กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 127 ทำเรื่องเลวร้ายเกินให้อภัย
บ้านตระกูลเหอ
เหอรุ่ยหลินกลิ่งตัวไปมาอยู่บนเตียง นอนไม่หลับ เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์เป็นพักๆ เดี๋ยวก็มองอีกๆ แต่ก็ยังไม่มีสายเรียกเข้าหรือว่าข้อความเข้ามาเสียที
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นมานั่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา คิดไปคิดมาแล้วก็ทนไม่ได้จึงกดโทรออก
เธอกำโทรศัพท์และมือสั่นไม่หยุด ทั้งประหม่าและตื่นเต้น
วันนั้นเธอติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องรับรองซึ่งไม่มีใครรู้แม้แต่เหอรุ่ยเจ๋อ
ตอนนี้สิ่งนี้คือจุดอ่อนเดียวที่เธอจะเอามาขู่จงจิ่งห้าวได้
ถ้าหากแคร์หลินซินเหยียนก็คงไม่สามารถทนดูหลินซินเหยียนถูกถอดเสื้อผ้าและกลายเป็นคลิปโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ตแบบนั้นได้
จงจิ่งห้าวจ้องไปที่โทรศัพท์ ใช้นิ้วถูหน้าจอและเมื่อกำลังจะตัดการเชื่อมต่อ เขาก็กดปุ่มตอบรับ
“อะห้าว” เหอรุ่ยหลินพูดขึ้นด้วยความดีใจ
เธอคิดว่าจงจิ่งห้าวจะไม่รับสายเธอแล้ว
จงจิ่งห้าวไม่ตอบสนองใดๆ อารมณ์ของเธอไม่สามารถกระตุ้นอารมณ์ของเขาได้เลย
เหอรุ่ยหลินค่อยๆ เงียบลงไป มือของเธอจับผ้าห่มกำแน่นและคลายออกซ้ำ ๆ หลายครั้งก่อนที่เธอจะพูด “คุณได้รับคลิปวิดีโอแล้วใช่ไหม? เยี่ยมใช่ไหม?”
จงจิ่งห้าวหรี่ตาลงและพายุทั้งหมดก็เงียบ
“เรามาเจอกันดีกว่า ฉันจองห้องไว้ที่โรงแรมซ่างหวงฉันจะรอคุณอยู่ที่ห้องเบอร์ 108 คุณจะไม่มาก็ได้ แต่ฉันรับรองได้ว่าคลิปที่หลินซินเหยียนถูกถอดเสื้อผ้าจะกระจายว่อนอินเทอร์เน็ต ตกเป็นเป้าลามกอนาจารของผู้ชายทุกหัวระแหง”
พูดจบเธอก็วางสายและใจเต้นตุบๆ ไม่หยุด
เธอประหม่ามาก
แต่เมื่อคิดว่าอยากจะเจอเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมาก
เธอลุกขึ้นจากเตียงใหญ่รกๆ วิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าด้วยเท้าเปล่า และเริ่มมองหาเสื้อผ้าที่จะใส่ในคืนนี้
กระโปรงและชุดสูทราคาแพงเต็มตู้ ตอนนี้ไม่มีชุดไหนที่เหมาะกับเธอเลย และไม่มีความรู้สึกว่ามันสวยพอ
แต่จะไปซื้อตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว จึงทำได้เพียงหยิบพวกมันออกมาแล้วลองทีละชุด
เธอดูตื่นเต้นในตอนนี้ ราวกับเด็กสาวที่กำลังมีความรัก เพราะเธอต้องการพบชายที่เธอชื่นชมมานาน อยากสวยขึ้น และนำเสนอรูปลักษณ์ที่สวยงามที่สุดของเธอต่อหน้าเขา
ทำให้เขาทึ่งและทำให้เขาตกหลุมรักตัวเอง
เธอเฝ้าปรารถนาว่าจงจิ่งห้าวจะรักเธอ
หลินซินเหยียนออกมาจากห้องน้ำแล้ว ป้าหยูทักเธออย่างกระตือรือร้นด้วยสีหน้าแบบฉันรู้นะว่าเมื่อกี้พวกเธอไปทำอะไรกันน่ะ แบบนั้น
หลินซินเหยียนก้มหน้าด้วยความเขินอายแล้วแก้ตัว “ฉันไปดูเสี่ยวซีค่ะ”
พูดจบก็เดินเข้าห้องไป
เธอทนไม่ได้กับสายตาที่ร้อนแรงแบบนั้นของป้าหยู
“ได้เวลากินข้าวแล้วนะ” ป้าหยูเรียกเธอ
หลินซินเหยียนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินเข้าห้องไป
ถึงเวลากินข้าวเธอจึงเดินออกมา
มี‘แด๊ดดี้’แล้ว แม้แต่หลินซินเหยียนเธอก็ไม่ต้องการแล้ว ตอนกินข้าว ตัวเองเป็นคนวิ่งไปนั่งข้างจงจิ่งห้าว “หนูจะนั่งกับแด๊ดดี้ค่ะ”
จวงจื่อจิ่นเข้าไปอุ้มเธอ “หนูนั่งกับยายนะจ๊ะ”
เธอกลัวว่านานไป ยัยเด็กน้อยจะยิ่งแยกกับจงจิ่งห้าว
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ที่สุดแล้วจงจิ่งห้าวไม่ใช่พ่อของเธอ
“ไม่เอา หนูจะนั่งกับแด๊ดดี้” พูดแล้วเธอก็เธอจับแขนของจงจิ่งห้าวและกอดไว้แน่น
ใครก็มาพรากเธอไปจากพ่อไม่ได้
“เสี่ยวลุ่ย…”
“ให้เธอนั่งกับผมเถอะครับ” จงจิ่งห้าวพูดอย่างเรียบเฉย
จวงจื่อจิ่นลังเลครู่หนึ่ง “เด็กคนนี้ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว คุณอย่าถือสาเลยนะคะ”
“ผมไม่ถือ” จงจิ่งห้าวให้เธอนั่ง “อยู่ที่นี่ไม่ต้องเกรงใจ ทำตัวเหมือนอยู่บ้าน เรื่องก่อนหน้าที่หย่ากับหลินซินเหยียน คงทำให้คุณไม่พอใจใช่ไหมครับ?”
จวงจื่อจิ่นมีทัศนคติแบบกลางๆ ต่อเขาอยู่แล้ว เรื่องนี้จงจิ่งห้าวก็รู้สึกได้
จวงจื่อจิ่นไม่ได้ปิดบัง ทุกคนรู้ดี “คุณกับเหยียนเหยียนหย่ากันแล้ว ตามหลักแล้ว ก็ไม่ควรจะมารบกวนคุณอีก…”
“เกี่ยวกับเรื่องหย่า ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด” จงจิ่งห้าวไม่ได้รีบร้อนที่จะอธิบาย เขาเปิดปากโดยไม่รีบร้อนใด ๆ “ผมกับ…”
สายตาเขามองไปทางหลินซินเหยียน “ผมกับหลินซินเหยียนไม่ได้จดทะเบียนกัน ดังนั้นจึงยังไม่ได้ถือว่าหย่า”
“อะไรนะ?” จวงจื่อจิ่นหันไปมองลูกสาวด้วยความประหลาดใจแล้วถาม “จริงหรือเปล่า?”
หลินซินเหยียนพยักหน้าอย่างจริงใจ
จวงจื่อจิ่นรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ เธอเข้าใจมาตลอดว่าหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว
“ดังนั้น ในนามเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่” ข้อความนัยกำลังบอกจวงจื่อจิ่นว่ามันถูกต้อง สมเหตุสมผล และถูกกฎหมายสำหรับหลินซินเหยียนที่จะอยู่ที่นี่ตอนนี้
“หยู คืนนี้ป้าจัดการให้ด้วย ผมจะธุระต้องออกไปข้างนอก” หมายความว่าเขาจะไม่อยู่กินข้าวเย็นที่บ้าน เพียงแค่ไม่อยากจะให้จวงจื่อจิ่นอยู่ที่บ้านนี้อย่างร้อนใจ ดังนั้นจึงได้บอกเธอเรื่องนี้
“คุณไม่อยู่กินข้าวเหรอคะ?” หลินซินเหยียนเป็นคนถาม สามเสร็จเธอก็รู้สึกเสียใจภายหลังเห็นชัดๆ ว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง
เขายิ้มเล็กน้อยและตอบรับ อือ เบาๆ “มีธุระต้องจัดการ เธออยู่ห้องเดิมที่เธอเคยอยู่ เสี่ยวซีอยู่ในนั้นพอดี แบบนี้เธอจะได้ดูแลเขาได้สะดวก”
เขาจัดการได้ดีมาก หลินซินเหยียนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอพยักหน้าแล้วพูดอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะ”
“เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ต้องเกรงใจฉันขนาดนั้นหรอก” คำพูดที่พูดออกมานั้น เขาเน้นน้ำเสียง เหมือนกับการพูดกับหลินซินเหยียนก็เท่ากับการพูดกับจวงจื่อจิ่น ให้พวกเธอเข้าใจว่าตอนนี้เขากับหลินซินเหยียนเป็นอะไรกัน
จงจิ่งห้าวลุกขึ้น หลินลุ่ยซีกอดแขนของเขาไม่ปล่อย “แด๊ดดี้จะไปไหนคะ หนูไปด้วยได้ไหม?”
เธอกะพริบตาและแหงนหน้า
จงจิ่งห้าวบีบจมูกเล็กๆ ของเธอและปฏิเสธ “ไม่ได้จ้ะ”
“ทำไมคะ?” หลินลุ่ยซีถามด้วยความผิดหวัง เธออยากไปกับพ่อด้วย
หากเขาออกไปแล้วไม่กลับมาอีกจะทำยังไง?
แบบนั้นเธอก็ไม่มีพ่อแล้วสิ
ไม่ได้ เธอจะปล่อยพ่อไปง่ายๆ ไม่ได้
จงจิ่งห้าวเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน “หนูอยากให้ฉันชอบหนูไหม?”
หลินลุ่ยซีพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “อยากค่ะ”
“อย่างนั้นก็ต้องเชื่อฟังที่ฉันพูด ฉันถึงจะชอบหนู ถูกไหมจ๊ะ?”
“ถูกค่ะ”
“ดังนั้นตอนนี้หนูต้องเป็นเด็กดีและรอฉันอยู่ที่บ้าน”
หลินลุ่ยซีไม่เต็มใจอยู่บ้างแต่ก็ยังพยักหน้า “ได้ค่ะ งั้นแด๊ดดี้ก็กลับเร็วหน่อยนะคะ”
หากเธอไม่เชื่อฟัง เธอกลัวว่าพ่อจะไม่ชอบเธอ
จงจิ่งห้าวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่ถูกหลินลุ่ยซีทำเปียกไปทั้งตัวแล้วตอนที่ไปล้างหน้าในห้องน้ำมันเหนอะหนะไม่สบายตัว
เขาสวมสูทสีดำทั้งตัว และทำผมดูกระฉับกระเฉง ภายใต้แสงไฟ เขาเป็นคนกล้าหาญ หล่อเหลา และสะดุดตามาก
เพียงแต่ด้วยท่าทางเย็นชาของเขาทำให้รู้สึกไม่น่าเข้าใกล้
หลินลุ่ยซีตกตะลึงเมื่อเห็นชายคนนั้นเดินลงบันไดมา
จวงจื่อจิ่นป้อนข้าวเธอ แต่เธอลืมที่จะอ้าปาก และเธอก็จ้องไปที่เขาด้วยดวงตาที่มีเป็นประกาย
“เสี่ยวลุ่ย” จวงจื่อจิ่นเตือนเธอ
หลินลุ่ยซีที่ได้สติแล้วอุทานออกมา “แด๊ดดี้หล่อจัง”
พ่อของเธอหล่อที่สุด
จวงจื่อจิ่นเรียกได้ว่าตกใจกลัวกับเด็กคนนี้มาก ตัวแค่นี้ก็กลายเป็นพวกบ้าผู้ชายแล้ว?
จงจิ่งห้าวเดินไปที่ทางเข้า หลินลุ่ยซีก็เลื่อนเก้าอี้และวิ่งไปยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามองที่เขาและถาม “แด๊ดดี้คะ แด๊ดดี้จะกลับมาไหมคะ? จะทิ้งพวกเราไปไหม ไม่ต้องการพวกเราแล้วรึเปล่า?”
เพราะหลินซีเฉินบอกเธอว่าพ่อไม่ต้องการพวกเธอแล้ว เธอกลัว พ่อเดินออกจากประตูนี้ไปแล้วจะไม่กลับมาอีก ทิ้งเธอและพี่ชายและแม่เธออีกครั้ง
ขอบตาเธอแดงน้ำเสียงแหบพร่า “อย่าทิ้งพวกเรานะ”
เธอกลัว กลัวที่สุด
เธอไม่อยากจากแด๊ดดี้ไป
เมื่อสบตาเล็กๆ ที่ไม่สบายใจของเธอจงจิ่งห้าวเดินไปแตะหัวเธอแล้วพูดอย่างหนักแน่น “ไม่ทิ้งหรอก”ตอนที่
เด็กน้อยดีใจและยิ้มแฉ่ง “จุ๊บๆ”
เธอเขย่งเท้าและเหยียดมือออกเพื่อโอบกอดเขาเพื่อหอม
จงจิ่งห้าวให้ความร่วมมือด้วยการก้มตัวลง และหลินลุ่ยซีกอดคอและหอมเขา น้ำลายสัมผัสใบหน้าของเขา และเมล็ดข้าวที่เธอไม่ได้กลืนเข้าไป
จงจิ่งห้าว “…”
เขาคิดในใจว่าชาติที่แล้วเขาต้องทำเรื่องที่มันร้ายแรงเกินให้อภัยมาแน่นอน ดังนั้นในชาตินี้พระเจ้าจึงได้ส่งหลินซินเหยียนมาอยู่ข้างกายเขาพร้อมกับเด็กผีสองคนนี้ เพื่อลงโทษเขาโดยเฉพาะ