กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 1015 ตอบแทนด้วยร่างกาย
มู่เยวียนเอ๋อร์อมยิ้ม “หรือว่าอยากได้ยินแค่เสียงของฉัน แต่ไม่อยากเห็นฉัน?”
จงเหยียนเฉินมีท่าทีขึงขัง “ผมไม่ได้ตัดสินคนจากภายนอกนะ”
มู่เยวียนเอ๋อร์เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา เธอพิงกรอบประตูพลางมองเขา “ฉันช่วยคุณแล้ว ฉันมันก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง คุณอยู่กับฉัน ถ้าฉันจะให้คุณแต่งงานกับฉันเพื่อตอบแทนขึ้นมา คุณจะยอมมั้ย?”
จงเหยียนเฉินไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับยื่นมือออกไปหาเธอ
มู่เยวียนเอ๋อร์ลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือของเขา เธอเงยหน้ามองเขา “คุณบอกว่าไม่ต้ดสินคนจากภายนอก แล้วทำไมถึงไม่ตอบฉันล่ะ?”
เขายังคงไม่ตอบคำถามตามเคย หว่ากุมมือของเธอไว้แน่น จากนั้นก็กระตุกดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก พลางโอบเอวคอดของเธอแน่น “แล้วนี่พอจะอธิบายคำตอบของผมได้ไหม?”
มู่เยวียนเอ๋อร์กะพริบนัยน์ตาสุกใส เธอเงยหน้าจ้องเขา หากมองจากมุมของเธอขึ้นไป สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือสันกรามอันคมคาย เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน ทำให้เห็นตอหนวดสีเขียวขรึมเป็นชั้น
เบาบาง เขาเม้มริมฝีปากแน่น องค์ประกอบใบหน้าชัดเจน
เขาให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ทว่าไม่แข็งกระด้าง กลับเป็นไปในทางอ่อนโยนละเอียดอ่อนเสียด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่งและความอ่อนโยนผสมผสานบนตัวเขาได้อย่างลงตัว
เธอขมุบขมิบปากเอ่ยว่า “ได้”
จงเหยี่ยนเฉินก้มหัวลง ลากริมฝีปากผ่านเส้นผมของเธอ บนตัวของเธอมีกลิ่นหอมจางๆ “กลิ่นบนตัวของคุณคือกลิ่นอะไร?”
มู่เยวียนเอ๋อร์กัมหน้าดมกลิ่นบนร่างกายตนเอง พลางเอ่ยขึ้น “นี่เป็นกลิ่นหอมของเพ่ยหลัน ฉันไปร้านยามา”
เพ่ยหลันคือสมุนไพรจีนที่มีกลิ่นหอม
“ฉันจะไปทำอาหาร” มู่เยวียนเอ๋อร์พยุงเขากลับไปบนเตียง จากนั้นก็ลงไปชั้นล่างเพื่อตุ๋นไก่ที่เธอซื้อมา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซุปไก่ของเธอก็ตุ๋นจนได้ที่ ในเวลาเดียวกันเธอก็ผัดกับข้าวอย่างอื่นไปด้วย
เธอตั้งโต๊ะเสร็จสรรพ
จากนั้นเธอก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อพยุงจงเหยียนเฉินลงมาชั้นล่าง
เธอลากเก้าอี้ออกมา พลางพยุงจัดให้เขานั่งลง
“ฉันป้อนคุณเอง” มู่เยวียนเอ๋อร์ตักซุปใส่ในถ้วย ใช้ซ้อนป้อนเขา ตอนกำลังยื่นมาที่ปากของเขา เธอเปาลมแผ่วเบา เพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป ก่อนจะยื่นจรดที่ริมฝีปากของเขา
“วันนี้ฉันทำผัดรากบัวกับผัดผักกาดหอมด้วยนะ”
แม้จงเหยียนเฉินยังไม่อ้าปาก เขาก็ได้กลิ่นยาโชยมา “คุณใช้อะไรตุ๋นซุปไก่?”
“สมุนไพรจีนที่ส่งผลดีกับดวงตาของคุณ” มู่เยวียนเอ๋อร์ยื่นช้อนจ่อที่ริมฝีปากของเขา “รีบกินซะสิ เย็นแล้วนะ”
จงเหยียนเฉินยังคงไม่อ้าปาก “ถ้าดวงตาของผมหายดี คุณจะยังทำดีกับผมขนาดนี้อยู่ไหม?”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ไง?” มู่เยวียนเอ๋อร์มองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างไม่ปิดบัง
พอเขาอ้าปากแล้ว มู่เยวียนเอ๋อร์เลยยี่นช้อนซุปไป “ถ้าผมจนมากๆ ล่ะ..
“ฉันจะเลี้ยงคุณเอง”
เขายังพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็โดนมู่เยวียนเอ๋อร์ตัดบท ทั้งยังพูดต่ออย่างแน่วแน่ว่า “คุณคือผู้ชายที่ฉันชอบ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน ฉันก็ต้องการคุณ”
“เป็นสาวเป็นแส้ คุณจะไม่เหนียมอายหน่อยเหรอ?” มุมปากของเขาเหยียดยิ้มจางๆ
ทว่าเขาไม่ได้รังเกียจความตรงไปตรงมาของเธอ ทั้งยังชอบความซื่อตรงของเธอด้วย
แม้ว่าไม่ได้มองใบหน้าของมู่เยวียนเอ๋อร์ เขาก็รับรู้ได้ว่า เธอเป็นหญิงสาวผู้มีคนมีจิตใจเมตตา ทั้งยังซื่อตรงอีกต่างหาก
เขาเอื้อมมือไปลูบเอวคอดของเธอ พลางจัดให้เธอนั่งลงบนตักของเขา “ผมชอบคุณที่เป็นคนกระหายในตัวผม
มู่เยวียนเอ๋อร์หัวเราะออกมา “ใครว่าฉันเป็นคนกระหายในตัวคุณ? เนอยู่ชัดๆ ว่าฉัน…..”
ใบหน้าของเธอค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้น เดิมที่เธอคิดว่าตนเองจะพูดมันออกมาได้ ทว่าๆ ใจจริงแล้วก็ยังคงมีความกระดากอายและความสำรวมของสาวน้อยอยู่บ้าง
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่า?” จงเหยียนเฉินหาตำแหน่งให้เธอเอนพิงเบาๆ “ไม่ได้กระหายในใบหน้าของผม แต่กระหายร่างกายของผม?”
มู่เยวียนเอ๋อร์ “……
เธอไม่ปฏิเสธ เธอกระหายในร่างกายของชายคนนี้
“ฉันช่วยคุณแล้ว คุณก็ตอบแทนฉันด้วยร่างกายซะ” เธอเอ่ยอย่างเผด็จการและแข็งกร้าว “ไว้รอดวงตาของคุณหายดีก่อน ถ้ายังกล้าไม่ยินยอมล่ะก็ ฉันจะวางยาเบื่อคุณ”
“คุณมันพวกวางแผนลอบฆ่าสามี” เขาหัวเราะเบาๆ
“คุณไม่ใช่สามีของฉันสักหน่อย……”
“แบบไหนถึงนับว่าเป็น?” เขาเอ่ยถาม
มู่เยวียนเอ๋อร์ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง “คุณก็ต้องแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี เกี้ยวแปดคนหามมารับฉันเข้าตระกูลของคุณ ถึงจะนับว่าเป็นสามี”
“งั้นเข้าห้องหอก่อนเลยได้ไหม?” เขายิ้มอย่างยียวน
มู่เยวียนเอ๋อร์โอบรอบลำคอของเขา พลางหายใจพ่นลมร้อนใส่หูของเขา สัมผัสที่ทั้งอ่อนโยนและวาบหวามตรงใบหูของเขา “ฉันยอมนะ คุณกล้ารึเปล่า?”
จงเหยียนเฉินทำเพียงแค่ยิ้มไม่พูดอะไร
มู่เยวียนเอ๋อร์ยู่ปาก “ยังคงเป็นฉันที่ดูไม่งาม”
“เด็กดี กินข้าวกันก่อนดีกว่า” จงเหยียนเฉินตบหลังของเธอ
เขาถามขึ้น “กี่โมงแล้ว?”
มู่เยวียนเอ๋อร์เหลือบมองเวลา “จะเที่ยงวันแล้ว”
จงเหยียนเฉินตอบรับอิ่ม ในใจพลางคิดว่าเวลานี้ สมควรเป็นช่วงที่ครึกครื้นที่สุดของงานแต่งงานแล้วล่ะมั้ง?
ในขณะนั้นเอง เมืองซี กำลังมีการจัดงานแต่งงานที่สุดแสนโรแมนติกและยิ่งใหญ่ขึ้นหนึ่งงาน
เสิ่นซินเหยาชื่นชอบปราสาทสไตล์ตะวันตก เดิมที่ก็อยากจัดงานแต่งงานที่ต่างประเทศ แต่พ่อของเธอไม่สามารถออกประเทศได้ตามใจชอบ สุดท้ายเลยต้องจัดงานในประเทศ เช่นนี้คนที่มาร่วม
งานจึงเยอะเป็นพิเศษ ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของทั้งสองฝ่าย ตลอดจนหุ้นส่วนธุรกิจก็มาร่วมงาน
งานแต่งงานจัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวของเมืองซี สถานที่จัดงานแต่งก็จัดโดยบริษัทจัดงานแต่งงานชั้นแนวหน้า ห้องห้บ สถานที่ล้วนเพียงพอสำหรับรับรองโต๊ะรับแขกถึงสองร้อยโต๊ะได้อย่าง
สบาย
สถานที่ใช้แนวลึกลับเป็นโทนหลัก หลอดไฟสตูดิโอ ดอกไม้สดประดับ ขับเน้นให้สถานที่มีบรรยากาศโรแมนติก
ถึงเวลาอันเป็นมงคล ประตูทางเข้าหลักเปิดออกช้าๆ
เสิ่นซินเหยาสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด บรรจงแต่งหน้าเจ้าสาวงามวิจิตร เธอจูงมือเนเผยชวน เดินเข้างานมาอย่างแช่มช้า