กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ - ตอนที่ 98 ศิษย์น้องเล็กซวนซวน
นิยาย กระบีสะบันเก้าสวรรค์ตอนที่ 98 ศิษย์น้องเล็ก ซวนซวน
ตอนที่ 98 ศิษย์น้องเล็กซวนซวน
ยามเช้าตรู่ของวันต่อมาในขณะที่เทียนซิงเดินออกจากห้องก็ได้เห็นศิษย์ร่วมหอยุทธ์หลายคน
บ้างก็กําลังอ่านตําราพันโอสถอยู่ใต้ศาลาหรือใต้ต้นไม้ บ้างก็ร่ายรํากระบี่เพื่อฝึกฝนวิชากระบี่อยู่ในลานกว้าง
บ้างก็ขึ้นไปนั่งบนหลังคาเพื่อทําสมาธิและบ่มเพาะพลังปราณ
บ้างก็ขึ้นไปนั่งบนหลังคาเพื่อทําสมาธิและบ่มเพาะพลังปราณ
เมื่อได้เห็นบรรยากาศนี้ จี้เทียนซึ่งก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม
“สมแล้วที่พวกเขาต่างก็เป็นรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของแต่ละแว่นแคว้นแต่ละคนช่างมีบุคลิกและนิสัยเป็นเอกเทศยิ่งนัก 04
“เมื่อวานพวกเขาเพิ่งเข้ามาวันแรกอาจจะยังเกร็งๆกันอยู่บ้าง ตอนนี้ลงหลักปักฐานและเริ่มเข้าใจกฎของนิกายกันบ้างแล้วพวกเขาจึงเริ่มปล่อยตัวตามสบาย”
จี้เทียนซิงพึมพําคนเดียวและเดินออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ่นพร้อมกับถือตําราพันโอสถไว้ในมือเพื่อมุ่งหน้าไปยังสวนโอสถวิญญาณในภูเขา
สวนโอสถวิญญาณอยู่ห่างจากหอยุทธ์ฟงอวินไปทางภูเขาด้านหลังราวๆ 10 ไมล์ตลอดเส้นทางห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้เรียงรายตลอดทางระหว่างทางเขาได้พบกับศิษย์สายนอกและศิษย์สายในอยู่บ้างเป็นบางครั้ง
ศิษย์เหล่านี้บ้างก็จับกลุ่มกันสองสามคนบ้างก็ยืนซุบซิบสนทนาหารือเกี่ยวกับการฝึกยุทธ์การหลอมโอสถและเรื่องอื่นๆเรื่อยเปื่อย
เมื่อเขาเดินผ่านลานประลองบนภูเขาก็ได้เห็นศิษย์สายในสองคนในเขตแดนเชื่อมปราณกําลังประลองกันโดยไม่ใช้ อาวุธ
จอมยุทธ์รุ่นเยาว์คนอื่นๆต่างก็มาล้อมรอบและดูการประลอง บางคนก็ซุบซิบ สนทนา
ถึงแม้จี้เทียนซิงจะเพิ่งเข้านิกายได้เพียงสองวันแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าในนิกายเต็มด้วยการเรียนรู้และการแข่งขัน
ท้ายที่สุดแล้ว นิกายพันธมิตรสวรรค์ก็เป็นผู้รวบรวมหัวกะทิมากความสามารถจากทั้ง 10 อาณาจักรยอดฝีมือมีมากมายนับไม่ถ้วน ทุกคนต่างก็ต้องการโบยบินผ่านหมู่เมฆเฉกเช่นมังกรทะยานผ่านสวรรค์ชั้นเก้าไม่มีผู้ใดต้องการเป็นสัตว์เลื้อยคลานในโคลนตมที่ถู กดูหมิ่นเหยียดหยาม
ที่ประตูของสวนโอสถวิญญาณไม่เพียงแค่มีขายอาคมปกป้องเท่านั้นแต่ยังมีศิษย์สายในระดับเชื่อมปราณถึง 8 คนคอยดูแลอยู่
จี้เทียนซิงเดินไปที่ประตูและแสดงป้ายประจําตัวก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป
เขาข้ามประตูไปพร้อมกับตําราพันโอสถในมือเพียงก้าวแรกที่ผ่านเข้ามาเขาก็ได้กลิ่นพืชพรรณและดอกไม้หลายชนิด
ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้นานาชนิดที่ถูกปลูกไว้ในภูเขาซึ่งทั้งหมดเป็นสมุนไพรวิญญาณ
บริเวณรอบๆสวนสมุนไพรจะมีศิลาหินสูงสองเมตรปักอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นศิลาที่บ่งบอกชื่อ,ชนิด,ประเภทและคุณสมบัติของสมุนไพรนั้นๆ
จี้เทียนซึ่งเดินเข้าไปในสวนแต่ละแห่งพร้อมกับตําราพันโอสถทุกครั้งที่เขาเจอศิลาหินก็จะหยุดศึกษาอยู่เป็นเวลา
นาน
นาน
ด้วยวิธีนี้การจําแนกและเรียนรู้สมุนไพรประเภทต่างๆจะค่อนข้างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าอ่านจากตําราอยู่ภายในห้อง
ผ่านไปครึ่งวันเขาก็สามารถระบุชนิดของสมุนไพรได้มากกว่า 300 ชนิดซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจมากสําหรับการเสีย เวลาไปครึ่งวัน
“ภารกิจที่ครูฝึกฮั่นมอบหมายก็คือให้จดจําสมุนไพรมากกว่า 3000 ชนิดภายในหนึ่งสัปดาห์เพื่อบอกนิสัยและผลกระทบของพวกมันหานํามาหลอมเป็นโอสถ…”
“ด้วยความเร็วในการจดจําของข้า ข้าสามารถระบุประเภทของสมุนไพรได้ราวๆ 600 ชนิดต่อวันและมากกว่า 3,000 ชนิดในหนึ่งสัปดาห์พอดีแต่ข้าคงไม่สามารถจดจําลักษณะนิสัยและคุณสมบัติของพวกมันได้ทั้งหมด..”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จี้เทียนซิงก็ขมวดคิ้วด้วยความกังวลเขาปิดตําราพันโอสถ และมองหาที่นั่งเพื่อพักผ่อนในขณะที่เดินมองไปรอบๆเขาก็มาถึงส่วนลึกของสวนโอสถโดยไม่รู้ตัวและมาถึงริมทะเลสาบที่มีน้ำใสสะอาดล้อมรอบไปด้วยต้นหลิว
ทะเลสาบเปิดกว้างน้ำสีเขียวใสไหลกระเพื่อมเป็นชั้นระลอกคลื่นและมีสายลมเย็นพัดผ่าน
ทะเลสาบนั้นเต็มไปด้วยต้นหลิวสีเขียวสูงและมีกิ่งก้านนับพันห้อยลงมาด้วยสายลมที่พัดไหวอย่างเบาบางทําให้มันดูเหมือนมือเรียวยาวของหญิงสาวที่โบกสะบัดไปมาริมทะเลสาบ
มุมมองที่น่ารื่นรมย์นี้ทําให้จี้เทียนซิงรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย จิตวิญญาณเหมือนได้รับการชําระล้าง
เขาเดินไปที่ทะเลสาบพร้อมกับตําราในมือและกําลังจะนั่งลงบนม้าหินใต้ต้นหลิว
ในเวลานี้เองเขาก็ได้เห็นดรุณีนางหนึ่งในชุดสีเขียวยืนอยู่ข้างๆต้นหลิวกระโปรงสีเขียวอ่อนของนางพลิ้วไหวเบาบางไปตามสายลมซึ่งทําให้นางดูบริสุทธิ์งดงามเป็นพิเศษ
ถึงแม้จะยังไม่เห็นดวงหน้าของนางแต่เทียนซึ่งสามารถคาดเดาได้ทันทีหลังจากมองแผ่นหลังของนางวูบเดียวดรุณีนางนี้ย่อมเป็นสตรีที่อ่อนโยนผู้หนึ่ง
หญิงสาวกําลังจ้องมองไปที่ทะเลสาบและดูเหมือนว่ากําลังคิดหรือจดจ่อกับอะไรบางสิ่งอยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็หันหน้ากลับไปและได้เห็นเทียนซิงทันที
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็หันหน้ากลับไปและได้เห็นเทียนซิงทันที
ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน ในที่สุดจี้เทียนซึ่งก็ได้เห็นวงหน้าชัดๆของนางเขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนชมเชยอยู่ภายในใจอย่างอัศจรรย์
เด็กสาวในชุดกระโปรงเขียวผู้นี้มีใบหน้างดงามและบริสุทธิ์ ผิวพรรณกระจ่างใสดุจคริสตัลเส้นผมสีดําขลับปรกหน้าผากคิ้วเรียวยาวดั่งต้นหลิวดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายราวกับน้ำใสไหลผ่านทะเลสาบ
นางเป็นสตรีที่งดงามมากแต่ไม่มีความเย็นชาและเย่อหยิ่งแต่อย่างใดนางมีลักษณะที่อ่อนโยนและนุ่มนวลพาลให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกสงสาร
จี้เทียนซึ่งไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดแต่ทันทีที่เขาได้พบหน้าสตรีนางนี้เขาก็เริ่มเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับนางและมีความปรารถนาที่จะปกป้อง
นางไม่เย็นชาหรือเย่อหยิ่งจนทําให้ดูห่างไกลผู้คนเช่นหยุนเหยาบุคลิกและลักษณะของนางชวนให้ผู้คนอยากมองแล้วมองอีก
หลังจากรั้งสติกลับมาจี้เทียนซิงก็ประสานมือคารวะและกล่าวกับนางว่า
“ขออภัยด้วยแม่นาง ข้าเพียงผ่านมาทางนี้และต้องการหาที่นั่งพักสักครู่เท่านั้นหากมีสิ่งใดรบกวนเอ่อ…… ขอให้ศิษย์น้องโปรดอภัย”
ชายหนุ่มลังเลที่จะพูดคําเรียกขาน
เนื่องจากหญิงสาวกระโปรงเขียวผู้นี้ไม่ใช่ทั้งศิษย์สายนอกและศิษย์สายในนางไม่ได้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าหรือสีขาวซึ่งทําให้จี้เทียนซึ่งยากที่จะบ่งบอกตัวตนและฐานะของนาง
ในเมื่อเห็นว่านางดูอายุน้อย ดังนั้นเขาจึงเรียกนางว่าศิษย์น้อง
หญิงสาวในกระโปรงเขียวส่ายศีรษะเล็กๆและเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนพลางกล่าวว่า“มิใช่ปัญหาข้าก็เพิ่งมาถึงท่านไม่ได้รบกวนหรอก”
จากนั้นนางก็เหลือบมองไปเห็นตําราพันโอสถในมือของจี้เทียนซิงจึงถามด้วยรอยยิ้มว่า“ท่านคงเป็นศิษย์สายนอกที่มาเรียนรู้สมุนไพรประเภทต่างๆใช่ไหมคะ ?”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและตอบกลับตามความสัตย์จริง“ถูกต้องข้าชื่อจี้เทียนซึ่งเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้านิกายข้าถูกครูฝึกสั่นมอบหมายให้มาเรียนรู้การหลอมโอสถ…”
ทั้งสองพูดคุยกันใต้ต้นหลิวและแลกเปลี่ยนชื่อกัน
หญิงสาวชุดกระโปรงสีเขียวชื่อว่าซวนซวนนางกล่าวว่าโดยปกติแล้วบรรดาศิษย์ในนิกายมักจะเรียกนางว่าศิษย์น้องเล็กซวนซวนดังนั้นจ์เทียนซิงจึงเรียกนางว่าศิษย์น้องซวนซวนเช่นกัน
ซวนซวนไม่เปิดเผยตัวตนและไม่ยอมบอกแซ่อีกด้วย
จากการได้สนทนากัน จี้เทียนซิงจึงรู้ว่าซวนซวนเป็นคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ด้วยก่อนหน้านี้ที่นางเป็นศิษย์สายนอกนางก็เคยถูกฮันเฉียวเซิงใช้ให้มาเรียนรู้การหลอมโอสถแบบเดียวกับที่ชายหนุ่มกําลังประสบอยู่ตอนนี้
เพื่อที่จะจดจําสมุนไพรให้ได้ นางก็มาที่สวนโอสถเป็นประจําทุกวันต่อมาเมื่อได้เข้าออกบ่อยขึ้น นางก็เริ่มชอบสถานที่ที่งดงามแห่งนี้และมักจะมาพักผ่อนยามเหนื่อยล้า
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะบุคลิกที่อ่อนโยนของซวนซวนหรือจะด้วยเหตุผลอื่นนางดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจี้เทียนซิง
หลังจากพูดคุยกันได้ซักพักนางก็คิดจะสอนเทียนซิงในการระบุสมุนไพรประเภทต่างๆเพราะนางเข้าออกที่นี่เป็นประจําจนแทบจะเป็นเหมือนบ้านดังนั้นนางจึงสามารถบอกนิสัยและประสิทธิภาพของสมุนไพรในสวนนี้ได้ทุกชนิด
หลังจากพูดคุยกันได้ซักพักนางก็คิดจะสอนเทียนซิงในการระบุสมุนไพรประเภทต่างๆเพราะนางเข้าออกที่นี่เป็นประจําจนแทบจะเป็นเหมือนบ้านดังนั้นนางจึงสามารถบอกนิสัยและประสิทธิภาพของสมุนไพรในสวนนี้ได้ทุกชนิด