กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 151 ความคล้ายคลึงกัน 99.99 เปอร์เซ็นต์
หลินซินเหยียนแทบจะเอามือไปไว้ข้างหลังเพราะจิตใต้สำนึกแล้ว
สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้สำคัญมาก เธอจะไม่ยอมถูกคนคอยขู่แบบนี้ตลอด
โดยเฉพาะอาจจะคุกคามไปถึงลูกทั้งสองของเธอได้ตลอดเวลา นี้ทำให้เธอไม่สามารถนิ่งเฉยได้
“ใช่ สำหรับฉันแล้วสำคัญมาก” ท่าทางของเธอแน่วแน่มาก “นายเข้าไปก่อน เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว”
พูดเสร็จหลินซินเหยียนก็หันหลังเดินไปตรงทางออกทันที
จงจิ่งห้าวจ้องแผ่นหลังที่จากไปอย่างเร่งรีบของเธอ แล้วหรี่ตา รู้สึกว่าวันนี้เธอผิดปกติมาก เหมือนว่ามีเรื่องปิดบังเขาอยู่
ลุงเฟิ๋งเห็นว่าหลินซินเหยียนเดินออกไปแล้ว ก็เลยวิ่งมา “ทำไมคุณนายน้อยถึงไปแล้วละครับ?คุณท่านกับนายหญิงยังรออยู่ข้างในอยู่เลยนะครับ”
สายตาที่เย็นชาและโหดของจงจิ่งห้าว สามารถแช่แข็งคนได้เลย
สบตาเข้ากับเขา ลุงเฟิ๋งรีบเงียบลงทันที
รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับจงฉีเฟิงและยู่ซิ่วไม่ดี น่าจะเป็นเพราะว่าไม่ได้แจ้งเขาก่อนแล้วคนมาก็เลยไม่ชอบใจ
พอคิดแบบนี้ลุงเฟิ๋งก็อยากช่วยพวกเขาอธิบายให้จงจิ่งห้าวเข้าใจว่า “ครั้งนี้ที่คุณท่านและนายหญิงมา นั้นหวังดีต่อคุณนะครับ”
จงจิ่งห้าวไม่มีจิตใจที่จะไปฟัง
หวังดีต่อเขา?
เขาหัวเราะในใจทีหนึ่งแล้วก้าวขาเดินเข้าไป อุณหภูมิรอบตัวต่ำลงอย่างมาก ทำให้คนรู้สึกหนาว
ลุงเฟิ๋งไม่กล้าออกเสียงอีก ได้แต่ตามเข้าไป
ในห้องรับแขก เหมือนจะไม่เคยมีคนมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้มาก่อน ห้องรับแขกที่ใหญ่โตในที่สุดก็มีกลิ่นอายของคนขึ้นมาแล้ว ไม่ได้โล่งเหมือนทุกครั้ง
จงฉีเฟิงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ข้างๆ เป็นยู่ซิ่ว
จวงจื่อจิ่นพาเด็กสองคนนั่งอยู่ตรงทางขวา ป้าหยูยืนอยู่หลังยู่ซิ่ว เห็นว่าเขาเข้ามา สายตาของทุกคนก็มองทางเขาหมด
“ทำไมมีแค่นายคนเดียว?” จงฉีเฟิงเริ่มพูดก่อน ความตื่นเต้นที่ปิดไม่อยู่ในน้ำเสียง
จงจิ่งห้าวยิ้มเยาะ “คุณยังอยากเห็นใครอีก?”
เป็นพ่อลูกกันแท้ๆ แต่ทุกครั้งที่เจอหน้ากันกลับเหมือนคู่แค้นที่เจอหน้ากัน ‘ไม่ชอบใจกันเป็นพิเศษ’
มือของจงฉีเฟิงประสานกันอย่างกะทันหัน ได้จับตรงวางมือโซฟาหนังไว้อย่างแน่น เขาพยายามห้ามอารมณ์ไว้ “ฉันเป็นพ่อของนายใช่ไหม?”
“ฉันเลือกไม่ได้” จงจิ่งห้าวนั่งลงไปบนโซฟา
หลินลุ่ยซีได้แต่มองจงจิ่งห้าวไว้ ถ้าไม่ใช่จวงจื่อจิ่นดึงไว้ไม่ให้เธอขยับ ทันทีที่จงจิ่งห้าวเข้ามาก็กระโจนเข้าไปนานแล้ว
ตรงข้างกันหลินซีเฉินกลับนิ่งสงบมาก เหมือนรู้ว่าวันนี้ทั้งสองคนมาเพราะอะไร
และยิ่งรู้ด้วยว่าของที่วางไว้บนโต๊ะคืออะไร
“แก……..” จงฉีเฟิงไม่อยากโกรธ แต่ว่าทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับการประชดของเขาก็ไม่สามารถสงบตลอด
ยู่ซิ่วจับมือที่สั่งของเขาไว้ ปลอบเขา “ใจเย็นๆ คุณมีเรื่องสำคัญกว่า”
“ถ้าจะโชว์ความรัก อย่าอยู่ในพื้นที่ของฉัน ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น” เขาพูดอย่างไม่มีความอดทน ตอนที่พูด สายตาได้มองไปทางหลินลุ่ยซี เจ้าหนูน้อยไม่มาเกาะติดเขา เขากลับรู้สึกไม่ชิน
เขาเหมือนจะชินแล้ว พอกลับมาก็จะมีซาลาเปานุ่มๆ กระโจนเข้าอ้อมกอดของเขาเพื่อให้เขาอุ้ม
“พวกฉันมีเรื่องสำคัญ” ยู่ซิ่วจับมือของเขาไว้แน่น ไม่ให้เขาอารมณ์ขึ้นเพราะคำพูดของจงจิ่งห้าว
จงฉีเฟิงหายใจเข้าลึกๆ ทำแบบนี้ซ้ำหลายรอบถึงจะสงบไฟในใจลง ชี้ไปที่ซองเอกสารบนโต๊ะ “นายดูเองเถอะ ดูเสร็จแล้วให้คำอธิบายกับฉัน อย่าคิดจะคัดค้านฉัน เพราะหลักฐานวางอยู่ตรงนี้แล้ว และอย่าคิดที่จะปิดบังฉัน”
จงจิ่งห้าวไม่ได้ขยับ
สองพ่อลูกสบตากัน เผชิญหน้ากันอย่างไม่มีเสียง สงครามที่ไร้หมอกควันก็ได้เปิดฉากขึ้นทันที
……..
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
“พ่อ”
เป็นเสียงที่อ่อนนุ่มของหลินลุ่ยซีที่เรียกว่า ‘แด๊ดดี้’ ได้ทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดนั้น
“เงียบหน่อย” จวงจื่อจิ่นพูดเบาๆ แล้วตบที่ไหล่ของเธอ
ยู่ซิ่วที่ตาแดงไปหมด ยื่นมือไปทางหลินลุ่ยซี “มาทางนี้มา”
หลินลุ่ยซีลืมตาที่ทั้งหลมและโต มองจวงจิ่งห้าวแล้วมองยู่ซิ่ว สุดท้ายก็ไหล่ลงมาจากโซฟาแล้วกระโดดเข้าอ้อมกอดของจงจิ่งห้าวส่งเสียงอู้อี้ในอ้อมกอดของเขา “แด๊ดดี้จ๋า หม่ามี๊ไม่ได้กลับมาพร้อมแด๊ดดี้หรอ?”
ความโกรธ ความไม่พอใจ ความเย็นชาทุกอย่างได้จมหายไปในคำว่าพ่อเพียงคำเดียวของหลินลุ่ยซี จงจิ่งห้าวได้เก็บอารมณ์ทุกอย่าง แล้วขยี้หัวของเธออย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวหม่ามี๊ก็กลับมาแล้ว”
“ไอ้บัดซบ!”
จงฉีเฟิงโกรธจนตบไปที่วางมือแล้วลุกขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้ป้าหยูบอกว่าจงจิ่งห้าวไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นลูกของเขา ก็เลยไม่ได้บอกเขา จงจิ่งห้าวเองก็ไม่รู้ ไม่ได้บอกเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ว่าตอนนี้เด็กเรียกเขาว่าพ่อแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าเขารู้แล้ว
นี้มันเป็นการไม่เอาเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ
ยังยอมรับว่าพ่อคนนี้อยู่ไหม?
หลินลุ่ยซีตกใจจนหดตัวลงแล้วมุดเข้าไปในอ้อมกอดของจงจิ่งห้า
ฝ่ามือที่ใหญ่และหนาของจงจิ่งห้าว ได้ลูปตรงหลังของเธอ ปลอบว่า “ไม่ต้องกลัว”
หลินลุ่ยซีไม่พูดอะไร เอาแต่กะพริบตา
ป้าหยูรู้ว่าจงฉีเฟิงเข้าใจผิดไปแล้วแน่ๆ ก็เลยรีบออกมาช่วยไว้ เธอเดินไปอยู่ตรงหน้าด้วยตัวเอง เอาเอกสารออกมาแล้วยื่นไปให้จงจิ่งห้าว “คุณชาย คุณดูหน่อยเถอะ”
จงจิ่งห้าวรับมาแต่ไม่คิดที่จะดูเลย ตอนที่เขากำลังจะโยนทิ้ง คำว่า DNA ก็ได้ดึงสายตาของเขาไว้
DNA?
ของใครกับใคร?
“ฉันได้เก็บผมของคุณกับเสี่ยวซีเสี่ยวลุ่ย”
จงจิ่งห้าวเงยตาขึ้นมองป้าหยู
ป้าหยูพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
หลินลุ่ยซีกะพริบตาอย่างมึนงง ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ย่าหยู เก็บผมของหนูกับพี่ทำไมหรอ?”
ป้าหยูยิ้มแล้วยื่นมือไปลูปหัวของเธอ “ไม่มีอะไร แต่อยากให้พ่อของพวกเธอมองเรื่องบางเรื่องให้ชัดเจนเท่านั้นเอง”
สายตาของจงจิ่งห้าวได้กลับไปอยู่บนกระดาษในมือ
ผลการตรวจDNA ตัวหนังสือสีดำเพียงไม่กี่คำ เด่นชัดมาก
ข้างบนเป็นคำศัพท์เฉพาะทาง จงจิ่งห้าวไม่เคยเรียนแพทย์มาก่อนก็เลยดูไม่รู้เรื่อง สายตาของเขาค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่าง เขารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขาเต้นแรงจนจะหลุดออกมาแล้ว เขาไม่สามารถสงบลงได้ ความรู้สึกตื่นเต้นที่เอ่อล้นออกมา แทบจะกลืนกินตัวของเขาทั้งหมดเลย
ผลลัพธ์ ความคล้ายคลึงกัน 99.99
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ตัวหนังสือตบท้ายไม่กี่ตัวนั้น
ทันใดนั้น ตัวของเขาแข็งทื่อ นิ้วกระดิกเล็กน้อย เป็นความตื่นเต้นที่ห้ามไว้ไม่อยู่ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลินลุ่ยซีและหลินซีเฉินเป็นลูกของเขา?
แต่ว่า จะเป็นไปได้ยังไง?
อากาศแข็งตัวไปไม่กี่วิ เขาทิ้งกระดาษใบนั้น แล้วลุกขึ้นยืนกะทันหันมองไปทางป้าหยูแล้วมองไปทางจงฉีเฟิง
น้ำเสียงประชดว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไร?”
ทำของแบบนี้ออกมา พยายามจะบอกอะไรเขา?
“แกจะปฏิเสธ?” จงฉีเฟิงโกรธจนตัวสั่น
“ถึงแม้ว่าฉันจะเคยทำผิดต่อแก ทำผิดต่อ………แม่ที่ตายไปของแก แต่ฉันยังเป็นพ่อแกอยู่ไหม?” เขาตบไปที่อกแล้วพูด “ที่ไหลอยู่บนตัวแกมีเลือดของฉันไหม?”
ครั้งนี้ยู่ซิ่วไม่ได้ห้ามจงฉีเฟิง เธอเองก็มีใจแต่ไม่มีแรงแล้ว
ป้าหยูอยู่ข้างๆ กังวลใหญ่นี่มันเกิดอะไรขึ้น ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมเขายังไม่เชื่ออีก?
เธิวิ่งไปเอารูปถ่ายออกมา วางไว้ข้างๆ หน้าของหลินซีเฉินเพื่อเปรียบเทียบ ให้ทุกคนดู “ดูใบหน้านี้ ตา แล้วก็หน้าผาก……..”
จงจิ่งห้าวกวาดมองไปทีหนึ่งแล้วรีบดึงสายตากลับทันที
เขาไม่เคยเตะต้องหลินซินเหยียน เรื่องนี้เขารู้ตัวดีกว่าใคร
เขามีชีวิตมาจนถึงวันนี้ ตลอด30กว่าปี เคยเตะต้องผู้หญิงเพียงคนเดียว นั้นก็คือเมื่อ 6 ปีที่แล้วครั้งนั้นครั้งเดียว
ถ้าพวกเขาเป็นลูกของเขา……
ถ้าอย่างนั้นเมื่อ 6 ปีก่อน……
ตรงหว่างคิ้วของเขา ได้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น
จากการคิดทบทวนมากมาย เขาเหมือนจะเข้าใจแล้ว ความเกลียดชังของเหอรุ่ยหลินที่มีต่อหลินซินเหยียนมาจากไหน
เพราะ6 ปีก่อน
คืนนั้นไม่ใช่เธอ
กลับเป็นหลินซินเหยียน นี่ก็เพราะว่าทำไมเขาถึงมีความคุ้นเคยต่อหลินซินเหยียนอย่างแปลกๆ
คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมหลินซินเหยียนถึงไปอยู่ในห้องของเขา?
เพราะการเงียบของเขา ในตาหลินซีเฉิน กลับกลายเป็นการปฏิเสธ
เขาไม่อยากยอมรับพวกเขาหรอ?
เขาจะเป็นผู้ชายที่ทิ้งลูกเมียให้ถึงที่สุดใช่ไหม?
ดี!
ดีมาก!
เขาเองก็ไม่ต้องการพ่อแบบนี้!
คนที่ไร้ความรู้สึกแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อของเขา!
หลินซีเฉินหลบป้าหยูแล้วลงมาจากโซฟา เก็บผลตรวจDNAบนโต๊ะขึ้นมา เสียงดังแขวก ถูกเขาฉีกเป็นครึ่ง เหมือนว่าแบบนี้ยังไม่พอ ก็เลยฉีกต่อ จนสุดท้ายไม่สามารถต่อคืนได้ “นี่ก็แค่การเข้าใจผิดกันเท่านั้น ผมจะเป็นลูกชายของเขาได้ยังไง?”
“แม่ของผมท้อง 10 เดือนแล้วคลอดผมกับน้อง ปีนี้ผมอายุ 6 ขวบแล้ว ผมไม่เคยเจอพ่อของผม ผมไม่กล้าถาม เพราะว่าแม่จะเสียใจ ผมเคยเห็นแม่ตื่นมาจากฝันร้าย แล้วแอบไปร้องไห้คนเดียว ผมไม่รู้ว่าแม่ฝันถึงอะไร ไม่รู้ว่าในฝันของแม่มีใคร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกดึกเลยทำให้แม่นึกถึงเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจรึเปล่า”
หลินซีเฉินสูดขี้มูกแล้วพูดว่า “แต่ว่าแม่จะรอให้ผมหลับก่อนแล้วพูดกับผมอย่างรู้สึกผิดบ่อยๆ ว่า ‘ขอโทษนะ แม่ไม่สามารถมีบ้านที่สมบูรณ์ให้ลูก’ แต่ที่แม่ไม่รู้คือผมยังไม่ได้หลับ เพราะตอนที่ผมตื่นอยู่ แม่จะไม่พูด แม่กลัวว่าผมจะถามว่าทำไมผมถึงไม่มีพ่อ”
เขามองไปทางจงจิ่งห้าวอย่างผิดหวัง “แม่ของผมดีขนาดนี้ จะไปชอบคุณได้ยังไง?”