กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 1008 เสิ่นซินเหยาคือเธองั้นหรอ
เสิ่นเผยซวนรู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมาก “ตอนนี้ คุณคิดว่าผมอยากถอยก็ถอยหรอ? ถึงผมจะถอย ก็ต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน”
ซูจ้านตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้? คุณยังจะมาที่นี่อีก ไม่กลัวว่าจะนำอันตรายมาให้ลูกสาวกับลูกเขยหรือไง?”
“เห้อ” เสิ่นเผยชวนถอนหายใจ ถ้าเขาไม่มาก็กลัวว่าเสิ่นชินเหยาจะคิดฟุ้งซ่าน เพราะการแต่งงานของเธอนั้นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน มีเพียงครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น ถ้าพลาดครั้งนี้ก็คงไม่มี
ครั้งต่อไปอีกแล้ว อีกอย่าง เขาก็มีลูกสาวแค่คนเดียว เขาอยากจะนมือลูกสาวให้กับจวงเจียเหวินด้วยตัวเขาเอง
“ความเห็นของผม เรื่องนี้ยังคงต้องระวังมากๆนะ พวกคุณยังไม่เจอหนอนบ่อนไส้เลยด้วยช้ำ ไม่แน่ว่า เรื่องที่คุณมาเมืองC อาจจะรั่วไหลออกไปนานแล้ว” ในใจของซูจ้านอยากพูดแค่ว่า ไม่ว่า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงแค่ไหนก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น
จงจิ่งห้าวเห็นด้วยกับความเห็นของซูจ้าน “ช่วงนี้ก็ระวังตัวหน่อยนะ”
“ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องบอกเจียเหงิน กันไว้ดีกว่าแก้ ไม่งั้นถ้าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาคงรับมือไม่ทันแน่ๆ” ชูจ้านดื่มเหล้าลงคอหมดหนึ่งแก้ว
เสิ่นเผยชวนรู้สึกขอโทษจวงเจียเหวินเป็นอย่างมาก “พอเถอะคุณ เรื่องนี้ผมจะคุยกับเขาเอง”
“ผมไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรอ?” เสิ่นเผยซวนหยิบแก้วเหล้ามาจากเขา “อายุเยอะแล้ว ดื่มน้อยๆหน่อยสุขภาพถึงจะแข็งแรง ลูกเขยของผม จำเป็นต้องให้คุณไปคุยแทนผม?”
“คำพูดของคุณนี่มัน ถึงเขาจะเป็นลูกเขยคุณ แต่เขาใช้เวลากับพวกผมมากกว่าไม่ใช่หรอครับ?” ชูจ้านไม่ยอมแพ้ “แกลังผมใช่ไหมครับ?”
เสิ่นเผยชวนเงียบลงทันที และไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ว่าซูจ้านกำลังสื่อถึงอะไร เดี๋ยวก็จะพูดว่า แกล้งผมที่ไม่มีลูกใช่ไหม?
เขากลัวที่จะต้องคุยเรื่องนี้กับซูจาน จึงหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเสียดีกว่า
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นเผยชวนได้เรียกจวงเจียเหวินมาหาที่ห้องของตัวเอง เพื่อบอกสถานการณ์ของเขาเป็นการส่วนตัว
“คุณพ่อก็นะ มีเรื่องอะไรต้องปิดบังฉันด้วย ถึงได้เรียกเจียเหวินไปคุยเป็นการส่วนตัว ไม่ให้ฉันอยู่ฟังอีกด้วย ฉันเป็นลูกสาวเขา หรือเจียเหวินเป็นลูกสาวเขากันแน่?” เสิ่นซินเหยาที่ถูกพ่อแม่ไก่
ให้ออกจากห้อง รู้สึกไม่สบารมณ์เป็นอย่างมาก ได้แต่บ่นให้จงเหยียนซีฟัง
จงเหยียนซีหัวเราะ “เจียเหวินไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขาหรอก อย่างมากก็เป็นได้แค่ลูกชาย”
เสิ่นซินเหยาหัวเราะ เดินมาหยุดข้างรถ แล้วถามขึ้นว่า “พี่ พี่ขับหรือฉันขับคะ? ”
จงเหยียนซีเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วนั่งลง พร้อมพูดว่า “น้องขับเถอะ”
พวกเธอจะไปที่บ้านใหม่ มีขนบธรรมนียมที่สืบทอดกันมาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือห้ามเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเจอกันก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน เพื่อทำตามขนบธรรมเนียมนี้เสิ่นชินเหยาในตอนนี้ควรจะอยู่
ที่บ้านของตัวเอง แต่บ้านของเธอไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ อยู่ไกลกว่าเมืองBอีกนิด มันจะไกลเกินไป จึงตัดสินใจว่าคนหนึ่งอยู่บ้านใหม่ อีกคนอยู่วิลล่าเก่า
บ้านใหม่อยู่ห่างจากวิลล่าเก่าไกลพอสมควร เสิ่นซินเหยาบอกว่าเธอรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่ที่นั้นคนเดียว ดังนั้นจงเหยียนซีจึงไปกับเธอ เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอหนึ่งคืน หลังจากงานแต่ง เธอกับจวง
เจียเหวินก็จะอาศัยอยู่ในบ้านใหม่
เธอกับจวงเจียเหวินยังวัยรุ่น ทุกคนเห็นดีกันว่าควรให้ทั้งสองได้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พวกเขาเพิ่งแต่งงานกันแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่ยิ่งยอมให้พวกเขาอาศัยในบ้านเก่าต่อ
“จะแต่งงานแล้ว จะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับหรือเปล่า?” จงเหยียนซีพูดแซว
ใบหน้าของเสิ่นซินเหยาแปดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับความเชินอายเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักเขาสักหน่อย ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย?”
“หืม จริงไหมเนี่ย?” จงเหยียนซียื่นหน้ามา “บอกพี่มานะ เธอกับลูกน้อยเคยนอนด้วยกันแล้วหรือยัง?”
เสิ่นซินเหยาหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ยังคงทำสีหน้านิ่ง “พี่อ่ะ น่ารำคาญจริงๆเลย”
จงเหยียนซีหัวเราะ
พอถึงที่พักพวกเธอก็เดินลงจากรถ ไม่ว่าจะห้องนอนหรือของใช้ประจำวันได้ถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งห้องหอก็ถูกตกแต่งเอาไว้หมดแล้
“เรานอนห้องนอนแขกกัน”จงเหยียนซีกล่าว “วันนี้ต้องรีบเข้านอนด้วย เพราะพรุ่งนี้เธอต้องตื่นไปแต่งหน้าแต่เช้าเลย”
เสิ่นซินเหยาถาม “เราจะนอนด้วยกัน หรือนอนแยกห้องกัน?”
จงเหยียนซีถามอย่างตลก “เธออยากนอนกับพี่หรอ?”
“ยังไงแล้วห้องนอนแขกก็มีทุกอย่างครบแล้ว เราแยกห้องกันนอนเถอะค่ะ” เธอกลัวว่าจงเหยียนซีจะแกล้งเธออีก
“อื้ม” จงเหยียนซีหยิบกล่องกำมะหยี่สีฟ้าออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้เธอ “ของขวัญนี้พี่ให้เธอ”
“งานแต่งฉันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรอคะ ให้ของขวัญตั้งแต่วันนี้เลยหรอ?” เสิ่นซินเหยาไม่ได้ยื่นมือรับมันในทันที แต่กลับมองกล่องใบนั้น เหมือนจะเป็นกล่องที่เอาไว้ใสเครื่องประดับราคาแพง “มันเป็น
ของล้ำค่าฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
จงเหยียนซีหัวเราะ “ขนาดลูกน้อยที่ล้ำค่ามากที่สุดในครอบครัวพี่ ยังโดนเธอแย่งไปเลย ยังมีอะไรล้ำค่ามากกว่าเขาอีก?”
เธอยัดมันเข้าในอ้อมแขนของเสิ่นซินเหยา “พี่รู้ว่าลูกน้อยก็คงไม่ละเลยเรื่องนี้กับเธอหรอก เขาน่าจะเตรียมไว้ให้เธอด้วยเหมือนกัน แต่ว่า นี่เป็นน้ำใจของพี่ เธอต้องรับมันไว้นะ”
จงเหยียนซีเอากล่องออกมาอีกหนึ่ง ใบ “อันนี้ให้เธอเหมือนกัน”
“ของขวัญสองชิ้นเลยหรอคะ?” เสิ่นซินเหยาเงยหน้ามองเธอ
“นอนเช้าๆนะ พรุ่งนี้เช้าพี่มาเรียก” จงเหยียนซีเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าห้อง
เสิ่นซินเหยาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่หวานจนเลี่ยนถือของขวัญที่จงเหยียนซีให้แล้วเดินเข้าห้องนอนอีกห้อง
เธอนั่งอยู่บนหัวเตียง แล้วเดกล่องออก ในกล่องเครื่องประดับใบแรก คือชุดเครื่องเพชร และด้นในของอีกกล่องหนึ่งคือเดรสสายเดี่ยวสีดำ แอบโปเล็กน้อย เป็นเดรสที่จัดอยู่ในหมวดเซ็กซี่
ใบหน้าของเอร้อนผ่าว ในห้วจินตนาการภาพที่เธอสวมเดรสอันเช็กซี่ตัวนี้ แล้วยืนอยู่หน้าจวงเจียเหวิน
รู้สึกอายแต่ก็แอบคาดหวังเล็กน้อย
เธอเก็บของไว้อย่างเรียบร้อย
ไปอาบน้ำแล้วนอหลับ แท้จริงวันนี้เธอแอบตื่นเต้นเล็กน้อย พรุ่งนี้เธอก็จะแต่งงานแล้ว เธอจะเป็นภรรยาของเขาแล้ว ในใจของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวั
ไม่ว่าจะนอนท่าไหนก็นอนไม่หลับ
เธอลุกขึ้นมา แล้วเดินไปห้องนอนหลักคนเดียว
เมื่อเปิดประตูเข้าไป บรรยากาศยินดีปรีดาคลุ้งไปทั่วห้องหอ ชุดเครื่องนอนสีแดงสด บนหัวเตียงเป็นรูปพรีเวดดิ้งของเธอกับจวงเจียเหวิน
จวงเจียเหวินที่สวมชุดสูทสีดำคลาสสิก เขาโอบเอวของเธอเอาไว้ ใบหน้าของทั้งคู่นั้นยิ้มแย้ม เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาว เป็นชุดที่ฉินยาออกแบให้เธอโดยเฉพาะ มีเพียงชุดเดียวบนโลกเท่านั้น
ชุดสำหรับงานแต่งฉินยาก็เป็นคนออกแบบเองกับมมือ
ส่วนห้องหอนี้ซูจ้านและฉินยาก็เป็นคนที่ตกแต่งให้
ลูกโป้งมุกสีแดงและสีชมพู ตัวหนังสือต่างๆ แค่ดูก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความยินดีปรีตา
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาจวงเจียเหวิน “นอนหรือยัง?”
แต่เหมือนทางนั้นจะไม่เห็นข้อความ และไม่ได้ตอบกลับ
ตอนนี้ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว เขาคงจะนอนหลับไปแล้ว
เสิ่นชินเหยามองหน้าจอโทรศัพท์ แล้วส่งข้อความอีกครั้ง “เจียเหวิน ฉันรักคุณ”
หลังจากที่ส่งข้อความไปเธอกลับรู้สึกเลี่ยนกับตัวเอง มองหน้าจอโทรศัพท์แล้วหัวเราะอยู่คนเดียว
พอเธออยากจะยกเลิกข้อความที่เธอส่ง ก็ไม่ทันเสียแล้ว เธอปีดหน้าจโทรศัพท์ ในขณะที่เธอเตรียมกลับห้องไปนอนนั้นก็ได้ยินเสียงที่มาจากทางหน้าต่าง เธอเดินเข้าไปเพื่อตรวจดู แต่ทันใดนั้นหน้าต่างก็ถูกเปิดออก
เสิ่นซินเหยาไม่สามารถกรี๊ดร้องได้ เพราะชายคนนั้นที่เข้ามาทางหน้าต่าง กดเธอลงกับเตียง แล้วปิดปากของเธอเอาไว้
“เสิ่นซินเหยาคือเธองั้นหรอ?!” ชายคนนั้นหรี่ตาแล้วจ้องเธอ สายตาของเขาตรวจดูสีหน้าบนใบหน้าของเธอ “เสิ่นเผยซวนคือพ่อของเธอ?”