กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ - ตอนที่ 52 ทวงถามหนี้แค้น
ตอนที่ 52 ทวงถามหนี้แค้น
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น จี้เทียนซิงก็หยุดการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับ
หลังจากบ่มเพาะมาตลอดทั้งคืน ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยและตัวอ่อนกระบี่ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เขาอาบน้ำชำระล้างร่างกายและเริ่มกินอาหารเช้า
ในเวลานี้เองยามของตระกูลก็ก้าวมาที่ห้องของชายหนุ่มและมองด้วยความเคารพพลางกล่าวว่า คุณชายใหญ่ขอรับ ท่านประมุขรับสั่งให้ท่านไปพบที่ห้องหนังสือขอรับ
จี้เทียนซิงวางตะเกียบลงบนโต๊ะอาหารและขมวดคิ้วพร้อมกับคิดในใจว่า ท่านพ่อตามหาข้า ? ท่านมีเรื่องอะไรกันนะ
เขารีบเดินออกจากห้องและไปที่ห้องอ่านหนังสือที่บ้านของบิดาทันที
เมื่อมาถึงก็ได้เห็นจี้ชางคงกำลังง่วนอยู่กับการอ่านอะไรบางอย่างด้วยท่าทางสง่างามและเต็มไปด้วยสมาธิ
เมื่อเห็นจี้เทียนซิงมาถึง จี้ชางคงก็วางสมุดบัญชีลงด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับรอยย่นที่หน้าผาก
เจ้ามาแล้วหรือเทียนซิง มา เข้ามานี่พ่อมีอะไรจะบอกเจ้า จี้ชางคงมองไปที่บุตรชายด้วยแววตาอบอุ่น
ชายหนุ่มรีบเดินไปหาบิดาทันทีและมองดูสมุดบันทึกที่กองอยู่บนโต๊ะ
ท่านพ่อ ท่านจะพูดเรื่องโรงหลอมที่ชานเมืองตะวันออกใช่ไหม ?
ถูกต้อง จี้ชางคงพยักหน้าด้วยใบหน้าที่หดหู่พลางกล่าวว่า พ่อได้ตรวจสอบเรื่องราวในโรงหลอมชานเมืองตะวันออกแล้ว สินค้าที่ซูจือเฟิ่งนำไปขายที่เมืองไต้ห่าวที่ลูกพบนั้นมิได้มีการลงบันทึกไว้ในบัญชี ซึ่งมันอยู่ในการดูแลของจี้หรูเฟิ่ง
จี้เทียนซิงสีหน้าไม่เปลี่ยนเพราะเขาคาดการณ์ไว้เช่นนี้อยู่แล้ว เขาถามต่อไปว่า ท่านพ่อได้ส่งคนไปติดตามท่านลุงหรือยัง ? แล้วท่านจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ?
จี้ชางคงเลิกคิ้วขึ้นและดวงตาเปล่งประกายสลัว พ่อสั่งให้หอเงากระบี่คอยติดตามพฤติกรรมของมันแล้ว แต่พ่อยังหักกับมันซึ่งหน้าไม่ได้ในขณะนี้ ยังไม่ถึงเวลา
แม้จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดเอาผิดตามกฎของตระกูล แต่ตอนนี้ก็มั่นใจได้กว่า 80 % ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของมัน ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ความทะยานอยากของมันทำไมพ่อจะไม่รู้สึก เวลาผ่านไปมันก็ยิ่งเคลื่อนไหวลับหลังและกล้าทำเรื่องราวต่างๆมากขึ้น
จี้เทียนซิงถามต่อไปว่า ท่านพ่อ แล้วผู้ที่ทำการซื้อขายกับซูจือเฟิ่งเป็นใครกัน ?
คนๆนั้นมีใบหน้ายาวเหมือนม้า รูปพรรณสัณฐานโดดเด่นชัดเจนเช่นนี้ คงสืบไม่ยากกระมัง ?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จี้ชางคงก็เงียบไป ดูเหมือนว่าเขาจะลังเลที่จะบอกกล่าวต่อจี้เทียนซิง
หลังจากพิจารณาดูชั่วครู่ เขาก็ลดเสียงลงและบอกคำตอบไปว่า
เทียนซิง หอเงากระบี่พบว่าบุคคลที่ทำการซื้อขายกับซูจือเฟิ่งก็คือหนึ่งในนักเกาะกินของวังวิญญาณเพลิง (คนที่ผู้มีอำนาจมักชุบเลี้ยงเอาไว้ใช้งาน)
เช่นนี้ย่อมหมายถึง องค์ชายน้อยเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ?
นักเกาะกินเป็นเหมือนขุมกำลังลับๆ พวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถของบรรดาเศรษฐีและผู้มีอำนาจ
องค์ชายจี้หลิงเป็นราชาที่มีความสามารถจนทำให้บรรดายอดฝีมือและผู้มีความสามารถมากมายยินดีที่จะช่วยเหลือติดตามเขา
จี้เทียนซิงคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่ทำการซื้อขายกับซูจือเฟิ่งและซื้อกระบี่เซวียนปิงของตระกูลจี้ไปเป็นจำนวนมากก็คือคนผู้นี้ ! (ขอทับศัพท์จีนไปเลยนะครับว่ากระบี่เซวียนปิง)
เขาขมวดคิ้วและถามจี้ชางคงว่า ท่านพ่อ ตามปกติองค์ชายน้อยก็ทำการซื้อขายกระบี่เซวียนปิงเป็นจำนวนมากกับตระกูลจี้ของเรามาเป็นเวลานานอยู่แล้ว หากเขาต้องการสั่งซื้อเพิ่มเติมเพื่อเสริมกำลังให้กองทัพ เขาย่อมสามารถติดต่อซื้อขายอย่างเป็นทางการได้ ไฉนต้องส่งคนมาลอบทำการซื้อขายลับๆเช่นนี้ ?
จี้ชางคงส่ายหัวและทอดสายตามองออกไปข้างนอก การซื้อขายเป็นทางการยังคงเป็นเหมือนและได้รับการตรวจสอบจากราชวงศ์โดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ
แต่องค์ชายทำการซื้อกระบี่เซวียนปิงเก็บไว้มิใช่เพื่อเสริมขุมกำลังของราชวงศ์ แต่เขาซื้อเก็บไว้ใช้ส่วนตัว
เทียนซิง มีบางอย่างที่พ่อต้องบอกเจ้า เมื่อสามปีก่อน องค์ชายน้อยมาขอพบพ่อเป็นการส่วนตัวและแสดงเจตนาว่าต้องการซื้ออาวุธระดับเซวียนปิงจำนวนมากจากตระกูลจี้ในราคาต่ำ ส่วนจุดประสงค์นั้น ไม่ทราบเพราะเขาไม่ยอมบอก
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก หากราชวงศ์รับรู้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม ย่อมถูกจับข้อหากบฏ ดังนั้นพ่อจึงปฏิเสธเขาไป
เดิมทีพ่อคิดว่าเขาคงล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะสมรู้ร่วมคิดกับจี้หรูเฟิ่งและแอบทำการซื้อขายเป็นการส่วนตัว … ดูเหมือนว่าราชาผู้นี้ไม่เพียงแค่มีความทะเยอทะยานธรรมดาๆเสียแล้ว พ่อเกรงว่าเขาจะมีแผนการอื่น !
จี้เทียนซิงตกตะลึงมากขึ้น หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้าพลางกล่าวว่า
ที่แท้เป็นเช่นนี้
องค์ชายน้อยจี้หลิงฉากหน้าสุภาพอ่อนโยนและวางตัวดี ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนลึกล้ำจ้าวแผนการ !
ท่านพ่อ เรื่องนี้ต้องสอบสวนอย่างถี่ถ้วน มิฉะนั้นหากผิดพลาดจนเกิดเรื่องขึ้น ข้าเกรงว่าตระกูลจี้จะถูกลากเข้าไปพัวพันด้วยจนเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่!
จี้ชางคงเห็นด้วยพร้อมกับพยักหน้า เพื่อการนี้ พ่อสั่งให้หอเงากระบี่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และให้ตรวจสอบจนกว่าจะแน่ชัด เมื่อน้ำลดตอย่อมผุดขึ้นแน่นอน !
จี้เทียนซิงค่อนข้างไว้วางใจในการทำงานของบิดาและหอเงากระบี่ เขาจึงพยักหน้าและมีสีหน้าผ่อนคลายลง
ในเวลานี้เอง ยามของตระกูลจี้ก็วิ่งเข้ามาในห้องหนังสือและรายงานเสียงดังว่า ท่านหัวหน้าตระกูลขอรับ ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว !
หัวหน้าตระกูลหลิง หลิงซือไห่และยอดฝีมือจำนวนมากมาออกันอยู่ที่ประตูทางเข้าตระกูลจี้ของเราขอรับ !
จี้ชางคงและจี้เทียนซิงสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาหันไปมองหน้ากันด้วยความสงสัยที่ผุดขึ้นในดวงตาของแต่ละฝ่าย
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและคิดในใจว่า หรือว่าเป็นเพราะข้าทำลายวรยุทธ์ของหลิงหยุนเฟยจนทำให้หลิงซือไห่โกรธแค้นจนมาล้างแค้นถึงตระกูลจี้ ?
แต่นี่ไม่สมควรจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้นี่นา…
จี้ชางคงขมวดคิ้วแน่นและตะโกนถามยามว่า เกิดอะไรขึ้น ? ตระกูลหลิงคิดจะทำอะไร ? พวกมันคิดจะสู้กับตระกูลจี้หรือไง ?!
ยามตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า เรียนนายท่าน หลิงซือไห่ร่ำร้องว่าวันนี้ท่านต้องมอบตัวคุณชายใหญ่ให้พวกมัน เลือดต้องล้างด้วยเลือดเพื่อแก้แค้นให้แม่นางหลิงหยุนเฟยขอรับ !
นายท่านรีบไปดูเถิดขอรับ ! หลิงซือไห่นำยอดฝีมือมาด้วยถึง 8 คนและตะโกนว่าหากท่านและคุณชายใหญ่ไม่ปรากฏตัว พวกมันจะบุกเข้ามา !
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของจี้เทียนซิงและจี้ชางคงก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงพร้อมกัน พวกเขาโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจว่า อะไรนะ !? หลิงหยุนเฟยตายแล้ว ?!
นางตายแล้ว….. ?
จี้เทียนซิงย่นหน้าผากเป็นริ้ว ใบหน้าของเขามืดมนและเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความสงสัยอย่างลึกล้ำ
เขาขบคิดในใจว่า เป็นไปไม่ได้ ! เมื่อคืนข้าเพียงแค่ทำลายตันเถียนของนางเท่านั้น นางถูกชายชุดดำช่วยไว้ ด้วยอาการบาดเจ็บของนางในยามนั้น ไม่มีทางตายแน่นอน !
อีกอย่าง หลิงหยุนเฟยเป็นผู้หลอมโอสถและตระกูลหลิงก็เป็นตระกูลผู้หลอมโอสถชั้นสูง นางไม่มีทางตายด้วยบาดแผลเช่นนั้นแน่นอน
ต้องมีใครบางคนที่สังหารนางและโยนความผิดมาให้ข้าอย่างจงใจ …!
จี้ชางคงรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน เขาเหลือบมองไปทางบุตรชายและเห็นอีกฝ่ายแสดงสีหน้าแปลกๆคล้ายกำลังครุ่นคิดจึงถามว่า เทียนซิง เจ้ารู้ไหมว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ?
จี้เทียนซิงรั้งสายตากลับมามองบิดาและเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริง ท่านพ่อ บอกต่อท่านตามตรง เมื่อคืนข้านัดพบหลิงหยุนเฟยที่สวนดอกไม้พลัมในเขตชานเมืองทางตะวันตก ข้าเอาชนะนางและได้ทำลายตันเถียนกับวรยุทธ์ของนางทิ้ง
หลังจากนั้นในขณะที่ข้าคิดจะสังหารนางก็มีชายชุดดำยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนางไปได้ และด้วยอาการบาดเจ็บของนางในเวลานั้น นางไม่มีทางตายเด็ดขาด
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด นัยน์ตาของจี้ชางคงเปล่งแสงอันวิจิตร และแม้แต่ใบหน้าที่หดหู่ก็ยังกลายเป็นสดใส เขาตะโกนออกมาว่า
เยี่ยมมาก ! เทียนซิง พ่อไม่คิดว่าเจ้าจะฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ !
หลิงหยุนเฟยมีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 5 แต่เจ้ากลับสามารถเอาชนะนางได้โดยไร้รอยขีดข่วน ยอดมาก บุตรข้า !
เหอะ ! ก่อนนี้เป็นนางที่ทำร้ายเจ้าและทำให้เจ้าได้รับความอัปยศอดสูจากผู้คน เพียงแค่ทำลายตันเถียนนางยังนับว่าน้อยไป ต่อให้เจ้าสังหารนางทิ้งก็ยังนับว่าสมควร !
จี้เทียนซิงเงียบไปและอึ้งเล็กน้อย ในใจร่ำร้องอย่างลับๆว่า ท่านพ่อ ดีต่อข้าและเคียงข้างข้าเสมอ…
หลิงซือไห่ขนยอดฝีมือมาบุกตระกูล แต่ท่านพ่อกลับมีความสุขที่ข้าฟื้นฟูพลัง