กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 200 เล่นสนุกแค่ชั่วคราวเท่านั้น
จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ ดึงแขนเสื้อขึ้นมา เสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ในกางเกง สองขาสูงยาวถูกกางเกงปกคลุมเอาไว้ วาดเส้นจากช่วงสะโพกเชื่อมต่อกับต้นขา ไหล่กว้างเอวแคบ รูปร่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
หลินซินเหยียนมองแขนของเขา เห็นเขากำลังซักเสื้อผ้า
นั่นก็คือกระโปรงของหลินลุ่ยซี ตอนที่กินข้าว เธอทำกระโปรงเลอะซุป
หลินซินเหยียนไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้มาก่อน ปกติเสื้อผ้าอาหารการกินของเขาจะมีคนมาจัดการจัดเตรียมให้ตลอด ไม่เคยลงมือทำเรื่องพวกนี้เองเลยสักครั้ง
ในตอนนี้ เขากลับซักเสื้อผ้าให้กับลูกสาว
รู้สึกซับซ้อนลึกซึ้งไม่น้อย
ขณะที่กำลังเหม่อลอย เธอรู้สึกนี่เป็นกลิ่นอายความรู้สึกของครอบครัว
ปกติธรรมดาและอบอุ่น
เธอแทบจะไม่ได้คิดอะไร เดินเข้ามา ยื่นมือออกมากอดเขาจากข้างหลัง แนบหน้าชิดแผ่นหลังที่กว้างและหนา“คุณเป็นคนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกหรือว่าเป็นคนที่มีความรู้สึกลึกซึ้งกัน?”
จู่ๆเธอก็เข้ามากอด ทำให้ร่างกายของจงจิ่งห้าวนิ่งชะงักไป แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติตามเดิม
เขาก้มหน้ามองมือของเธอที่กำลังโอบเอวตนเองอยู่ จู่ๆสายตาก็แฝงไปด้วยความดีอกดีใจ เสียงกลับกดเอาไว้ไม่แสดงออกมา
“ทำไมถึงถามแบบนี้?”
หลินซินเหยียนก็ไม่ปิดบังเขา“ฉันได้ยินที่ซูจ้านบอกว่าเหอรุ่ยหลินเข้าไปแล้ว เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสออกมาอีกแล้ว ทั้งหมดเป็นฝีมือของคุณ”
พอพูดถึงตรงนี้เสียงของเธอก็หยุดชะงักลง ครุ่นคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรต่อ“จะพูดยังไงเธอก็เคยอยู่กับคุณมาก่อน คุณทำเธอได้ลงคอจริงๆ”
จงจิ่งห้าวราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่หลินซินเหยียนพูด ตั้งหน้าตั้งตาซักเสื้อผ้าให้กับลูกสาวต่อ
ไม่ใช่ไม่ได้ยิน แต่แค่ไม่เต็มใจที่จะพูดอธิบายออกมาต่างหาก
เขาให้โอกาสกับเหอรุ่ยหลินหลายครั้งแล้ว แต่ก็เธอยังมาสะกิดฟางเส้นสุดท้ายของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่อีก
หลอกลวง วางแผนชั่วร้าย เขาเชื่อเธอเพราะเขาคิดถึงบุญคุณที่เธอเคยช่วยตนเองเอาไว้
แต่ว่าเธอล่ะ?
ทำอะไรลงไปบ้าง?
หลินซินเหยียนกัดริมฝีปาก ริมฝีปากสีชมพูเป็นรอยฝันลึกลงไป เธอหวังว่าจงจิ่งห้าวจะพูดอธิบาย ที่เขาทำแบบนี้เพราะว่ามีสาเหตุ เขาไม่ใช่คนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกขนาดนั้นสักหน่อย
“คุณไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?”
“คุณอยากให้ผมพูดอะไร?”
จงจิ่งห้าวหันตัวมา กระดุมที่คอเสื้อปลดออกสองเม็ด เผยให้เห็นถึงหน้าอกที่แข็งแกร่ง ตอนที่ซักเสื้อผ้าให้กับหลินลุ่ยซีทำให้เสื้อเชิ้ตของเขาพลอยเปียกไปด้วย ผ้าที่เปียกปอนแนบกับเนื้อของเขา ตอนที่เขาเอนตัวลงมา ความรู้สึกที่ก้าวร้าวรุนแรงก็ปะทะเข้าที่หน้า หลินซินเหยียนบิดหน้าไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้ ไม่กล้าไปสบสองตาที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของเขาตรงๆ
หลินซินเหยียนขยับริมฝีปาก“จากนี้ไปคุณก็จะทำแบบนี้กับฉันเพื่อผู้หญิงคนอื่นเหมือนกันใช่ไหม?”
แม้จะบอกว่าที่เขาทำแบบนั้นกับเหอรุ่ยหลินเพราะว่าเธอ แต่ เหอรุ่ยหลินอยู่กับเขามาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ลงมืออย่างเหี้ยมโหดโดยไม่คิดถึงมิตรภาพความรู้สึกที่ผ่านมาเลย แล้วมันต่างอะไรกับหลินกั๋วอันที่ทิ้งเมียและลูกไป?
เธอเคยเห็นชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวของแม่ เคยเห็นความโหดเหี้ยมไร้จิตใจของพ่อมาก่อน ทำให้เธอมักจะไม่มั่นใจในความรู้สึกอยู่เสมอ
รู้สึกอ่อนไหวและสงสัย
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว แววตาสั่นไหวเป็นประกาย จ้องมองตาของเธอทันที“คุณคิดกับผมแบบนี้? ในใจของคุณผมเป็นคนแบบนี้?”
หลินซินเหยียนหลบสายตาของเขา“ฉันไม่รู้!”
“หึ”เขาขำเบาๆ ไม่มีการบันยะบันยังเลยแม้แต่น้อย ผลักเธอไปข้างหลัง กดเธอเข้ากับกำแพง หลินซินเหยียนยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรกลับมา เขาก็กดตัวเข้ามา เอาร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอแนบชิดสนิทติดกับกำแพง
ทั้งที่รู้สึกหนาวเย็นแท้ๆ แต่กลับถูกร่างกายที่ร้อนผ่าวของเขา เผาจนร้อนฉ่า
“คุณ คุณทำอะไร?”
น้ำเสียงของเธออดกลั้นความตึงเครียดและความลังเลเอาไว้ไม่ได้
จงจิ่งห้าวจูบลงที่หน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาประกบที่ริมฝีปากของเธอ ไม่มีช่องว่างระหว่างริมฝีปากทั้งสอง แนบชิดติดแน่น ช่องปากของเธอมีกลิ่นของเหล้าจางๆ ไม่เข้ม มันยิ่งทำให้คนเสพติดมากขึ้นไปอีก เขาดึงลิ้นของเธอออกมา ก่อนจะดูดกลืนลิ้นของเธอ การจูบที่ดูดดื่มแบบนี้มันเจ็บปวดมาก มันเหมือนกับการถูกลงโทษ
หลินซินเหยียนเจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยว สองมือขูดข่วนที่ไหล่ของเขา“คุณทำให้ฉันเจ็บ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ……อื้อ……”
เหมือนกับว่าการกระทำของเธอมันรุนแรงเกินไป เขาขยับลงไปยังส่วนลับที่อยู่ตรงช่วงล่างเอวของเธอ เธอสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตรงนั้น
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป“จงจิ่งห้าว คนเลว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง ริมฝีปากเปิดออกเบาๆ ขนตาที่ยาวและหนาของเขาสะกิดตรงมุมตาของเธอ ความรู้สึกคันยิบๆ ทำให้หลินซินเหยียนสั่นเบาๆ
เขาแนบไปใกล้หูของเธอ“ถ้าคุณถามผมอีก ผมก็จะใช้วิธีการนี้ลงโทษคุณอีกเหมือนกัน”
เขาจงใจเข้าไปใกล้มากขึ้น สีหน้าดูคลุมเครือแล้วก็ขี้เล่น“คุณว่ายุติธรรมไหม?”
หลินซินเหยียนไม่กล้าขยับเขยื้อน แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรง สั่นสะดุ้งไปทั้งตัว กลัวว่าจะไปกระตุ้นเขาเข้า
จงจิ่งห้าวยิ้มแย้ม เขาไม่ได้หยอกล้อเธอต่อ ก่อนจะถามขึ้นอย่างเบาๆ“หลังจากที่ผมกลับแล้ว คุณดื่มเหล้าเหรอ?”
หลินซินเหยียนขนตางอนเด้ง“คุณไม่รู้?”
เขายกคิ้ว มันทำไมกัน?
“เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านดูเหมือนจะมองความสัมพันธ์ของพวกเราออก จงใจมอมเหล้าฉัน……”
จงจิ่งห้าวริมฝีปากขยับ โอบหลินซินเหยียนเข้ามาในอ้อมกอด“ต่อไปก็ทำตัวดีกับผมต่อหน้าพวกเขาหน่อยสิ”
ถ้าให้พวกเขารู้ว่าหลินซินเหยียนไม่ให้เขาแตะต้องตัวเธอล่ะก็
พวกเขาจะต้องหัวเราะจนฟันร่วงหมดปากแน่ๆ
หลินซินเหยียนก็อยากจะให้สิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ดีๆกับลูกทั้งสองคนเหมือนกัน เหมือนกับจงจิ่งห้าว ไม่ชอบถูกคนมาคอยจับสังเกตชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะในเรื่องของความรู้สึก
เมือตะกี้ก็เป็นเพราะเธอประมาทเลินเล่อเอง คนที่หยิ่งยโสแบบจงจิ่งห้าว จะไปพูดเรื่องชีวิตความรู้สึกของตัวเองกับคนอื่นได้ยังไง
“อื้อ”หลินซินเหยียนตอบรับ อย่างน้อยในสายตาของคนนอก พวกเขาต้องเป็นสามีภรรยาที่‘รักใคร่’กัน
“ไปนอนกันเถอะ”จงจิ่งห้าวพาเธอมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม ไม่ได้ทำอะไร แค่โอบกอดเธอเอาไว้
เช้าวันต่อมา ฟ้าเพิ่งจะสว่างหลินซินเหยียนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อคืนไม่รู้เป็นเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไปหรือว่าอะไร หลับลึกมาก มีแค่ช่วงกลางคืนตอนที่กำลังสะลึมสะลือรู้สึกว่าจงจิ่งห้าวกอดเธอแล้วก็จูบเธอไปสองสามทีเท่านั้น พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็รู้สึกว่านอนไม่หลับแล้ว ดังนั้นเธอเลยตื่นเช้า ในห้องจงจิ่งห้าวกับลูกทั้งสองคนยังคงนอนหลับอยู่ เธออยากที่จะไปเดินรับอากาศนอกโรงแรมสักหน่อย
ในเวลานี้ ตรงทางเดินตลอดทั้งแนวเงียบกริบ ทุกคนยังไม่มีใครตื่น
เธอเดินเบามาก กลัวว่าจะไปปลุกคนที่กำลังนอนหลับอยู่
ตอนที่เดินผ่านห้องของฉินยา จู่ๆประตูห้องของเธอก็เปิดออก ซูจ้านที่สวมเสื้อสูทรุงรังไม่เป็นระเบียบ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตอนที่เห็นหลินซินเหยียน ก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว โดยการปิดประตูเสียงดัง
หลินซินเหยียนยืนเหม่อตรงหน้าประตูอยู่นานสองนาน ซูจ้านออกมาจากห้องของฉินยาได้ยังไง?
หรือตัวเองตาฝาดไป?
เธอชำเลืองไปมองรอบๆ นี่เป็นห้องของฉินยาไม่ผิดแน่นอน
ซูจ้านในห้องก็ไม่ได้ไปไหน ยืนอยู่หลังประตู สีหน้าเจื่อนขาดความมั่นใจ ทำไมหลินซินเหยียนถึงอยู่ข้างนอกนั่น ในเวลาเช้าขนาดนี้?
“คุณยังไม่ไปอีก ยังอยู่ที่นี่ทำไมอีก?”ฉินยาหดตัวอยู่ในผ้าห่ม โผล่มาแค่สองตาที่แดงก่ำ
พอคนทยอยกลับไปแล้ว เธอก็ถูกซูจ้านเซ้าซี้ให้ดื่มเหล้า เธอถูกเซ้าซี้จนหมดหนทางต้องดื่มไปอีกหลายแก้ว ต่อมา ซูจ้านก็พูดเรื่องที่ตัวเองถูกบังคับให้แต่งงาน
ฉินยาถาม“คุณไม่มีแฟนเหรอ?”
ซูจ้านก็คิดถึงหลิวเฟยเฟยที่เป็นรักแรกของตัวเอง อารมณ์ความรู้สึกก็ยิ่งแย่ลง ดื่มเหล้าเพื่อคลายความทุกข์เศร้า
ฉินยารู้สึกว่าตัวเองพูดถึงเรื่องที่ทำให้เขาทุกข์ใจ
ก็เลยกระดกกินเหล้าเอง
ก็เลยพูดขอโทษเขา“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจ”
ซูจ้านยิ้มอย่างดูดี ฉวยโอกาสพูดขึ้น“คุณดื่มกับผมสักสองสามแก้วก่อน ผมถึงจะรับคำขอโทษของคุณ”
ผลที่ได้ทั้งสองคนดื่มกันมากเกินไป ต่อมาเธอขึ้นชั้นบนมาได้ยังไงเธอก็จำไม่ได้แล้ว
พอตื่นมาตอนเช้า ทั้งสองคนก็นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
ต่างก็โตๆเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ทำอะไรกัน ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ
ซูจ้านบอกว่าจะรับผิดชอบ
ฉินยากำผ้าห่ม ทั้งตัวสั่นกระส่ายไปหมด เห็นๆอยู่ว่าในใจอยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆ แต่ใบหน้ายังแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย“เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว หยุดพูดอะไรที่หน่อมแน้มแบบนั้นสักที”
แค่การทำผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ถึงกับต้องผูกมัดให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเลยอย่างนั้นเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น เธอดูออก ว่าซูจ้านเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ไม่เหมาะที่จะแต่งงานด้วยเลย
อีกอย่าง เธอไม่ได้ชอบเขาเลยด้วยซ้ำ
“นี่มันศตวรรษที่21กันแล้ว ไม่ใช่สมัยก่อนยุคปลดแอก ก็แค่วันไนท์สแตนด์เท่านั้นเอง เดี๋ยวทุกคนก็ลืมกันแล้ว เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ฉินยาแสดงสีหน้าท่าทางสงบนิ่งแปลกๆ
ซูจ้านรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อก่อนเขาเล่นก็ส่วนเล่น แต่ไม่เคยเอาเปรียบผู้หญิงคนไหนมาก่อน ถ้าเกิดมีความต้องการจริงๆ ก็จะไปหาประเภทที่ต้องจ่ายเงินซื้อเอา
พอเสร็จกิจแล้ว ก็จ่ายเงิน เจ๊ากันทั้งสองฝ่าย
แต่พอมาเจอผู้หญิงแบบฉินยา เขาไม่คิดว่าเธอจะเปิดกว้างมากกว่าเขาเสียอีก บอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบ แถมยังให้เขาลืมไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าไม่ค่อยสุขใจยังไงก็ไม่รู้
“เรื่องเกิดขึ้นแล้ว ผมจำได้แม่น ว่าสองมือของคุณกอดที่คอของผม ด้านล่างของผม……”
“ไสหัวออกไป!”คำพูดของซูจ้านทำให้ฉินยารู้สึกโกรธขึ้นมา
ความอับอายที่กดทับอยู่ภายในใจก็ระเบิดออกมาทันที
เธอตื่นตัวมาก แทบจะพูดคุยเจรจาต่อไปไม่ได้เลย ซูจ้านจึงพูดเสนอขึ้น“พวกเราสงบเงียบลงก่อน แล้วค่อยมาคุยกันดีไหม”
ใครจะไปรู้ว่าพอเขาออกไป ก็เจอเข้ากับหลินซินเหยียนที่อยู่ยืนหน้าประตู
เขายืนอยู่หลังประตู พอเห็นผ้าห่มที่กำลังขยับขึ้นๆลงๆ ก็รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มแน่ๆ
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เจอเรื่องแบบนี้แล้ว จะแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้หรอก
คำพูดที่ดูเหมือนใจกว้างที่เธอพูดพวกนั้น ก็แค่แสร้งทำเป็นพูดออกมาเท่านั้น
ซูจ้านไม่อยากปิดบังเธอ บอกกับเธอ ว่าตอนที่เขาเปิดประตูออกไป หลินซินเหยียนเห็นเขาเข้าแล้ว
“ว่าไงนะ?”ฉินยาลุกขึ้นมาจากเตียงทันที ถลึงสองตาโตด้วยความตกใจ หรือว่าหลินซินเหยียนจะรู้แล้วว่า……
เธอถึงขั้นที่ไม่กล้าคิดต่อ
น้ำตาไหลพรากออกมา
ทั้งอับอายทั้งเจ็บปวด
เป็นเพราะซูจ้านแท้ๆ!
“คุณทำลายฉัน”ฉินยากอดผ้าห่ม มุดหน้าเข้าไปในผ้าห่ม ส่งเสียงร้องไห้คราญครางออกมา
ตึ้งๆ…..
ในตอนนี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น