กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 217 ผมไม่ได้เข้าใจผิด
คำพูดของเหวินเสียนติดอยู่ในลำคอ ใช้เวลาสักพักถึงได้ตอบสนอง
“นานเท่าไรแล้ว”
จงฉีเฟิงหยุดรถเข้าข้างถนน จุดบุหรี่ ยังคงเงียบไม่พูดจา
เหวินเสียนไม่รีบร้อน รอด้วยความอดทน รู้ว่าเขาอาจจะกำลังไม่สบายใจอย่างมาก ถึงเฉิงยู่ซิ่วจะดีแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานนัก
“ให้คลอดออกมาเถอะ” เหวินเสียนพูดบางเบา
จงฉีเฟิงพ่นควันขาว เป็นลูกของเขา เขาก็ต้องการอยู่แล้วโดยปริยาย แต่ต้องกลายเป็นลูกนอกสมรสน่ะเหรอ
“พรุ่งนี้ฉันจะโทรหาที่บ้าน บอกครอบครัวว่าฉัน‘ท้อง’ รอจนเธอคลอด ฉันจะบอกว่าฉันคลอดแล้ว ให้เด็กมีสถานะที่เหมาะสม เป็นแบบนี้จนกระทั่งฉันจากไปแล้ว ตระกูลเหวินกับตระกูลจงจะยังคงเป็นญาติ เด็กก็จะเติบโตขึ้นท่ามกลางการดูแลของทั้งสองตระกูล เมื่อเติบโตขึ้นก็จะได้รับการคุ้มครองจากตระกูลเหวินโดยอัตโนมัติ….”
“อยากจากไปขนาดนั้นเลย” จงฉีเฟิงหัวเราะเยาะ เป็นครั้งแรกที่แสดงความไม่พอใจของตัวเองต่อหน้าเธอ
เหวินเสียนเม้มปาก มันเป็นความเห็นแก่ตัวของเธอ เรื่องราวมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
“ขอโทษ….”
“ผมไม่อยากฟัง”
จงฉีเฟิงขัดจังหวะเธอ
เหวินเสียนหลุบตาลง ด้วยประโยคนี้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองยังสามารถพูดอะไรได้อีก
“รอเด็กคลอดออกมาแล้ว ผมจะปล่อยคุณไป ช่วงนี้คุณอยู่วิลล่าเพื่อดูแลเธอ คนอื่นผมไม่วางใจ เธอมีสัญญาณของภาวะแท้ง หมอบอกว่าต้องพักผ่อนให้มาก”
“ได้ คุณวางใจ ฉันจะดูแลเธออย่างดี”
เหวินเสียนไม่ได้กลับไปที่วิลล่า แต่ตรงไปที่โรงพยาบาล หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว วันต่อมาเธอก็ประกาศว่าตัวเองท้อง
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจง หรือตระกูลเหวิน ล้วนแล้วแต่ดีใจมาก
เมื่อเป็นแบบนี้ เฉิงยู่ซิ่วจึงให้ชีวิตอยู่กับการบำรุงดูแลลูก
ในวันธรรมดานอกจากคนรับใช้ยังมีเหวินเสียนที่คอยดูแลเธอ
“ไม่ได้อึดอัดไม่สบายตรงไหนใช่ไหม” ระหว่างทานอาหาร เหวินเสียนสอบถาม เพราะเธอพบว่าเฉิงยู่ซิ่วทานน้อยมาก กลัวว่าเธอจะไม่สบาย
เฉิงยู่ซิ่วส่ายหน้า “เปล่า ทำให้คุณต้องอยู่ที่นี่…”
“ไม่ต้องกดดัน ครรภ์ของคุณเป็นเด็กของตระกูลเหวิน และก็เป็นของฉันด้วย ฉันแค่พยายามทำเพื่อคุณอย่างดีที่สุด” เหวินเสียนกลัวว่าเฉิงยู่ซิ่วจะไม่สบายใจ เพราะไม่มีแม่คนไหนเต็มใจยกลูกตัวเองให้เป็นของคนอื่น
เธอดึงเก้าอี้ออกนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย แล้วดึงมือของเฉิงยู่ซิ่วมาจับ “ตระกูลเหวินกับตระกูลจงจัดงานแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกของคนสองคน เป็นการรวมผลประโยชน์ของสองตระกูล คุณเข้าใจไหม”
ตระกูลเหวินไม่เคยก้าวเข้าสู่ธุรกิจ แต่ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของท้องถิ่น เศรษฐกิจของทั้งเมือง ล้วนขับเคลื่อนโดยธุรกิจในท้องถิ่น ตระกูลจงมีศักยภาพมากที่สุด และเป็นธุรกิจที่ดีที่สุดด้วย
ส่วนตระกูลจง เป็นนักธุรกิจเสมอมา ถ้าอยากเป็นใหญ่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ดังนั้นพวกเขาสองตระกูลจึงร่วมมือกัน มีแต่กำไร ไม่มีขาดทุน
และดีต่อทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น ต่อให้ตอนนั้นพวกเขาไม่มีความรู้สึกต่อกัน แต่เพื่อให้ตระกูลสามารถพัฒนาในระยะยาว พวกเขาขึงจำต้องเสียสละเพื่อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
เฉิงยู่ซิ่วรู้ว่าการแต่งงานของพวกเขาไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งหมดเพื่อเป็นผลประโยชน์ต่อครอบครัว
“กลายเป็นหลานชายของตระกูลเหวิน มีแต่จะดีต่อเขา” เหวินเสียนเอื้อมมือไปสัมผัสที่หน้าท้องของเธอ มันยังแบนอยู่ มองไม่ออกว่าท้องได้สองเดือนแล้ว “ตอนนี้ฉันจึงยังไม่สามารถให้คุณแต่งงานกับเขาในสถานะที่ถูกต้อง….”
“ฉันรู้ว่าการหย่าร้างของพวกคุณอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเกิดความตึงเครียด ไม่ต้องพูดถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เกรงว่าจะกลายเป็นศัตรูได้เลย ถ้ามีลูก สองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน เป็นผลดีต่อพัฒนาการของเด็กในอนาคต ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นหลานของตระกูลเหวิน หลานของตระกูลจง….” ยิ่งพูด เฉิงยู่ซิ่วก็ยิ่งสะอื้น เธอเข้าใจทุกอย่าง ทว่าหัวใจยังคงเจ็บปวด
“ขอโทษนะฉัน ฉัน….”
เหวินเสียนเช็ดน้ำตาให้เธอ รู้ว่าหัวใจเธอเจ็บปวด โอบกอดเธอไว้และพูดว่า “เชื่อฉันนะ ฉันจะทำให้คุณอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เพียงแต่สถานะของเด็ก ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ถ้าคุณไม่พอใจ แค่โทษฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไปหาคุณ วันนี้คุณก็ไม่ต้องอับอายทนทุกข์”
เฉิงยู่ซิ่วรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะเหวินเสียน ถ้าไม่ใช่เหวินเสียน เกรงว่าตอนนี้ตระกูลเฉิงคงไม่เหลือแล้ว พี่ชายก็ต้องอยู่ในคุก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตัวเธอต้องการเอง โทษใครไม่ได้ทั้งนั้น
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นความสมัครใจของฉันเอง ทุกสิ่งล้วนเป็นโชคชะตา ความจริงเด็กมีบ้านให้อยู่ก็ดีกว่าตามฉันไป….” เรื่อยมาจนถึงวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงยู่ซิ่วร้องไห้แบบนี้
เหวินเสียนไม่รู้ว่าจะปลอบเธออย่างไร จึงโอบกอดเธอไว้และร้องไห้ไปกับเธอ
ร้องไห้ให้กับโชคชะตา ร้องไห้ที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้
ผ่านไปนานมากกว่าทั้งคู่จะสงบลง
“คุณพักผ่อนให้สบายนะ ฉีเฟิงจะเข้ามาช้าหน่อย ฉันจะกลับไปก่อน” เหวินเสียนลุกขึ้น เฉิงยู่ซิ่วคว้าจับมือเธอ “งั้นคุณก็อย่าเพิ่งไปสิ”
ที่จริงเธอกลัวการอยู่ตามลำพังกับจงฉีเฟิง
เหวินเสียนตบๆ มือของเธอ และปลอบว่า “เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันพบรักแท้ของฉันแล้ว ฉันก็อาจตกหลุมรักเขา”
เหวินเสียนห่มผ้าห่มให้เธอ “พักผ่อนมากๆ ทำจิตใจให้สบาย มีฉันอยู่ จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเกี่ยวกับที่ตั้งครรภ์หรือไม่จึงอ่อนเพลียเป็นพิเศษ หลังจากเหวินเสียนไป เธอก็นอนแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ต่อมาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงคนพูดคุย
ในความงัวเงีย เธอได้ยินว่า….
“นี่คือทารก” แพทย์ชี้ไปยังภาพที่เหมือนเห็ดหลินจือบนแผ่นอัลตราซาวนด์และบอกอย่างนั้น
จงฉีเฟิงเพ่งมองอยู่นานมากก็มองไม่ออก ‘ของ’แบบนี้จะสามารถโตขึ้นมาเป็นเด็กทารกได้อย่างไร
“ตอนนี้เดือนยังน้อย อีกสองเดือนจะสามารถเห็นได้ชัดกว่านี้ หญิงตั้งครรภ์ที่มีสภาพแบบนี้จำเป็นต้องการการดูแลเป็นพิเศษ คุณต้องมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ เพราะถึงอย่างไรคุณก็เป็นพ่อของเด็ก”
จงฉีเฟิงพยักหน้า
“วันนี้เธอได้ทำการตรวจแล้ว มีการฟื้นตัวได้ไม่เลว อีกสองวันก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ น้องสาวของคุณเป็นคนดี ผมเห็นเธอดูแลอย่างดีมากๆ มีน้องสามีที่เป็นแบบนี้น้อยมากเลยนะ”
เหวินเสียนโกหกว่าเธอเป็นน้องสาวของจงฉีเฟิง เพื่อเลี่ยงการนินทาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา
จงฉีเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากได้สติกลับมาก็ยิ้มอย่างขอไปทีก่อนที่จงฉีเฟิงจะปิดประตูและเดินเข้ามา
เขาดึงเก้าอี้ออกและนั่งลงตรงหัวเตียง มองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สังเกตเธอในความเงียบเช่นนี้
จริงอย่างที่เหวินเสียนพูด เธอสวยมาก
เพียงแต่ตลอดมาเขาไม่เคยได้มองดูดีๆ
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกว่ามีคนกำลังมองตัวเองอยู่ เธอจึงจงใจขยับหน้าหนี
สองชั่วโมงผ่านไป จงฉีเฟิงก็ยังไม่ไป เฉิงยู่ซิ่วอยากไปห้องน้ำ อั้นมาเกือบชั่วโมงแล้ว เธอแทบอั้นไม่อยู่แล้ว ในใจคิดว่า คนคนนี้ทำไมยังไม่ไปอีก
จงฉีเฟิงมองดูเวลาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นการหลับนานเกินไปแล้ว หลับไปตลอดทั้งบ่ายเลย
“อือ….”
เฉิงยู่ซิ่วแกล้งทำว่าเพิ่งตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ” จงฉีเฟิงถาม
เฉิงยู่ซิ่วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เหลือบมองเขาแล้วเธอก็พยายามจะลุกขึ้น จงฉีเฟิงลุกขึ้นช่วยประคองเธอ วางเบาะพิงหลังให้เธอ
เฉิงยู่ซิ่วลดสายตาลงต่ำ “คุณ ทำไมวันนี้มีเวลาว่าง”
“มีเรื่องพูดกับคุณ” จงฉีเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ “งานของคุณผมช่วยลาออกให้แล้ว คุณไม่มีเวลาทำ ตอนนี้ร่างกายคุณไม่เอื้ออำนวย”
แน่นอนว่าไม่ใช่เขาที่ออกหน้าด้วยตัวเอง เขาให้คนไปจัดการเรื่องนี้ประธานจางคนนั้นจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับเธอแน่นอน
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก คุณกับผมก็ไม่นับว่าเป็นคนนอกต่อกัน เพราะถึงอย่างไรเราก็มีลูกด้วยกัน ถ้าคุณเต็มใจ รอจนคุณคลอดลูกแล้ว เรามาแต่งงานกันเถอะครับ”
เฉิงยู่ซิ่วมองเขาด้วยความประหลาดใจ
คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะมาพูดแบบนี้
ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ผ่านไปนานมาก เธอถึงเพิ่งหาเสียงกลับมาได้ “คุณ คุณคุณพูดว่าอะไรนะ”
จงฉีเฟิงอยากสูบบุหรี่ แต่ตระหนักได้ว่าเธอกำลังท้อง จึงอดกลั้นการอยากบุหรี่ มองเธอแล้วพูดว่า “ผมบอกว่า รอคุณคลอดแล้ว พวกเรามาแต่งงานกัน แม้ว่าจะไม่สามารถประกาศว่าเด็กเป็นลูกของคุณกับผมได้ แต่การดูแลปกป้องเขาจนเติบโต ก็เป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะพ่อแม่ คุณว่าไหม”
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเฉิงยู่ซิ่วที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น
จงฉีเฟิงมองไป บนหน้าจอแสดงชื่อเฉิงยู่เวิน
เฉิงยู่ซิ่วแทบจะโพล่งออกมา “พี่ชายฉันเองค่ะ”
อธิบายโดยจิตใต้สำนึก จงฉีเฟิงเลื่อนสายตาขึ้น มองเธออยู่สองวิก่อนจะเอ่ยบางเบา “ผมไม่ได้เข้าใจผิด”
เฉิงยู่ซิ่วพบว่าตัวเองอธิบายในความหมายที่เด่นชัดเกินไป
เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ของพวกเขา มันไม่ควรอธิบาย
“ฉัน….”
จงฉีเฟิงเอาโทรศัพท์มือถือให้เธอ “รับสิครับ”
เฉิงยู่ซิ่วเก็บคำที่ต้องการอธิบายเอาไว้ ยิ่งอธิบายยิ่งแย่ ไม่พูดเสียดีกว่า
เธอรับโทรศัพท์
“ฉันอยู่เมืองB เธออยู่ไหน”
เสียงของเฉิงยู่เวิน
ไป๋หงเฟยร้อนใจ ฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของเฉิงยู่เวินไปพูดเอง “ยู่ซิ่ว คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากเจอคุณ รีบบอกมาเร็วเข้าว่าคุณอยู่ที่ไหน!”
คำพูดของเหวินเสียนติดอยู่ในลำคอ ใช้เวลาสักพักถึงได้ตอบสนอง
“นานเท่าไรแล้ว”
จงฉีเฟิงหยุดรถเข้าข้างถนน จุดบุหรี่ ยังคงเงียบไม่พูดจา
เหวินเสียนไม่รีบร้อน รอด้วยความอดทน รู้ว่าเขาอาจจะกำลังไม่สบายใจอย่างมาก ถึงเฉิงยู่ซิ่วจะดีแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานนัก
“ให้คลอดออกมาเถอะ” เหวินเสียนพูดบางเบา
จงฉีเฟิงพ่นควันขาว เป็นลูกของเขา เขาก็ต้องการอยู่แล้วโดยปริยาย แต่ต้องกลายเป็นลูกนอกสมรสน่ะเหรอ
“พรุ่งนี้ฉันจะโทรหาที่บ้าน บอกครอบครัวว่าฉัน‘ท้อง’ รอจนเธอคลอด ฉันจะบอกว่าฉันคลอดแล้ว ให้เด็กมีสถานะที่เหมาะสม เป็นแบบนี้จนกระทั่งฉันจากไปแล้ว ตระกูลเหวินกับตระกูลจงจะยังคงเป็นญาติ เด็กก็จะเติบโตขึ้นท่ามกลางการดูแลของทั้งสองตระกูล เมื่อเติบโตขึ้นก็จะได้รับการคุ้มครองจากตระกูลเหวินโดยอัตโนมัติ….”
“อยากจากไปขนาดนั้นเลย” จงฉีเฟิงหัวเราะเยาะ เป็นครั้งแรกที่แสดงความไม่พอใจของตัวเองต่อหน้าเธอ
เหวินเสียนเม้มปาก มันเป็นความเห็นแก่ตัวของเธอ เรื่องราวมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
“ขอโทษ….”
“ผมไม่อยากฟัง”
จงฉีเฟิงขัดจังหวะเธอ
เหวินเสียนหลุบตาลง ด้วยประโยคนี้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองยังสามารถพูดอะไรได้อีก
“รอเด็กคลอดออกมาแล้ว ผมจะปล่อยคุณไป ช่วงนี้คุณอยู่วิลล่าเพื่อดูแลเธอ คนอื่นผมไม่วางใจ เธอมีสัญญาณของภาวะแท้ง หมอบอกว่าต้องพักผ่อนให้มาก”
“ได้ คุณวางใจ ฉันจะดูแลเธออย่างดี”
เหวินเสียนไม่ได้กลับไปที่วิลล่า แต่ตรงไปที่โรงพยาบาล หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว วันต่อมาเธอก็ประกาศว่าตัวเองท้อง
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจง หรือตระกูลเหวิน ล้วนแล้วแต่ดีใจมาก
เมื่อเป็นแบบนี้ เฉิงยู่ซิ่วจึงให้ชีวิตอยู่กับการบำรุงดูแลลูก
ในวันธรรมดานอกจากคนรับใช้ยังมีเหวินเสียนที่คอยดูแลเธอ
“ไม่ได้อึดอัดไม่สบายตรงไหนใช่ไหม” ระหว่างทานอาหาร เหวินเสียนสอบถาม เพราะเธอพบว่าเฉิงยู่ซิ่วทานน้อยมาก กลัวว่าเธอจะไม่สบาย
เฉิงยู่ซิ่วส่ายหน้า “เปล่า ทำให้คุณต้องอยู่ที่นี่…”
“ไม่ต้องกดดัน ครรภ์ของคุณเป็นเด็กของตระกูลเหวิน และก็เป็นของฉันด้วย ฉันแค่พยายามทำเพื่อคุณอย่างดีที่สุด” เหวินเสียนกลัวว่าเฉิงยู่ซิ่วจะไม่สบายใจ เพราะไม่มีแม่คนไหนเต็มใจยกลูกตัวเองให้เป็นของคนอื่น
เธอดึงเก้าอี้ออกนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย แล้วดึงมือของเฉิงยู่ซิ่วมาจับ “ตระกูลเหวินกับตระกูลจงจัดงานแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกของคนสองคน เป็นการรวมผลประโยชน์ของสองตระกูล คุณเข้าใจไหม”
ตระกูลเหวินไม่เคยก้าวเข้าสู่ธุรกิจ แต่ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของท้องถิ่น เศรษฐกิจของทั้งเมือง ล้วนขับเคลื่อนโดยธุรกิจในท้องถิ่น ตระกูลจงมีศักยภาพมากที่สุด และเป็นธุรกิจที่ดีที่สุดด้วย
ส่วนตระกูลจง เป็นนักธุรกิจเสมอมา ถ้าอยากเป็นใหญ่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ดังนั้นพวกเขาสองตระกูลจึงร่วมมือกัน มีแต่กำไร ไม่มีขาดทุน
และดีต่อทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น ต่อให้ตอนนั้นพวกเขาไม่มีความรู้สึกต่อกัน แต่เพื่อให้ตระกูลสามารถพัฒนาในระยะยาว พวกเขาขึงจำต้องเสียสละเพื่อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
เฉิงยู่ซิ่วรู้ว่าการแต่งงานของพวกเขาไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งหมดเพื่อเป็นผลประโยชน์ต่อครอบครัว
“กลายเป็นหลานชายของตระกูลเหวิน มีแต่จะดีต่อเขา” เหวินเสียนเอื้อมมือไปสัมผัสที่หน้าท้องของเธอ มันยังแบนอยู่ มองไม่ออกว่าท้องได้สองเดือนแล้ว “ตอนนี้ฉันจึงยังไม่สามารถให้คุณแต่งงานกับเขาในสถานะที่ถูกต้อง….”
“ฉันรู้ว่าการหย่าร้างของพวกคุณอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเกิดความตึงเครียด ไม่ต้องพูดถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เกรงว่าจะกลายเป็นศัตรูได้เลย ถ้ามีลูก สองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน เป็นผลดีต่อพัฒนาการของเด็กในอนาคต ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นหลานของตระกูลเหวิน หลานของตระกูลจง….” ยิ่งพูด เฉิงยู่ซิ่วก็ยิ่งสะอื้น เธอเข้าใจทุกอย่าง ทว่าหัวใจยังคงเจ็บปวด
“ขอโทษนะฉัน ฉัน….”
เหวินเสียนเช็ดน้ำตาให้เธอ รู้ว่าหัวใจเธอเจ็บปวด โอบกอดเธอไว้และพูดว่า “เชื่อฉันนะ ฉันจะทำให้คุณอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เพียงแต่สถานะของเด็ก ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ถ้าคุณไม่พอใจ แค่โทษฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไปหาคุณ วันนี้คุณก็ไม่ต้องอับอายทนทุกข์”
เฉิงยู่ซิ่วรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะเหวินเสียน ถ้าไม่ใช่เหวินเสียน เกรงว่าตอนนี้ตระกูลเฉิงคงไม่เหลือแล้ว พี่ชายก็ต้องอยู่ในคุก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตัวเธอต้องการเอง โทษใครไม่ได้ทั้งนั้น
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นความสมัครใจของฉันเอง ทุกสิ่งล้วนเป็นโชคชะตา ความจริงเด็กมีบ้านให้อยู่ก็ดีกว่าตามฉันไป….” เรื่อยมาจนถึงวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงยู่ซิ่วร้องไห้แบบนี้
เหวินเสียนไม่รู้ว่าจะปลอบเธออย่างไร จึงโอบกอดเธอไว้และร้องไห้ไปกับเธอ
ร้องไห้ให้กับโชคชะตา ร้องไห้ที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้
ผ่านไปนานมากกว่าทั้งคู่จะสงบลง
“คุณพักผ่อนให้สบายนะ ฉีเฟิงจะเข้ามาช้าหน่อย ฉันจะกลับไปก่อน” เหวินเสียนลุกขึ้น เฉิงยู่ซิ่วคว้าจับมือเธอ “งั้นคุณก็อย่าเพิ่งไปสิ”
ที่จริงเธอกลัวการอยู่ตามลำพังกับจงฉีเฟิง
เหวินเสียนตบๆ มือของเธอ และปลอบว่า “เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันพบรักแท้ของฉันแล้ว ฉันก็อาจตกหลุมรักเขา”
เหวินเสียนห่มผ้าห่มให้เธอ “พักผ่อนมากๆ ทำจิตใจให้สบาย มีฉันอยู่ จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเกี่ยวกับที่ตั้งครรภ์หรือไม่จึงอ่อนเพลียเป็นพิเศษ หลังจากเหวินเสียนไป เธอก็นอนแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ต่อมาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงคนพูดคุย
ในความงัวเงีย เธอได้ยินว่า….
“นี่คือทารก” แพทย์ชี้ไปยังภาพที่เหมือนเห็ดหลินจือบนแผ่นอัลตราซาวนด์และบอกอย่างนั้น
จงฉีเฟิงเพ่งมองอยู่นานมากก็มองไม่ออก ‘ของ’แบบนี้จะสามารถโตขึ้นมาเป็นเด็กทารกได้อย่างไร
“ตอนนี้เดือนยังน้อย อีกสองเดือนจะสามารถเห็นได้ชัดกว่านี้ หญิงตั้งครรภ์ที่มีสภาพแบบนี้จำเป็นต้องการการดูแลเป็นพิเศษ คุณต้องมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ เพราะถึงอย่างไรคุณก็เป็นพ่อของเด็ก”
จงฉีเฟิงพยักหน้า
“วันนี้เธอได้ทำการตรวจแล้ว มีการฟื้นตัวได้ไม่เลว อีกสองวันก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ น้องสาวของคุณเป็นคนดี ผมเห็นเธอดูแลอย่างดีมากๆ มีน้องสามีที่เป็นแบบนี้น้อยมากเลยนะ”
เหวินเสียนโกหกว่าเธอเป็นน้องสาวของจงฉีเฟิง เพื่อเลี่ยงการนินทาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา
จงฉีเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากได้สติกลับมาก็ยิ้มอย่างขอไปทีก่อนที่จงฉีเฟิงจะปิดประตูและเดินเข้ามา
เขาดึงเก้าอี้ออกและนั่งลงตรงหัวเตียง มองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สังเกตเธอในความเงียบเช่นนี้
จริงอย่างที่เหวินเสียนพูด เธอสวยมาก
เพียงแต่ตลอดมาเขาไม่เคยได้มองดูดีๆ
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกว่ามีคนกำลังมองตัวเองอยู่ เธอจึงจงใจขยับหน้าหนี
สองชั่วโมงผ่านไป จงฉีเฟิงก็ยังไม่ไป เฉิงยู่ซิ่วอยากไปห้องน้ำ อั้นมาเกือบชั่วโมงแล้ว เธอแทบอั้นไม่อยู่แล้ว ในใจคิดว่า คนคนนี้ทำไมยังไม่ไปอีก
จงฉีเฟิงมองดูเวลาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นการหลับนานเกินไปแล้ว หลับไปตลอดทั้งบ่ายเลย
“อือ….”
เฉิงยู่ซิ่วแกล้งทำว่าเพิ่งตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ” จงฉีเฟิงถาม
เฉิงยู่ซิ่วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เหลือบมองเขาแล้วเธอก็พยายามจะลุกขึ้น จงฉีเฟิงลุกขึ้นช่วยประคองเธอ วางเบาะพิงหลังให้เธอ
เฉิงยู่ซิ่วลดสายตาลงต่ำ “คุณ ทำไมวันนี้มีเวลาว่าง”
“มีเรื่องพูดกับคุณ” จงฉีเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ “งานของคุณผมช่วยลาออกให้แล้ว คุณไม่มีเวลาทำ ตอนนี้ร่างกายคุณไม่เอื้ออำนวย”
แน่นอนว่าไม่ใช่เขาที่ออกหน้าด้วยตัวเอง เขาให้คนไปจัดการเรื่องนี้ประธานจางคนนั้นจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับเธอแน่นอน
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก คุณกับผมก็ไม่นับว่าเป็นคนนอกต่อกัน เพราะถึงอย่างไรเราก็มีลูกด้วยกัน ถ้าคุณเต็มใจ รอจนคุณคลอดลูกแล้ว เรามาแต่งงานกันเถอะครับ”
เฉิงยู่ซิ่วมองเขาด้วยความประหลาดใจ
คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะมาพูดแบบนี้
ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ผ่านไปนานมาก เธอถึงเพิ่งหาเสียงกลับมาได้ “คุณ คุณคุณพูดว่าอะไรนะ”
จงฉีเฟิงอยากสูบบุหรี่ แต่ตระหนักได้ว่าเธอกำลังท้อง จึงอดกลั้นการอยากบุหรี่ มองเธอแล้วพูดว่า “ผมบอกว่า รอคุณคลอดแล้ว พวกเรามาแต่งงานกัน แม้ว่าจะไม่สามารถประกาศว่าเด็กเป็นลูกของคุณกับผมได้ แต่การดูแลปกป้องเขาจนเติบโต ก็เป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะพ่อแม่ คุณว่าไหม”
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเฉิงยู่ซิ่วที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น
จงฉีเฟิงมองไป บนหน้าจอแสดงชื่อเฉิงยู่เวิน
เฉิงยู่ซิ่วแทบจะโพล่งออกมา “พี่ชายฉันเองค่ะ”
อธิบายโดยจิตใต้สำนึก จงฉีเฟิงเลื่อนสายตาขึ้น มองเธออยู่สองวิก่อนจะเอ่ยบางเบา “ผมไม่ได้เข้าใจผิด”
เฉิงยู่ซิ่วพบว่าตัวเองอธิบายในความหมายที่เด่นชัดเกินไป
เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ของพวกเขา มันไม่ควรอธิบาย
“ฉัน….”
จงฉีเฟิงเอาโทรศัพท์มือถือให้เธอ “รับสิครับ”
เฉิงยู่ซิ่วเก็บคำที่ต้องการอธิบายเอาไว้ ยิ่งอธิบายยิ่งแย่ ไม่พูดเสียดีกว่า
เธอรับโทรศัพท์
“ฉันอยู่เมืองB เธออยู่ไหน”
เสียงของเฉิงยู่เวิน
ไป๋หงเฟยร้อนใจ ฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของเฉิงยู่เวินไปพูดเอง “ยู่ซิ่ว คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากเจอคุณ รีบบอกมาเร็วเข้าว่าคุณอยู่ที่ไหน!”