กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 159 ตรงไหนคิดถึง
จวงจื่อจิ่งไม่อ้อมค้อมแล้ว เอาคำพูดในใจพูดออกมาหมด “ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของนายกับเหยียนเหยียนเป็นยังไง ฉันแค่คิดว่า ถ้าพวกนายอยู่ด้วยกันไม่ได้ ฉันหวังว่าสิทธิ์เลี้ยงเด็กจะเป็นของฉันและเหยียนเหยียน”
จวงจื่อจิ่นคิดยาวไกล คิดเยอะ
ถ้าหลินซินเหยียนสามารถสร้างครอบครัวกับจงจื่อห้าวได้ ก็ต้องดี แต่ถ้าไม่ได้ เธอหวังว่าจงจิ่งห้าวจะไม่มาแย่งสิทธิ์เลี้ยงลูกกับพวกเขา
ถ้าจะแย่งจริงๆ เธอกับหลินซินเหยียนแย่งเขาไม่ไหว
เพราะฉะนั้นเลยบอกไว้ก่อน
“ผมไม่ได้ทำเรื่องหย่ากับเธอ”นี่ไม่ใช่การแก้ตัว แต่ยิ่งกว่าการแก้ตัว “ตามกฎแล้วพวกเรายังเป็นสามีภรรยา ผมชอบลูกสาวคุณ ไม่ใช่เพราะเธอคลอดลูกให้ผม แต่ชอบที่เป็นเธอ”
จวงจื่อจิ่นโล่งใจทันที แบบนี้ก็ต้องดีอยู่แล้ว
แต่ว่าไม่รู้จะไปตอบรับการตรงไปตรงมาของเขายังไง
“ผมจะไปทำงานที่เมืองA เธอจะไปกับผม สองสามวันนี้น่าจะกลับมาไม่ได้ เสี่ยวซีเสี่ยวลุ่ยยังต้องรบกวนคุณกับป้าหยูดูแด้วย ผมกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย นอกบ้านได้เรียกคนมาคอยเฝ้าดู ถ้าจะออกไปข้างนอก พาพวกเขาไปด้วย”จงจิ่งห้าวพูด
ตอนนี้หลินซินเหยียนยังหาไม่เจอ เขากลัวจวงจื่อจิ่นเป็นห่วง และกลัวว่าลูกทั้งสองจะถามหา
ก็เลยแกล้งบอกกับจวงจื่อจิ่นว่า เธอจะไปทำงานกับเขา
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
พูดเสร็จ ในใจของจวงจื่อจิ่นสว่างขึ้นมาก
“เสี่ยวลุ่ย……”
“อยู่ในห้องฉัน”จวงจื่อจิ่นเหมือนรู้ว่าเขาจะถามอะไร ก็เลยรีบตอบ “เมื่อคืนตื่นมากลางดึก บอกว่าจะหาเหยียนเหยียนอย่างเดียว ช่วยไม่ได้ฉันก็เลยอุ้มเธอไปนอนในห้องของฉัน ปลอบไปนานกว่าจะยอมหยุด ตอนนี้น่าจะยังหลับอยู่”
คำพูดของจวงจื่อจิ่นยังไม่ขาด ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนนุ่ม “หม่ามี๊ แด๊ดดี้”
เธอใส่ชุดเป็ดสีเหลือง ผิดขาวนุ่ม ผมยุ่งไปหมด เผยหน้าที่สะอาด วิ่งมาทางจงจิ่งห้าว เรียกอย่างหวานๆ “แด๊ดดี้จ๋า…”
จงจิ่งห้าวกอดเธอเข้าอ้อมกอด
ยัยหนูนี่กอดคอของเขาไว้แล้วจูบไม่หยุด เหมือนว่าเป็นเพราะที่เมื่อวานหลินซีเฉินไม่ให้เธอเข้าใกล้พ่อ วันนี้ก็เลยจะเอาคืนมาให้หมด “หนูคิดถึงพ่อแล้ว”
แต่ที่จริง เธอกลัวว่าพ่อจะโกรธแล้วไม่เอาเธอ
ในน้ำเสียงซ้อนการเอาใจ
จงจิ่งห้าวเก็บผมที่บังหน้าของเธอไว้ เผยหน้าทั้งใบออกมา หน้าผากที่เต็มอ่ม ตาที่โต หน้าที่อ่อนนุ่ม น่ารักมากเลย
นิ้วโป้งของเขาค่อยๆเช็ดแก้มของเธอ “ตรงไหนคิดถึง?”
หลินลุ่ยซีคิดสักพักแล้วจับที่หน้าอกแล้วพูดว่า “ใจคิดถึง”
“หม่ามี๊ไม่ได้กลับมาด้วยหรอ?”
ไม่เห็นหลินซินเหยียน หลินลุ่ยซีมองซ้ายมองขวาไปทั่ว
คอของจงจิ่งห้าวเกร็งเล็กน้อย สีหน้านิ่งเฉย “หม่ามี๊ของเธอติดงาน ก็เลยไม่ได้กลับมา”
กริ๊ง กริ๊ง….
ตอนนี้เองโทรศัพท์ในกระเป๋าของจงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น
เขาเอาโทรศัพท์ออกมาดู เสิ่นเผยซวนเป็นคนโทรมา เขาไม่ได้รีบรับทันที แต่วางตัวหลินลุ่ยซีลงแล้วจับหัวของเธอ “เดี๋ยวพ่อไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
หลินลุ่ยซีเชื่อฟังมาก จวงจื่อจิ่นมาพูดว่า “ฉันพาเธอไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
“แบบนี้ก็ได้”จงจิ่งห้าวพยักหน้า
มองดูจวงจื่อจิ่นพาหลินลุ่ยซีกลับเข้าห้อง จงจิ่งห้าวเดินไปหน้ากระจกแล้วรับสาย
สายติดแล้ว “คนหาเจอแล้ว”
มีกระแสไฟไหลผ่านในใจของเขา กระตุ้นทุกส่วนในร่างกายของเขา
เสิ่นเผยซวนบอกว่าคนหาเจอแล้ว?
ตาของเขาดำสนิท คิดว่าตัวเองใจเย็นมาก กลับพูดอย่างไม่ใจเย็นว่า “ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“ชานเมือง ฉันส่งโลเคชั่นให้นาย”
วางสาย จงจิ่วห้าวก็ได้รับโลเคชั่นที่เสิ่นเผยซวนส่งมา
เขาเดินไปเปิดโลเคชั่นไป ตอนนี้หลินลุ่ยซียื่นหัวออกมาจากห้องนอน “พ่อจะออกไปหรอ?”
จงจิ่งห้าวหยุดลงหันไปมองเธอ “ใช่ พ่อจะไปออกไป”
“จะกลับมาตอนไหน?”หลินลุ่ยซีถาม
“ยุ่งเสร็จก็กลับมาแล้ว”
จงจิ่งห้าวไม่ได้ให้เวลาที่แน่นอนกับเธอ ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เพื่อไม่ให้เธอผิดหวัง
“จะกลับมากับหม่ามี๊ไหม?”หลินลุ่ยซีถามต่อ
“อื้ม”เสียงเหมือนออกมาจากอกของเขา น่าเบื่อแต่กลับแน่วแน่มาก
หลินลุ่ยซียิ้ม เผยฟันที่เรียงกันเป็นแถว ตาโค้งเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวที่สดใส “ถ้าอย่างนั้นหนูจะรอพ่อกับหม่ามี๊กลับมาด้วยนะ”
จงจิ่งห้าวเงียบไปสองวิแล้วพูดว่า “ได้”
เขาเดินมาย่อตัวลงตรงหน้าเธอ มองหน้าของเธอ แล้วจับหัวของเขาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
หลินลุ่ยซีเอียงหัว กระพริบตาแล้วพูดว่า “เสี่ยวลุ่ยสวยใช่ไหม?”
เสียงที่แหบของเขา “ลูกสาวของพ่อ สวยอยู่แล้ว”
“เหมือนหม่ามี๊มากหว่าหรือเหมือนพ่อมากกว่า?”หลินลุ่ยซีจับแขนของเขาไว้ หาเรื่องมาพูด เพราะอยากให้เขาอยู่กับตัวเองนานหน่อย
ตั้งใจมองหน้าตาจมูกปากเหมือนเขา ตาเหมือนหลินซินเหยียน
โดยเฉพาะตอนที่หัวเราะ ตาโค้งๆ
“เหมือนหม่ามี๊กับพ่อ”
“เอาละ”จวงจื่อจิ่นรู้ว่าเด็กนี้กำลังคิดอะไร อุ้มตัวเธอขึ้น “พ่อของเธอจะไปทำธุระ เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉันดีกว่า”
รอยยิ้มบนหน้าของเด็กสาวหายไปทันที เบะปาก “หนูแค่อยากอยู่กับพ่อนานหน่อยเอง”
“ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาแล้วนิ”จวงจื่อจิ่นปลอบเธอ
จงจื่อห้าวมองเข้าไปในห้องทีหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกมาจากบ้าน ขึ้นรถ เอาโทรศัพท์เชื่อมบลูทูชบนรถเพื่อเชื่อโลเคชั่นบนรถ เขารีบสตาร์ทรถ
ขับตรงไปทางเป้าหมาย
ท้องฟ้ายิ่งอยู่ยิ่งสว่าง รอเขามาถึงที่ พระอาทิตย์ก็โผล่ออกมาแล้ว เมฆทางตะวันออกเป็นสีแดงเหมือนกับถูกไฟเผา หมอกได้สลายตัวไป ทุกอย่างเหมือนกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมา
ไม่นานรถก็ขับมาถึงจุดหมาย เขาเห็นที่ร้างในแถบชานเมือง มีรถตู้ที่ถูกเผาจอดอยู่ รอบๆล้อมด้วยสายสีเหลือง ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งเข้าใกล้ ใจของเขายิ่งอยู่ไม่เป็นสุข
เหอรุ่ยหลินได้ทำลายเธอไหม เธอได้รับบาดเจ็บรึเปล่า?
เขาไม่รู้อะไรเลย
ปกติก้าวที่มั่นคงก็เริ่มยุ่งเหยิงขึ้นมา เสิ่นเผยซวนดึงวงล้อมขึ้นแล้วมุดออกมาจากด้านล่าง “นายมาละ”
“คนล่ะ?”
“อยู่บนรถของฉัน”เสิ่นเผยซวนเดินไปทางรถของตัวเอง เปิดประตูด้านหลังรถมีร่างตัวเล็กๆหดตัวนอนอยู่ ผมของเธอยุ่งมาก บนหน้ายังมีคราบฝุ่น จุดที่ตาสามารถมองเห็นไม่มีแผลเลย จงจิ่งห้าวโล่งใจขึ้นมา
“ยังดีที่คนไม่เป็นอะไร”เสิ่นเผยซวนรู้สึกโชคดี “น่าจะเหนื่อย ตอนนี้หลับแล้ว”
เขาปิดประตู เหมือนกลัวว่าจะรบกวนผู้หญิงที่หลับอยู่ในรถ “นายขับรถของฉันเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถของนาย”
จงจิ่งห้าวไม่ได้รับ แต่ถามกลับว่า “ตอนนี้เหตุการณ์เป็นยังไง?”
“ตอนที่พวกเราหามาถึงที่นี่ รถก็กำลังลุกไฟ เธอขาพลิก ล้มอยู่ตรงไม่ห่างจากรถมาก ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา บอกว่ามีคนจะเผาเธอให้ตาย มัดตัวเธอไว้ในรถ เธอหนีออกมา ก็เลย…..”
มือของจงจิ่งห้าวกำแน่น น้ำเสียงต่ำ “ตอนนั้นที่นี่ไม่มีคนหรอ?”
“ไม่มี น่าจะวางไฟแล้วคนก็ไปเลย ฉันให้คนไปสืบแล้ว ดูว่าระแวกนี้จะหาคนเจอไหม”เสิ่นเผยซวนรู้ ไม่รู้ว่าคนหนีไปตอนไหน จะหาให้เจอนี่น่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว “ยังดีที่คนไม่เป็นอะไร เหอรุ่ยหลินด็อยู่ในมือของพวกเรา ถือว่าไม่เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเหมือนยังมีข้อสงสัย
“หรือว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อดูแผลบนขาก่อน?”เสิ่นเผยซวนยื่นกุญแจรถให้เขาอีกครั้ง “ตอนนั้นเธอบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ฉันก็เลยไม่ได้เรียกรถพยาบาล”
ครั้งนี้จงจิ่งห้าวรับกุญแจมาแล้ว เปิดประตูขึ้นรถ พาหลินซินเหยียนไปโรงพยาบาลทำการตรวจ