กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ - ตอนที่ 60 แดนต้องห้าม ทะเลสาบน้ำแข็ง
ตอนที่ 60 แดนต้องห้าม ทะเลสาบน้ำแข็ง
เขตพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลจี้ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในสวนป่าทึบหลังตระกูล
นับตั้งแต่ที่จี้เทียนซิงจำความได้ เขาถูกตักเตือนอย่างเคร่งครัดไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่นี้
มีแต่เพียงประมุขของตระกูล หากผู้ใดเข้าใกล้พื้นที่ต้องห้ามจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงตามกฎ
และด้วยกฎที่เข้มงวดเช่นนี้ทำให้พื้นที่นี้ถูกเรียกว่า ‘ทะเลสาบหยานชิง’ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่เปี่ยมไปด้วยอันตรายและลึกลับมาก
นอกจากนี้ ด้วยความจริงที่ว่ามีเพียงประมุขของตระกูลเท่านั้นที่สามารถเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามได้ จึงทำให้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าในที่แห่งนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่
จี้เทียนซิงได้ตัดสินใจไปแล้ว แม้ว่าทะเลสาบหยานชิงจะมีอันตรายเพียงใดเขาก็ต้องเข้าไป
หลังเตรียมพร้อมแล้ว เขาก็ออกจากห้องโถงหลักตระกูลจี้ไปยังสวนหลังตระกูลโดยมีจี้หรูเฟิ่งและอาวุโสทั้งหลายติดตามไปด้วย
ในสวนหลังใหญ่ด้านหลัง มีทั้งศาลาหินและบ่อดอกบัว อีกทั้งยังมีสายลมเย็นสบายที่พัดผ่าน มันเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์และมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างยิ่ง
จี้หรูเฟิ่งและคนอื่นๆนั่งรอผลการทดสอบอยู่ที่ศาลาหลังสีทอง จากนั้นก็แจ้งหญิงรับใช้นำชาและผลไม้มาให้พร้อมกับสนทนากันเองด้วยรอยยิ้ม
จี้เทียนซิงเดินไปเข้าไปในส่วนลึกของสวนเพียงลำพังผ่านป่าไผ่ที่หนาแน่นและมาถึงกำแพงสูงที่เก่าแก่
กำแพงสูงนี้ปลูกสร้างจากหินสีฟ้าเข้ม รอบๆกำแพงเต็มไปด้วยรอยแตกและมีมอสสีน้ำเงินจำนวนมากขึ้นตามรอยแตก
หลังกำแพงมีประตูสีบรอนซ์สูงห้าเมตรขวางไว้อยู่
ประตูสีบรอนซ์ปิดไว้ มันเต็มไปด้วยคราบสนิมและวัชพืชเกาะซึ่งทำให้ดูรกร้างอย่างมาก
จี้เทียนซิงไม่เคยมาที่นี่และไม่รู้มาก่อนเลยว่าในบริเวณบ้านตระกูลจี้จะมีพื้นที่รกร้างและซากปรักหักพังเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น กำแพงหินก้อนโตที่แตกทรุดและประตูสีบรอนซ์ที่เป็นสนิมเช่นนี้ มันทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศโบราณและลึกลับ
เขายืนอยู่หน้าประตูสีบรอนซ์และกวาดสายตาอันแหลมคมมองไปรอบๆ
ไม่ไกลจากพงหญ้าทางด้านซ้ายมีศิลาหินสูงสีดำ บนศิลาหินสลักไว้อักขระสีแดงเข้มสามตัว
‘หยานชิงหู !’ (ทะเลสาบหยานชิง)
จี้เทียนซิงจ้องไปที่ศิลาหินสีดำและกระซิบในใจ นี่เป็นพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลจี้ ทะเลสาบหยานชิง ข้าไม่รู้ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่หลังประตูสีบรอนซ์บานนี้ ที่ท่านพ่อบอกว่าอันตรายซ่อนเร้นอย่างยิ่งยวด มันคือสิ่งใด ?
อย่างไรก็ตาม ประตูสีบรอนซ์ไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่มีชั้นแสงสีเหลืองอ่อนจางๆปรากฏขึ้น
มันเป็นชั้นของม่านแสง แต่มันหนาเท่ากับผนังและมีไว้เพื่อปกป้องประตูสีบรอนซ์บานนี้
เขารู้สึกอึดอัดในทันทีและคิดจะชักมือกลับ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ตูม !!
เสียงระเบิดดังขึ้นและม่านแสงสีเหลืองอ่อนก็ระเบิดออกเป็นพลังอันรุนแรง มันส่งผลให้ร่างของเขาบินถลากลับไปนับสิบเมตรและล้มลงในพงหญ้า
จี้เทียนซิงมึนหัว แขนของเขาถูกแรงกระแทกจนบวมและชาด้าน เขาตกตะลึงและงุนงงมาก
เขาชันกายขึ้นจากพงหญ้าพลางกล่าวว่า เป็นข่ายอาคมปกป้อง ! ไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงไม่มีผู้ใดเข้ามาได้เว้นแต่เพียงประมุขของตระกูล
หากเป็นเช่นนี้ ผู้เป็นประมุขย่อมต้องมีหนทางที่จะเปิดมัน…
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาก็รีบหยิบป้ายคำสั่งประมุขที่แขวนไว้ที่เอวออกมาและค้นหาเบาะแสในนั้น
เขาค้นพบบางอย่างทันทีว่าลูกบิดประตูสีบรอนซ์มีร่องฝังเพชรเพียงครึ่งฝ่ามือซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับป้ายคำสั่งประมุข
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงวางป้ายคำสั่งประมุขเข้าไปในช่องว่างนั้น
ประตูสีบรอนซ์มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างที่คาดไว้ มันค่อยๆเปิดออกช้าๆเลื่อนไปสองข้างส่งเสียงทื่อๆดัง ‘ครืด…..ครืด’ ออกมา
ชั้นของลำแสงสีเหลืองอ่อนที่ป้องกันประตูเอาไว้หายไปทันที
ประตูเปิดออกโดยสมบูรณ์และทางเดินหินสีดำที่ปกคลุมไปด้วยมอสและวัชพืชก็ปรากฏอยู่ด้านหลังประตู
จี้เทียนซิงยกเท้าของเขาข้ามประตูและเดินต่อไปมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบหยานชิง ทั้งสองฟากข้างเป็นป่าที่เต็มไปด้วยวัชพืชและหนามรวมไปถึงเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากที่กระจายออกไปรอบๆและแผ่ขยายไปทั่วทางเดินหินสีดำ
เขาเดินไปตามเส้นทางร่วมร้อยเมตรก่อนที่จะมาถึงสุดทาง และเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศหนาวเย็นเสียดกระดูก
เขาเพ่งสายตามองตรงไปข้างหน้าและเห็นทะเลสาบเล็กๆอยู่ข้างใน
ทะเลสาบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลาร่วมหนึ่งร้อยปีแล้ว มันเป็นทะเลสาบสีฟ้าและมีต้นไม้สูงตระหง่านรายล้อมนับไม่ถ้วน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือทะเลสาบหยานชิง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ น้ำในทะเลสาบหยานชิงกลับจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง พร้อมทั้งแผ่คลื่นลำแสงสีฟ้าออกมา !
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวันของเดือนเมษายนและท้องฟ้าก็สดใสมีแสงแดด แต่น้ำแข็งบนทะเลสาบหยานชิงแห่งนี้กลับหนามากและมันก็ปล่อยไอเย็นออกมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้จี้เทียนซิงยังต้องหายใจออกมาเป็นไอสีขาวด้วยซ้ำ
เขายืนอยู่ที่ริมทะเลสาบและมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความงงงวย ในใจลอบตกตะลึง
ขณะนั้นเอง ภายใต้ชั้นน้ำแข็งหนา เงาดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วมาจากด้านล่างของทะเลสาบ
ตูม !!
เงาสีดำขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านชั้นน้ำแข็งหนาในทะเลสาบทันทีและเผยโฉมขึ้นเหนือทะเลสาบ
ก้อนน้ำแข็งที่แตกจากการพุ่งชนของมันกระเด็นไปทุกทิศทางเหมือนลำแสงกระบี่สีฟ้า
พื้นผิวที่เป็นน้ำแข็งทั้งหมดของทะเลสาบหยานชิงแตกกระจายกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง
จี้เทียนซิงก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวและหลบก้อนน้ำแข็งที่ตกลงมาดั่งลูกเห็บนับไม่ถ้วน
เมื่อเงยหน้าขึ้น มองไปที่เงาดำขนาดใหญ่ใจกลางทะเลสาบ รูม่านตาของเขาก็หดวูบ ร่างกายแข็งเกร็ง สีหน้าแสดงออกถึงความไม่อยากเชื่อและตกตะลึง
เงาดำขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นก็คือสัตว์อสูรขนาดมหึมา !
รูปร่างของมันคล้ายกับงูยักษ์ขนาดใหญ่และเหมือนมังกรในตำนาน มันเหยียดร่างไปในทะเลสาบและชูส่วนคอขึ้นสูงไปในอากาศถึงสิบเมตร !
ลำตัวหนาของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำและเปล่งประกายเป็นเงาของโลหะท่ามกลางแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ ศีรษะใหญ่โตและมีเขี้ยวมุมปากแหลมคมอย่างยิ่งยวดสองข้าง
ใต้ท้องของมันปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรสีดำและมีกรงเล็บมังกรสองคู่ที่แฝงมาด้วยแสงเย็นเยียบ
ดวงตาอันน่าเกรงขามของมันจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง ดวงตาสีทองเข้มคู่นั้นของมันเผยให้เห็นบรรยากาศกดทับอันมืดมน
จี้เทียนซิงจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตกใจ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
หน้าอกของเขาพองขึ้นลงอย่างรัวถี่ อัตราการเต้นของหัวใจแรงขึ้นหลายเท่า เลือดลมสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง ในใจร่ำร้องออกมาว่า บ้าเอ้ย ! นี่ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรบ้านๆทั่วไปหรืองูยักษ์แล้ว มันคือมังกร ! มังกรในตำนาน !
มังกรเป็นตัวตนที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นตัวเป็นๆมาก่อน เขาเคยเห็นแต่เพียงคำอธิบายตามบันทึกในตำรา
สัตว์อสูรที่มืดมนและหนาวเย็นสุดขั้วเบื้องหน้านี้แผ่ซ่านกลิ่นอายอันแข็งแกร่งและร้อนแรงออกมา มันไม่มีทางเป็นสัตว์อสูรสามัญทั่วไปแน่นอน
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงกล้าด่วนสรุปได้ทันทีว่า มันคือมังกรในตำนาน !
อย่างไรก็ตาม เขาสงบลงอย่างรวดเร็วและในใจเต็มไปด้วยข้อสงสัยอย่างลึกล้ำ
ตามตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังยิ่ง มันสามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้และแทบจะไม่เคยปรากฏขึ้นบนโลกนี้
ตระกูลจี้ของเราเป็นเพียงตระกูลขุนนางในรัฐนภากระจ่างซึ่งเป็นรัฐเล็กๆบนโลกนี้เท่านั้น ทำไมถึงมีมังกรอาศัยอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลได้ ?!