กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ - ตอนที่ 62 พบอริ !
ตอนที่ 62 พบอริ !
ท่าทางที่หยิ่งยโสของมังกรตนนี้ทำให้จี้เทียนซิงมีโทสะ
แต่เขาก็ไม่หุนหันพลันแล่นในขณะที่ควบคุมปราณกระบี่พลางกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้ามังกร เจ้าคิดจะยั่วให้ข้าหลงกลเข้าไปใกล้ทะเลสาบเพื่อให้เจ้าเชือดทิ้งหรือไง ?”
“โทษทีนะ วิธีการของเจ้ามันห่วยแตกเกินไป ข้าไม่หลงกลหรอก !”
ภายใต้การควบคุมของเขา ปราณกระบี่ทองคำ 4 สายแตกตัวออกเป็น 16 สายทันทีและบินไปทั่วร่างมังกรเพื่อจู่โจมอย่างต่อเนื่อง
ปราณกระบี่ทองคำลากเป็นเส้นสายลำธารสีทองในอากาศจากนั้นก็ควบแน่นเป็นตาข่ายกระบี่
ปราณกระบี่อันแหลมคมจู่โจมใส่ลำตัวของมังกรอย่างต่อเนื่องและตามมาด้วยเสียงดังไม่ขาดสาย
แต่มังกรตัวนี้มีเกล็ดป้องกันของมังกรอันหนาแน่น ปราณกระบี่เกรี้ยวกราดของจี้เทียนซิงไม่สามารถทำร้ายมันได้เลย
มังกรถูกรัดพันด้วยตาข่ายกระบี่อยู่เป็นเวลานานโข แต่มันก็ยังคงยืนอยู่นิ่งๆเหนือทะเลสาบอย่างไม่แยแส
มันก้มหัวของมันและโน้มตัวไปที่จี้เทียนซิงพลางคำรามออกมาอย่างเหยียดหยาม “กระจอก ! อ่อนแอเกินไป ! เจ้าสัตว์เลื้อยคลานตัวน้อย พลังฝีมือของเจ้าช่างอ่อนแอจนน่าอดสูนัก !”
“เจ้าคิดจะล้มข้าด้วยวิชาง่อยๆพรรณนี้ ? ไร้เดียงสา !”
เมื่อสิ้นเสียง มังกรก็บิดร่างของมันอย่างแรงและสะบัดหางอันใหญ่โตกระแทกเข้าใส่ตาข่ายกระบี่ที่รัดพัน
ได้ยินเพียงเสียงกระแทกดัง “เคร้ง เคร้ง !” ตาข่ายกระบี่ของจี้เทียนซิงถูกกระแทกกระทั้นอยู่หลายครั้งจนปราณกระบี่ทั้ง 16 สายถูกปัดจนกระเด็นกระดอนออกไป
“เด็กเหลือขอ ลงนรกไปเสีย !”
มังกรแสยะยิ้มและแค่นเสียงเย็นออกมา มันเปิดปากกว้างพร้อมกับยิงศรน้ำแข็งสีฟ้า 6 สายออกไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !!”
ศรน้ำแข็งสีฟ้า 6 สายกรีดชั้นอากาศจนเกิดเสียงแหลมและยิงตรงเข้าไปที่ด้านหน้าของชายหนุ่ม
ไอพลังอันเยือกเย็นของมันทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง
“ฉึก ! ฉึก !”
แม้ว่าศรน้ำแข็งสีฟ้าพวกนั้นจะเกิดจากการควบแน่นของน้ำในทะเลสาบ แต่มันก็แฝงไว้ด้วยพลังงานน้ำแข็งที่ทรงพลังซึ่งมิได้ด้อยไปกว่าการปะทุพลังลมปราณจากคลื่นกระบี่ของยอดฝีมือในเขตแดนเชื่อมลมปราณแม้แต่น้อย
ความเจ็บปวดของกระดูกที่ถูกกัดเซาะจากไอเย็นทำให้ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
เขากัดฟันข่มอาการบาดเจ็บและวิ่งออกไปอีกสิบเมตรโดยซ่อนอยู่หลังหินขนาดใหญ่
“ฮ่าฮ่าฮ่า… น่าสงสารนัก อ่อนแอราวกับมดปลวก น้ำหน้าอย่างเจ้าจะทำอะไรได้มากไปกว่าหลบหนี ?!”
นัยน์ตาของมังกรท่วมท้นไปด้วยการดูถูกและเย้ยหยัน
“ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ของเจ้ายังคิดฝันจะชิงผลึกฟ้าจากมังกรอย่างข้าอีกหรือ ? ฝันเฟื่อง ! เจ้าไม่มีวันได้ครองตำแหน่งประมุขหรอก !”
ไม่ว่ามังกรจะเยาะเย้ยถากถางเพียงใดจี้เทียนซิงก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
เขาซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินสีฟ้าและรีบหยิบผงห้ามเลือดและผ้าพันแผลจากถุงมิติเพื่อรักษาอาการที่แขนและขาอย่างรวดเร็ว
แต่ในเวลานี้เอง มังกรยิงศรน้ำแข็งสีฟ้านับสิบสายออกไปยังจุดที่จี้เทียนซิงซ่อนตัวอยู่
“ปัง ปัง ปัง !!”
ทันใดนั้นพื้นดินในรัศมี 20 เมตรก็ถูกทำลายจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ด้วยพลังอันน่าสะพรึงของลูกศรน้ำแข็ง
หินก้อนใหญ่หลายก้อนถูกลูกศรน้ำแข็งแทงทะลุจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
จี้เทียนซิงเคลื่อนไหวช้าเกินกว่าที่จะหลบหนี เขารีบกลิ้งตัวลงไปกับพื้นเข้าไปในป่าไผ่ที่อยู่ไม่ไกล
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้ถูกยิงโดยตรง แต่เขาก็รู้สึกวิงเวียนจากการเสียเลือดมากเกินไป
เขาพยายามชันกายขึ้นในป่าไผ่และมองหาถุงมิติที่เคยเหน็บอยู่ข้างเอวที่หล่นหายไปตอนกลิ้งหนี ในขณะที่เขากำลังจะไปเก็บมัน เฉียนเยวี่ย, จิ้งจอกตัวน้อยก็บินออกมาเองจากถุงมิติ
มันกระพือปีกด้วยปีกเล็กๆและบินวนเวียนในอากาศจากนั้นก็ใช้อุ้งเท้าเล็กๆปิดปากหาว
“สหายจี้ ! เจ้าทำอะไรของเจ้า ?”
“ผู้อื่นกำลังนอนอยู่ดีๆแต่เจ้าเอาแต่เขย่าๆถุงมิติ จนข้ากระเด็นออกมาเลยเห็นไหม…”
เฉียนเยวี่ยมองไปรอบๆแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะบ่นจี้เทียนซิงและแสดงความไม่พอใจออกมา
ทันใดนั้นมันก็เห็นหลุมลึกขนาดใหญ่บนพื้นและร่างของจี้เทียนซิงที่เต็มไปด้วยเลือดในป่าไผ่
มันโพล่งขึ้นมาทันทีด้วยความประหลาดใจ “โอ้…. ว้าว สหายจี้ เจ้าเล่นอะไรอยู่หรือ ? ทำไมโทรมขนาดนี้เล่า ?”
จี้เทียนซิงเหลือบมองมันและไม่กล่าวอะไรออกมา เขาเพียงหันไปมองมังกรที่อยู่ในทะเลสาบเหมือนเป็นการบอกใบ้
เฉียนเยวี่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มันก็มองไปยังทิศทางเดียวกับจี้เทียนซิง
ทันทีที่ได้เห็นมังกรน้ำแข็งในทะเลสาบมันก็เบิกตากว้างและส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากปากเล็กๆ
“โอ้ แม่เจ้า ! ไอ้ยักษ์ใหญ่นั่นมัน…… มังกรน้อย ! มันคือมังกรน้อยตงไห่ !”
เฉียนเยวี่ยหันขวับไปมองจี้เทียนซิงด้วยความตกใจและตื่นเต้นพลางถามอย่างกระตือรือร้นว่า “สหายจี้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรฟะ ? พวกเราอยู่ที่ไหน ?!”
“เจ้าออกจากอาณาจักรเทียนเฉิน(ดาราสวรรค์)มายังโพ้นทะเลตงไห่เหรอ ?” (ตงไห่ = ตะวันออก)
“ไม่ใช่ว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าเกิดจากมังกรตัวนี้หรอกนะ ?”
“อื้อหือ ! เจ้าจะเหี้ยมเกินไปไหม ? คิดจะสังหารมังกรเลยงั้นหรือ โคตรเท่ห์”
เฉียนเยวี่ยยิงคำถามเป็นชุดด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก น้ำเสียงทั้งตกใจและตื่นเต้น
มันไม่ได้รู้อะไรเลยเพียงแค่นอนหลับเป็นตายในถุงมิติมาหลายวัน พอตื่นขึ้นมาก็เผชิญหน้ากับมังกรน้อยตงไห่อันลึกลับซะงั้น
จี้เทียนซิงมองมันกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยอารมณ์ตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่ยิ้มอย่างขมขื่น
เมื่อเห็นเฉียนเยวี่ยผู้ตื่นเต้นยินดีจนเกิดเหตุ สุดท้ายเขาก็จำเป็นต้องอธิบายให้มันฟังว่า “ที่นี่ไม่ใช่โพ้นทะเลตงไห่ มันคือพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลจี้ของข้านี่แหละ ข้าจำเป็นต้องนำผลึกฟ้ากลับไปที่ตระกูลจี้เพื่อขึ้นเป็นประมุขโดยสมบูรณ์”
เฉียนเยวี่ยตกตะลึง ดวงตาของมันแสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ มันชี้อุ้งเท้าเล็กๆไปที่มังกรพลางกล่าวว่า “สหายจี้ ! เห็นได้ชัดว่าไอ้งูยักษ์นั่นเป็นตระกูลมังกรที่มีตัวตนอยู่ในโพ้นทะเลตงไห่อันไร้สิ้นสุดเท่านั้น มันจะมาปรากฏตัวในตระกูลจี้ของเจ้าได้อย่างไร ? ในพื้นที่ต้องห้ามเนี่ยนะ ?”
“สหายจี้ ตระกูลจี้ของเจ้าไม่ธรรมดาแน่แล้ว ! บรรพบุรุษของเจ้าต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง …. ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่มังกรตงไห่จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้ !”
จี้เทียนซิงพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เฉียนเยวี่ย ข้าก็เห็นพ้องแบบเดียวกับเจ้า บรรพบุรุษของตระกูลจี้นั้นช่างลึกลับกว่าที่คิดไว้มาก แต่ท่านก็หายตัวไปเป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้ว และไม่มีใครรู้ว่ามังกรตัวนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
มังกรตัวนี้ถูกจองจำอยู่ในทะเลสาบหยานชิงมาเป็นเวลาหลายปี ในขณะเดียวกันมันก็ไม่เคยเห็นสัตว์อสูรตัวอื่นๆมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จิ้งจอกน้อยที่อยู่ตรงหน้ามันที่สื่อสารด้วยภาษามนุษย์ได้
มันจ้องมองไปที่เฉียนเยวี่ยด้วยสายตาเย็นชาและไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้น เมื่อมันได้ยินคำว่า ‘มังกรน้อย’ มันก็รู้สึกไม่พอใจและดวงตาส่องประกายด้วยโทสะอันรุนแรง
“ไอ้จิ้งจอกเหม็นเน่า ! เจ้ากล่าวว่าใครเป็นมังกรน้อยนะ ?!”
เฉียนเยวี่ยหันไปมองมังกร มันกระพือปีกเล็กๆและบินไปประจันหน้าพลางเยาะเย้ยออกมาว่า “สมองกลับเหรอ ? ที่นี่มีกันอยู่ 3 หน่อ ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใครเล่า !”
“แม้ว่าเจ้าจะตัวใหญ่โคตร แต่เจ้ายังเด็กนัก หากเทียบกับมนุษย์ ตอนนี้เจ้ามันแค่เด็กแปดขวบเอง…. ”
นัยน์ตาของมังกรยิ่งท่วมท้นไปด้วยความโกรธ มันคำรามเสียงเย็นออกมาว่า “ระยำ ! เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าหรอก เจ้ามันแค่จิ้งจอกน้อยที่เหม็นเน่า ขนบนตัวก็สั้นจุ๊ดจู๋ กล้ากล่าวเช่นนี้กับมังกรอย่างข้า ? กำแหงนัก !”
เฉียนเยวี่ยก็เริ่มมีโทสะเช่นกัน มันด่าทอด้วยเสียงแหลมว่า “เจ้าสิมังกรเหม็นเน่า!”
“โดนแซวทีล่ะร้องเป็นผู้หญิงเลย เจ้ายังมียางอายอยู่มั้ย ? ขายหน้าเหล่ามังกรตงไห่เสียจริง !”
“อีกอย่างนะ ที่ข้าตัวเล็กเพราะอุบัติเหตุบางประการ หากข้าเผยร่างจริงได้เมื่อใดเจ้าร้องแน่”
“ฟังไว้นะเจ้ามังกรน้อย เจ้ามันแค่แมลงสาบสีดำตัวเล็กหากเทียบกับร่างจริงของข้า ! ข้าสามารถทำให้เจ้ากลายเป็นแฮมแผ่นได้ด้วยอุ้งเท้าเดียวด้วยซ้ำ !”
มังกรหลบสายตา มันไม่กล้ามองตาเฉียนเยวี่ยตรงๆ มันทำได้แต่เพียงตะคอกว่า “เพ้ย ! แล้วเจ้าคิดว่านี่เป็นพลังทั้งหมดของข้าหรือไง ?”
“หากไม่ใช่เพราะผลึกมังกรของข้าถูกชิงไป ข้าไม่มีทางตกอับจนต้องมาถูกจองจำในทะเลสาบน้ำแข็งแบบนี้หรอก….”
จี้เทียนซิงมองดูพวกมันสองตัวทะเลาะกันเหมือนเด็กๆและอดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะในใจ “เหอๆ แม้จะเป็นมังกรอันดุร้าย แต่เมื่อมาเจอฝีปากของเฉียนเยวี่ยก็มีหนาวบ้างล่ะนะ…”