กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 192 ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ
สีหน้าของจงจิ่งห้าวอยู่ตรงแสง เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ไฟนั้นยังไม่ได้มอดหายไป กลับยิ่งลุกโชนมากขึ้น
“ฉันรู้แล้ว”จู่ๆหลินซินเหยียนก็พูดคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว“คุณรู้อะไร?”
“เหอรุ่ยหลินก็รู้เรื่องนี้ ตอนนั้นเธอเป็นคนให้ข้อมูลฉันเอง เพื่อล่อให้ฉันออกมา”เธอจงใจพูดเรื่องพวกนี้ เพื่อเบี่ยงประเด็นสนใจของจงจิ่งห้าว
เหอรุ่ยหลินก็ต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเรื่องในตอนนั้น ทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอ
พอคิดถึงเหอรุ่ยหลินผู้หญิงคนนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็นิ่งขรึมลง
หลินซินเหยียนคิดที่จะผละตัวออกมาจากเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย จงจิ่งห้าวกดไหล่ของเธอเอาไว้ ตอนนี้เขาตอบสนองกลับมา รู้แล้วว่าเธอจงใจเบี่ยงความสนใจของเขา
มีน้ำคลออยู่ที่ใต้ตาของเขา “ผมไม่ใช่เด็กๆแล้ว คุณจะให้ผมรออีกนานเท่าไร?”
พูดพลางร่างกายของเขาก็ลงต่ำกว่าเดิม พูดแซวเล่นที่ข้างหูของเธอ“ผมได้ยินมาว่ารักมันต้องกระทำออกมาให้เห็น”
บูม!
หลินซินเหยียนในหัวว่างเปล่าทันที เขา เขาพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง
ไม่……ไม่อายบ้างเลยเหรอ?
จงจิ่งห้าวจับใบหน้าของเธอ หน้ายับยู่ยี่ เขาดูซ้ายทีดูขวาที แววตาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เอ่อล้นออกมา“คุณสวยดูดีขนาดนี้ จะไม่ให้ผมรักและหวงแหนได้ยังไง?”
“ถ้าฉันหน้าตาไม่ดี แล้วคุณยังจะ……”หลินซินเหยียนปิดปากทันที เกือบหลุดพูดว่า คุณอยากจะหลับนอนกับฉัน ออกมาแล้ว
เธอหน้าแดง แทบอยากจะหาสักที่มุดหน้าหนีให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ
น่าอับอายเกินไปแล้ว
โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าของเขา
จงจิ่งห้าวยิ้ม จงใจถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว“ผมยังอยากจะทำอะไรนะ?”
“คุณลุกออกไปซะ ฉันหิวแล้ว”หลินซินเหยียนพยายามสลัดเขาออก
จงจิ่งห้าวสีหน้านิ่งๆ ก้มจูบลงที่ริมฝีปากของเธอ“ผมจะป้อนให้คุณอิ่มเอง ไม่ดีเหรอ?”
หลินซินเหยียน“……”
ก๊อกๆ……
หลินซินเหยียนตาเป็นประกายทันที คนคนนี้ช่างมาได้จังหวะเหลือเกิน เธอกำลังหาข้ออ้างไม่ได้อยู่พอดี
“รีบไปเปิดประตูเร็วเข้า”หลินซินเหยียนผลักเขาออก
จงจิ่งห้าวนิ่งไม่ขยับ สีหน้าไม่ได้ดีใจเหมือนกับก่อนหน้านี้
ใครกัน มาได้ขัดจังหวะขนาดนี้
ก๊อกๆ……“พ่อ”
พอเสียงประตูดังขึ้นจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเด็กที่หน่อมแน้มน่ารัก
“เสี่ยวลุ่ย”หลินซินเหยียนเสียงสั่น นั่นมันลูกสาวของเธอ
เธอหันมองไปยังผู้ชายที่อยู่บนตัวเธอ ในใจของเขาแอบรู้สึกไม่ดีใจอยู่นิดหน่อย ลูกสาวของเธอไม่ได้เรียกเธอ แต่กลับเรียกเขา
“พ่อ พ่ออยู่ไหม?”จากนั้นก็มีเสียงดังตามขึ้นมาอีก
จงจิ่งห้าวรู้สึกไม่เต็มใจ ในตอนนี้จะไม่ลุกขึ้นก็ไม่ได้ ลูกสาวกำลังรออยู่ข้างนอก
เขายื่นมือออกไปปิดเสื้อของเธอ เธอปัดมือของเขาออกอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นเพราะว่ารู้สึกเซ็งที่ลูกสาวไม่ได้เรียกตนเอง เธออุ้มท้องมาตั้งสิบเดือนก่อนจะคลอดออกมา เลี้ยงดูมาอีกหกปี ผลที่ได้กลับสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนนี้แทนเนี่ยนะ
จงจิ่งห้าวมองออกว่าเธอไม่สบอารมณ์ สะกิดจมูกของเธอ“แค่ลูกสาวคุณก็ยังหึง?”
หลินซินเหยียนไม่ส่งเสียงอะไร ก้มหน้าผูกเชือกชุดของเธอ
“พวกเราเป็นพ่อลูกกัน เลือดมันก็ต้องข้นกว่าน้ำ”เลือดในตัวเธอครึ่งหนึ่งก็คือของเขา การจะมีความรู้สึกดีให้กันมันก็เป็นสิ่งที่ถูกที่ควรอยู่แล้ว
หลินซินเหยียนไม่อยากพูดอะไรกับเขา รีบไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว หลินลุ่ยซีไม่รู้ว่าหลินซินเหยียนกลับมาแล้ว พอประตูเปิดออกเธอก็เรียก พ่อ ทันที
พอเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็น หลินซินเหยียน ก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นตาก็เริ่มแดง พูดขึ้นอย่างอ้อนๆ“หม่ามี๊ไปแอบอยู่ที่ไหน หนูกับพ่อหาหม่ามี๊ตั้งนาน หนูคิดถึงหม่ามี๊มากๆเลย”
พูดพลางก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอ กอดเอวของเธอไว้แน่น ก่อนจะซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเธอ“หม่ามี๊”
กลัวว่าหม่ามี๊จะหนีไปซ่อน แล้วเธอก็จะไม่เจอเธออีกแล้ว
เสิ่นเผยซวนยืนอยู่ข้างประตู จงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนหมกอยู่แต่ในห้องมาตลอดหนึ่งวัน คำพูดที่ควรจะพูด เรื่องที่ควรจะทำก็น่าจะทำกันเสร็จหมดแล้ว ดังนั้นเขาก็เลยพาเด็กสองคนมาโดยที่ไม่ได้บอกไม่ได้กล่าวก่อน เขาไม่ได้บอกเด็กทั้งสองคนว่าเจอตัวของหลินซินเหยียนแล้ว กะที่จะเซอร์ไพรส์พวกเขา
ตอนที่หลินลุ่ยซีเคาะประตูเมื่อตะกี้ หลินซีเฉินก็อยากจะไปเข้าห้องน้ำพอดี ตอนนี้ยังไม่ได้กลับมา
หลินซินเหยียนนั่งยองลง จับหน้าของลูกสาว เด็กน้อยดูเหมือนจะอ้วนขึ้น หน้ากลมกิ๊ก
“หม่ามี๊ไปแอบอยู่ที่ไหน ทำไมหนูหาหม่ามี๊ไม่เจอ?”สาวน้อยแบะปากน้อยๆสีชมพู
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าจะตอบกลับลูกสาวไปยังไง โอบเธอไว้ในอ้อมกอด ตอนนี้เธอเพิ่งเห็นหลินซีเฉินที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร ร่างกายผอมบางของเขายืนตัวตรง สองมือที่ห้อยอยู่ข้างๆกำหมัดแน่น
“เสี่ยวเฉิน”หลินซินเหยียนมองลูกชาย เขาผอมลง โครงหน้าดูเห็นชัดมากขึ้น ดูหน้าตาคล้ายกับจงจิ่งห้าว
เธอยื่นมือไปหาลูกชาย
หลินซีเฉินตาเริ่มแดง ยืดคอตรงร้องไห้ออกมา“นานขนาดนี้ หม่ามี๊ไปอยู่ที่ไหนมา? รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงหม่ามี๊มาก?”
“ขอโทษนะ……”หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าจะปลอบลูกชายยังไงดี ยื่นมือออกมาคว้าเขาเข้ามาในอ้อมกอด
หลินซีเฉินยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา พูดสะอึกๆ“หม่ามี๊ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมไม่ดีเอง ที่ไม่ได้ดูแลหม่ามี๊ให้ดี ผมเป็นชายอกสามศอกของครอบครัวแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้หม่ามี๊หายตัวไป เป็นเพราะผมไม่ดีเอง”
“เด็กโง่”หลินซินเหยียนกดหัวลูกชายลงในอ้อมกอด เขายังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น แต่ปากพูดออกมาได้ว่าเป็นเพาะเขาดูแลเธอไม่ดีพอ
เธอไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในใจออกมายังไง รู้สึกว่ามันแน่นตรงจมูก เจ็บลามขึ้นมาที่ดวงตา
จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา ยื่นมือมาลูบหัวของลูกชาย
พวกเขาถูกหลินซินเหยียนเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างดี ทั้งฉลาดและรู้เรื่องรู้ราว โดยเฉพาะลูกชาย บางครั้งรู้เรื่องรู้ราวจนน่าเอ็นดู
หลินลุ่ยซีมุดหัวออกมาจากอ้อมกอดของหลินซินเหยียน เงยหน้ามองจงจิ่งห้าว“พ่อเป็นคนหาหม่ามี๊เจอเหรอคะ?”
จงจิ่งห้าวตอบอื้อกลับมาเบาๆ
“ขอบคุณ”คำพูดนี้หลินซีเฉินเป็นคนพูดออกมา แม้ว่าเขาจะใส่ใจกับการกระทำในสมัยก่อนของพ่อคนนี้มากเกินไป แต่ครั้งนี้เขาช่วยหาหม่ามี๊จนเจอ
เขาก็เต็มใจที่จะขอบคุณเขา
“พวกเราไปกินข้าวเย็นกันไหม?”เสิ่นเผยซวนยืนอยู่ข้างประตู ทนรับไม่ได้กับภาพที่สะเทือนอารมณ์นี้
เขาไม่เคยเป็นพ่อคน ไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา
“ผมจองห้องที่ชั้นล่างไว้แล้ว เราไปฉลองให้กับการกลับมาอย่างปลอดภัยของคุณหลินดีไหมครับ?”เสิ่นเผยซวนพูดเสนอขึ้น
หลินซินเหยียนเช็ดหน้าให้กับลูกชาย ก่อนจะจูงมือของลูกชายลูกสาวลุกขึ้นมา โค้งตัวให้กับเสิ่นเผยซวน“ขอบคุณนะ ที่ช่วยดูแลพวกเขาตอนที่ฉันไม่อยู่”
เสิ่นเผยซวนตกใจทันที ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว อันนี้เขาก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
“ผมกับจิ่งห้าวเป็นพี่น้องกัน มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว คำว่าขอบคุณผมรับมันไม่ได้หรอกครับ”ตอนที่พูดสายตาของเขาชำเลืองมองไปยังจงจิ่งห้าว
ใครจะไปรู้ ว่าจงจิ่งห้าวแทบจะไม่ได้มองเขาเลย สายตาของเขาเอาแต่มองอยู่ที่หลินซินเหยียนและลูกๆทั้งสองคน ไม่มีเวลามองเขาเลยสักนิด
เขาก้มหน้าลูบจมูกด้วยความอึดอัด
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้?
หลินลุ่ยซีดึงมือของหลินซินเหยียน“หม่ามี๊ หนูหิวแล้ว”
หลินซินเหยียนก้มหน้ามองลูกสาว ตอนนี้รู้แล้วว่าเนื้อหนังที่หน้าของเธอมันมาจากไหน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”เสิ่นเผยซวนพูดอย่างยิ้มๆ
“รบกวนคุณแล้วนะคะ”หลินซินเหยียนจูงเด็กทั้งสองคนออกจากห้องไป หลินลุ่ยซีถูกจงจิ่งห้าวอุ้มจนชินแล้ว เบะปากพร้อมกับถามขึ้น
“หม่ามี๊ อุ้มหนูได้ไหม?”
หลินซินเหยียนไม่อยากปฏิเสธลูกสาว แม้ว่าขาของเธอยังเป็นแผลอยู่ก็ตาม เธอก้มตัวลงอุ้มเธอขึ้นมา
หลินซีเฉินมองน้องสาวของตัวเองพร้อมกับถอนหายใจ
“เด็กคนนี้ดื้อจริงๆ”
หลินซินเหยียนลูบหัวของลูกชาย“ลูกก็เป็นเด็กเหมือนกันนั่นแหละ”
หลินซีเฉินเบะปาก เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบน้องสาวสักหน่อย
รู้จักแต่ให้คนอื่นอุ้ม มีขาไว้ทำไมกัน?
พวกเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินนะ?
ลูกสาวก็ไม่ติดเขา หลินซินเหยียนก็‘ลืม’เขาไปแล้ว
พวกเขาอยู่ชั้นสาม พอจะลงไปชั้นล่างจึงรวดเร็วมาก เสียงติ๊งดังขึ้น ลิฟต์หยุดลง เสิ่นเผยซวนเดินนำทาง เขาก้าวออกจากลิฟต์ก่อน แต่กลับถูกจงจิ่งห้าวเรียกเอาไว้“นายรอก่อน”
เสิ่นเผยซวนหันกลับมาถามเขาว่าจะทำอะไร แต่พอสบตากับเขา ก็พูดอะไรไม่ออก
เก็บขากลับเข้ามา ยืนอยู่ข้างในอย่างเงียบๆ
หลินซินเหยียนนึกว่าพวกเขามีเรื่องจะคุย ก็เลยพาลูกๆเดินออกไปก่อน
พอหลินซินเหยียนออกไปแล้ว เสิ่นเผยซวนจึงเปิดปากพูดขึ้น“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หลินซินเหยียนกลับมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจหรือไง? ทำไมเขาต้องทำหน้าบึ้งตึง เหมือนกับมีคนกำลังทำให้เขาไม่พอใจอย่างไรอย่างนั้น?
เสิ่นเผยซวนพูดถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ เขาคงจะไม่ได้ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรอกใช่ไหม?
มีเรื่องอะไรก็พูดกันตรงๆ อย่าเมินเฉยใส่เขาแบบนี้
“เอ่อ……”
“ฉันกับเธอไม่ได้หย่ากัน”
ตอนที่เสิ่นเผยซวนเปิดปากพูดขึ้นอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่นั้น ในที่สุดจงจิ่งห้าวก็พูดขึ้น
เสิ่นเผยซวนกะพริบตา นี่มันหมายความว่ายังไง?
หรือว่า ที่เขาเรียกคุณหลินเมื่อตะกี้นี้ไม่ถูกต้อง?
“เอ่อ ต่อไปจะให้ผมเรียกพี่สะใภ้ใช่ไหม?”เสิ่นเผยซวนถามลองเชิง
ในบรรดาพวกเขาสามคนจงจิ่งห้าวใหญ่สุด
ซูจ้านเด็กสุด
“อื้อ”
เสิ่นเผยซวน“……”
“ตามนั้นก็แล้วกัน”เสิ่นเผยซวนถามว่าจะไปไม่ไป ถ้าไม่ไปลิฟต์ก็จะขึ้นไปข้างบนแล้ว
จงจิ่งห้าวครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะถามขึ้น“นายบอกหน่อยสิว่าเวลามีความรักต้องทำยังไง?”
เสิ่นเผยซวนแทบจะเสียสมดุล
นี่มันอะไรกัน?
หัวข้อพูดคุยมันเปลี่ยนไปเร็วมาก เขาตามไม่ทัน
เวลามีความรักมันต้องทำยังไง?!
เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของใครของมันไม่ใช่หรือไง