กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 1038 คุณมีเรื่องปิดบังฉัน
จวงเจียเหวินคิดอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ
ซูจ้านกำลังทักทายญาติและเพื่อนฝูงที่เดินทางมาไว้ทุกข์อยู่ด้านนอก มีผู้คนมามากมายเดินทางมาจนที่จอดรถไม่สามารถรองรับได้ ต้องใช้สถานที่อื่นในการรองรับ
หลังจากพิธิ์ไว้ทุกข์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการถวายดวงวิญญาณ
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ญาติจะได้อำลาผู้ที่ส่วงลับ เมื่อนึกถึงการพลัดพราก บรรยากาศก็มักเศร้าโศกและอึดอัด
ก่อนส่งนำศพฝังลงไปในหลุม เจ้าภาพจัดงานศพจะออกมาแสดงความเสียใจแก่ผู้ล่วงลับและกล่าวขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัยว่า “วันนี้เป็นวันที่คุณเฉิงยู่เวินจะลา
ลับโลกนี้ไปตลอดกาล โลกนี้มีพบต้องมีจาก เสมือนดวงจันทร์ที่มีทั้งเสี้ยวและกลม ชีวิตคนเราเมื่อเกิดมา ก็ต้องแก่ เจ็บและตายเป็นธรรมชาติอย่างหลีกเสี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขาจะจากพวก
เราไปแล้ว แต่รอยยิ้มและความทรงจำของเขาจะอยู่ในดวงใจของเราไปตลอดกาล
หวังว่าทุกท่านในที่นี้จะอวยพรให้เขา และอย่าได้มัวแต่เศร้าโศกไป”
จากนั้นเสียงเพลงส่งท้ายก็ดังขึ้น
ทุกคนยืนขึ้นและโค้งคำนับแก่ผู้ล่วงลับอยู่สามครั้ง
และฉากสุดท้ายก็คือพิธีฝังศพท่ามกลางเสียงร้องไห้โหยหวน
สุสาตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดขอเขตซานเมืองทางตะวันออกของเมืองC สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้ส่งศพกลับไปยังไปเฉิงก็เพราะทุกคนตั้งรกรากอยู่ที่นี่ทั้งหมด ในอนาคตหาก
ว่าจวงจื่อจิ๋นจากไป ก็คงจะฝังไว้ที่นี่เช่นกัน
กว่าทุกอย่างจะจัดการได้เสร็จสิ้น ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ทุกคนรวมตัวกันในคฤหาสน์
ฉินยาชงชามาต้อนรับ ในวันนี้ไม่มีใครกินข้าวเลย เธอจึงติดต่อไปที่ร้านอาหารและสั่งอาหารอ่อนๆมา
แม้ว่าจะมีคนลาลับไปแล้ว แต่คนที่อยู่ยังคงต้องกินดื่ม
“ตอนนี้พิธีเสร็จสิ้นแล้ว พาเหยียนเฉินไปโรงพยาบาลหน่อยไหม?”
คราวนี้ซางหยูเดินทางมาคนเดียว เสิ่นเผยชวนมีประชุมสำคัญ ประกอบกับที่เขาเกษียณก่อนกำหนด มีเรื่องให้จัดการมากมายจนไม่อาจปลีกตัวมาได้เลย
ดังนั้นซางหยูจึงเดินทางมาคนเดียว
เมื่องานศพเสร็จสิ้นแล้วทุกคนจึงเพิ่งมีเวลาคุยกัน ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนกังวลที่สุดคือดวงตาของจงเหยียนเฉินซึ่งมองไม่เห็นในตอนนี้
“ไม่เป็นไรครับ”
“เราชอบบอกว่าไม่เป็นไร แต่พวกเราก็กังวลนะรู้ไหม” ฉินยารู้สึกว่าควรจะไปโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจดูสักหน่อยว่าเป็นอะไร
ตอนนี้ดวงตาของจงเหยียนเฉินเริ่มเห็นเป็นเงาเลือนราง ก่อนหน้านี้เขาเห็นเพียงสีดำสนิท
แต่เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ต้องกังวลใจ เขาจึงพูดว่า “ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปหาหมอ”
“ดีแล้ว พวกเราจะได้ไม่เป็นห่วง” ฉินยารินน้ำแก้วหนึ่งแล้ววางในมือเขา “ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว ดื่มน้ำหน่อย”
ขณะนั้นกริ่งประตูก็ดังขึ้น
เธอเดินไปเปิดประตูพบว่าอาหารมาส่งแล้ว เธอถือไปคนเดียวไม่ไหวจึงให้พนักงานส่งอาหารช่วยเอาไปวางยังโต๊ะอาหาร
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยและพนักงานส่งอาหารกลับไปแล้ว ฉินยาก็หยิบอาหารออกมาวาง “ไปล้างมือแล้วมาทานอาหารกัน”
ซางหยูเข้ามาช่วยตักซุปแล้วเดินเอาเข้าไปในห้อง จวงจื่อจิ่นยังคงรู้สึกเศร้าโศก บัดนี้เธอนอนอยู่บนเตียง หลินซินเหยียน และจงเหยียนซีก็อยู่กับเธอในห้อง
เธอตักอาหารอ่อนๆเอาเข้าไปข้างใน
“ฉันจะดูอยู่ที่นี่เอง คนอื่นๆออกไปกินข้าวกินปลากันก่อนไหม?” ซางหยูพูดขณะที่เอาอาหารถือเข้ามา
จงเหยียนซียืนขึ้นรับอาหารในมือซางหยูที่ถืออยู่ “ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณยายเอง ทุกคนไปกินข้าวเถอะ” เธอมองไปที่หลินซินเหยียน “คุณแม่ก็ไปกินข้าวสักหน่อยเถอะค่ะ”
หลินซินเหยียนยังมีเรื่องต้องคุยกับจงจิ่งห้าว ดังนั้นเขาจึงตมบ่าลูกสาวเบาๆ “เดี๋ยวแม่กลับมานะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ฉันจะนอนกับคุณยายเอง ทุกคนกลับไปนอนเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่นี่” จงเหยียนซีรับทุกอย่างไว้ด้วยตนเอง
ก่อนหน้านี้เธอกับจวงจื่อจินก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เนื่องจากตอนเล็กๆ คุณยายเป็นคนเลี้ยงดูมา
“กลัวพวกเราจะดูแลยายได้ไม่ดีหรือไง?”
“ก็ได้” หลินซินเหยียนลุกขึ้น
ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะและกินอาหาร
จวงเจียเหวินรับหน้าที่ดูแลพี่ชาย เขาป้อนอาหารพี่ชาย
“ตอนผมเล็กๆ พี่เคยป้อนผมไหม ?” จวงเจียเหวินถาม
“ตอนเราอายุได้ประมาณ 2 เดือน เขาเคยเอาลูกอมเมืดขนาดนี้ป้อนเข้าไปให้จนแทบจะติดคอตาย” ซางหยูพูดและทำมือของเธอ
เธอจำได้ว่าในตอนนั้นเธอกำลังอุ้มจวงเจียเหวินอยู่ และไม่ทันเห็นว่าจงเหยี่ยนเฉินเดินมาเอาลูกอมเม็ดโตเกือบเท่าลูกโยโย่ป้อนเข้าไป
ในตอนนั้นเธอตกใจกลัวจนแทบตาย
จวงเจียเหวิน “…
“ดูเหมือนว่าผมจะดวงแข็งที่เดียวที่ไม่ถูกพี่ทรมานจนตายไปเสียก่อน”
“ฉันรักแกต่างหาก”
“ผมไม่ต้องการความรักจากพี่หรอกนะ ผมคงทนไม่ได้หรอก”
หลินซินเหยียนดื่มซุปเข้าไปชามหนึ่ง ส่วนอย่างอื่นกินไม่ค่อยลง ทุกคนเหนดเหนื่อยหลังจากวันที่วุ่นวายเช่นนี้ หลังมื้อค่ำพวกเขาก็คุยกันสักพักในห้องนั่งเล่น พวกผู้หญิงพากัน
เก็บโต๊ะทำความสะอาด เนื่องจากไม่ได้ทำอาหารเองจึงเก็บง่ายกว่าเดิม
ประมาณสามทุ่ม ทุกคนจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน หลินซินเหยียนตั้งใจจะไปดูแลลูกชายคนโตของเธอ แต่จวงเจียเหวินบอกให้เธอพักผ่อน เรื่องดูแลจงเหยียนเฉินให้เป็น
หน้าที่เขาเอง
เนื่องจากสองพี่น้องทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นหลินซินเหยียนจึงปล่อยให้เขาดูแลไป ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้ว คงจะมีเรื่องอยากคุยกันมากมาย เธอตบไหล่
ลูกชายคนเล็กเมาๆ “อย่าไปรังแกพี่ชายล่ะ”
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะไม่เอาลูกอมยัดปากเขาแน่นอน” จวงเจียเหวินโบกมือ “แม่รีบไปนอนเถอะครับ”
“อืม”
หลินซินเหยียนกลับไปที่ห้อง ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนเปิดประตู เป็นข้อความจากไปยิ่นหนิงว่า “พรุ่งนี้ทานอาหารเที่ยงด้วยกันนะครับ ผมจะกลับไปตอนกลางคืน วันนี้
คุณเหนื่อยมาทั้งวัน เลยไม่ได้มีเวลาคุยกันสักคำ”
“ค่ะ”
หลินซินเหยียนตอบเพียงคำเดียว
“ที่จุ้ยเจียงพ่าน 11โมง”
“ค่ะ”
เธอเก็บโทรศัพท์มือถือลงแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง จงจิ่งห้าวอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาสวมชุดนอนผ้าไหมสีฟ้าแขนยาวยกผ้าห่มขึ้นกำลังจะเข้านอน
หลินซินเหยียนปิดประตูลงแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าเขา “คุณมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?”งฉัน