กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 216 แต่งภรรยาเพื่ออะไร
“คุณบาดเจ็บเหรอ” จงฉีเฟิงงุนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบหันหลังให้เธอ
“คุณพาฉันไปส่งโรงพยาบาลที”
รูปแบบการพบกันแบบนี้มันสุดแสนจะน่าอาย แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว
เธอไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร อย่างไรก็ตามมันไม่ได้รู้สึกดี
จงฉีเฟิงรีบเดินไปที่เตียงและดึงผ้าคลุมเตียงมาปกปิดห่อรอบตัวเธอ แล้วอุ้มเธอขึ้น
เธอเบามาก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงอุณหภูมิและลมหายใจของเธออย่างชัดเจน เขากัดกรามแน่นโดยอัตโนมัติ “ล้มแล้วบาดเจ็บตรงไหน”
ไม่อย่างนั้นจะมีเลือดได้อย่างไร
ตามที่จงฉีเฟิงเข้าใจคือต้องบาดเจ็บตรงไหนสักที่ถึงจะมีเลือดบนพื้น
เฉิงยู่ซิ่วก้มศีรษะ เธอไม่อยากพูด ไม่รู้จะพูดอะไร บางทีอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองควรใช้สีหน้าแบบไหนหรือจัดเรียงคำพูดอย่างไรเพื่อบอกกับเขาว่าตนอาจจะท้อง และเด็กเป็นลูกของเขา
เธอมองความรู้สึกที่เขามีต่อภรรยาของตัวเองออก
เธอไม่รู้ว่าเขาจะเกลียดเด็กหรือไม่
จะไม่ชอบหรืออาจจะไม่ต้องการหรือเปล่า
มันมีความไม่แน่นอนมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าบอก
ในไม่ช้าเธอก็ถูกนำส่งโรงพยาบาล
ไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเพราะเธอท้องจริงๆ สองเดือน เก้าสัปดาห์แล้ว
แต่ตัวเธอกลับไม่รู้เลย เพราะว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้อง ดังนั้นเธอจึงไม่รู้
มีภาวะจะแท้งเกิดขึ้น หมอแนะนำให้เธอนอนพักนิ่งๆ อยู่บนเตียง จนกว่าทารกในครรภ์คงที่ถึงจะสามารถลุกขึ้นมาเดินได้
นอนบนเตียงผ่าตัด เฉิงยู่ซิ่วมองไปยังแสงไฟสว่างจ้าตรงหน้าด้วยความสับสน ที่ปลายจมูกเป็นกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล ทั้งฉุนและเย็น “ฉันดื่มไวน์นิดหน่อย จะมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือเปล่าคะ”
“ถ้าเล็กน้อยไม่มีผลอะไร ถ้าคุณกังวลก็ตรวจแต่เนิ่นๆ สถานการณ์ของคุณตอนนี้อันตรายมาก เพราะมีอาการตกเลือดแล้ว ถ้าคุณต้องการเด็กคนนี้ ต้องพักผ่อนให้ดี มิฉะนั้นก็รับประกันไม่ได้”
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้าและบอกว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ระหว่างที่หมอเข็นเธอออกไป เธอหลับตาแกล้งหลับ
จงฉีเฟิงยืนอยู่ริมหน้าต่างทางเดินเพื่อรับโทรศัพท์ ได้ยินเสียงประตูห้องผ่าตัดเปิด เขาจึงบอกว่ารอจนกว่าผมเข้าบริษัทพรุ่งนี้ แล้ววางสายไป เขาเดินเข้ามา มองเฉิงยู่ซิ่วที่นอนอยู่บนเตียง เธอหลับตาเหมือนว่าจะหลับอยู่
และเห็นว่าสีหน้าค่อนข้างซีด
เขามองไปที่หมอและสอบถามว่า “เธอไม่ได้บาดเจ็บหนักใช่ไหมครับ”
“เธอไม่ได้บาดเจ็บอะไร แค่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะแท้ง ถ้าต้องการเด็กคนนี้ เกรงว่าจะต้องอยู่แต่บนเตียงนิ่งๆ”
เฉิงยู่ซิ่วที่นอนอยู่บนเตียง มือที่อยู่ข้างใต้ผ้าห่มจับผ้าปูเตียงแน่น ประหม่าตึงเครียด และกลัวจะได้ยินเขาพูดสิ่งที่ต้องการออกมา
ส่วนจงฉีเฟิงยืนอยู่ที่เดิม สติหายไปนานมาก เธอ เธอท้องเหรอ
ลูกของใคร
ลูกของเขาเหรอ
เขาเองก็เกิดความสับสนขัดแย้งกันในใจเช่นเดียวกับเฉิงยู่ซิ่ว
ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับการมาถึงโดยไม่คาดฝันนี้อย่างไร ไม่รู้ว่าต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกแบบไหน
“นาน นานแค่ไหนแล้วครับ” มองสองข้างที่อยู่ข้างตัวกำเข้าหากันแน่น
“เก้าสัปดาห์” หมอบอก “เธอมีภาวะเครียดกังวลเกินไปไม่เอื้อต่อการบำรุงดูแลเด็กในครรภ์ ต้องพักผ่อน และต้องมีสติตระหนักรู้ให้มากขึ้นกว่านี้”
จงฉีเฟิงบอกว่าเข้าใจแล้ว
จากนั้นเธอก็ถูกส่งไปห้องพักฟื้นพร้อมกับเจ้าหน้าที่การแพทย์
และหมอก็ให้ข้อควรระวังเพิ่มเติมบางส่วนด้วย “เธอตกเลือดแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถลงเดินบนพื้นได้ ทั้งไม่สามารถทำงานและไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้”
หมอเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยากัน ดังนั้นจึงพูดตรงๆ
จงฉีเฟิงกระแอมไอออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ก่อนจะเอ่ยบางเบาว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ”
หลังจากแจ้งจบแล้ว หมอจึงนำพยาบาลออกไป
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกโชคดีที่เธอแกล้งทำเป็นหลับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับจงฉีเฟิงอย่างไร
มันน่าอายเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้นหน้าก็ยังแดง
มันร้อนวูบวาบเหมือนโดนแดดเผา
จงฉีเฟิงยังคงตกอยู่ใน“ความประหลาดใจ”ที่ไม่คาดคิดนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างเป็นเวลานาน นานมาก จนหลายครั้งที่เฉิงยู่ซิ่วคิดว่าเขาไปแล้ว
เธอรู้ว่าเวลานี้ในใจของเขาเกรงว่าก็คงจะยุ่งเหยิงสับสน
กริ๊งๆ——-
ขณะนี้ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาดังขึ้น
เขาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา บนหน้าจอขึ้นสองคำว่าเหวินเสียน เขามีสีหน้าคาดไม่ถึง กดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล”
“ฉันเอง คุณพ่อให้คุณเข้ามาหา”
เขาหลับตาลงพร้อมกับเอ่ยบางเบา “ได้”
พูดจบเขาก็วางสาย และต่อสายไปที่บ้านเพื่อเรียกคนรับใช้ให้มาดูแลเฉิงยู่ซิ่ว หมอบอกว่าเธอไม่สามารถเดินได้ ข้างกายจึงต้องมีคนอยู่ด้วย
เมื่อจัดการทางนี้เรียบร้อยแล้วเขาถึงได้ออกไป
เหวินเสียนมาอยู่บ้านนานเกินไป เหวินจิ่นจึงคิดว่าเธอมีปัญหากับจงฉีเฟิง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่าอยากให้จงฉีเฟิงมาดื่มเป็นเพื่อนเขา ดังนั้นเหวินเสียนจึงโทรหาจงฉีเฟิงบอกให้เขาไปที่บ้าน
เป็นอย่างที่คาด ทันทีที่ลงนั่ง เหวินจิ่นก็เปิดปาก “ฉีเฟิง คุณกับเหวินเสียนแม้แต่งงานกันได้ไม่นาน แต่เหวินเสียนกลับมาอยู่บ้านสองเดือนแล้ว คุณไม่มาหาเธอเลย และไม่มารับเธอ พวกคุณเป็นคู่สามีภรรยาแบบไหนกัน”
เหวินเสียนดวงตาเบิกกว้าง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ พ่อตัวเองจะพูดอย่างนี้ จึงรีบอธิบาย “คุณพ่อคะ เป็นฉันเองที่อยู่ที่นั่นแล้วไม่ชิน จึงได้กลับมา ฉีเฟิงยุ่งมาก คุณเรียกเขามาเพื่อพูดสิ่งนี้เหรอ”
เหวินจิ่นเหลือบมองลูกสาว “ทำไม แต่งงานไปแล้วก็เลยไม่สนพ่อแกแล้วงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่….” เหวินเสียนอยากอธิบาย แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
จงฉีเฟิงจับมือของเธอ มองเหวินจิ่นและพูดว่า “ผมละเลยเองครับ วันนี้ผมจะพาเธอกลับไป”
เหวินจิ่นมองจงฉีเฟิงในแง่ดีมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้แต่งกับลูกสาวของเขา จึงพูดอย่างจริงจังว่า “ผมรู้ว่าคุณงานยุ่ง แต่ถึงอย่างไรพวกคุณก็เป็นสามีภรรยากัน แต่งงานกันมาปีกว่าแล้ว มีเวลาว่างค่อยกลับมา ถึงเวลาที่ควรมีลูกได้แล้ว”
“คุณพ่อ” เหวินเสียนมองพ่ออย่างขุ่นเคือง พูดเรื่องพวกนี้ตลอดเลย
“ไม่ต้องพูด” เหวินจิ่นโบกมือ
ขณะนี้เหวินชิงเข้าประตูมา เหวินชิงเป็นพี่ชายของเหวินเสียน ตอนนี้อายุยังน้อยก็เป็นผู้พันเหวินแล้ว เรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถ
ตระกูลเหวินเป็นข้าราชการระดับสูงตั้งแต่รุ่นปู่ของเหวินเสียน กระทั่งถึงรุ่นของพวกเธอก็ไม่ได้ตกลง พ่อของเธอเหวินจิ่นเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเมืองB พี่ชายเธอเข้ากองทัพมานานมากแล้ว ตอนนี้เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปีก็เป็นถึงผู้พัน ความสำเร็จในอนาคตสดใส
เขาถอดเครื่องแบบออกแล้ว เดินเข้ามาเห็นจงฉีเฟิงก็อยู่ด้วยจึงยิ้มให้ “น้องเขยก็มาด้วย”
จงฉีเฟิงพยักหน้า
เหวินชิงดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง เหลือบมองน้องสาวก่อนจะยิ้มและพูดว่า “มารับเธอเหรอ”
จงฉีเฟิงเหลือบมองเหวินเสียน “ใช่ครับ งานยุ่งมากจนละเลยไป พี่ใหญ่คงจะไม่ตำหนิผมนะครับ”
เหวินชิงรินเหล้าให้จงฉีเฟิง “รู้ว่าคุณยุ่ง น้องสาวคนนี้ของผมก็เอาแต่ใจ เดี๋ยวคุณยังได้แบกรับภาระนี้อีกเยอะ”
“พี่ชายคะ ฉันเป็นน้องสาวคุณนะ ทำไมคุณไม่พูดเข้าข้างฉันล่ะ” เหวินเสียนแกล้งทำเป็นไม่พอใจ
“ฉันพูดข้างเหตุผล แกกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ตั้งสองเดือน แล้วฉีเฟิงจะแต่งภรรยาไปเพื่ออะไร เก็บไว้ดูเล่นเหรอ ไหนจะเรื่องทายาทสืบสกุล และยังมี…”
เขามองจงฉีเฟิงอย่างคลุมเครือด้วยสายตาที่ต่างคนต่างเข้าใจ
ในใจจงฉีเฟิงหมดหนทาง หลังจากดื่มเหล้าที่เหวินชิงเทให้เขาแล้วก็จับมือเหวินเสียนแน่น มีหลายพันคำที่อยากจะพูด แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เขามองเหวินเสียนแล้วพูดไม่เต็มเสียงว่า “เหวินเสียนดีมาก ผมสามารถแต่งเธอเป็นภรรยา ผมมีความสุขมาก ถ้ามีโอกาส ผมยินดีใช้ทั้งชีวิตต่อจากนี้เพื่อรักเธอครับ….”
ความทุกข์ในใจเขาคงไม่มีใครรับรู้ เขารินเหล้าให้ตัวเองอีกครั้งแล้วดื่มเข้าไป
ไม่มีใครสามารถอ่านความหมายในสิ่งที่เขาพูดได้ แต่เหวินเสียนรู้ดีว่าเขามีความกล้ำกลืนฝืนทนเพียงใดกับสิ่งที่อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้
มือของเธอแตะหลังของเขา เธอมองออกว่าเขาอารมณ์ไม่ดี กลัวว่าเขาจะพูดอะไรจึงมองเขาและพูดว่า “ขอโทษนะ เป็นเพราะฉันเอาแต่ใจเกินไป ทันทีที่ฉันมาฉันก็ลืมกลับบ้าน หลังจากนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”
“พวกคุณอยากแสดงความรักก็กลับไปแสดงที่บ้าน รีบๆ เลย” เหวินชิงแกล้งทำเป็นไม่ชอบ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนับว่าดี หลังจากทานข้าวเสร็จจงฉีเฟิงและเหวินเสียนก็กลับไปวิลล่า
ระหว่างทาง เหวินเสียนมองจงฉีเฟิงพลางถามว่า “วันนี้คุณอารมณ์ไม่ดีเหรอ”
จงฉีเฟิงนิ่งเงียบ
เหวินเสียนจึงเอ่ยขอโทษ “ขอโทษ….”
“เธอท้อง”