กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ - ตอนที่ 71 ตกตะลึงทั่วเมือง
ตอนที่ 71 ตกตะลึงทั่วเมือง
จี้เทียนซิงเข้าใจวิธีการทําลายค่ายกลแล้ว เขาเริ่มดําเนินการด้วยความมั่นใจเต็มร้อย
เขาวิ่งล่อพวกมันจนถูกไล่ล่าโดยรูปปั้นหลายตัวจนแทบเอาตัวไม่รอด และเกือบได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้งหลายครา
อย่างไรก็ตาม เขาวิ่งซิกแซกเพื่อพยายามหนีอย่างต่อเนื่องและจงใจลากมาทีละตัวให้ตามเขาไปเรื่อยๆ จนพบรูปปั้นสําริดตัวที่มีอักษรเหมือนกับตัวที่ไล่ตามมา จากนั้นก็ทําตามแผนเดิมเช่นครั้งแรก คือล่อให้พวกมันโจมตีกันเองจนหายไปทั้งคู่
เริ่มจากอักษรคําว่าน้ำ ถัดไปก็เป็นไฟ อีกสองตัวและต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลาผ่านไป รูปปั้นสําริดคู่แล้วคู่เล่าก็ลดลงเรื่อยๆ และเหลือเพียงไม่กี่ตัวในค่ายกล
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เหลือรูปปั้นคู่สุดท้ายเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในค่ายกล จี้เทียนดวงตาส่องประกาย เขาใกล้ทําสําเร็จแล้ว
เขาวิ่งเข้าหารูปปั้นสําริดอักษรทองตัวหนึ่งและลากมันเข้าหาอีกตัวหนึ่ง เมื่อทั้งคู่อยู่ในระยะและกําลังง้างอาวุธโจมตี เขาก็กระโดดขึ้นไปอากาศ ปล่อยให้พวกมันที่เบรกไม่อยู่โจมตีใส่กันเอง จนในที่สุด “หมากรุก” ทั้ง 16 ก็หายไปจนหมดสิ้น
ในเวลาเดียวกันพื้นหินสีดําที่เท้าของเขาก็หายไปและกลายเป็นหินหยกขาว
กําแพงทองคําที่เคยมีอยู่รอบตัวก็สลายไป เผยให้เห็นท้องฟ้าสีครามและแสงแดดของดวงอาทิตย์ ตลอดจนฝูงชนที่อยู่รอบๆเวทีจัตุรัส
ข่ายอาคมที่เคยอยู่บนเวทีใหญ่ได้หายไปหมดสิ้น
จี้เทียนซิงยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจอยู่บนเวที่สูง ผู้คนรอบๆเวทีที่เดิมทีกําลังสนทนากันเอิกเกริก และมีความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่นที่เยาะเย้ยเขาต่างก็อ้าปากค้าง
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าจี้เทียนซิงที่มีพลังระดับปรับแต่งกายาย่อมไม่สามารถผ่านข่ายอาคมล้ําลึกนี้ไปได้แน่นอน ในช่วงเวลาที่พวกเขาสนทนากัน จู่ๆข่ายอาคมก็หายไปและจี้เทียนซิงก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน !
ในขณะนั้นฝูงชนรอบๆแท่นสูงต่างก็คงอยู่ในความเงียบงัน
ทุกคนตกตะลึงจนเผยสีหน้าที่ไม่อาจทําใจเชื่อและจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง !
ก่อนหน้านั้นทุกคนต่างคาดเดาผลลัพธ์เอาไว้แล้ว พวกเขามั่นใจว่าจี้เทียนซึ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างชุ่มไปด้วยเลือดและแม้กระทั่งแขนหักขาหักหรือตกตายด้วยซ้ำไป
แต่ทุกคนก็คาดไม่ถึงกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า จี้เทียนซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่ข่ายอาคมกลับหายไปแล้ว !
จอมยุทธ์รุ่นเยาว์นับพันคนล้วนแต่แสดงสีหน้าน่าเกลียดบิดเบี้ยวออกมา ร่างกายแข็งทื่อราวกับเป็นหิน
หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักก็มีบางคนดึงสติกลับมาได้ และระเบิดเสียงอุทานด้วยความตกใจออกมา
“สวรรค์ ! นี่ข้าไม่ได้มองอะไรผิดไปใช่ไหม ?”
“ข่ายอาคมลวงตาหายไป ? มันสลายไปแล้ว ?!”
“มันไม่ได้อยู่ในระดับปรับแต่งกายาหรือ ? ข่ายอาคมที่ยากจะผ่านนี้หายไปได้อย่างไร ?”
“ย่อมมีปัญหาแน่แล้ว ข้าไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง!”
“น่าเหลือเชื่อนัก! หรือว่าพลังยุทธ์ของจี้เทียนซิงกลับคืนมาแล้ว?”
ในจัตุรัสที่มีผู้คนหนาแน่นที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ไม่อาจทําใจเชื่อผลลัพธ์นี้ได้
เมื่อเดือนที่แล้วหลายๆคนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ต่างก็เป็นประจักษ์พยานการทดสอบวัดระดับพลังของจี้เทียนซึ่งระหว่างหมดสติ
ในเวลานั้นผลทดสอบของจี้เทียนซิงคือระดับปรับแต่งกายาขั้นที่สาม ซึ่งได้กลายเป็นที่ขบขันและถูกขนามนามว่าเศษขยะ จนกลายเป็นข่าวใหญ่แพร่กระจายไปทั่วรัฐนภากระจ่างชั่วข้ามคืน
แต่ทว่าวันนี้ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ณ เวที่สูงที่เดิม จี้เทียนซึ่งได้ทําลายข่ายอาคมระดับล้ำลึก ที่แม้แต่หนึ่งในสิบอัจฉริยะอย่างเจียงไป๋อวี้ก็ไม่สามารถทําได้ !
หลายคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้วต่างลงความเห็นว่าขยะจี้เทียนซิงไม่เจียมตัวคิดกอบกู้ชื่อเสียงเท่า
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้
พวกเขาไม่สามารถทําใจให้เชื่อได้ว่า คนผู้หนึ่งจากระดับปรับแต่งกายาขั้นที่สามจะกลับมาฟื้นฟูถึงจุดเดิมได้ภายในเวลาหนึ่งเดือน !
จี้เทียนซิงยืนตะหง่านอยู่บนเวที่สูงและกวาดสายตามองฝูงชนรอบๆ
เมื่อได้เห็นว่าสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจและปากอ้าตาค้าง มุมปากของเขาก็ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน หัวใจของเขากลายเป็นเร่าร้อนและตื่นเต้น
“ข้า จี้เทียนซิงกลับมาแล้ว !”
เขาคํารามในใจด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ
ในขณะนี้เองเขารู้สึกว่าความอัปยศอดสูและการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนที่เขาต้องประสบมาตลอดทั้งเดือนนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว
ฉายาอัจฉริยะขยะข้ามคืนในอดีตถูกลบล้างโดยสิ้นเชิงต่อหน้าผู้คนนับหมื่น !
“อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น การทดสอบใหญ่ใน อีกสองวันให้หลัง ข้าจะทําให้พวกมันทุกคนต้องประหลาดใจ !”
จี้เทียนซิงคิดกับตัวเองในใจด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเย้ยหยัน
ในเวลานี้เอง มีชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีน้ําเงินเดินขึ้นมาบนเวที ตรงมาที่เขา บุคคลผู้นี้มีความแข็งแกร่งในเขตแดนเชื่อมลมปราณ เขาเป็นหนึ่งในผู้ดูแลการทดสอบของนิกายหนุนสวรรค์
เขามองไปที่จี้เทียนซิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “จี้เทียนซิง เจ้าทําลายความลึกลับของค่ายกลได้สําเร็จและถือว่าเป็นผู้ได้ครองตําแหน่งว่าง หลังจากนี้อีกสองวันอย่าลืมมาที่นี่เพื่อทําการประลองรอบสุดท้าย”
จี้เทียนซิงโค้งคํานับต่อผู้ดูแลทันทีพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากท่านผู้ดูแล”
ผู้ดูแลพยักหน้ารับคําและหันหลังเดินลงจากเวที
จี้เทียนซิงก็เดินตามหลังลงมาเช่นกัน เขาเดินแหวกฝูงชนที่จับจ้องไม่วางตาและขึ้นรถม้ากลับไปยังเคหะตระกูล
ผู้คนนับหมื่นรอบเวทียังไม่มีใครแยกย้ายกันกลับไป พวกเขาจับกลุ่มคุยกันสามสี่คนด้วยความมึนงงสงสัย
จากนั้นไม่นาน ข่าวที่จี้เทียนซิงเป็นผู้ทําลายค่ายกลทดสอบระดับล้ำลึกของนิกายหนุนสวรรค์จนได้เป็นหนึ่งในสิบตัวแทนก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองจักรวรรดิภายในเวลาครึ่งชั่วโมง
เหล่าจอมยุทธ์ในเมืองเริ่มตระหนักแล้วว่าจี้เทียนซึ่งไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไป !
เขาฟื้นฟูระดับพลังกลับมาในเวลาเพียงหนึ่งเดือนจนว่ากันว่าแซงหน้าอัจฉริยะอย่างเจียงไป๋อวี้ไปแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากข่าวแพร่กระจายไป บุคคลที่ตกต่ำที่สุดที่แทบอาเจียนเป็นเลือดก็คือเจียงไป๋อวี้ เมื่อสมัยที่จี้เทียนซิงได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเมืองจักรวรรดิ เขาก็ถูกข่มด้วยชื่อเสียงของจี้เทียนซิงไปคํารบหนึ่งแล้ว มาตอนนี้ เขาต้องการสร้างชื่อด้วยการเป็นผู้ทําลายข่ายอาคมของนิกายหนุนสวรรค์ แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวไม่เป็นท่าและสุดท้ายก็ถูกจี้เทียนซิงหักหน้าแทน !
จี้เทียนซิงเหยียบเขาไว้ใต้เท้าอีกครั้งและลบล้างความอัปยศได้สําเร็จ
เจียงไป๋อวี้นับว่าเป็นหนึ่งในสิบอัจฉริยะที่ได้รับนับหน้าถือตาจากเหล่าจอมยุทธ์นับไม่ถ้วน เมื่อถูกหักหน้าเช่นนี้เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร ?
ณ วังวิญญาณเพลิง ภายในห้องหรูหราห้องหนึ่ง องค์ชายน้อยจี้หลิงสวมเสื้อคลุมสีขาวกําลังนั่งคุกเข่าหลับตา
ทันใดนั้นชายชราชุดดําผู้หนึ่งก็ปรี่เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วและรายงานว่า
“เรียนองค์ชายน้อย มีข่าวรายงานมาว่าจี้เทียนซิงเข้ารับการทดสอบและทําลายค่ายกลของนิกายหนุนสวรรค์ได้ มันได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในตัวแทนทดสอบรอบสุดท้ายแล้วขอรับ…”
จี้หลิงค่อยๆลืมตาขึ้นและฟังรายงานของชายชราชุดดํา เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาทอประกายอย่างเย็นชาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“ข้าทราบอยู่แล้วว่ามันฟื้นฟูพลังกลับมาและพลังฝีมือมิด้อยไปกว่าเขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่ห้า การที่มันทําลายค่ายกลกลางที่สาธารณะจนได้รับเลือกแทนตําแหน่งว่างก็คือสิ่งที่ราชาผู้นี้ต้องการอยู่แล้ว”
องค์ชายจี้หลิงหยุดไปชั่วขณะและกล่าวอย่างเย้ยหยันอีกครั้งว่า “เราราชาได้สกัดกลั่นลูกปัดครองวิญญาณที่มีพลังของมันจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ความแข็งแกร่งของข้ามาถึงจุดสูงสุดที่มันเคยบรรลุแล้ว หลังจากนี้อีกสองวันข้าจะปลิดชีวิตสุนัขของจี้เทียนซิงซะ !”