กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 1003 นายเปลี่ยนไปเป็นร้ายแล้ว
หลังจากที่จวงเจียเหวินพูดจบและวางสาย เขาไม่ได้เก็บโทรศัพท์ทันที แต่กลับโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง
ไม่นานปลายทางก็รับสาย
เสียงปลายสายดังขึ้น “ประธานจวง”
“อืม การลงมือในครั้งนี้พวกคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้? ผมไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง”เขากำลังเช็คความแน่ใจว่าจะไม่ตรวจเจอหลักฐานใดๆ เพราะไม่อยากมีปัญหา
ที่ไม่จำเป็น
“ประธานจวงวางใจเถอะครับ เรื่องนี้พวกผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
จวงเจียเหวินตอบกลับ “ช่วงนี้ก็ให้พวกเขาอยู่เงียบๆไปก่อน อย่าสร้างปัญหาเพิ่ม”
“วางใจได้ครับ พวกผมไม่สร้างปัญหาแน่นอน”
“ผมจะโอนเงินให้คุณหนึ่งก้อน เพื่อเป็นรางวัลให้พวกพ้องของคุณ”
“เรื่องเล็กน้อยครับ ไม่ต้อง
“แค่นี้ก่อนนะ ผมยังมีธุระที่ต้องทำต่อ”
“โอเคครับประธานจวง ขอบคุณครับ”
หลังจากที่วางสาย จวงเจียเหวินก็ก็ทรศัพท์ นั่งลงไปที่โต๊ะทำงานแล้วใมือนวดระหว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเหนื่อย จากนั้นเขาก็ต่อสายถึงเลขา “วันนี้ผมไม่ออกงานทางการ การสังสรรค์
ทั้งหมดให้ยกเลิกไปเลย”
“รับทราบค่ะ”
เขาหลับตาลงแล้วเอนตัวลงไปยังพนักพิง
เวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาที เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานก็ดังขึ้น
เขาลืมตา แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ “เข้ามา”
ไม่นาน ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก
จงเหยียนซีเดินเข้ามา จวงเจียเหวินยิ้ม “มีเวลาว่างมาหาผมแล้วเหรอครับ?”
เขาแสร้งทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย
จงเหยียนซีไม่ได้อ้อมค้อมกับน้องชายแท้ๆของตัวเอง เธอถามขึ้นว่า “นายจ้างคนไปจัดการเจียงโม่หานเหรอ?”
จวงเจียเหวินมองดูเธอ “พี่กำลังถามผม?”
“ไม่ใช่”จงเหยียนซีและเขาสบตากัน “นายแค่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่?”
“ทำไมพี่ถึงต้องการคำตอบนี้นักล่ะ? ถ้าใช่แล้วไง ไม่ใช่แล้วไง? หรือว่าพี่ยังสามารถโกรธผมเพราะเรื่องนี้ได้อีก?”
จงเหยียนซีดึงเก้าอี้ในห้องทำงานออกมานั่ง “ถ้านายเป็นคนทำ พี่รู้ว่า เจตนาของนายก็เพื่อหวังดีต่อพี่”
“แล้ว? พี่มาขอบคุณผมเหรอ?”จวงเจียเหวินเลิกคิ้วเล็กน้อย ท่าทางของเธอนั้น ไม่เหมือนกับการมาขอบคุณเลย
“พี่แค่ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเจียงม่หานอีก นายทำแบบนี้ ถ้ามีคนจับได้ นายจะเดือดร้อนเอานะ”เธอนั้นไม่อยากให้เรื่องของเจียงโม่หานมาเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเธออีก
“ไม่เชื่อใจผมขนาดนั้นเลย?”จวงเจียเหวินมองไปยังจงเหยียนซี “ถึงแม้ผมกับพี่จะไม่ใช้นามสกุลเดียวกัน แต่ว่า พวกเราเป็นพี่น้องแห้ๆในสายเลือดเดียวกัน พี่โดนรังแก จะให้ผมอยู่เฉยๆได้ยัง
ไง? แค่ไปกระทึบสั่งสอนเขา ไม่ได้เอาชีวิตเสียหน่อย ในใจผมรู้ดี มันจะไม่มีปัญหาตามมาหรอก ถึงแม้เขาจะตรวจสอบ ก็ตรวจสอบไม่ได้ หรือถ้าเขาจะสงส้ยว่าเป็นผม ก็ไม่มีหลักฐาน”
จงเหยียนซีมองดูเขา สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลบริษัทใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่ใช่คนไร้สติสัมปชัญญะ ภายในใจของเขาต้องคิดไตร่ตรองอีกอย่างแน่นอน
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก ที่เธอมาในครั้งนี้ก็เพราะว่าเป็นห่วงเขา กลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง เพราะเจียงโม่หานไม่มีค่าพอที่จะมาทำให้ครอบครัวเธอเดือดร้อน
“พี่ไปก่อนนะ”
เธอลุกขึ้น
“นั่งก่อนสิครับ ให้เลขาของผมชงกาแฟให้สักแก้วไหม?”จวงเจียเหวินนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับ
จงเหยียนซีที่เดินไปถึงหน้าประตูก็หยุดลง หันกลับไปมองเขา “ลูกน้อย พี่รู้สึกว่านายเปลี่ยนไปเป็นคนไม่ดีแล้ว”
“ผมไม่ดีตรงไหนครับ?”จวงเจียเหวินถามขึ้น
“นายเองก็รู้อยู่แก่ใจ”พูดจบจงเหยียนซีก็ปิดประตูแล้วจากไป
โรงพยาบาล
การรักษาในห้องฉุกเฉินราวสองชั่วโมง ในที่สุดเจียงโม่หานก็ถูกเข็นออกมา
“คุณหมอครับ พี่ชายของผมเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหมครับ?”เยงโเชียนจับไปที่แขนของหมอแล้วถามขึ้น
หมอมองไปยังเขา “คุณคือญาติผู้ป่วยใช่ไหมครับ?”
เจียงโย่เชียนพยักหน้า “ใช่ครับ”
“ช่วงนี้คนไข่ไม่มีอันตรายครับ โดยรวมแล้วยังคงต้องรอให้คนไข้พื้นขึ้นมา แล้วค่อยตรวจร่างกายอีกครั้งครับ”
เจียงโม่เชียนเริ่มกระวนกระวาย หมายความว่าอย่างไร?
“คุณหมอครับ ผมอยากทราบว่า ทำไมถึงพูดว่าช่วงนี้ยังไม่มีอันตรายล่ะครับ?”
หมอพูดขึ้น “หลังผ่านการCT พวกเราเห็นก้อนดำๆในหัวของผู้ป่วย ตอนนี้เราไม่สามารถสรุปได้ว่ามันคืออะไร ต้องรอให้คนไข้ฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วค่อยทำการวินิจฉัยต่อไป”
หนานเฉิงจับเจียงโซ่เซียนที่กำลังตื่นเต้นไว้ “พวกเราพาประธานเจียงไปที่ห้องผู้ป่วยก่อนดีกว่านะ ทุกอย่างนั้น รอให้ประธานเจียงฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยตัดสินใจ”
เจียงโย่เชียนมองไปยังเขา สุดท้ายก็พยักหน้า
หลังจากที่เจียงโม่หานถูกย้ายไปที่ห้องผู้ป่วย วันถัดไปถึงจะฟื้นขึ้นมา
หนานเฉิงกับเจียงโเชียนนั้นไม่ได้ไปไหน อยู่เฝ้าเขามาตลอด
บนหัวของเจียงโม่หานยังคงพันด้วยผ้าก๊อซ สีหน้านั้นยังดูโอเค เขาค่อยๆลืมตาขึ้น ปลายจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล สิ่งที่เห็นรอบๆก็คือห้องที่แปลกตา เขาขมวดคิ้ว
เล็กน้อย และรู้สึกปวดหัวมาก
“ประธานเจียง”หนานเฉิงตื่นขึ้นมา ก็พบกับเจียงโม่หานที่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว เขาจึงถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ท่านไม่เป็นไรใชไหมครับ?”
เจียงม่หานมองไปยังคนตรงหน้าอย่างหน้าตาเฉย เขานึกไม่ออกว่าคนตรงหน้าคือใคร
“ท่านไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ?”หนานเฉิงเห็นว่าเจียงโม่หานไม่พูดอะไร จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ให้ผมเรียกหมอให้ไหมครับ?”
เจียงโม่หานยังคงไม่พูดอะไร แววตาและท่าทางก็ไร้ซึ่งอารมณ์และสีสัน ราวกับว่าไม่คุ้นชินกับสถานที่แปลกๆนี้ และยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับหนานเฉิง
หนานเฉิงเห็นว่าเขาไม่ค่อยปกติ จึงวิ่งไปเรียกหมอให้มาตรวจ
ไม่นานหมอก็เข้ามา แล้วพาเจียงโม่หานไปยังห้องตรวจ