกลูกบ้านทุกหลังล้วนปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าตอนที่พยายามจะให้ ‘บุปผาเบ่งบาน’ ทุกสิ่งที่ทำมากลับสูญเปล่า ตอนนั้นหลังจากได้รับคำเตือนจากเสี่ยวโม่ที่อยู่นอกห้อง เฉินผิงอันก็ไม่โลภมากหวังให้ได้ทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์อีก จึงเพียงแค่จำแลงการเติบโตของเมล็ดบัวม่วงทองเมล็ดหนึ่งขึ้นมาบนมหามรรคา เพียงแต่ว่าตอนที่ดอกไม้กำลังจะบานไม่บาน เขากลับเป็นฝ่ายล้มเลิกไปด้วยตัวเอง
เสี่ยวโม่ดวงตาเป็นประกาย ทำท่าจะพูดแต่ก็เงียบไปอีก
ชุยตงซานคล้ายจะเดาความคิดของอีกฝ่ายออก พยักหน้ากล่าวว่า “เจ้าคิดได้ ข้าเองก็คิดได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ต้องคิดได้เร็วยิ่งกว่าแน่นอน เพียงแต่ว่าการกระทำนี้สิ้นเปลืองเงินเกินไป อีกทั้งยังไม่ใช่เงินเทพเซียนสามชนิด แต่เป็นเงินเหรียญทองแดงแก่นทองที่หาได้ยากยิ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่อาจารย์ขอบเขตถดถอยอีกแล้ว เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้ก็คือการพักรักษาบาดแผลและฟื้นคืนขอบเขตเสียก่อน ดังนั้นเกินครึ่งอาจารย์ก็น่าจะตั้งใจวางเรื่องนี้ไว้ก่อนชั่วคราว”
‘สี่ด้านที่ห้อยมาของบ้านคือชายคา เรือแล่นไปกลับก็เรียกว่ากาล’ (ชายคาภาษาจีนคืออวี่ กาลภาษาจีนคือโจ้ว อวี่โจ้วแปลว่าจักรวาลหรือกาละอันไม่มีที่สิ้นสุดและเทศะอันหาขอบเขตมิได้)
ชุยตงซานเงยหน้ามองฟ้า ยกเท้าข้างหนึ่งกระทืบพื้น จากนั้นเก็บมือ สะบัดชายแขนเสื้อ พึมพำว่า “บนล่างสี่ด้านเรียกเทศะ นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบันเรียกกาล”
จันทร์ในบ่อเล่มหนึ่ง จำนวนกระบี่บินมีมากหรือน้อย เกี่ยวพันกับขอบเขตสูงต่ำโดยตรง ยกตัวอย่างเช่นตอนที่เฉินผิงอันขอยืมมรรคกถาขอบเขตสิบสี่มาจากลู่เฉิน เพื่อถามกระบี่กับลูกศิษย์คนแรกของบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ เขาเคยจำแลงกระบี่บินออกมาที่เดียวเกือบห้าแสนเล่ม ในความเป็นจริงแล้วนี่ยังเป็นเพราะเฉินผิงอัน ‘เก็บซ่อน’ ไว้คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้เจตนา หากยอมปล่อยให้จิงชี่เสินถูกเผาผลาญไปอย่างไม่เสียดาย ปลดปล่อยฝีมือเต็มที่ร่ายใช้ ‘จันทร์ขอบบ่อ’ หรือกระทั่ง ‘จันทร์บนฟ้า’ ที่ระดับขั้นแทบจะใกล้เคียงกับยอดสูงสุด ขอบเขตแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ จำนวนของกระบี่บินคาดว่าน่าจะมากถึงแปดแสนเล่มซึ่งน่าตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่ง
และนกในกรงก็เป็นเหมือนที่ชุยตงซานคาดการณ์เอาไว้ เฉินผิงอันขบคิดได้ถึงความเป็นไปได้บางอย่างของวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตอย่างที่สองออกมาได้นานแล้ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับแม่น้ำแห่งกาลเวลา
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการออกเดินทางช่วงที่ผ่านมานี้ เฉินผิงอันถึงได้สูบยาสูบเอาอย่างหยางเหล่าโถว ต่อให้จะปรับตัวไม่ได้ แต่ก็ยังแข็งใจสูบยาพ่นควันขโมง
ทุกครั้งที่หยางเหล่าโถวพูดคุยกับคนอื่นในเรือนด้านหลังร้านขายยาจะต้องสูบยาอยู่เสมอ อาศัยสิ่งนี้มาบดบังความลับแห่งสวรรค์ เพราะรากฐานมหามรรคาของเขาก็คือแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่ปะปนกันวุ่นวายสายหนึ่ง เว้นเสียจากจะเป็นบรรพจารย์ของสามลัทธิ หาไม่แล้วต่อให้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่ที่เก่งกาจแค่ไหน อย่างเช่นเจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามกวานเต๋า ก็อย่าได้หวังว่าจะอาศัยการเดินเลียบย้อนทวนกระแสน้ำแห่งกาลเวลามาตามหาเบาะแสใดๆ ได้พบ
เพียงแต่ว่าควันที่มาจากการสูบยาเหล่านั้นกลับมีเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ถึงจะสามารถควบคุมควันธูปในโลกมนุษย์ได้ หรือหากถอยไปพูดหนึ่งก้าว สิ่งที่คล้ายคลึงกับอักษรภาพของแท้ระดับรองของ ก็คือเงินเหรียญทองแดงแก่นทองแล้ว
ดังนั้นเฉินผิงอันที่อยู่บนเรือข้ามฟากเฟิงยวนถึงได้แอบขอเงินเหรียญทองแดงแก่นทองหลายถุงมาจากฉางมิ่ง แน่นอนว่าต้องจดลงบัญชีเอาไว้
ตามความเห็นของชุยตงซาน หากจันทร์ในบ่อสามารถจำแลงออกมาเป็นฟ้าดินที่แทบจะใกล้เคียงกับ ‘ความจริง’ ได้
เมื่อร่วมมือกับนกในกรงก็จะสามารถควบคุมการไหลรินของแม่น้ำแห่งกาลเวลาในฟ้าดินเล็กได้
คนนอกหลงเข้าไปอยู่ข้างใน จุดจบจะเป็นอย่างไรก็พอจะรู้ได้
เสี่ยวโม่พลันเอ่ยอย่างละอายใจ “หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงตอบตกลงกับสหายหลิงชุนไปแล้ว”
ชุยตงซานหันหน้ามายิ้มถาม “หมายความว่าไง?”
ที่แท้ผู้คุมกฎฉางมิ่งของสำนักเบื้องบนที่มีฉายาว่าหลิงชุน ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนเรือข้ามฟากเฟิงยวน นางอยากจะขอซื้อเวทกระบี่ชั้นสูงสองสามบทที่หายสาบสูญไปแล้วจากเสี่ยวโม่เพื่อนำไปมอบให้กับน่าหลันอวี้เตี๋ยลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่นางเพิ่งรับมาใหม่ ราคาตามแต่ที่เสี่ยวโม่จะกำหนด นางสามารถใช้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองหลายถุงมาแลกได้
เสี่ยวโม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นถึงผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของสำนักเบื้องบนแล้ว ไหนเลยจะกล้ารับเงิน เรื่องของการถ่ายทอดเวทกระบี่ให้กับน่าหลันอวี้เตี๋ยก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมเช่นไรก็ไม่สำเร็จ เสี่ยวโม่จึงได้แต่ยื่นคำขาดเอาไว้ว่า หากจ่ายเงินให้ เขาก็จะไม่มอบตำรากระบี่ให้แล้ว
ผลคือผู้คุมกฎฉางมิ่งก็ไม่รับเวทกระบี่ไว้จริงๆ
ถึงอย่างไรเรื่องอย่างการจ่ายเงินซื้อเวทกระบี่ เดิมทีนางก็คิดว่าจะหว่านแหไปทั่วๆ อยู่แล้ว
ชุยตงซานเอ่ยสัพยอก “เสี่ยวโม่เอ๋ยเสี่ยวโม่ เจ้าเองก็เป็นคนซื่อตรงเกินไป เรื่องแบบนี้จะคร่ำครึได้อย่างไร ขอเงินเหรียญทองแดงแก่นทองสักถุงครึ่งถุงมาจากพี่หญิงฉางมิ่ง เวทกระบี่ก็มอบให้ น้ำใจก็ได้ด้วย ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างไรเล่า”
เสี่ยวโม่รับคำสั่งสอนอย่างนอบน้อม พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้ายังไม่อาจเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตามได้อย่างแท้จริง”
ชุยตงซานกล่าว “ข้ามีข้อเสนอแนะอย่างหนึ่ง ตรงตีนเขาของยอดเขาเจ๋อเซียนที่เป็นยอดเขารองมีหาดลั่วเป่าที่มีลำคลองชิงอีอยู่ไม่ใช่หรือ วันหน้าข้าจะมอบสถานที่ฝึกตนให้เจ้าก็แล้วกัน เจ้าก็ไปสร้างกระท่อมหรืออะไรอยู่ที่นั่นแล้วคอยถ่ายทอดมรรคาตามเวลาที่กำหนดก็แล้วกัน”
เสี่ยวโม่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “เสี่ยวโม่ได้แต่บอกว่าขอบเขตของตัวเองพอใช้ได้ แต่หากจะพูดถึงเรื่องของการถกมรรคกถาสั่งสอน เรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้น ตบะของข้ายังตื้นเขิน ถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นก็เกรงว่ามีแต่จะเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้อื่น แถมยังมีคุณชายกับเจ้าสำนักชุยเป็นตัวอย่างที่ดีอยู่ข้างหน้า เสี่ยวโม่หรือจะกล้าตั้งตัวเป็นอาจารย์ของคนอื่น”
ในยุคบรรพกาล ไม่ว่า ‘นักพรต’ จะมีชาติกำเนิดแบบใด ทว่าคำว่า ‘ถ่ายทอดมรรคา’ กลับมีน้ำหนักมากมหาศาลจนมิอาจจินตนาการได้เลย
ฝึกตนบนมรรคา พิสูจน์มรรคา บรรลุมรรคา ถ่ายทอดมรรคา
ทั้งสี่อย่างล้วนต้องมีให้ครบถ้วน ถึงจะถือว่าเป็น ‘นักพรต’ (หรือเต้าเหริน เต้าก็คือเต๋าหรือมรรคา) อย่างแท้จริงคนหนึ่ง
ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่คฤหาสน์เถาหยวน คุณชายของตนถึงได้มอบตัวอักษรสิบสองตัวให้กับผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่มีนามว่าหลูอิงโดยไม่คิดเงิน
‘มีสมาธิเคารพระมัดระวัง ฝึกตนฝึกถึงบรรลุผล’ (ประโยคนี้ภาษาจีนอ่านว่า จิ้งซือจิ้งซื่อจิ่งซื่อ ซิวเต้าซิวเต้าซิวเต้า เป็นการเล่นคำที่ออกเสียงใกล้กันแต่คนละความหมาย)
เรียกว่าพูดได้ตรงใจของเสี่ยวโม่อย่างแท้จริง
ผู้ที่ฝึกตนบนมรรคาจำต้องมีสมาธิสงบจิตใจ เคารพหมื่นเรื่องราวหมื่นสรรพสิ่งในฟ้าดิน ขณะเดียวกันยังต้องมีความระมัดระวังต่อโลกใบนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรพูดง่ายๆ ว่าตัวเองฝึกตนจนสร้างมหามรรคาสายหนึ่งได้แล้ว
ยังอยู่ห่างไกลมากนัก
ชุยตงซานยกสองมือขึ้น กำเป็นหมัด สุดท้ายหันฝ่ามือเข้าหากัน ปรบมือเบาๆ ยิ้มเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นอาจารย์เคยพูดกับเจ้าหรือไม่ว่า เป็นคนไม่ควรเย่อหยิ่งลำพองตน สายตามองไม่เห็นใคร ดูแคลนคนอื่น แต่ก็ไม่ควรดูถูกตัวเอง ในใจไม่มีตัวเองอยู่ ขอแค่ไม่เดินไปบนทางสุดโต่งจึงจะถือว่าเป็นวิญญูชน จึงจะถือว่าเป็นผู้เที่ยงตรง”
เสี่ยวโม่พยักหน้า “มีเหตุผล”
อันที่จริงยังมีอีกเรื่องที่ชุยตงซานไม่ได้พูดออกมา
เจ้าของเก่าของสถานที่แห่งนี้คือเถียนหว่าน ถ้าอย่างนั้นโจวจื่อศิษย์พี่ของนางก็ต้องเคยเดินทางผ่านซากปรักของถ้ำสวรรค์แห่งนี้มาก่อน หากอาจารย์สามารถเดินไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลาได้ตามใจ ในอนาคตก็จะสามารถหาโอกาสที่จะถามกระบี่กับโจวจื่อได้
แม้จะไม่แน่เสมอไปว่าต้องทำสำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อะไรอีกแล้ว
ขุนเขาสายน้ำพันหมื่นล้วนขัดขวางไม่อยู่ ล้วนไม่อาจต้านทานรองเท้าสานบนเท้าคู่นั้นของอาจารย์
เสี่ยวโม่เอ่ย “หลังออกไปจากที่นี่ รอให้เรือข้ามฟากเฟิงยวนหวนกลับไปยังภูเขาเซียนตู ข้าก็จะไปหาสหายหลิงชุน ขอเงินเหรียญทองแดงแก่นทองมาหลายๆ ถุง”
ชุยตงซานพยักหน้า “ทุกวันนี้หากคิดจะซื้อเศษชิ้นส่วนร่างทองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีปก็ยิ่งไม่ต้องคิดแล้ว ราชสำนักต้าหลีไม่มีทางปล่อยให้เหลือรอดแน่นอน ต่อให้มีคนขาย ราคาก็ต้องสูงเทียมฟ้า ทางฝั่งของใบถงทวีป บวกกับฝูเหยาทวีป บางทีอาจจะยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง หลังจากที่ร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำพวกนั้นปริแตก ปีนั้นก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะถูกกองทัพของเปลี่ยวร้างกวาดค้นไปหมด ได้แค่ถือว่าเก็บตกของเล็กๆ น้อยๆ ไป เมื่อผ่านการพักฟื้นมานานหลายปี ทั้งบนและล่างภูเขาต่างก็พอจะคืนสติกันกลับมาแล้ว แต่ละคนเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่แพ้กัน”
คนชุดเขียวเดินออกมาจากตราผนึกบ่อสายฟ้า
อารมณ์ของชุยตงซานซับซ้อน ใช้การหลอกตัวเองมาหลอกลวงผู้อื่น ไม่ใช่แค่การปิดหูขโมยกระดิ่งอะไรทั้งนั้น
มีคนลอบสังเกตการณ์มาจากที่สูงกว่า
แต่อาจารย์กลับยืนกรานจะงัดข้อกับอีกฝ่าย
คนทั้งกลุ่มมาที่ตีนเขา ชุยตงซานเอ่ยแนะนำว่า “ภูเขาแห่งนี้มีชื่อว่าภูเขาชื่อซง ได้มาครองถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝันแล้ว อันที่จริงตอนแรกข้ากับโจวอันดับหนึ่งต้องทุ่มสุดชีวิตเพื่อขัดขวางไม่ให้เถียนหว่านออกไปจากแจกันสมบัติทวีป ก็เพราะต้องการถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ยที่ชื่อเสียงเลื่องลือแห่งนั้น”
ซากปรักถ้ำสวรรค์ที่ไร้นามในประวัติศาสตร์แห่งนี้ไม่เคยติดอับดับถ้ำสวรรค์เล็กสามสิบหกแห่ง ทุกวันนี้ได้ถูกชุยตงซานตั้งชื่อให้ว่าถ้ำสวรรค์ฉางชุน
เถียนหว่าน ยอดเขาจูอวี๋ ภูเขาตะวันเที่ยง พี่เทียนไฉแห่งยอดเขาสุ่ยหลงที่รับผิดชอบเรื่องการรายงานข่าว…
เฉินผิงอันมองสบตากับชุยตงซาน
ชุยตงซานพยักหน้ารับแรงๆ เรื่องนี้สามารถทำได้
เฉินผิงอันส่ายหน้า ความคิดที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ไม่เหมาะสม ไม่สมควรเอาเสียเลย
ชุยตงซานใช้สายตาบอกเป็นนัย อาจารย์ท่านน่าจะต้องถามความต้องการของเสี่ยวโม่ก่อนดีกว่ากระมัง ไม่อย่างนั้นนี่ก็จะเป็นความเผด็จการอีกประเภทหนึ่งแล้ว นี่ไม่เหมือนอาจารย์เอาเสียเลย
เฉินผิงอันยังคงส่ายหน้า
ยามที่เสี่ยวโม่เผชิญหน้ากับสมาชิกของภูเขาลั่วพั่วและภูเขาเซียนตูจะต้องสร้างฉากกั้นกีดขวางขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ไปตรวจสอบสภาพจิตใจของผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายของตนและเจ้าสำนักชุยเลย ดังนั้นจึงแค่พอจะสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง จึงถามหยั่งเชิงว่า “หากอยู่กับเสี่ยวโม่แล้วคุณชายมีเรื่องอะไรที่รู้สึกลำบากใจ นั่นก็ถือเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ของเสี่ยวโม่แล้ว”
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “ไม่เกี่ยวกับอาจารย์ เป็นข้าที่อยากจะเพิ่มภาระให้เสี่ยวโม่ อยากให้ช่วยดูแลเรื่องรายงานข่าวของภูเขาลั่วพั่ว น่าเสียดายที่อาจารย์ปฏิเสธไปแล้ว”
เสี่ยวโม่ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าสามารถลองทำดูก่อน คอยให้การช่วยเหลืออยู่ข้างๆ หากความจริงพิสูจน์แล้วว่าเสี่ยวโม่พอจะทำได้ ก็ย่อมยินดีช่วยแบ่งเบาภาระให้กับคุณชาย”
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “เสี่ยวโม่ เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง ทุกวันต้องคอยคบค้าอยู่กับรายงานข่าว ไม่รู้สึกว่าเป็นการลดสถานะของตัวเองหรือ?”
เสี่ยวโม่ส่ายหน้า “ก็ถือเสียว่าเป็นการอ่านหนังสือโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ได้อ่านหนังสือเช่นนี้คือเรื่องน่าสนใจอันดับหนึ่งของใต้หล้า”
ชุยตงซานพยักหน้ารับอย่างแรง “มีเหตุผล มีเหตุผล ก็เหมือนดื่มเหล้าโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ก็คือเหล้าที่ดีอันดับหนึ่งของใต้หล้า”
เฉินผิงอันตบหัวชุยตงซานไปหนึ่งที “ข้าเปิดร้านหมักเหล้าเอง ดื่มเหล้ายังต้องจ่ายเงินอะไรอีก”
ชุยตงซานแนะนำต่ออีกว่า “ถ้ำสวรรค์เล็กแห่งนี้ อาณาเขตขุนเขาสายน้ำไม่ใหญ่ แต่ในรัศมีร้อยลี้รอบด้าน ระดับความเปี่ยมล้นของปราณวิญญาณฟ้าดินกลับไม่เป็นรองให้กับถ้ำสวรรค์เล็กอู๋ถงของสำนักใบถงเลย ปริมาณโดยรวมมากสุดก็ด้อยกว่าแค่สองสามส่วน นี่ยังเป็นเพราะข้าไม่ได้ทุ่มเงินเทพเซียนเข้าไปด้วย”
ชุยตงซานสะบัดชายแขนเสื้อสีขาวหิมะ เอ่ยอย่างลำพองใจ “ฮ่า ใครให้ข้ารับน้องสาวแท้ๆ ต่างพ่อต่างแม่ที่พลัดพรากจากกันไปนานหลายปีมาคนหนึ่งเล่า”