กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ - ตอนที่ 75 องค์ชายจี้หลิงลงสนาม
กระบี่สะบั้นเก๋สวรรค์ ตอนที่ 75 องค์ชายจี้หลิงลงสนาม
ตอนที่ 75 องค์ชายจี้หลิงลงสนาม
ว่านซื่อหลินรู้สึกหงุดหงิดกับความจองหองของจี้เทียนซิงจนไม่ออมพลังไว้อีกและปะทุพลังทั้งหมดฟาดฟันเป็นลําแสงกระบี่ 8 สายออกมา
“8 กระบี่วายุคําราม !”
ลําแสงกระบี่ 8 สายกระจายออกไปและทันใดนั้นสายลมอันรุนแรงก็กระหน่ําพัดเข้ามาในลานประลองจากนั้นก็มุ่งเข้าหาจี้เทียนซิง
“เหอะ !”
เมื่อเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชากระบี่อันเกรี้ยวกราด สีหน้าของจี้เทียนซิงก็ยังไม่แยแส ท่าร่างกระพริบถี่สามครั้งและล่าถอยออกไปร่วมสิบเมตรในพริบตา
เขาไม่เพียงแค่หลบหนีจากเคล็ดวิชาของว่านซื่อหลินได้เท่า นั้น แต่ยังย้ายไปอยู่ที่ด้านหลังของอีกฝ่ายด้วย !
“มันจบแล้ว !”
จี้เทียนซิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชาและเหยียดมือขวาเข้าโจมตีที่หลังคอของว่านซื่อหลิน
ว่านจือหลินเพิ่งใช้เคล็ดวิชากระบี่ที่รุนแรงที่สุดออกไปเขา ไร้ซึ่งการป้องกันในช่วงเวลานี้
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของจี้เทียนซิงจากข้างหลังเขาที่นตระหนกจนรูม่านตาหดวูบ
ก่อนที่จะตอบสนองได้ทันเขาก็ถูกทุบเข้าที่หลังคอด้วยฝ่ามือของจี้เทียนซิง
“ปัก !”
เกิดเสียงดังขึ้นจากฝ่ามือของจี้เทียนซิง เขาแผ่พุ่งพลังลมปราณออกมาเล็กน้อยและทําให้ว่านซื่อหลินหมดสติไป จากนั้นเขาก็เตะเข้ากลางหลังของอีกฝ่ายจนตกลงจากขอบเวที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จี้เทียนซิงชนะแล้ว !
นับตั้งแต่เริ่มการประลองจนถึงตอนสุดท้ายเขาไม่ได้ใช้กระนี่เลย และใช้เพียงสามกระบวนท่าเท่านั้นหากนับการหลบหลีกเข้าไปด้วย เขาเอาชนะจอมยุทธ์ในเขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่สี่ได้อย่างง่ายดาย !
ในขณะนั้นเอง ทั่วทั้งจตุรัสก็เงียบกริบ
ผู้คนนับหมื่นต่างตกตะลึงและจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสายตาที่ไม่อาจทําใจเชื่อได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาเหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ฝูงชนในจัตุรัสก็ดึงสติกลับมาและระเบิดเสียงสนทนากันอย่างคึกโครม
“เป็นไปได้อย่างไร ? นี่ใช่เทียนซิงชนชั้นปรับแต่งกายาขั้นที่สามเมื่อเดือนที่แล้วจริงหรือ ?!”
“เจ้าเห็นหรือไม่ ? ที่สําคัญที่สุดคือจี้เทียนซึ่งไม่ได้ชักกระบี่เลยสักนิด !”
“นั่นสิ ขนาดไม่ใช้อาวุธก็เอาชนะว่านซื่อหลินได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นแล้ว…ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันอยู่ระดับใดกันแน่ ?”
ก่อนหน้านี้ในจัตุรัสเต็มไปด้วยเสียงเยาะเย้ยถากถางงี้เทียนซิง และเสียงผู้คนที่ฟันธงว่าชายหนุ่มไม่อาจเอาชนะว่านซื่อหลินได้ ซึ่งตอนนี้คนเหล่านั้นต่างก็หน้าแดงกําและรู้สึกอยากจะขุดรูหนี
ในเวลานี้ฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศผลการประลองออกมาเสียงดังว่า ว่านซื่อหลินพ่ายแพ้ถูกคัดออก ส่วนจีเทียนซิงชนะเข้ารอบ !
จี้เทียนซิงเดินลงจากลานประลองท่ามกลางสายตานับหมื่นคู่ของฝูงชนและกลับไปหาองค์หญิงน้อยจี้เค่อ
เมื่อนางได้เห็นเขาเอาชนะว่านซื่อหลินได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าเล็กๆก็กลายเป็นแดงก่ําด้วยความตื่นเต้นยินดี “พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านน่าดึงนัก ! ฮิๆๆ..ท่านไม่เห็นสีหน้าของตัวโง่งมพวกนั้น พวกมันตกตะลึงและตกใจกับความสามารถของท่านมาก !”
“ก่อนหน้านี้พวกมันเพิ่งหัวเราะเยาะว่าท่านไม่ประมาณตนแต่ตอนนี้พวกมันแทบจะต้องแทรกแผ่นดินหนี ! พี่ใหญ่เทียน ซิง ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน !”
จี้เทียนซึ่งได้รับชัยชนะทําให้องค์หญิงน้อยจี้เค่อเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอิบและตื่นเต้น เมื่อเห็นนางกุมมือของเขาและกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข จี้เทียนซิงก็เผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “เอาล่ะๆพอแล้วเค่อเค่อ ยังเหลือการประลองรอบสองอยู่ หากเจ้าอยากเข้านิกายหนุนสวรรค์ก็ต้องชนะอีกรอบ ทางที่ดีเจ้าควรรีบฟื้นฟูพลังเสียก่อนเถอะ”
“โอ้ ใช่ๆ” องค์หญิงน้อยพยักหน้าและเงียบลงอย่างรวดเร็วจากนั้นนางก็นั่งขัดสมาธิโคจรพลังเพื่อฟื้นฟูลมปราณ
ต่อมาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ก็ขึ้นไปประลองกันอีกหลายคู่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทําให้จี้เทียนซิงต้องสนใจมากนัก ดวงตาของเขากวาดมองผ่านองค์ชายจี้หลิง, เจี้ยนหวูเซิงและวีรบุรุษคู่ดํา ขาวเขาไม่รู้ว่าพวกมันกําลังคิดอะไรอยู่
จนในที่สุดการประลองครั้งสุดท้ายของรอบแรกก็เริ่มขึ้น
องค์ชายน้อยจี้หลิงเดินขึ้นมาบนลานประลองด้วยรอยยิ้มมั่นใจและยืนอย่างองอาจกลางเวทีเหล่าผู้ชมรอบจัตุรัสที่ได้เห็นการปรากฏตัวขององค์ชายน้อยต่างก็ส่งเสียงเชียร์กระหึมด้วยความตื่นเต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาดรุณีแรกแย้มต่างก็แสดงความนชมหลงใหลอย่างสุดซึ้ง และตะโกนร้องเรียกโดยไม่สนภาพลักษณ์
ไม่ต้องสงสัยว่าชื่อเสียงขององค์ชายจี้หลิงนั้นโด่งดังเกินไปเขาได้รับการยอมรับชื่นชนจากปวงชนว่าเป็นราชามากนําใจและสุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อม อีกทั้งยังมีความสามารถและปกครองประชาชนอย่างเป็นธรรม
ไม่ทราบว่ามีหญิงสาวมากน้อยเพียงใดที่ยินยอมพร้อมใจและตั้งความฝันว่าจะแต่งงานกับเขา
คู่ต่อสู้ของจี้หลิงก็คือฉีเชียนฟานอัจฉริยะอายุ 18 ปีที่มีค วามแข็งแกร่งในเขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่สามถึงแม้จี้หลิ งได้รับเสียงเชียร์ให้กําลังอย่างกึกก้องแต่คุณสมบัติของฉีเชีย นฟานก็นับว่าใช่ย่อยและไม่อาจดูถูกได้อย่างแน่นอน
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าองค์ชายจี้หลิงตันเถียนพิการแต่กําเนิด และชั่วชีวิตนี้ถูกกําหนดให้มีพลังในระดับปรับแต่งกายาเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับดอกดาราแดงเมื่อไม่นานมานี้จนฟื้นฟูนเถียนที่เสียหายและบ่มเพาะพลังมาถึงเขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่สองได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ภายในเวลาสั้นๆจะขยับไปถึงขั้นที่สามซึ่งเป็นระดับเดียวกับฉีเชียนฟาน !
นอกจากนี้ยังไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะบ่มเพาะพลังจากขั้นที่สองไปยังขั้นที่สามภายในเวลาครึ่งเดือน มันเป็นการขัดต่อสามัญสํานึกเกินไป !
ฉีเชียนฟานก็ทราบเรื่องนั้นดีและซึ่งความกริ่นเกรง เขาชักกระบี่และโจมตีออกไปด้วยความมั่นใจ
“องค์ชายน้อย ล่วงเกินแล้ว !”
เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง !
จี้หลิงถูกปกคลุมไปด้วยแสงกระบี่แพรวพราวในทันที่และตกอยู่ในอันตราย
แต่ทว่า สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อยนิดมุมปากยังคงยกยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เมื่อแสงกระบี่ของฉีเชียนฟ่านมาถึงเบื้องหน้า ดวงตาของเขาก็เปล่งแสงเย็นเยือกและชักกระบี่โต้กลับในทันใด
“เช้ง !”
พลังกระบี่ระเบิดออกและเกิดลําแสงกระบี่อันแหลมคมส่องอร่ามขึ้น
“เคร้ง !”
ลําแสงกระบี่ตัดผ่านอากาศและสยบลําแสงกระบี่สี่สายของฉีเชียนฟานด้วยความเร็วอันเหนือชั้นในพริบตา
ทุกคนต่างได้ยินเพียงเสียง เช้ง เบาๆและจากนั้นเพลงกระบีของฉีเชียนฟานก็ถูกสยบอย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกัน กระบี่ในมือขององค์ชายน้อยจี้หลิงก็พาดบนคอของฉีเชียนฟานโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สีหน้ากลายเป็นแข็งที่อ
ทุกคนที่อยู่รอบๆลานประลองต่างก็อ้าปากค้างและเงียบลงพวกเขาเบิกตากว้างเผยให้เห็นถึงสีหน้าอันเหลือเชื่อ
เสียงพูดคุยและเสียงเชียร์ทั้งหมดต่างหยุดชะงักกะทันหันด้วยความตกตะลึง
ไม่มีใครสามารถทําใจให้เชื่อได้ลงว่าความแข็งแกร่งขององค์ชายน้อยจี้หลิงจะมาถึงขีดขั้นนี้ !
เขาทําลายเพลงกระบี่ของฉีเชียนฟานได้อย่างง่ายดายและ เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วมาก !
ความสามารถของเขาถึงขนาดที่หยุดเพลงกระบีของจอมยุทธ์ในเขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่สามได้ในพริบตา
ความแข็งแกร่งขององค์ชายจี้หลิงอยู่ในระดับใดกัน ?! เขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่สี่ หรือขั้นที่ห้า ? หรือว่าจะเป็นขั้นที่หก …?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ผู้คนนับไม่ถ้วนก็รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นลงด้วยความหวาดผวา สีหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความเคารพบูชาและคลั่งไคล้
วินาทีต่อมาฝูงชนก็ได้สติและโห่ร้องออกมาด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง
วิชากระบี่ขององค์ชายน้อยจี้หลิงเป็นดั่งเทพและทําให้ทุกคนตกใจอย่างมาก !
ทั่วทั้งจตุรัสนั้นมีแต่เชียร์ดังกระหมและเสียงซุบซิบสนทนาคาดเดาเกี่ยวกับระดับพลังที่แท้จริงขององค์ชายน้อยจี้หลิง
มีเพียงผู้เดียวที่ไม่สนใจก็คือจี้เทียนซิง เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ดําทะมึนและมีดมน