กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 184 ที่มาของไป๋เฉิง
จงจิ่งห้าวมือหนึ่งถือถุงพลาสติกห่อใหญ่ ส่วนอีกมือหนึ่งอุ้มลูกสาวไว้ เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต รถบัสคันใหญ่ก็กำลังจะออกพอดี แม่ลูกคู่นั้นที่พึ่งออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตก็โดยสารรถคันนี้
ขณะที่เด็กชายกำลังจะขึ้นรถ เขาก็หันไปมองเด็กผู้หญิงที่ถูกอุ้มไว้ ในใจก็คิดว่าช่างเป็นเด็กที่ใสซื่อไร้เดียงสาจริงๆ แต่ก็น่ารักมากๆเลย
“ขึ้นไปเร็ว”แม่ของเขาพูดเร่ง
เด็กชายจึงทำได้แค่รีบขึ้นรถไป
“พี่ชายล่ะคะ?”หลินลุ่ยซีมองไปรอบๆ และเนื่องจากทั่วทุกสารทิศล้วมเต็มไปด้วยรถและผู้คน เธอจึงไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าที่หน้าต่างรถบัสคันหนึ่งมีดวงตาสีดำสดใสคู่หนึ่งกำลังมองเธออยู่
ไม่นานรถบัสก็ขับออกไป ร่างของเธอค่อยๆหายลับไปจากสายตาของเขา
“คุณพ่อคะ เขาทำอะไรกันตรงนั้นหรอ?”หลินลุ่ยซีชี้ไปทางร้านขายถังหูลู่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ทางด้านหลังมีผู้คนรายล้อมอยู่ ดูคึกคักมาก
เธอกอดคอจงจิ่งห้าวไว้“คุณพ่อขา หนูอยากกินถังหูลู่”
จงจิ่งห้าวแหงนหน้ามองฟ้า แล้วก้มลงดูถุงขนาดใหญ่ที่อยุ่ในมือ อื้ม ถ้าลูกสาวอยากได้ล่ะก็ เขาก็ให้ได้แค่คำเดียวเท่านั้น ซื้อ!
“คุณพ่อใจดีจังเลยค่ะ”หลินลุ่ยซีประคองหน้าของจงจิ่งห้าวเอาไว้ จากนั้นก็ทั้งจุ๊บทั้งเอาหน้าแนบกับเขา อย่าว่าแต่ตัวเขาเองเลยขนาดภูเขาน้ำแข็งก็ยังละลายได้
เมื่อก่อนถังหูลู่จะมีแต่เซียงจาที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลทรายแดง แต่ตอนนี้ต่างก็มีผลไม้หลากหลายชนิดที่ถูกเคลือบน้ำตาล หลินลุ่ยซีอยากกินเซียงจาไม้หนึ่ง เซียงจาสีแดงสดที่เคลือบด้วยน้ำตาลแวววาว ดูน่ากินมาก
เธอเลียปากไปมา“ต้องอร่อยมากแน่ๆ”
จงจิ่งห้าวเดินไปจ่ายเงิน“พวกเราต้องไปแล้ว”
เด็กหญิงตัวน้อยพยักหงึกๆ เธอได้สิ่งที่ต้องการหมดแล้ว เธอรู้สึกพอใจมาก
พอกลับขึ้นไปบนรถก็เห็นว่าถังน้ำมันถูกเติมเต็มแล้ว ส่วนเสิ่นเผยซวนก็พาหลินซีเฉินกลับมาพอดี ในมือของเขาถือถังหูลู่ไว้เหมือนกัน
“ทำไมมาช้าขนาดนี้ พวกเรามาถึงได้สักพักแล้ว”หลินซีเฉินเหลือบมองจงจิ่งห้าวที่ถือของเข้ามาวางในรถ จากนั้นก็หันไปมองน้องสาวแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
เสิ่นเผยซวนเขกหัวเขาไปเบาๆ“เป็นเด็กเป็นเล็กถอนหายใจเรื่องอะไรกัน?”
หลินซีเฉินเบ้ปากแล้วนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับกินถังหูลู่
เสิ่นเผยซวนเดินตามจงจิ่งห้าวไป“ซูจ้านจัดการปัญหาเรื่องเหอลุ่ยหลิน……”
“เดี๋ยวค่อยพูด”จงจิ่งห้าวพูดขัดออกมา เขาไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินเรื่องสกปรกโสมมพวกนั้น
เสิ่นเผยซวนหุบปากลงทันที“งั้นเดี๋ยวผมไปรอข้างล่าง”
“อืม”จงจิ่งห้าววางลูกสาวลงแล้วเอาของกินวางไว้บนโต๊ะ“ลูกกับพี่ชายรออยู่ในรถก่อนนะ พ่อมีเรื่องต้องไปคุยกับคุณอาเสิ่น”
“ได้ค่ะ”หลินลุ่ยซีว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันที เธอดูเชื่อฟังอย่างน่าเหลือเชื่อ
จงจิ่งห้าวใช้มือยีผมเธอเบาๆ
เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหัวไปมา“ผมหนูยุ่งอยู่แล้ว คุณพ่อยิ่งมายีผมหนูมันก็ยิ่งพันกันสิคะ เดี๋ยวพอเจอหม่ามี๊แล้วหนูดูน่าเกลียด หม่ามี๊ก็จำหนูไม่ได้พอดี”
จงจิ่งห้าวหัวเราะออกมาเบาๆแล้วบีบแก้มเธอ“ใครจะกล้าว่าลูกสาวของพ่อน่าเกลียด?”
หลินลุ่ยซีดีอกดีใจมากจึงฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวเรียงกันเป็นแถว
พอจงจิ่งห้าวเดินลงจากรถไปก็เจอเข้ากับเสิ่นเผยซวนที่ยืนรออยู่หน้าประตูรถ เมื่อเห็นเขาเดินลงมาจึงถอยหลังออกไปสองก้าวเพื่อเว้นระยะห่าง
พวกเขาเดินห่างออกไปไม่ไกลจากรถนัก
“หลินหยู่หานตายแล้ว”
จงจิ่งห้าวชะงักไปครู่หนึ่ง ทำไมหล่อนถึงตายได้ล่ะ?
ตอนนั้นหลินหยู่หานแทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ส่วนเหอลุ่ยหลินนั้นถูกทรมานอย่างหนัก และการที่จงใจเก็บพวกหล่อนไว้ที่นี่ก็เพราะอยากให้พวกหล่อน‘ฆ่ากันเอง’ แต่ว่าการตายของหลินหยู่หานอยู่นอกเหนือจากการคาดเดาของเขา
เขานึกว่าคนที่ตายจะเป็นเหอลุ่ยหลินซะอีก แต่อันที่จริงใครตายก็เหมือนกัน เพราะถ้าไม่ตายก็ต้องถูกจับเข้าคุกข้อหาฆ่าคนตายอยู่ดี และพอถึงตอนนั้นสถานการณ์มันก็อาจจะรุนแรงจนอาจโดนโทษประหารได้
“ก่อนหน้านี้ดูไม่ออกเลยว่าเหอลุ่ยหลิน……”เสิ่นเผยซวนคิดเหมือนจงจิ่งห้าวว่าเหอลุ่ยหลินน่าจะเป็นคนที่ตายก่อน แต่ไม่นึกเลยว่าหลินหยู่หานที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยจะมาตายก่อน
รู้เลยว่าเหอลุ่ยหลินแข็งแรงขนาดไหน
บาดเจ็บขนาดนั้นยังฆ่าหลินหยู่หานได้
“หลักฐานที่หล่อนฆ่าหลินหยู่หานนั้นมีครบทุกอย่าง หล่อนดิ้นไม่หลุดแน่ แถมยังมีคดีฆาตกรรมเก่าของพี่ชายหยูโต้วโต้วอีก หล่อนต้องถูกโทษประหารชีวิตแน่ๆถ้ายืดเวลาออกไปอย่างช้าสุดก็น่าจะหนึ่งปี แถมครั้งนี้คนที่คุมตัวหล่อนก็ล้วนเป็นคนของผม ฉะนั้นมันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบเหอลุ่ยเจ๋ออีกแน่นอน”
ตอนนั้นพวกเขาจงใจที่ทิ้งเหอลุ่ยหลินกับเหอลุ่ยเจ๋อไว้ที่ห้องสอบสวนคดี ด้านในมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ เหอลุ่ยหลินฆ่าหลินหยู่หานยังไงมันจึงถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพราะงั้นเธอไม่มีทางชนะคดีได้แน่ แล้วบวกกับที่เธอจ้างนักฆ่าครั้งที่แล้วอีก เธอจะต้องโดนประหารอย่างไม่มีข้อกังขา
จงจิ่งห้าวยังคงสีหน้าเรียบเฉย ราวกับผู้หญิงที่ต้องโทษประหารชีวิตคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ที่เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ก็เพราะหล่อนทำตัวเอง โทษใครไม่ได้
ครั้งหนึ่งหล่อนเคยช่วยเขาไว้ เขาก็เลยใจดีกับหล่อน และไม่สนใจว่าเธอจะมีแผนอะไรในใจ แต่เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาคลาดกับหลินซินเหยียน แถมยังคลาดกันไปตั้งหลายปีด้วย
และมีหรอที่เขาจะไม่รู้ว่าเหอลุ่ยหลินคิดวางแผนจะทำอะไร?
เขารู้ดี แต่เพราะเห็นแก่บุญคุณครั้งนั้น ทว่าหล่อนกลับทำลายความอดทนและความรู้สึกขอบคุณที่เขามีต่อหล่อนไปจนหมดสิ้น
“ไปเถอะ”
เขาสาวเท้าก้าวขึ้นไปบนรถ
เสิ่นเผยซวนเดิมตามขึ้นมา“ซูจ้านก็มาแล้ว และคาดว่าอีกไม่นานคงจะตามพวกเราทัน”
จงจิ่งห้าวหันขวับ
เสิ่นเผยซวนแบมือออกทำท่าไม่รู้ไม่ชี้“ตอนที่เขาบอกผมว่าจะมา เขาก็ออกมาแล้ว อีกอย่างผมก็ห้ามเขาไม่ได้ เขามีขา และผมก็ไปตัดขาเขาไม่ได้นี่นา”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของจงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น เขาหยิบออกมาดู กวนจิ้งโทรมา
เขาไม่ถามเรื่องที่ซูจ้านจะมาต่ออีก แต่หันไปรับโทรศัพท์แทน กวนจิ้งกำลังจะรายงานเรื่องเหอลุ่ยหลิน จงจิ่งห้าวที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างรถจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ“เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว”
กวนจิ้งเลยรายงานเรื่องที่บริษัทแทน เขาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูข้อมูลที่กวนจิ้งส่งมาให้ พออ่านจบก็เซ็นรับแล้วส่งกลับไป จากนั้นก็คุยกันอยู่พักหนึ่งถึงได้วางสาย
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และแล้วพวกเขาก็มาถึงไป๋เฉิง
เสิ่นเผยซวนพูดขึ้น“วันนี้พวกเรานอนพักที่โรงแรมกันเถอะ เพราะหลายวันมานี้ได้แต่นอนพักผ่อนอยู่ในรถจึงนอนไม่ค่อยหลับ อีกอย่างจะได้ปล่อยให้เด็กทั้งสองไปวิ่งเล่นผ่อนคลายสักหน่อย”
จงจิ่งห้าวเหมือนไม่ได้ยิน เขายังคงอ่านหน้าเว็บอยู่ เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้วขึ้นพลางก้มตัวลงมา“ดูอะไรอยู่—”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็เห็นข้อมมูลที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว จงจิ่งห้าวกำลังดูข้อมูลเกี่ยวกับไป๋เฉิง
อย่างแรกก็คือประวัติความเป็นมาของไป๋เฉิง
เมื่อก่อนที่นี่ไม่ได้เรียกว่าไป๋เฉิง แต่เรียกว่าอำเภอเหมิงเฉิง
ที่นี่มีนักธุรกิจคนหนึ่งชื่อว่าไป๋หงเฟยเขาได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการจ้างงานของประชากรในท้องถิ่น ต่อมาที่นี่ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็นไป๋เฉิง ซึ่งเปลี่ยนตามนามสกุลของเขานั่นเอง
ประชากรของไป๋เฉิงมีไม่เยอะ แต่ตอนนี้ทั้งเมืองกลับรุ่งเรืองมาก และส่วนมากคนที่นี่ล้วนทำงานให้กับไป๋ซื่อกรุ๊ป
จงจิ่งห้าวเลื่อนดูต่อลงไปข้างล่าง ข้อมูลของไป๋หงเฟยมีไม่มากนัก จะมีก็แค่ประสบการณ์ความสำเร็จและความล้มเหลวในการก่อสร้างธุรกิจของเขาเท่านั้น ส่วนเรื่องนิสัยอารมณ์หรือครอบครัวนั้นแทบจะไม่มีเลย
“คุณพ่อคะ”หลินลุ่ยซีที่นั่งอยู่ข้างในตะโกนเรียกออกมา
“พวกเราจะพักที่โรมแรมไหม?ถ้าพักผมจะได้ไปจัดการให้”เสิ่นเผยซวนถามออกไปอีกครั้ง
จงจิ่งห้าวลุกพรวดขึ้น แล้วหันหน้าไปพูดกับเขา“พัก”
ถึงแม้ในรถจะมีครบทุกอย่าง แต่ว่ามันค่อนข้างแคบ อีกอย่างการพักผ่อนในรถมันก็ไม่ค่อยสบาย
“กระดุมเสื้อหลุดค่ะ”หลินลุ่ยซีคลานมานั่งบนเตียง ส่วนหลินซีเฉินนอนตะแคงอยู่ข้างๆ เห็นทีคงจะหลับไปแล้ว
“ไหนพ่อดูหน่อย”
หลินลุ่ยซีหยิบกระดุมขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าเขาพร้อมกับชี้ไปที่คอเสื้อ“มันหลุดมาจากตรงนี้ค่ะ”
“เดี๋ยวพ่อไปเอาตัวใหม่มาให้”จวงจื่อจิ่นเป็นคนเก็บเสื้อผ้าใส่ในลิ้นชักให้ เขาเปิดหาในลิ้นชักดูแล้วก็หยิบออกมาหนึ่งชุด“ชุดนี้ไหม?”
หลินลุ่ยซีส่ายหน้า“อันนี้มันชุดนอน”
จงจิ่งห้าวหาต่อ“อันนี้ล่ะ?”
“เดี๋ยวหนูหาเองก็ได้ค่ะ”หลินลุ่ยซีรู้สึกผิดหวังในตัวจงจิ่งห้าว เธอไถลลงจากเตียงแล้วเลื่อนลิ้นชักออก จากนั้นก็หยิบกระโปรงสีฟ้าออกมา“เอาชุดนี้ค่ะ หม่ามี๊เป็นคนซื้อให้เมื่อวันเกิดครั้งที่แล้ว”
จงจิ่งห้าวช่วยเธอถอดชุดที่กระดุมหลุดออก แล้วสวมกระโปรงสีฟ้าตัวนั้นที่เธอชอบ ใส่คู่กับเสื้อถักไหมพรม ดูทะเล้นมาก หลินซินเหยียนแต่งตัวให้ลูกสาวเก่งจริงๆ เธอรู้ว่าลูกเหมาะที่จะใส่เสื้อผ้าแบบไหน
เมื่อมองไปที่ลูกสาวจงจิ่งห้าวก็รู้สึกนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงถามออกไป“เสี่ยวลุ่ย วันเกิดลูกวันไหนหรอ?”
“เดือนพฤษภาคมค่ะ”เธอทำหน้ายู่“วันเกิดปีนี้ผ่านไปนานแล้ว คงต้องรอปีหน้า”
จงจิ่งห้าวยื่นมือออกไปลูบหัวเธอ
ในขณะนั้นเองรถก็หยุดลง เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา“ถึงโรงแรมแล้วครับ ที่นี่คือโรงแรมที่ดีที่สุดของไป๋เฉิง”
เขาผายมือออก“ซึ่งอยู่ในเครือธุรกิจของไป๋ซื่อกรุ๊ป”
ช่วยไม่ได้ธุรกิจส่วนใหญ่ของไป๋เฉิงล้วนเป็นของไป๋ซื่อกรุ๊ป