กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 212 ให้พวกคุณติดต่อกันไม่ได้
บนโซฟาฝั่งตรงข้ามมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาสวมชุดสูทรองเท้าหนัง หน้าตาสดชื่น บนกายยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ หลังอาบน้ำด้วย ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นอับดังเช่นเมื่อคืน
เส้นประสาทของเฉิงยู่ซิ่วเครียดขึง ถึงแม้ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่พวกเขายังไม่เคยได้เผชิญหน้ากันอย่างมีสติครบถ้วนแบบนี้
ชั่วขณะหนึ่งที่เธอไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน ให้มองเขายิ่งไม่กล้า เธอลุกขึ้นนั่งบนโซฟา พบว่าผ้าห่มที่คลุมให้เขาเมื่อคืน มันคลุมอยู่บนตัวเธอ
เฉิงยู่ซิ่วก้มหน้า “คุณ คุณสร่างเมาแล้วเหรอ”
จงฉีเฟิงตอบอืมเสียงบางเบา
เฉิงยู่ซิ่วรีบลุกขึ้นยืน เธอลุกขึ้นเร็วมาก จนเท้าสะดุดขาโต๊ะ จึงล้มกลับไปบนโซฟาอีกครั้ง เธอมือไม้พันกันไปหมด “ฉันจะเก็บเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องกลัวผม” จงฉีเฟิงลุกขึ้นยืน เขารู้สึกได้ว่าเฉิงยู่ซิ่วประหม่ามากเมื่อได้พบเขา ความสัมพันธ์ที่กระอักกระอ่วนแบบนี้มันน่าอึดอัดจริงๆ และเขาก็ไม่คุ้นเคยที่จู่ๆ ในบ้านก็ปรากฏผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน
“คุณเป็นคนที่เธอหามา คุณอยู่ได้อย่างมีความสุข ต้องการอะไรก็บอกผมได้ ถ้าคุณอยู่เฉยๆ แล้วรู้สึกอึดอัด ก็ออกไปข้างนอกได้ แต่ผมไม่อยากให้มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา”
เฉิงยู่ซิ่วลดสายตาลง “ฉันรู้”
หลังจากพูดจบจงฉีเฟิงก็ออกไป ไม่ได้อยู่ทานอาหารเช้า
ตั้งแต่วันนั้นจงฉีเฟิงจะกลับมาทุกคืน แต่ไม่ได้นอนห้องเดียวกันกับเธอ เขาพักผ่อนในห้องพักแขกชั้นล่าง
หลังจากนั้นเฉิงยู่ซิ่วถึงได้รู้ว่า ที่เขากลับมาทุกวันเป็นเพราะทำเพื่อให้เหวินเสียนเห็น
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงกลางวันที่เธอว่าง เพื่อไม่ให้เสียเวลา เฉิงยู่ซิ่วตัดสินใจออกไปหาอะไรทำข้างนอก จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าช่วงเวลามันผ่านไปอย่างอยากลำบาก
เธอมีวุฒิการศึกษา แต่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ที่ง่ายหน่อยก็เป็นการหางานในตำแหน่งเสมียน
เมื่อผ่านการสัมภาษณ์ แต่ละวันของเธอผ่านไปกับการทำงาน เป็นแบบนี้กระทั่งล่วงเลยไปสองเดือน
คืนที่จงฉีเฟิงกลับมา จะพักผ่อนข้างล่าง พวกเขาจึงแทบไม่ได้เจอกันเลย
ชีวิตของเธอเต็มที่มาก ตอนทำงานก็ยุ่งมาก หลังเลิกงานก็ศึกษาหาความรู้ หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอจะสืบค้นข้อมูลอยู่ในห้อง เรื่องในบริษัทที่ไม่เข้าใจ เธอจะบันทึกเอาไว้ หลังจากนั้นก็จะกลับมาศึกษาหาความรู้
วันนี้เธอก็เป็นดังเช่นปกติ หลังเลิกงาน ทานอาหารเย็นแล้วก็อาบน้ำและหาข้อมูลบนเตียง
ตอนที่เธอกำลังมีสมาธิ ได้รับโทรศัพท์จากเฉิงยู่เวินนี่คือคนเดียวที่เธอติดต่อด้วย และเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
พ่อเสียไปหมดแล้ว นี่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ
“หงเฟยอยากพบเธอ”
ไป๋หงเฟยไปเรื่องธุรกิจที่ต่างประเทศ บริษัทอยู่ในช่วงขยายโครงการ ต้องนำเข้าอุปกรณ์บางอย่าง เขาจึงจำต้องไปซื้อมันที่ต่างประเทศ
เพราะมันไม่ราบรื่น ดังนั้นจึงค่อนข้างล่าช้า กระทั่งเขากลับมา ถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับตระกูลเฉิง
และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาหาแฟนของเขาไม่เจอ ผู้หญิงที่รักของเขาเฉิงยู่ซิ่ว
เขามาที่บ้านเฉิงหลายครั้งเฉิงยู่เวินบอกแต่ว่าตัวเองไม่รู้ว่าเฉิงยู่เวินอยู่ที่ไหน แล้วก็ผลักไสไล่ส่ง
จนกระทั่งเขาจัดโครงการพัฒนาใหม่ในบริษัทเรียบร้อยแล้ว จึงมาบ้านเฉิงอีกครั้ง คราวนี้มีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ ถ้าเฉิงยู่เวินไม่บอกเขาว่าเฉิงยู่ซิ่วอยู่ที่ไหน เขาก็จะไม่ไปเฉิงยู่เวินไปที่ไหนเขาก็ตามไปที่นั่น
แม้แต่เฉิงยู่เวินเข้าห้องน้ำ เฉิงยู่ซิ่วก็ยังตามไป
เฉิงยู่เวินถูกบังคับจนไม่มีทางเลือก จึงได้แต่โทรหาน้องสาว
เมื่อเฉิงยู่ซิ่วได้ยินชื่อไป๋หงเฟย ก็ชะงักนิ่งไปเป็นเวลานาน หลังจากนั้นก็ร้องไห้กับตัวเองอย่างทนไม่ไหว
เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอคับข้องใจ เธอเจ็บปวด
“ฉันคิดว่าเขายังคงมีความรู้สึกต่อเธอ…”
“เขามีความรู้สึกต่อฉันแล้วยังไง” เฉิงยู่ซิ่วขัดจังหวะคำพูดพี่ชาย ถ้าแคร์เธอ รักเธอ แล้วเพราะอะไรเวลาที่เธอต้องการเขากลับหายตัวไป ถึงขั้นให้เธอติดต่อเขาไม่ได้
“ฉันไม่อยากเจอเขา คุณก็ไม่ต้องไปติดต่อกับเขา ตระกูลเฉิงของเราไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋อีกต่อไป”
พูดจบเฉิงยู่ซิ่วก็วางสายไปทันที
เธอฝังศีรษะลงในผ้าห่ม ร้องไห้เสียงดัง “มันเป็นคุณที่ละเมิดข้อตกลงของเรา เป็นคุณ…”
“คุณดูสิ เธอไม่อยากเจอคุณ”เฉิงยู่เวินมองไปยังไป๋หงเฟยที่ตัวผอมแห้ง
“พวกคุณมีปัญหาทำไมไม่ไปหาแม่ผม ถึงผมจะไม่ได้อยู่จีน แต่เธอยังอยู่…”
“คุณหยุดพูดไปเลย!”เฉิงยู่เวินยิ้มเยาะ ไม่พูดถึงคุณนายไป๋เฉิงยู่เวินก็ไม่ได้เกลียดไป๋หงเฟยเท่าไร แต่ทันทีที่ได้ยินการพูดถึงคุณนายไป๋ เขาก็พาลแสนจะเกลียดไป๋หงเฟยที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย “ยู่ซิ่วไปหาแล้ว แต่แม่คุณไม่ช่วย…”
“เป็นไปไม่ได้!” คำพูดของเฉิงยู่เวินยังไม่ทันจบ ก็ถูกไป๋หงเฟยขัดจังหวะ แม่ของเขาชอบเฉิงยู่ซิ่วมาก ตอนนั้นท่านยังเห็นด้วยกับการแต่งงานอยู่เลย และก็รู้ว่าเขาชอบเฉิงยู่ซิ่วมาก จะเป็นไปได้อย่างไรที่ว่าเฉิงยู่ซิ่วไปขอความช่วยเหลือแล้วไม่ยอมช่วย
“ถ้าไม่เชื่อคุณก็กลับไปถามแม่คุณ เรื่องที่ยกเลิกการหมั้น แม่คุณจ้างนักข่าวแถลงเอง!”เฉิงยู่เวินก็เริ่มโกรธแล้ว ในใจรู้สึกเกลียดการกระทำของคุณนายไป๋มาก
“แม่คุณเห็นตระกูลเฉิงของเราตกต่ำ เห็นเราไร้ประโยชน์แล้ว และต้องการเทคนิคการผลิตผ้าของตระกูลเฉิง แต่เมื่อยู่ซิ่วไม่ยอม แม่คุณก็เปลี่ยนโฉมหน้า ไม่เพียงไม่ยอมช่วย ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของตระกูลเฉิง ยังประกาศยกเลิกความสัมพันธ์กับเรา ทำให้สถานการณ์ของตระกูลเฉิงยากลำบากเข้าไปอีก คุณดีกับยู่ซิ่วน้องสาวของผม ไม่ใช่ว่าเพราะติดใจเทคนิคการผลิตผ้าของเราหรอกเหรอ! พอน้องสาวของผมไม่ยอมให้ พวกคุณก็เปลี่ยนโฉมหน้าทันที!”
“ไม่จริง! ผมรักยู่ซิ่ว ผมชอบเธอ!” ไป๋หงเฟยขัดจังหวะเฉิงยู่เวิน“ผมจะกลับไปถามท่านเดี๋ยวนี้ ถ้ามันไม่ใช่ปัญหาที่ตัวแม่ผม…”
“ถ้ามันไม่ใช่ปัญหาที่ตัวแม่คุณ ผมจะตัดหัวลงมาให้คุณใช้แทนเก้าอี้ คุณควรถามเธอตั้งนานแล้ว ตอนนี้ยู่ซิ่วของตระกูลเราไม่เหมาะกับคุณ คุณเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลไป๋ ยู่ซิ่วของตระกูลเราเป็นแค่‘สุนัขไร้บ้าน’เพื่อช่วยเหลือตระกูลเฉิง ช่วยเหลือผม…”
ยิ่งเฉิงยู่เวินพูดน้ำเสียงยิ่งลดลง จนสุดท้ายก็ปิดหน้าและร้องไห้
ว่ากันว่าผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆ จนกว่าความโศกเศร้าที่แท้จริงจะมาถึง
ตระกูลเฉิงตกต่ำในชั่วข้ามคืน ถ้าไม่ใช่น้องสาวเขาก็คงตายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่น้องสาวตอนนี้ก็ไม่มีตระกูลเฉิงแล้ว เทคนิคการผลิตผ้าคงถูกปล้นไปนานแล้ว
เขาเป็นผู้ชาย กลับต้องให้น้องสาวช่วย
เขานี่มันแย่จริงๆ
ไป๋หงเฟยหันหลังวิ่งออกจากบ้านตระกูลเฉิงไป ขับรถตรงไปที่บ้านตระกูลไป๋
ที่บ้าน คุณนายไป๋เพิ่งกลับมาจากการไปเสริมสวย แม้อายุค่อนข้างมาก แต่ยังบำรุงรักษาอย่างดี ดูไปแล้วก็เหมือนวัยสามสิบต้นๆ เห็นลูกชายขมวดคิ้วรีบร้อนเข้ามา “แกอายุเท่าไรแล้ว ทำไมยังงุ่มง่ามไม่สำรวม”
“ตอนที่ตระกูลเฉิงประสบปัญหา ยู่ซิ่วมาหาคุณ คุณไม่ช่วยเธอใช่ไหม” ไป๋หงเฟยถามทั้งที่ตาแดง
คุณนายไป๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นก็มองเขาด้วยความไม่พอใจ “แกไปบ้านตระกูลเฉิงอีกแล้วเหรอ”
“ผมถามคุณว่าใช่หรือไม่!” ไป๋หงเฟยไม่เคยขึ้นเสียงใส่แม่มาก่อน ครั้งนี้เป็นเพราะเขาร้อนใจ
เขาไม่เชื่อว่าแม่ของเขาจะเป็นคนแบบที่เฉิงยู่เวินบอก
คุณนายไป๋นั่งบนโซฟา เงยหน้ามองลูกชาย “พ่อของแกเสียชีวิตไปก่อน ฉันคนเดียวประคับประคองตระกูลไป๋มาจนถึงทุกวันนี้ มันง่ายนักเหรอ ความทุกข์ยากภายใน…”
“ผมถามคุณอยู่ ยู่ซิ่วมาหาคุณใช่ไหม!” ไป๋หงเฟยขัดจังหวะเธอ
“ใช่!” คุณนายไป๋ก็เริ่มโมโหแล้ว แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ดูสิเขาใจร้อนแค่ไหน
“แกยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ยังเป็นลูกฉันหรือเปล่า แค่ผู้หญิงคนเดียว ถึงขนาดมากดดันถามฉันเลยงั้นเหรอ”
ไป๋หงเฟยเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานานสติก็ไม่กลับมา ผ่านไปนานมาก เขาถึงได้เข้าใจชัดเจน “คุณให้ผมไปต่างประเทศเพื่อนำอุปกรณ์เข้ามา มันเป็นความตั้งใจของคุณงั้นเหรอ”
คุณนายไป๋ไม่พูด
“มือถือของผมตกน้ำก็เป็นแผนของคุณเหรอ”
“เมื่อผมไปถึงต่างประเทศแล้วเกิดเรื่อง เป็นเพราะคุณจัดการสร้างปัญหา จงใจถ่วงเวลาผมกลับมาใช่ไหม”
ไป๋หงเฟยไล่บี้ถามเน้นย้ำทุกคำทุกประโยค
ซึ่งคุณนายไป๋ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ไม่ผิด วันนั้นหลังจากจบงานวันเกิดของยู่ซิ่ว แล้วแกกลับมา ฉันได้รับโทรศัพท์จากเฉิงยู่เวินบอกว่าพ่อของเขาตายแล้ว ในตระกูลเฉิงคนที่มีความสามารถหน่อยก็คือคุณพ่อเฉิง เมื่อเขาตายไปตระกูลเฉิงจะเป็นแบบไหนก็ไม่มีใครรู้ได้ ดังนั้นฉันจึงตั้งใจให้แกไปต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ยู่ซิ่วติดต่อแกได้ ฉันจึงจงใจแกล้งทำเป็นว่าโทรศัพท์มือถือของแกตกน้ำ ให้แกใช้โทรศัพท์มือถือของฉัน เมื่อแกเปลี่ยนการ์ด ฉันแอบเปลี่ยนการ์ดโทรศัพท์ของแกเป็นของฉัน รอจนแกไปต่างประเทศแล้วพบว่าเบอร์โทรศัพท์มือถือไม่ใช่ของแก ฉันก็แค่บอกว่าตอนนั้นสับสน ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไปบ้านตระกูลเฉิง ไปดูให้แน่ชัดว่าคุณพ่อเฉิงตายแล้ว ที่จริงในตอนที่เฉิงยู่ซิ่วเศร้าโศกแทบขาดใจ จึงเอามือถือของเธอมาปิดแล้วโยนมันทิ้ง เพื่อให้พวกแกติดต่อกันไม่ได้”