กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 1068 เห็นเป็นไข่มุกในฝ่ามือ
จงเหยียนซีไม่อยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจียงโม่หานอีก เธอกับซงเก้นจึงพาจวงจื่อจิ่นไปก่อน
เรื่องครั้งนี้เธอก็ไม่อยากจะซักถามอีก ที่สำคัญก็คืตัวเองมาในสถานที่นี้จึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ เธอก็ไม่ได้พักอยู่ที่นี่บ่อย ครั้งนี้จากไป ครั้งหน้าก็เกรงว่าจะไม่มาอีกแล้ว
แต่จวงเจียเหวินเห็นว่า นี่ไม่เพียงแค่แผนการหนึ่งเท่านั้น ยังคิดจะทำร้ายจงเหยียนชีจริงๆ ไม่ควรจะให้อภัย
คุณไม่สอบสวน คนอื่นยังจะคิดว่าน่ารังแก
ควรจะให้การสั่งสอน
ดังนั้นหลังจากที่จงเหยียนชีพาซงเก้นจากไปแล้ว เขายังอยู่ก่อน
เขาหาเจียงโม่หานไม่เจอ ก็หาคนจับหนานเฉิงไว้ เอาถุงผ้าป่านคลุมหัว ทุบตีไปครู่หนึ่ง
หนานเฉิงถูกตีจนเจ็บไม่น้อย
สัปดาห์หนึ่งก็ลงจากเตียงไม่ได้
สำหรับหลี่เสี้ยวหัย จวงเจียเหวินใช้เส้นสายของตัวเอง แย่งธุรกิจทั้งหมดของตระกูลพวกเขา นักธุรกิจที่ร่วมมือกับตระกูลพวกเขาเมื่อก่อนนี้ ก็ทยอยกันยกเลิกสัญญากับพว
เขาด้วย
เหตุผลที่ให้คือสินค้าที่ทำมาจากโรงงานตระกูลพวกเขาไม่ได้มาตรฐาน
แม้ว่าส่งมอบออกไปแล้ว ก็จะถูกใช้เหตุผลต่างๆตีกลับมา
สรุปคือการหาเรื่องทุกอย่าง ไม่ดีสักอย่าง
สินค้าที่ใช้ลงทุนมหาศาลทำอกมา ตนนี้ขายไม่อกแล้ว เก็บทุคืนไม่ได้ บริษัทก็ไม่สามารถหมุนวียนได้ตามปกติ บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายของการขาดห่วงโซ่
ทุน
นี่ยังไม่รวม
แผนที่จวงเจียเหวินคิดให้กับหลี่เสี้ยวหุ้ย
เพราะเรื่องที่ต้องการจะทำร้ายจงเหยียนซีไม่สำเร็จ หลี่เสี้ยวหุ้ยหงุดหงิดมาก ก็เลยไปดื่มเหล้าที่บาร์เหล้าคนเดียว ใครจะรู้ว่าถูกวางยาในเหล้า
ถูกคนถ่ายรูปโปไว้
ตอนที่บริษัทของตระกูลหลี่เกิดเรื่อง รูปโปของหลี่เสี้ยวหุ้ยในไนต์คลับก็ถูกเปิดเผยออกมา
ทำให้ตระกูลหลี่วุ่นวายโกลาหล เรื่องของหลี่เสี้ยวหุ้ยยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก
ที่เมืองC
จวงจื่อจิ๋นอายุมากแล้ว ได้รับบาดเจ็บที่หัวอีก จึงเชิญคุณหมอมาตรวจดู คุณหมอบอกว่าจวงจื่อจิ๋นอายุมากแล้ว ก็ให้พักรักษาตัวเงียบๆ มีอะไรที่อยากทำก็ให้เธอทำ อยากกิน
อะไรก็ให้เธอกิน
เมื่อถึงวัยที่กำหนด ไม่แน่ว่าวันไหนไม่ไหวแล้ว ว่าจะจากไปก็ไปเลย เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งความเสียใจไว้จะดีกว่า
เหมือนกับที่จงเหยียนซีพาจวงจื่อจิ่น ออกไปเช่นกัน ก็เพื่อไม่อยากให้เธอเสียใจ
เวลากลางคืนจงเหยียนซีก็เรียกทุกคนมาที่ห้องรับแขก
ซูจ้านล้อเลียนว่า”เรียกพวกเรามาด้วยกันทำไม? หรือว่ามีเรื่องใหญ่จะพูดกับพวกเรา? ตอนนี้จะพูดเรื่องใหญ่ เกรงว่าจะมีแต่เรื่องแต่งงานของคุณเท่านั้นแหละ”
กลัวแต่ว่าเธอได้โรคเกลียดการแต่งงาน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่เชื่อผู้ชาย ไม่เชื่อการแต่งงาน ไม่เชื่อความรัก
เดิมที่จงเหยียนซียังไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร เธอในตอนนี้ไม่ใช่วัยรุ่นที่มีความกล้าและเด็ดขาดคนนั้นอีกแล้ว
ตอนนั้นตอนที่เธอพาเจียงม่หานมาตรงหน้าจวงจิ่งห้าวกับหลินชินเหยียน ไม่ใช่ท่าทางอ้ำอึ้งเหมือนตอนนี้
พูดกับพ่อแม่คำแรกก็คือ”ฉันกับเจียงม่หานจะแต่งงาน นอกจากเขาจะไม่แต่งกับใคร”
ซงเก้นกับบ้านนี้ก็ถือว่าสนิทกันเหมือนกัน เวลานี้ยืนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ไม่รู้สึกแปลกหน้า
เขารู้ว่าคนที่ต้องการความดูแลในตอนนี้ก็คือจงเหยียนซี เขาขยับเข้าไปข้างกายจงเหยียนชี
กุมมือเธอไว้
ฝ่ามือของเขาอบอุ่นมาก ฝ่ามือที่หนาใหญ่กุมมือเธอไว้จนหมด
จงเหยี่ยนซีงยหน้ามองเขา แต่ซงก้นไม่ได้เอียงข้างมาดู สายตามองไปที่คนทุกคนที่อยู่ในบ้าน สิ่งที่มีให้เธอมีเพียงคางของโครงหน้าใสสะอาดเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่พูดสักคำ ทุกคนเห็นภายนี้ก็คาดเดาได้แล้วเหมือนกัน
“ซงเก้น. “ซูจ้านมองซงเก้นแล้วก็มองจงเหยียนซี”นี่พวกคุณ……”
“ใช่ครับ ผมกับเหยนซีตัดสินใจจะอยู่ด้วยกัน”เขามองไปที่จงจิ่งห้าวด้วยสายตาเคร่งขรึม จริงจังและถ่อมตน”ผมอยากจะขอลูกสาวของท่านเหยียนซีเป็นภรรยา หวังว่าท่านจะ
ตกลง”
ที่เมืองไทยพักเป็นเพื่อนบ้านอยู่ไม่ไกลจากซงเก้น รู้นิสัยของเขาดี ตอนแรกเขาอยากจะให้ลูกสาวไปทำงานที่บริษัทของซงก้น ในใจก็มีบ้างที่อยากจะให้พวกเขาพบเจอกัน
เกี่ยวกับลักษณะนิสัยของซงเก้น เขาค่อนข้างจะเชื่อใจ
เชื่อได้ส่วนเชื่อได้ แต่จงเหยียนชีเคยเสียใจมาครั้งหนึ่งแล้ว แม้ว่าเขาจะชอบซงก้น แต่ก็ไม่ตอบตกลงอย่างง่ายๆ
เขาค่อยๆเอนกายไปพิงข้างหลัง ท่าทางเคร่งขรึมมาก “นี่คุณคิดไตร่ตรองดีแล้วใช่ไหม? ” อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ th.readeraz.com
“ใช่ครับ” ซงเก้นตอบอย่างไม่ลั่งเล
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจว่าจงจิ่งห้าวหมายถึงอะไร ทั้งๆที่เขาเองก็ชอบซงเก้น ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีที่ทำให้ไม่เข้าใจเช่นนี้
เธอไม่ได้พูดแทรกขึ้น แต่ว่าเอื้อมมือไปกุมมือจงจิ่งห้าวไว้ ใช้สายตาสอบถามเขาว่าหมายความว่าอย่างไร
จงจิ่งห้าวไม่ได้อธิบาย แต่ตบไปที่มือของเธอเบาๆ ให้เธอใจเย็นอย่ากังวล ครู่หนึ่งค่อยว่ากัน
หลินซินเหยียนเงียบลง และก็ไม่ได้วิจารณ์ใดๆอีก ให้จงจิ่งห้าวเป็นคนพูด
“ผมมีลูกสามคน แต่มีลูกสาวเพียงคนเดียว ตั้งแต่เล็กจนโต ผมเห็นเป็นไข่มุกในฝ่ามือ หวงแหนจนโต อยู่ในบ้านไม่เคยทำให้เสียใจ แน่นอนว่า คนกว่าจะเติบโต จะต้องมีแลก
เปลี่ยนด้วยอะไรบางอย่าง แต่ว่ามีประสบการณ์บางอย่าง บางที่อาจจะมีครั้งเดียว”แววตาจงจิ่งห้าวหนักแน่น แฝงไปด้วยความคมกริบที่ไม่ง่ายต่อการพบเห็น
“ผมรู้” ซงเก้นเข้าใจว่าคำพูดสุดท้ายของจงจิ่งห้าวหมายถึงเรื่องแต่งงานของจงเหยียนซีครั้งก่อน
เขาไม่ได้ท้อถอย แต่สบตากับสายตาของจงงห้าว แล้วกล่าวว่า”งานแต่งของพ่อแม่ผมมีความสุขมาก และก็เป็นความใฝ่ฝันของผม แต่พวกเขาจากไปเร็ว ในใจผมมีความว่าง
เปล่าอยู่เสมอ เหยียนซีทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีครอบครัว ผมอยากจะอยู่กับเธอ และอยากจะเหมือนกับชีวิตคู่ของท่านด้วย”