กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 147 อยากรู้ไหมว่าคืนนั้นเป็นใคร
รูม่านตาของหลินเซียนเหยียนหดลงอย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงความคมของมีด ดูเหมือนเธอจะนึกถึงความเจ็บปวดเวลาที่ใบมีดที่แหลมคมทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของเธอ……
ระยะใกล้มาก ทำให้เธอตื่นเต้นจนลืมโต้ตอบ
ในช่วงเวลาที่อันตราย ก็มีเงาสีดำพุ่งเข้ามาหาเธอ ดึงแขนของเธออย่างแรง ร่างกายของเธอก็กระแทกเข้ากับหน้าอกที่แข็งและอบอุ่น และหมุนตัวไปมา และเธอก็หมุนไปอีกทิศทางหนึ่ง
ได้ยินแต่เสียงเคร่งขรึม “หาที่ตายเหรอ!” และเห็นร่างของเสิ่นซิ่วฉิ่งเหมือนรูปพาราโบลา พันกันขดลงต่ำ กระแทกขาโต๊ะอย่างจัง ทำให้สะเทือนถึงไวน์ที่อยู่บนโต๊ะ หล่นลงมาและสาดลงบนพื้น
ดวงตาของจงจิ่งห้าวคมลึก “เธอเข้ามาได้อย่างไร?”
ฉินยารีบอธิบาย “เมื่อวานฉันเพิ่งจ้างเธอมาทำความสะอาด”
เมื่อสักครู่เธอก็ตกใจจนอึ้ง ไม่คาดคิดว่าแค่คนทำความสะอาดจะกล้าลอบสังหาร
หลินเซียนเหยียนตั้งสติได้ และออกจากอ้อมกอดของจงจิ่งห้าว และจัดการกับเรื่องราวต่อไปอย่างใจเย็น เธอเรียกรปภ. และให้คนพาเสิ่นซิ่วฉิงออกไปก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าเธอปรากฏตัวที่นี่อย่างไร ค่อยตรวจสอบภายหลัง
“เสี่ยวยาเธอไปเรียกคนมาสองคน มาทำความสะอาดพื้น”
“ค่ะ”
“ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้นี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ทำให้ทุกคนตกใจ” หลังจากจัดการเรียบร้อยเธอก็ดึงจงจิ่งห้าวเดินไปที่ห้องรับรอง
เหอรุ่ยหลินยืนอยู่รอบนอก จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเย็นชา
น่าเสียดายที่ไม่ได้แทงหลินเซียนเหยียนจนตาย
แต่ว่า……
ดวงตาของเธอดูเหมือนจะมีพิษ
จงจิ่งห้าวเดินตามเธอไปที่ห้องรับรอง
“ฉันดูที่แขนของคุณหน่อยซิ” หลินเซียนเหยียนมองดูแขนซ้ายของเขา เธอเห็นตอนที่เขาเตะเสิ่นซิ่วฉิงออกไปนั้น มีดคมในมือของเสินซิ่วฉิงก็กีดที่แขนของเขา
โชคดีที่ไม่บาดเจ็บ น่าจะเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของเขาว่องไว เลยหลบทัน
ดีมาก ดีมาก
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
“คุณเป็นห่วงฉันเหรอ” สีหน้าของเขาหวั่นไหวเล็กน้อย
“ฉันไม่ต้องการให้คุณได้รับบาดเจ็บเพราะฉัน” หลินเซียนเหยียนหรี่ตาลง
เธอคิดว่าภัยพิบัติในวันนี้เธอคงหนีไม่พ้นแน่นอน
โดยไม่คาดคิด จงจิ่งห้าวจะปรากฏตัวทันเวลาพอดี และดึงเธอไว้ในอ้อมกอดของเขา
ถ้าบอกว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลยมันก็เป็นการหลอกลวง
เธอซาบซึ้ง และก็ใจหวั่นไหว
เป็นเฉพาะกับผู้ชายคนนี้
“ในเมื่อคุณไม่ได้รับบาดเจ็บ ฉันจะออกไปดูว่าข้างนอกได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่……”
“คุณไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?” จงจิ่งห้าวหรี่ตาลงแล้วขัดจังหวะคำพูดของเธอ
“อะไรนะ?” หลินเซียนเหยียนเงยหน้าขึ้น และมองมาที่เขา
แต่ในเวลาอันรวดเร็วก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“เมื่อไม่นานมานี้พวกเราเคยเจอกัน และเธอบอกว่าถ้าเปิดร้านให้เชิญเธอด้วย……”
“ดังนั้นคุณเลยเชิญเธอมา?” น้ำเสียงของเขาสลดหดหู่และมีอำนาจอย่างอธิบายไม่ถูก “คุณรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร?
หลินเซียนเหยียนหายใจติดขัด กำมือสองข้างไว้แน่น “รู้”
“รู้แล้วยังติดต่อกับเธอ?” คราวนี้เขาไม่ปิดบังความไม่พอใจของเขาอีกต่อไป ความไม่พอใจของเขา และความผิดหวังของเขา
“เธอไม่ใช่คนไม่เลว……”
“คุณรู้จักเธอมานานแค่ไหน?” จงจิ่งห้าวยิ้มเยาะเย้ย “เขาให้ประโยชน์อะไรกับคุณ? มาติดสินบนเธอ?”
สายตาของเขาจ้องมองไปที่ข้อมือของเธอ เขาไม่เคยเห็นเธอใส่เครื่องประดับมาก่อน อย่างมากก็แค่นาฬิกาข้อมือ เป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวของเธอ กำไลหยกนี้มาจากไหน?
“เธอให้คุณเหรอ?”
หลินเซียนเหยียนเอามือไปข้างหลัง แต่ถูกจงจิ่งห้าวดึงแขน และจ้องไปที่กำไลหยก “คุณชอบของแบบนี้เหรอ?”
หลินเซียนเหยียนส่ายหัว “ฉันไม่ชอบ”
“แล้วทำไมถึงยังรับไว้ล่ะ?”
“ปฏิเสธไม่ลง”
ในดวงตาของเขาเหมือนมีไฟซ่อนอยู่ (มีพลังอำนาจซ่อนอยู่)
“เธอน่าสงสารมากเหรอ?” ปฏิเสธไม่ลง?
“ไม่ใช่” บรรยากาศในขณะนั้น เห็นสายตาของยู่ซิ่วเธอเลยปฏิเสธไม่ลง
“บางที ในตอนนั้นเธออาจมีบางอย่างที่พูดไม่ได้” หลินเซียนเหยียนพยายามอธิบายแทนยู่ซิ่ว
จงจิ่งห้าวยิ้มเยาะเย้ย “คุณรู้จักเธอมานานแค่ไหนแล้ว? ต่อหน้าฉันยังกล้าพูดแก้ตัวแทนเธอ”
“พบกันอย่างเป็นทางการ เจอกันสองครั้ง และรู้จักกันไม่นาน แต่ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนเลว”
ไฟในดวงตาของจงจิ่งห้าวเหมือนจะพุ่งออกมา เผาผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาจนตาย แต่ละคำพูดของเธอยังคงพูดแก้ตัวแทนยู่ซิ่ว
น้ำเสียงของเขาเหมือนลมหนาว ทิ่มแทงหัวใจ “สิ่งนี้ส่งคืนให้เธอ คุณชอบแบบไหน ฉันจะซื้อให้คุณทุกอย่าง”
“ก็ได้” หลินเซียนเหยียนตอบอย่างง่ายดาย อันที่จริงตั้งแต่แรกของสิ่งนี้เธอก็ไม่อยากได้ เพราะราคาไม่ใช่ถูกๆ ในเวลานั้น เธอแค่ปฏิเสธไม่ลง
ทัศนคติของหลินเซียนเหยียน ทำให้เขาหายโกรธเล็กน้อย “ต่อไปนี้ ห้ามไปพบเธออีก”
“โอเค” หลินเซียนเหยียนตอบตกลงอย่างง่ายดายอีกครั้ง
เธอคิดว่า ยู่ซิ่วไม่ใช่คนเลว แต่รู้สึกว่าเธอเป็นคนดี แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ของจงจิ่งห้าว เธอจึงไม่ต้องการติดต่อกับยู่ซิ่ว
อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ริเริ่มที่จะพบเธอก่อน
ความโกรธของจงจิ่งห้าวเลือนหายไปหมด และดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขา มือทั้งสองข้างของเขาแข็งเหมือนคีมคีบเหล็ก บีบรัดเธอไว้ในอ้อมกอด หลินเซียนเหยียนถูกรัดจนแทบหายใจไม่ออก
ผลักเขา “คุณจะรัดฉันจนตายเหรอ?”
“อืม รัดเธอจนตายดีกว่า ทำให้ฉันโมโหตลอด” แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่พละกำลังของเขาก็ผ่อนคลายลง
เมื่อลมหายใจกลับมาปกติ หลินเซียนเหยียนก็รู้สึกผ่อนคลาย “เสิ่นซิ่วฉิงทำไมจึงปรากฏตัวที่นี่?”
เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มันเกี่ยวข้องกับหลินกั๋วอันหรือเปล่า?” เพราะพอหลินกั๋วอันปรากฏตัว เธอก็ปรากฏตัว
“เป็นไปไม่ได้” จงจิ่งห้าวเม้มริมฝีปาก หลินกั๋วอันเป็นคนโหดเหี้ยม ในตอนนั้นได้ทอดทิ้งเสิ่นซิ่วฉิง แล้วเขาจะไปคว้าสิ่งที่ไร้ประโยชน์ได้อย่างไร
เมื่อโยนทิ้งไปแล้ว หลินกั๋วอันไม่มีวันเอามันกลับมาอีก
ทั้งสองคนไม่ได้ร่วมมือกันอย่างแน่นอน
หลินเซียนเหยียนนึกถึงฉากในปีนั้นและฉากในวันนี้ที่เสิ่นซิ่วฉิงเคยทำ และขมวดคิ้ว “เธอไม่ใช่อยู่ข้างในเหรอ? ทำไมเธอถึงออกมาได้?”
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้น และมีรอยแผลเป็นตื้นๆบนฝ่ามือ ซึ่งเป็นรอยแผลจากการบาดเจ็บในคราวนั้น ถึงตอนนี้เขายังจำได้ชัดเจนว่า ตอนนั้นเสิ่นซิ่วฉิงกำลังจะลอบฆ่าเขา และท่าทางที่หลินเซียนเหยียนวิ่งเข้ามาขวางไว้
ความบ้าคลั่งที่คาดไม่ถึง จึงทำให้เขาจำเธอได้อย่างลึกซึ้ง
“ฉันจะสืบให้ชัดเจน” นัยน์ตาของเขาคมลึก
ในการลอบฆ่าครั้งนั้น เขาใช้วิธี ตัดสินให้เธอได้จำคุกตลอดชีวิต ถ้าไม่มีคนช่วยเธอ เธอไม่สามารถออกมาได้
สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่การเริ่มต้น เธอเป็นกองหน้า
“สองคนนี้ อย่าให้ออกไปแม้แต่คนเดียว”
“อืม”
ปังปัง
มีเสียงเคาะประตู ตามมาด้วยเสียงของฉินยา “พี่หลิน แฟชั่นโชว์เริ่มแล้ว ถึงตาคุณขึ้นเวทีแล้ว”
ไม่ได้ให้เธอเดินแบบ แต่ให้ขึ้นปราศรัยในฐานะเจ้าของงาน
“โอเค” เธอมองที่จงจิ่งห้าว“ฉันจะออกไปข้างนอกแล้ว คุณคงไม่ชอบสถานที่แบบนี้ ถ้ามีธุระคุณก็ไปทำก่อน และถ้าไม่มีอะไรก็พักผ่อนที่นี่ได้”
จงจิ่งห้าวตอบเสียงเบาๆ
ขณะที่หลินเซียนเหยียนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า……
“เดี๋ยวก่อน”
“ค่ะ?”
หลินเซียนเหยียนหันหัวกลับมา และมองมาที่เขา
จงจิ่งห้าวยื่นมือออกไปจับผมที่ปล่อยลงมา และหนีบไว้ที่ใบหูของเธอ ไม่ได้จากไปทันที แต่ที่ข้างหลังใบหูของเธอ และตรงติ่งหูของเธอ ดวงตาของเขาคมลึก ปลายนิ้วที่ร้อนถูบริวณคอเธอ และพูดเบาๆ “คุณสวยมาก”
หลินเซียนเหยียนหลบสายตาของเขา ก้มหน้าลงเล็กน้อย ซ่อนใบหน้าแดงเพราะคำพูดของเขา “ฉันควรไปแล้วหล่ะ”
พูดจบเธอก็รีบออกไป
ราวกับว่าถ้าช้าไปหนึ่งก้าว จงจิ่งห้าวจะทำในสิ่งที่เกินขอบเขต
เมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะเขินอาย
ใบหน้าของจงจิ่งห้าวมีรอยยิ้มเล็กน้อย
“โอ้ กำลังทำอะไรอยู่ในห้อง? มีความสุขขนาดนั้น?” ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา ตอนที่หลินเซียนเหยียนอยู่พวกเขาไม่กล้าเข้ามารบกวน ตอนนี้หลินเซียนเหยียนออกไปแล้ว พวกเขาก็เข้ามาทันที
“นายไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม เมื่อกี้นี้อันตรายมาก” เสิ่นเผยซวนถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” เขาเก็บรอยยิ้ม ใบหน้าคมลึก “นายไปช่วยตรวจสอบให้ฉันหน่อย “ผู้หญิงคนนั้น ออกมาได้ยังไง”
“อืม” เสิ่นเผยซวนนั่งลง “ฉันให้คนพาเขากลับไปแล้ว ให้เวลาฉันหนึ่งวัน
ซูจ้าน รู้สึกไร้สาระ นั่งลงบนโซฟา เกาะคอเสิ่นเผยซวนไว้ “คืนนี้พวกเราไป “สถานบันเทิง” กันดีไหม?”
“คิดถึงผู้หญิง?” เสิ่นเผยซวนผลักเขา
“คิดถึงคุณ”
“ผมทนนายไม่ไหว”
ซูจ้านจงใจล้อเล่น เอื้อมมือไปลูบหน้าอกของเสิ่นเผยซวน “เคยลองแล้วหรือ รู้ได้อย่างไรว่าทนไม่ไหว?”
“ไสหัวไป!” เสิ่นเผยซวนผลักเขาออกไป ร่างกายสั่นด้วยความตกใจ และขนลุกไปทั้งตัว
ซูจ้านถูกผลักจนนอนหงายอยู่บนโซฟา เสิ่นเผยซวนแข็งแรงมาก
เขาลุกขึ้นนั่ง และจ้องไปเสิ่นเผยซวน “เชอะ น่าเบื่อ ออกไปดูแฟชั่นโชว์ดีกว่า ต้องมีผู้หญิงสวยแน่ๆ”
“ในสมองนายนอกจากผู้หญิงยังมีอะไรอีกไหม?” เสิ่นเผยซวนมองเขา “ดูความไร้ประโยชน์ของนายสิ”
“คิดถึงหญิงก็ไร้ประโยชน์แล้วเหรอ? นี่คือธรรมชาติของผู้ชาย รู้ไหม?” ซูจ้านขี้เกียจพูดกับเขา “ซื่อบื้อ ไม่อยากพูดกับนายแล้ว ว้าว พี่สะใภ้นี่”
ถึงเวลาหลินเซียนเหยียนขึ้นเวที
พวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่รอบนอกสุด มองข้ามหัวผู้คน และไหล่ มองไปที่หลินเซียนเหยียนที่ยืนอยู่บนเวที
ภายใต้แสงไฟ สีชมพูมีความละเอียดอ่อนสวยงามเป็นพิเศษ การออกแบบเปิดไหล่ที่งดงาม กระดูกไหปลาร้าที่เซ็กซี่มีเสน่ห์ ไม่มีการปรุงแต่งเพิ่มเติม เรียบง่ายและงดงาม
ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้นช่างงดงามสะดุดตาเป็นพิเศษ
ดวงตาของจงจิ่งห้าวเต็มไปด้วยความรักใคร่และภาคภูมิใจ
ผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้เป็นของเขาแล้ว
“สวัสดีค่ะทุกท่านฉันชื่อหลินเซียนเหยียน เป็นผู้รับผิดชอบLEO ฉันมีความสุขมากที่ได้เปิดสาขาLEOในเมืองB ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้มาในงานนี้ ในอนาคตขอให้ทุกท่านให้การสนับสนุนด้วยค่ะ” หลินเซียนเหยียนเม้มริมฝีปาก มีส่วนโค้งขึ้นมา สง่างามและมั่นใจ
เหอรุ่ยหลินนั่งบนเก้าอี้ มองหลินเซียนเหยียนบนเวทีอย่างเย็นชา และค่อยๆเม้มริมฝีปากของเธอ
ความร้ายกาจทั้งหมดซ่อนอยู่ใต้หน้ากาก
หลังจากได้ผ่านประสบครั้งนั้น เธอก็ใจเย็นขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วส่งรูปเมื่อ6ปีที่แล้วของหลินเซียนเหยียนจากห้อง 608 โรงแรม MOEN ในประเทศ A ไปยังโทรศัพท์มือถือของเธอ แล้วแนบข้อความว่า (อยากรู้ไหมเมื่อ6ปีที่แล้วในคืนนั้นชายคนนั้นเป็นใคร?”)