กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 145 ความลับในตัวเธอ
“อืม?”
ไอรอนทำปากหมู “อย่าบอกนะว่า เธอไม่รู้”
หลินเซียนเหยียนไม่รู้จริงๆ จนกระทั่งเห็นผู้คนในงาน หลินเซียนเหยียนถึงรู้ว่าเป็นใคร
ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวน
“นี่ใครเป็นคนออกแบบ?” ซูจ้านยืนอยู่ตรงหน้ากระโปรงยาวชิ้นหนึ่ง อันที่จริงมีชื่อเขียนไว้ชัดเจน แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น และถามฉินยา
“ฉัน” ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าบุคคลนี้ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยนักแต่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังและล่วงเกินไม่ได้ เธอคงด่าไปตั้งนานแล้ว เป็นผู้ชายเต็มร้อยคนหนึ่ง กำลังดูเสื้อผ้าผู้หญิง ก็ช่างมัน แต่นี่มาถามซักไซ้อยู่นั่นแหละ
“โอ้” ซูจ้านพูดออกมา และจงใจลากเสียงยาวออกมา ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก ฉินยาอดทน “คุณมีคำถามอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีเชิญคุณชมไปก่อน ฉันยุ่งมาก”
“มี” ซูจ้านหยิบสายเดี่ยวเส้นเล็กๆของกระโปรงขึ้นมา “อะไรคือแรงบันดาลใจในการออกแบบของคุณ? ทำไมสายเดี่ยวนี้ถึงเส้นเล็กขนาดนี้ เพื่อให้ถอดง่าย หรือเพื่อโชว์เนื้อหนัง?”
ฉินยาหน้าแดงทันที และจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
พูดอย่างเย็นชา คุณมาเพื่อก่อกวนสถานที่ใช่ไหม!”
“ไม่ ไม่ ผมแค่อยากรู้” ซูจ้านยิ้มกว้าง
“ก่อกวนสถานที่ ผมคงไม่ใช่คนที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป?”
นี่คือสถานที่ของหลินเซียนเหยียน
หลินเซียนเหยียนคือใคร?
ตอนนี้เป็นคนสำคัญของจงจิ่งห้าว เขาไม่มีความกล้าเช่นนั้น
“ถ้าคุณชอบก็ซื้อไปได้ ฉันขอบอกอีกครั้ง ที่มาของแรงบันดาลใจ เป็นไรเหรอ?”
“ผมไม่มีแฟน ผมจะซื้อไปทำไม?” ซูจ้านทำหน้ามุ่ย
ฉินยายิ้ม และมีรักยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้างของเธอ ดูน่ารัก “ถ้าคุณสนใจ สามารถใส่เองได้”
ซูจ้าน “……”
พัฟ!
เสิ่นเผยซวนที่อยู่ข้างๆกลั้นไม่อยู่ และหัวเราะออกมา
“อันนี้ได้ ให้เขาสวมเองฉันขอบอกคุณ ผู้ชายคนนี้มีความชอบแบบนี้เป็นพิเศษ” เสิ่นเผยซวน ได้โอกาสประชดเขา
ซูจ้านจ้องมองเขา “ถ้านายไม่พูดอะไรมันจะตายเหรอ?”
“……นายกำลังมองอะไร”
เสิ่นเผยซวนสังเกตเห็นใบหน้าของซูจ้านเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เขามองตามสายตาของซูจ้าน และเห็นยู่ซิ่วเดินเข้ามาข้างใน
ในฐานะเพื่อนซี้ของจงจิ่งห้าว ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนต่างก็รู้จักยู่ซิ่วคุณผู้หญิงท่านนี้ แม่เลี้ยงของจงจิ่งห้าว
เพราะผู้หญิงคนนี้ จงจิ่งห้าวต้องย้ายออกจากบ้าน และอาศัยอยู่ข้างนอกคนเดียว
เพราะเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างจงจิ่งห้าวและ จงฉีเฟิงก็ตึงเครียดมาก
แน่นอนจะไม่มีความรู้สึกดีๆให้เธอ
นี่เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าวเท่านนั้น
โดยความคิดส่วนตัวแล้ว แม้ว่ายู่ซิ่วจะเป็นมือที่สาม แต่ไม่มีชุดที่หรูหราฉูดฉาดเหล่านั้นในตัวเธอ ทำให้คนอื่นรับรู้ถึงความอ่อนโยน สงบสุข และไม่เคร่งครัด
“เธอมาทำไม?” ซูจ้านเหล่มอง
เสิ่นเผยซวนไม่แสดงความคิดเห็น แต่ในใจรู้สึกว่าเธอมาที่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ยู่ซิ่วสุขภาพไม่ดี สีหน้าซีดเซียว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นเห็นจึงแต่งหน้าบางๆ
ฉินยาเดินมาต้อนรับแขก “สวัสดีค่ะ”
“ฉันมาหา……”
ในเวลานี้หลินเซียนเหยียนได้เดินมาทางนี้ ครั้งที่แล้วที่เจอกัน เธอบอกว่าเปิดร้านวันไหนให้เชิญเธอด้วย หลินเซียนเหยียนจึงได้แจกการ์ดเชิญ ไม่นึกว่าเธอจะมาเร็วขนาดนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่กำหนด
“คุณมาแล้วเหรอ” หลินเซียนเหยียนทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน” เธอไม่ได้คิดว่าจะอยู่นานๆ เธอจงใจมาแต่เช้า เพราะกลัวจะได้พบจงจิ่งห้าว เพราะถ้ารู้ว่าเธอมาที่นี่ เกรงว่าเขาจะไม่พอใจ
“ฉันขอนั่งคุยกับคุณแค่สองคนได้ไหม?”
ยังมีเวลา หลินเซียนเหยียนเลยตอบตกลง “ได้ค่ะ คุณตามฉันมาทางนี้ค่ะ”
หลินเซียนเหยียนเดินนำทาง
ยู่ซิ่วจงใจเดินช้าๆ มองดูแผ่นหลังของหลินเซียนเหยียน เธอดูผอมเพรียว สวมชุดสีชมพูดูงดงามมาก
ไม่มีรูปร่างบวมเหมือนคนที่เคยมีลูกเลย ดูเด็กมาก
เธอคิดในใจว่า ลูกชายของเธอเก่ง และลูกสะใภ้คนนี้ก็ไม่ด้อย
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าเธอได้ให้กำเนิดลูกแฝดให้กับลูกชายแล้ว ก็ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก
แม้ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอยังไม่ออกมา แต่เธอก็รู้ว่า นั่นเป็นลูกของจงจิ่งห้าวแน่นอน
หลินเซียนเหยียนผลักประตูห้องรับรอง หันกลับมาพูดกับยู่ซิ่ว”ที่นี่เงียบสงบมาก”
“โอเค” ยู่ซิ่วเดินเข้าไป และนั่งลงบนโซฟา
หลินเซียนเหยียนเทน้ำหนึ่งแก้ววางตรงหน้าเธอ แล้วนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับเธอ
ไม่ว่ายู่ซิ่วจะมองยังไง ก็รู้สึกว่าเธอสวยมาก
หลินเซียนเหยียนถูกเธอจ้องมองจนรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับ เธอจึงเริ่มพูดก่อน
“ช่วงนี้คุณสบายดีไหม? ฉันดูสีหน้าคุณไม่สู้ดีนัก”
ยู่ซิ่วตั้งสติได้ พูดปิดบัง “เป็นหวัดเล็กน้อย”
เธอยกน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม เพื่อปกปิดอาการเหม่อลอยของเธอเมื่อสักครู่
ขณะที่วางแก้วน้ำ เธอพูดว่า “เรื่องที่ฉันมาที่นี่ คุณไม่ต้องบอกจงจิ่งห้าว”
หลินเซียนเหยียนยิ้มและพูดว่า “ตกลงค่ะ ฉันจะทำตามที่บอก”
“ฉันเชื่อใจคุณ” มีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำที่จะพูดกับเธอ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน เธอหยิบกล่องไม้ออกจากกระเป๋า แล้วยื่นไปตรงหน้าหลินเซียนเหยียน “อันนี้ ให้คุณ”
หลินเซียนเหยียนไม่เต็มใจรับ และผลักกลับไป “อันนี้ฉันรับไว้ไม่ได้”
เพราะยังไงพวกเขาไม่ได้สนิทกัน
อีกอย่างสถานะของเธอ ถ้าจงจิ่งห้าวรู้ว่าพวกเธอติดต่อกัน เกรงว่าเขาจะไม่พอใจ
“คุณยังไม่ได้ดูเลย ก็จะปฏิเสธฉันเหรอ?” ยู่ซิ่วมองมาที่เธอ “คุณกลัวว่าถ้าจงจิ่งห้าวรู้จะไม่พอใจเหรอ?”
หลินเซียนเหยียนเม้มริมฝีปาก เธอพูดถูก
แต่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นี่เป็นการพบกันครั้งที่สองเอง ไม่สมควรรับของขวัญ เพราะพวกเธอยังไม่สนิทกันถึงขั้นนั้น
และก็จะไม่ให้มันสนิทมากเกินไป
เพราะยังไงสถานะของพวกเธอก็รู้ๆกันอยู่
“ฉันต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเขา” หลินเซียนเหยียนจงใจเอาจงจิ่งห้าวเป็นเกราะกันบัง
อันที่จริงมันก็ไม่เป็นความจริงทั้งหมด ถ้ายู่ซิ่วกับจงจิ่งห้าวไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนั้น เธอคงจะไม่ปฏิเสธผู้หญิงคนนี้
เธอเป็นเหมือนน้ำ อ่อนโยนสง่างามและสงบ
ยู่ซิ่วเสียใจ แต่มีความสุข
เสียใจที่หลินเซียนเหยียนไม่ยอมรับความเมตตาของเธอ และมีความสุขที่เธอคิดแทนจงจิ่งห้าว
“ความสัมพันธ์ของพวกเราเธอไม่ต้องคิดให้มันซับซ้อนเกินไป เธอคือเธอ ฉันคือฉัน ไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด วันนี้คุณเปิดร้านเป็นวันแรก ฉันต้องแสดงน้ำใจเล็กน้อย ต่อให้เป็นเพื่อน ฉันก็ไม่ยอมมามือเปล่า” เธอยื่นกล่อง “ลองเปิดดูสิ”
“นี่มันคงไม่เหมาะสม……”
“เปิดดูสิ” ยู่ซิ่วพูดต่อ ราวกับว่าถ้าหลินเซียนเหยียนปฏิเสธ เธอก็จะรักษาท่วงท่านี้ จนกว่าเธอจะยอมรับไว้
หลินเซียนเหยียนจำใจต้องยื่นมือมาเปิดกล่อง กำไรข้อมือหยกสีเขียวมรกตวางอยู่ในกล่องผ้า ไม่มีสิ่งเจือปน สีสันหรูหรา ในแวบแรกก็รู้ว่ามีค่ามาก
หลินเซียนเหยียนยิ่งลังเลที่จะรับไว้ “ของล้ำค่าขนาดนี้ ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ”
เธอหมายความว่าไง?
ให้ของล้ำค่าแก่เธอ เป็นไปได้ไหมที่จะติดสินบนเธอ?
หลินเซียนเหยียนแอบคิดในใจ
“ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถรับไว้ได้ คุณเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจง ดังนั้นตามหลักแล้วต้องรับไว้ได้”
หลินเซียนเหยียน “……”
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์ของเธอกับจงจิ่งห้าวเป็นแบบไหนกันแน่ สามีภรรยา? คู่รัก? เพื่อน? ไม่มีใครสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ จงจิ่งห้าวได้
ยู่ซิ่วหยิบกำไรข้อมือหยกออกมาสวมเข้าในมือหลินเซียนเหยียน หลินเซียนเหยียนรีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่ถูกยู่ซิ่วจับไว้ เธอจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “อย่าปฏิเสธฉัน”
สำเนียงของเธอเหมือนแกมบังคับ ราวกับว่าเธอกำลังอดทนกับบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้
หลินเซียนเหยียนตกตะลึงครู่หนึ่ง “แต่ว่า……”
“ฉันชอบคุณมาก” ยู่ซิ่วจับมือไว้แน่น “ในอนาคตหากมีโอกาส ฉันอยากเล่าเรื่องให้เธอฟัง”
หลินเซียนเหยียนเห็นความเศร้าในดวงตาของเธอ หยุดการกระทำที่ดิ้นรนของเธอ ยู่ซิ่วสวมกำไลหยกเข้าที่ข้อมือของเธอ “นี่คือ แม่ยายเป็นคนให้ฉัน แล้วตอนนี้ฉันจะให้คุณ”
แม่ยายของเธอ?
นั่นใช่ย่าของจงจิ่งห้าวใช่หรือไม่?
แต่ว่า เธอเป็นมือที่สามไม่ใช่หรือ?
หลินเซียนเหยียนรู้สึกสับสน
“วันนี้คุณน่าจะยุ่งมาก ฉันควรไปแล้ว” ขณะที่พูดเธอก็ยืนขึ้น หลินเซียนเหยียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ฉันไปส่งคุณ”
“โอเค” ยู่ซิ่วดีใจ
หลินเซียนเหยียนรู้สึกไม่สบายใจ ของสิ่งนี้เธอรับไว้ก็ละอายใจ
รอมีโอกาสค่อยคืนให้กับเธอ
รถของยู่ซิ่วก็จอดอยู่ข้างถนน หลินเซียนเหยียนช่วยเธอเปิดประตูรถ ยู่ซิ่วก้มตัวเข้าไปในรถ นั่งอยู่ในรถ เธอลดกระจกรถลงและมองหลินเซียนเหยียนด้วยรอยยิ้ม และชมว่า “วันนี้คุณสวยมาก”
หลินเซียนเหยียนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ”
ยู่ซิ่วให้เธอเข้าไป แล้วเลื่อนหน้าต่างขึ้น และพูดกับคนขับว่า “ไปกันเถอะ”
หลินเซียนเหยียนยืนอยู่ข้างถนน มองดูรถที่กำลังขับออกไป และหรี่ตาลง เธอไม่ได้สนิทกับยู่ซิ่วเจอกันไม่กี่ครั้ง และก็ไม่ได้ติดต่อกัน
แต่เธอรู้สึกได้ว่าเธอไม่ใช่คนเลว
ในดวงตาของเธอ มีเรื่องราวหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
เก็บกดความรู้สึกแบบนั้น……
หลินเซียนเหยียนไม่รู้จะหาคำอธิบายอย่างไง
เธอคิดว่ายู่ซิ่วต้องมีความลับบางอย่างซ่อนไว้
เธอคิดจนเหม่อลอย ไม่รู้ว่าสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากเธอ มีรถสีดำจอดอยู่ข้างถนน
ชายสวมชุดสูทเข้ารูปที่สั่งตัดป็นพิเศษ มีเนื้อผ้าเรียบ ไร้รอยย่น ทำให้เขาดูเรียวยาว สูงศักดิ์ ท้องถนนเต็มไปด้วยแสงแดด และอากาศก็ไม่ได้ร้อนแล้ว แดดแบบนี้จะไม่ทำให้แสบตา และไม่รู้สึกว่าร้อน เย็นสบายพอดี
สายตาของเขาจ้องมองไปที่ปกคลุมด้วยแสง ตรงร่างกายที่บอบบางและผิวพรรณที่ละเอียดอ่อน