กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 170 ตั้งหน้าตั้งตารอ
พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไป ซูจ้านวิ่งตามออกมา “รอก่อน”
ฉินยาพูดอย่างหมดความอดทน “อะไรอีก?”
ซูจ้านหยิบนามบัตรออกมาแล้วยื่นให้เธอ “เผื่อมีอะไรอยากจะติดต่อผม ทางนี้มีความคืบหน้าอะไร ผมจะไปบอกคุณที่ร้าน ช่วงนี้ เรื่องที่ร้านคงต้องรบกวนคุณดูแลไปก่อน”
ฉินยาเหลือบตามองซูจ้าน ท่าทางของเขาค่อนข้างจริงจัง เธอเพิ่งจะกลับมาประเทศจีนมีหลายอย่างที่ไม่คุ้นเคย คิดจะตามหาหลินซินเหยียนจำเป็นต้องพึ่งพาพวกเขา แล้วเธอก็อยากรู้ความคืบหน้าของหลินซินเหยียนด้วย
เธอเอื้อมมือไปหยิบนามบัตรที่ซูจ้านส่งมา “ขอบคุณ คุณหลินดีต่อฉันมาก เรื่องที่ร้าน ช่วงที่เธอไม่อยู่ ฉันช่วยเธอจัดการเอง”
ซูจ้านพยักหน้า ในใจกำลังคิดว่า ควรจะหาเหตุผลไปส่งเธอดีไหม?
“คุณมายังไง ให้ผมไปส่งคุณไหม?”
“ฉันขับรถมา”ฉินยาเก็บนามบัตร แล้วบอกกับเขาว่า “ลาก่อน”
พูดจบก็เดินไปที่รถ
ซูจ้านเอามือจับผม ถอนหายใจ อยากคุยกับเธอทำไมมันยากขนาดนี้นะ?
เมื่อก่อนเขาจีบผู้หญิงสักคน ต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้เลยหรอ?
เขาส่ายหัว กำจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออกไป หันหลังเดินไปที่ลิฟต์ ติ๊ง เสียงลิฟต์หยุดลง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ซูจ้านกำลังจะเดินเข้าไป คนในนั้นที่ออกมา ทำให้เขาหยุดฝีเท้า“คุณ”
เสียงของเขาก็เยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว “คุณมาทำอะไร?”
เหอรุ่ยสิงเอ่ยปาก “ฉันจะทำอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับนายนิ?”
ตอนนี้ตระกูลเหอไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ชื่อเสียงและฐานะ เขาในฐานะทนายความไม่สามารถเทียบได้เลย
ซูจ้านขมวดคิ้ว มองเขาอย่างเย็นชา แล้วเดินเข้าลิฟต์ไป
เหอรุ่ยสิงจัดชุดสูทสักพักแล้วเดินออกไป
สำหรับซูจ้านเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
แต่ซูจ้านไม่สบายใจ จงจิ่งห้าวจะต้องดำเนินการกับเหอรุ่ยหลินจนถึงที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่เหอรุ่ยสิงจะไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาถูกขังไว้เพราะจงจิ่งห้าว
คำถามก็คือ เขามาเพื่ออะไร?
ประกาศสงครามกับจงจิ่งห้าวหรือมาอ้อนวอน?
ซูจ้านยังคิดไม่เสร็จ ขณะนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เขาเดินออกมา ทุกส่วนของสำนักงานทั้งหมดถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึมอย่างลึกลับ
เป็นเพราะเจ้านายอารมณ์ไม่ดี คนทั้งบริษัทเลยได้รับผลไปด้วยหรือเปล่า?
ซูจ้านหดคอลง อากาศไม่ได้หนาว แต่เขากลับทำไปโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อเขาเดินไปที่ประตู เขาก็เคาะประตู เมื่อได้ยินคนข้างในบอกว่าให้เข้ามา เขาก็เปิดประตู
ห้องทำงานอันใหญ่โตหนาวเหน็บ ถ้าเขาไม่เห็นว่ามีคนนั่งอยู่หลังโต๊ะ เขาคงคิดว่าไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศนี้
ซูจ้านเดินเข้ามาแล้วปิดประตู มายังตรงหน้าโต๊ะทำงาน “เหอรุ่ยสิงมาทำไม?”
ไม่รอจงจิ่งห้าวตอบ เขาก็คาดเดาว่า “มาหาเรื่องหรอ?” แต่เมื่อนึกถึงสไตล์ของเหอรุ่ยสิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่าเขาไม่มีความกล้าที่จะประกาศสงครามกับจงจิ่งห้าว
ตราบใดที่เหอรุ่ยสิงมีความสามารถมากพอ ตระกูลเหอในวันนี้จะไม่เป็นแบบนี้
จงจิ่งห้าวลืมตาขึ้น เอาเอกสารที่อยู่บนโต๊ะชุดหนึ่งยื่นให้ซูจ้าน
ซูจ้านหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดดู มันเป็นจดหมายแสดงเจตจำนงขอความร่วมมือ ทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีพันธมิตร ที่แปลกคือจดหมายแสดงเจตจำนงนี้ลงนามโดยเหอรุ่ยสิงอีกทั้งยังเป็นที่ดินสำคัญของตระกูลเหอ
ตระกูลเหอมีที่ดินดีๆผืนหนึ่งในเมืองB เป็นของบรรพบุรุษ แม้ว่าบ้านจะรกร้างแต่ก็อยู่ในทำเลที่ดี
“เขาต้องการร่วมงานกับคุณ ใช้ที่ดินพื้นนี้เพื่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่?” ซูจ้านตกใจ
ไม่ได้เห็นจงจิ่งห้าวเป็นศัตรู แถมยังเอาที่ดินของตนมาให้ จะร่วมงานกับจงจิ่งห้าว?
“เมื่อก่อนฉันมักจะเคยได้ยินประโยคหนึ่ง ชื่อเสียงและผลประโยชน์ในสนาม วินาทีก่อนหน้ารบกันจนเธอตายฉันรอด เพื่อผลประโยชน์ วินาทีถัดไปก็สามารถจับมือสร้างสันติภาพ วันนี้ฉันพอจะเข้าใจแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณตกลงงั้นหรอ?”
“ทำไมฉันจะไม่ตอบตกลง?”จงจิ่งห้าวยืนขึ้น แล้วเดินไปที่หน้าต่าง ทิ้งเงายาวไว้บนพื้น
วันนี้เหอรุ่ยสิงเป็นฝ่ายมาหาเขา เพื่อแสดงเจตนาที่ดี หากตระกูลเหอกล้าที่จะยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของเหอรุ่ยหลิน เขาก็จะทำลายตระกูลเหอซะ
หลังจากเขารู้ว่าการหายตัวไปของหลินซินเหยียนเกี่ยวข้องกับเหอรุ่ยหลิน เขาจึงเตรียมการไว้มากมาย ที่จะโดนทำลายก่อนก็คือตระกูลเหอ
ยังไงเหอรุ่ยหลินก็มาจากตระกูลเหอ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะเห็นแก่หน้าตาจนมาเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่คิดจะเหลือลู่ทางหรือไม่?
ตอนนี้เหอรุ่ยสิงมาเพื่อยอมจำนน เขาก็สามารถปล่อยเหอรุ่ยหลินให้กับเสิ่นเผยซวนและซูจ้าน เขาต้องการเวลาเพื่อค้นหาเบาะแสของหลินซินเหยียน
ตอนนี้ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เขายิ่งยากที่จะตามหาหลินซินเหยียนจนเจอ
เขาไม่มีเวลามาพัวพันกับตระกูลเหอ
“เสียเรือเพื่อรักษาขุน ช่างไร้ความรู้สึกเสียจริง” ซูจ้านพูดอย่างดูถูก “ตระกูลที่ร่ำรวยขนาดนี้ ไม่มีความรู้สึกอยู่หรือไง?”
ขณะพูด ซูจ้านแอบมองไปที่จงจิ่งห้าว
แม่ของจงจิ่งห้าวเองก็เป็นตระกูลใหญ่ แต่งงานกับจงฉีเฟิง กลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แต่ในทางความรู้สึกกลับไม่มีตรงไหนที่ทำให้คนอื่นอิจฉา
หลังจากที่เธอเสียไปไม่นาน จงฉีเฟิงก็แต่งงานใหม่
นี่ก็เป็นขวากหนามด้ามหนึ่งที่ติดอยู่ระหว่างพวกเขาพ่อลูก
จงจิ่งห้าวมองดูเขา
ซูจ้านกระแอม ไม่ควรพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ เขาสีหน้านิ่ง “ฉันกับเผยซวนได้วางแผนไว้แล้ว เรื่องนี้ นายไม่ต้องสนใจแล้ว ให้พวกฉันกับเผยซวนจัดการก็พอ เผยซวนเองก็ไม่ได้ว่าง พยายามถามเบาะแสของคุณหลินจากปากของเธอ แต่เธอปากแข็งมาก”
เสิ่นเผยซวนใช้หลายวิธีแล้ว
ซูจ้านคิดในใจ ความริษยาในจิตใจของผู้หญิงนี้ น่ากลัวได้ขนาดนี้จริงหรอ?
เขาไม่รู้ เหอรุ่ยหลินยิ่งกว่าอิจฉาริษยา
เธอคิดว่าหลินซินเหยียนแย่งจงจิ่งห้าวไป แย่งทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอไป เธอไม่พอใจ เธอรู้สึกโกรธเกลียด
ครืดครืด…
ขณะนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะของจงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น ซูจ้านมองดูแวบหนึ่งและพูดกับจงจิ่งห้าว “กวนจิ้งโทรมา”
แล้วเขาก็หยิบมันขึ้นมายื่นให้กับเขา
จงจิ่งห้าวรับมา และกดรับสาย “ประธานจง”กวนจิ้งยังไม่ทันได้พูด โทรศัพท์ก็ถูกแย่งไป “จิ่งห้าวคุณอยู่ที่ไหน?”
เสียงของ‘หลินซินเหยียน’ดังออกมา
ซูจ้านยื่นหน้าเข้าไป อยากรู้ว่าคนในโทรศัพท์จะพูดอะไร
จงจิ่งห้าวเหลือบมองเขาเบาๆและยื่นโทรศัพท์ให้ “นายรับ?”
ซูจ้านหายใจแรง ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว พูดอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณรับ คุณรับ”
เพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ต้องการที่จะฟังอีกต่อไป เขารีบก้าวถอยหลังและถอยห่างจากเขา
“คุณจะกลับมาเมื่อไร? ฉันคิดถึงคุณ” ตอนนั้น‘หลินซินเหยียน’ยืนอยู่ในห้องของโรงแรม ใช้นิ้ววาดรูปวนไปวนมาบนโต๊ะ พูดอย่างน้อยใจ “กวนจิ้งไม่ให้ฉันออกไปหาคุณ เขาหมายความว่ายังไง?”
จงจิ่งห้าวสีหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย “เรียกเขามารับโทรศัพท์”
‘หลินซินเหยียน’นึกว่าจงจิ่งห้าวต้องการต่อว่ากวนจิ้ง เธอก็รู้สึกได้ใจ ยื่นโทรศัพท์ให้เขา “นี่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน นายกล้าขัดใจฉันไม่เป็นผลดีกับนายแน่”
กวนจิ้งมองเธอ ใบหน้าเหมือนกัน แต่ทำไมนิสัยเสียเช่นนี้?
สมแล้วที่เป็นของปลอม คุณภาพไม่สามารถรับประกันได้
เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาแนบหู “ประธานจง”
ตรงนั้นไม่รู้ว่าพูดอะไร สีหน้าเขาจริงจังขึ้นมา “ครับ ผมทราบแล้ว”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แต่ในสายตาของ‘หลินซินเหยียน’คือจงจิ่งห้าวต่อว่าเขาแน่ เธอบิดเอวนั่งลงบนโซฟา “ดูเถอะ ฉันเคยบอกนายแล้ว จิ่งห้าวแคร์ฉันมาก นายไม่เคารพฉัน รอฉันพบเขาก่อน ฉันจะฟ้องเขา”
กวนจิ้งวางโทรศัพท์ แล้วพูดเบาๆว่า “คุณอยากฟ้อง ผมไม่ห้ามคุณหรอก ตอนนี้มากับผมเถอะ”
อันที่จริงกวนจิ้งไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลย
ของปลอมชิ้นหนึ่ง ยังกล้ามาทำตัวใหญ่โตคุยโวที่นี่ ไม่กลัวกัดลิ้นตัวเอง
‘หลินซินเหยียน’นึกว่าจะได้เจอกับจงจิ่งห้าว ในใจก็เบิกบาน ไม่สนใจเท้าที่ปวด รีบลุกจากโซฟา “เขารอฉันอยู่ใช่ไหม?”
กวนจิ้งตอบ “อืม”
“ฮึ ฉันจะให้นายรู้จักที่ต่ำที่สูง ทีนี้ตะลึงเลยสิ? รู้รึยังว่าฉันอยู่ตำแหน่งอะไรในใจของจงจิ่งห้าว? ฉันมีลูกให้เขาสองคน อนาคตฉันจะเป็นคุณนายของตระกูลจง ฉันจะเป่าหูเขา ทำให้นายอยากจะไสหัวไป”‘หลินซินเหยียน’ยิ่งพูดยิ่งไม่เกรงใจ เพราะกวนจิ้งไม่ยอมให้เธอออกไปข้างนอก ทั้งยังไม่ให้เกียรติเธอมากพอ
หลินหยู่หานมีนิสัยหยิ่งยโสมาตลอด จนถึงตอนนี้กลายเป็นคนข้างกายของจงจิ่งห้าว แน่นอนว่ายิ่งต้องเย่อหยิ่งขึ้นอีก กวนจิ้งไม่ได้ประจบประแจงเธอ จับเธอ แถมยังชักสีหน้าใส่เธอ เธอเก็บความเกลียดไว้ในใจ
ไม่เพียงแค่สติที่เหลืออยู่บอกกับเธอ ยังไม่ใช่เวลา ตอนนี้เธอกำลังจะไปหาจงจิ่งห้าวเพื่อให้เขาไล่กวนจิ้งออก
กวนจิ้งมองท่าทางหยิ่งยโสของเธอ ยิ้มออกมา “ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอ”
‘หลินซินเหยียน’สีหน้าไม่สบอารมณ์
เธอแอบตัดสินใจเงียบๆในใจ รอเธอมีอำนาจ สิ่งแรกที่เธอจะทำก็คือกำจัดกวนจิ้งอออกไป!
“พยุงฉันสิ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันเจ็บเท้า หรือว่าคนของจงจิ่งห้าวเนี่ย ตาไม่มีแววกันหมดรึไง?”
กวนจิ้งขี้เกียจจะโต้เถียงกับเธอ ยื่นแขนออกไป เพื่อให้เธอใช้พยุงตนเอง
เขาขึ้นลิฟต์ไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม ผ่านล็อบบี้ไปที่ลานจอดรถด้านนอกโรงแรม ตอนที่กวนจิ้งจะขึ้นรถ‘หลินซินเหยียน’ก็พูดจาถากถางออกมา “ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรรึไง?”
กวนจิ้งหันหน้ากลับไป เธอจะวิจารณ์อะไรอีก?
“เปิดประตูรถสิ!” เธอจ้องมองเขาอย่างโมโห
กวนจิ้งจ้องไปที่ใบหน้าของเธอสักครู่ สุดท้ายก็เอื้อมมือออกไปเปิดประตูรถด้านหลัง
‘หลินซินเหยียน’สบถเสียงเย็นชา แล้วก้มตัวขึ้นรถ
“โง่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ช่วยของจงจิ่งห้าวได้ยังไง”
กวนจิ้งกัดกราม กระตุกริมฝีปาก
หวังว่าหลังจากไปถึงที่นั่นแล้วเธอจะยังปากดีได้แบบนี้
เขาสตาร์ทรถ
เพื่อไม่ให้ถูกจับได้และได้อยู่ข้างกายจงจิ่งห้าวอย่างราบรื่น ‘หลินซินเหยียน’ตรวจสอบมาแล้วว่าคนใกล้ตัวของจงจิ่งห้าวมีใครบ้าง ถือว่ารู้จักอยู่สักเล็กน้อย แม้แต่ว่านเยว่กรุ๊ปก็พอรู้บ้าง
แต่ทิศทางที่กวนจิ้งขับไปนั้นไม่ใช่ทางไปว่านเยว่
เธอขมวดคิ้ว “จิ่งห้าวไม่ได้อยู่ที่บริษัทหรอ? นายจะพาฉันไปไหน?”
กวนจิ้งมองเธออย่างเย็นชาผ่านกระจกมองหลัง “ถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ”
ไม่นาน รถก็หยุดลง ‘หลินซินเหยียน’เห็นชัดเจนว่าที่นี่คือที่ไหน ในใจรู้สึกตกใจ พูดเสียงสั่นเล็กน้อย “นาย นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?”