กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 230 ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำ
ช่วงที่หลินซินเหยียนถูก ‘ขัง’ อยู่หลังบ้านนั้น สองตัวแสบนี้ก็ได้ใกล้ชินกับการใช้ชีวิตที่นี่แล้ว ทุกวันทานข้าวเสร็จ ก็ได้ไปเที่ยวเล่นที่หมู่บ้าน ที่นี่ทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ พวกเขาคิดว่าตัวเองมาเที่ยวที่นี่ ทดลองการใช้ชีวิตในเขตชนบท
เมื่อวานหลินลุ่ยซีได้ยินคุณยายคนหนึ่งของที่นี่พูด ภูเขาทางตะวันออกได้มีลูกพลับป่าขึ้นอยู่ ฤดูนี้สุกพอดี สาวน้อยฟังแล้วก็ได้เก็บใส่ใจ ผลไม้อะไรเธอก็เคยกินมาก่อน แต่ว่าไม่เคยที่จะไปเด็ดบนเขาเองมาก่อน รู้สึกประหลาดใจ ก็ได้โวยวายให้จงจิ่งห้าวพาเธอไป
คำขอของลูกสาว จงจิ่งห้าวไม่เคยที่จะปฏิเสธมาก่อน เพราะงั้นตอนเช้าพอทานข้าวเสร็จก็ได้พาเด็กสองคน กับบอดี้การ์ดขึ้นเขาไป เสิ่นเผยซวนก็ได้ตามไป ซูจ้านกับฉินยาก็ได้อยู่เฝ้า ‘ค่าย’
ไป๋ยิ่นหนิงเป็นเพราะว่าขามีปัญหาเล็กน้อยก็ไม่ได้ขึ้นเขาไป
หลินซินเหยียนก็ได้ออกมาจากประตูหลัง ลานหน้าบ้านโล่งไม่มีเหงาคนเลยสักคน ไป๋ยิ่นหนิงก็ได้ไปจัดการเรื่องของบริษัทแล้ว ซูจ้านกำลังตามจีบฉินยาอยู่ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปเด็ดดอกเก๊กฮวยป่าที่ไหนมาช่อหนึ่ง ฉินยานั่งยองๆ อยู่ข้างแม่น้ำกำลังซักเสื้อของเด็กสองคนอยู่ น้ำในแม่น้ำใสสะอาด แต่ว่าฤดูนี้อากาศเย็นเล็กน้อย แต่เพราะเงื่อนไขความเป็นอยู่ของที่นี่ ไม่สามารถที่จะใช้เครื่องซักผ้าได้ ทำได้แค่ออกแรงเอง
ซูจ้านก็ได้แอบโผล่หน้าจากด้านหลังของเธอ เอาดอกไม้ส่งไปตรงหน้าเธอ “ดมดูหอมไหม?”
ฉินยาก็ได้จ้องเขาเขม็ง “หลีกไป ไม่เห็นว่าฉันซักผ้าอยู่เหรอ?” ตอนที่พูดนั้นเธอก็ได้มองเขาสักพัก พูดอย่างเย็นชา “นายส่งดอกเก๊กฮวยให้ฉัน จะแช่งให้ฉันตายเหรอ?”
ปกตินะ ผู้หญิงหวังว่าดอกไม้ที่จะได้รับ เป็นพวกกุหลาบ ลิลลี่อะไรทั้งนั้น พวกที่เป็นดอกไม้ที่โรแมนติก เธอไม่เคยที่จะเห็นว่ามีคนส่งดอกเก๊กฮวยให้ผู้หญิงมาก่อน
ซูจ้านก้มอย่างลำบากใจ มองดอกเก๊กฮวยสีม่วงกับสีชมพู กะพริบตา ก็สวยอยู่นะ ในป่าแบบนี้ ฤดูนี้ ก็มีแค่ดอกไม้ประเภทนี้
“ฉันไม่ได้จะแช่งให้เธอตาย” ซูจ้านน้อยใจ เขาไม่ได้มีความคิดนี้จริงๆ
พอหงุดหงิด ซูจ้านก็ได้โยนไป เอาดอกเก๊กฮวยสีสดใสกำนี้ โยนไปในแม่น้ำ อยู่ๆ ก็ได้เพิ่มสีสันให้กับแม่น้ำเล็กน้อย
“ซูจ้าน นายอยากตายเหรอ?” ฉินยาขมวดคิ้ว ชี้ไปที่แม่น้ำ “น้ำที่ใสขนาดนี้ นายยังจะโยนของเข้าไปในนี้ ไม่ปนเปื้อนเหรอ?”
ซูจ้าน “……”
แม่งเอ๊ย
ทำไมเขาทำอะไรก็ผิดไปหมด?
นี่ก็ไม่ได้เป็นขยะอันตรายอะไร ดอกไม้ไม่กี่ดอกปนเปื้อนอะไรได้?
“นายไปเก็บมา” ฉินยาจ้องเขาเขม็ง ซูจ้านก็ได้อ้าปากค้าง ให้เขาไปเก็บ?
เก็บยังไง?
ได้ไหลไปตามน้ำแล้ว
สายตาของเขาก็ได้ตกไปอยู่ในมือของเธอ เป็นเพราะว่าน้ำเย็น มือของเธอก็ได้เย็นจนแดงไป ซูจ้านก็ได้ไปลากมือเธอ พอจับโดนเข้า ถึงได้รู้ว่า เวลานี้มือของเธอเย็นขนาดไหน “ฉันมาอุ่นให้เธอ”
ฉินยาดิ้นรน “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ใครใช้ให้นายอุ่น”
ซูจ้านยืนอยู่บนก้อนหินข้างแม่น้ำ เพราะว่าฉินยาสะบัดแรงไป ขาของเขาก็ได้ลื่น ตกเข้าไปในแม่น้ำ เสียงดังตูม ก็มีน้ำกระเซ็นขนาดใหญ่ น้ำก็ได้กระเด็นไปบนตัวฉินยาไม่น้อย
ฉินยาก็แค่ไม่อยากให้เขามาจับต้องตัวตนเอง คิดไม่ถึงว่าได้ผลักเข้าลงแม่น้ำ อากาศที่ได้เข้าฤดูหนาวแล้ว น้ำจะเย็นมากๆ
ซูจ้านก็ได้โผล่ขึ้นจากน้ำ หนาวจนได้สั่น ขนลุกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้ตะโกนให้กับฉินยา “เธออยากจะฆ่าสามีเหรอ?”
เขาหนาวจะตายอยู่แล้ว
เดิมทีฉินยาก็รู้สึกผิด แต่พอได้ยินคำพูดของเขาแบบนี้ ความรู้สึกผิดในใจก็ได้หายไปไม่น้อย “ซูจ้าน นายอย่ามา พวกเราก็แค่เสแสร้งเป็นว่าคบหากัน รู้หรือยัง? รอกลับไป พวกเราก็เลิกกัน นายฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันเข้าใจไหม?”
ซูจ้านว่ายขึ้นฝั่ง สองมือเขาได้กอดแขน เขาพบว่าขึ้นฝั่งแล้ว โดนลมพัดเข้าก็ได้หนาวกว่าเดิม ฮ๊าดเช่ย! ฮ๊าดเช่ย!
เขาก็ได้ปิดจมูก สูดน้ำมูกไปพักๆ “ฉินยาเธอฉวยโอกาสฉัน ต้องรับผิดชอบนะ!”
ฉินยา “……”
“ซูจ้านนายเอาหน้าหน่อยได้ไหม?” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินยาเห็น คนที่ไม่เอาหน้า หน้าไม่อาย น่ารังเกียจแบบนี้
“ฉันไม่สน……”
“พวกเธอทำอะไรอยู่?” หลินซินเหยียนหาพวกเขาเจอ ก็ได้เห็นพวกเขาสองคนกำลังเถียงกันอยู่ อีกอย่างอากาศหนาวแบบนี้ ซูจ้านก็ได้เปียกไปทั้งตัว จะไม่เป็นหวัดเหรอ?
ฉินยากับซูจ้านก็ได้หันไปพร้อมกัน ก็มองเห็นหลินซินเหยียนที่ยืนในที่ไม่ห่างพวกเขา ถามเป็นเสียงเดียวกัน “เธอออกมาแล้ว……”
ทั้งสองก็ใจตรงกันมาก พูดออกมาพร้อมกัน สบตากัน ฉินยาก็ได้หันกลับไปก่อน เธอก็ได้เดินไปมาทางหลินซินเหยียน “พี่หลิน”
หลินซินเหยียนก็ได้ตอบกลับไป สายตาก็กลับมองซูจ้านไม่ห่าง “ลงอาบน้ำที่แม่น้ำเหรอ?”
ฮ๊าดเช่ย! ฮ๊าดเช่ย! ซูจ้านก็ได้ก้มลง เขาหนาวจะตายอยู่แล้ว อาบน้ำ? เขาบ้าไปแล้วเหรอ?
“ฉันกลับเข้าบ้านก่อน” ไม่ได้เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่อย่างนั้นต้องไม่สบายแน่
หลินซินเหยียนก็ได้มองฉินยาด้วยสายตาที่เป็นคำถาม “พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”
ฉินยารีบส่ายหน้า “เปล่าค่ะ เปล่าค่ะ เขาไม่ระวังตัวแล้วก็ลื่นลงไป ในแม่น้ำเอง”
หลินซินเหยียนมองออก ฉินยาโกหก แต่ก็ไม่ได้กัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย แต่เป็นการถาม “เสี่ยวเฉินกับเสี่ยวลุ่ยล่ะ?”
“ประธานจงพาขึ้นเขาเด็ดพลับแล้วค่ะ” ฉินยาตอบ
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแน่น “อะไรนะ?”
ขึ้นเขาไปแล้ว?
นี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่จงจิ่งห้าวจะทำนี่นา ถึงแม้ว่าเขาอยู่ในที่ที่ห่างใกล้ความเจริญแบบนี้ แต่ว่าเขาก็ยุ่งมากไม่ใช่เหรอ?
เวลานี้ขึ้นเขาเด็ดพลับป่า?
“เสี่ยวลุ่ยโวยวายอยากไป” ฉินยาเหมือนว่ามองความสงสัยของเธอออก ก็ได้อธิบาย
หลินซินเหยียนเข้าใจทันที โทรศัพท์ของเธอยังอยู่ในบ้าน คราวนี้เธอต้องโทรไปหาจงจิ่งห้าวให้เขากลับมา เฉิงยู่ซิ่วยังรออยู่ เธอไม่อยากเสียเวลา
ตอนที่เธอเดินเข้าไปข้างในนั้น ซูจ้านก็ได้เปลี่ยนเสื้อเสร็จเดินมา มองเห็นท่าทางที่เร่งรีบของหลินซินเหยียน ก็ได้พูด “มาหาประธานจงเหรอ?”
ไม่รอให้หลินซินเหยียนตอบเขาก็ได้พูดต่อว่า “ประธานไปบทเขาแล้ว ถูกลูกสาวสุดที่รักของเขาลากตัวไป”
ซูจ้านมาพอดี หลินซินเหยียนมองเขาพูด “นายโทรหาเขา ให้เขาพาลูกกลับมา”
ซูจ้านพยักหน้าพูดว่าได้ เขาได้เอาโทรศัพท์ออกมาโทรออกเบอร์ของจงจิ่งห้าว “……ขออภัยค่ะ! หมายเรียกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาโทรใหม่อีกรอบค่ะ Sorry! The subscriber you dialed cannot beconnected……”
“โทรไม่ติดแฮะ” ซูจ้านวางสาย “อาจเป็นเพราะสัญญาณของชนบทไม่ดี ผมโทรไปอีกที”
“……ขออภัยค่ะ! หมายเรียกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาโทรใหม่อีกรอบค่ะ Sorry! The subscriber you dialed cannot beconnected……”
ก็ยังเป็นคำพูดเดิม เขาเงยหน้ามองหลินซินเหยียน “เป็นเพราะว่าบนเขาไม่มีสัญญาณหรือเปล่า?”
ก่อนหน้าตอนที่เขาอยู่ข้างนอกยังโทรติดอยู่เลย เป็นครั้งแรกที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้
หลินซินเหยียนคิดไปคิดมา นี่มันก็เป็นไปได้ ยังไงซะในป่ามีต้นไม้หนา
“พวกเขาไปเขาลูกไหน? ฉันไปหาพวกเขา”
“ผมพาเธอไปดีกว่า ในป่าไม่รู้ว่าจะมีพวกหมูป่าอะไรไหม ผมไปกับเธอถ้าเจออันตราย ผมสามารถช่วยเธอได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จิ่งห้าวต่อถลกหนังผมแน่” ซูจ้านเดินไปข้างหน้าเป็นการน้ำทาง
หลินซินเหยียนอยากที่จะรับตัวลูกสองคนไปตระกูลเฉิงทำได้แค่ตามไป แต่แค่ซูจ้านคนนี้พูดเก่งจริงๆ
ทั้งสองเดินไปตามทางขรุขระบนยอดเขาทางทิศตะวันตก
ทางเด็กก็ได้เปียกน้ำค้าง ลื่นเล็กน้อย ซูจ้านก็ได้เตือน “เธอเดินช้าหน่อย”
“อืม” หลินซินเหยียนมองอยู่ ยังมีเถาวัลย์ขึ้นมาด้วย เดินลำบากจริงๆ
ก้าวหนึ่งก้าวหนักหนึ่งก้าว
“นี่มีรอยเท้า พวกเขาน่าจะเดินไปทางนี้” ซูจ้านมองรอยเท้าที่ได้เหยียบผ่านหญ้าในตีนเขา “ผมไปเปิดทางข้างหน้า เธอตามผมมา”
พูดจบเขาก็ได้เดินไปตามรอยเท้าขึ้นไป หลินซินเหยียนไม่ได้ตามไปทันที เธอก็ได้มองไปรอบๆ สักพัก เห็นกิ่งไม้เล็กสองอันอยู่ไม่ไกลจากเธอ ขนาดกำลังดี เธอได้เดินไป คว้ากิ่งไม้แล้วก็หักออก เธอวางไปบนพื้นเทียบขนาดความสูง ก็ได้หักให้สูงพอดีกับที่เธอรู้สึก ไม้เท้าชั่วคราวก็ได้เสร็จแล้ว พื้นบนเขามันเปียก ลื่นล้มได้ง่ายๆ มีอะไรมาประคองไว้ การทรงตัวก็ดี
เธอก็ได้ไปหักอีกอัน ตอนที่หักก็ได้บาดมืออย่างไม่ระวัง ทำให้ฝ่ามือมีแผลเล็กน้อย เธอเจ็บจนร้องออกมา
ซูจ้านหันไปเห็นว่าเธอไม่ได้ขึ้นมา มองเห็นเลือดในมือของเธอ ก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง “เธอไม่เป็นไรนะ?”
เขาก็ได้รีบเดินเข้าไป อาจเป็นเพราะว่าเดินเร็วไป ขาก็ได้ลื่น ร่างกายเสียการควบคุมทันที ดีที่ด้านขวามือของเขามีต้นไม้ ตอนที่เขาล้มนั้น ก็ได้จับต้นไม้ต้นนั้นเป็นการยึดตัว ไม่ได้ล้มไป “พระเจ้า……”
เขาตกใจ ก็ได้หายใจออกยาวๆ
หลินซินเหยียนถามอย่างเป็นห่วง “นายไม่เป็นอะไรนะ?”
“ไม่เป็นไรครับ เธอทำอะไรเหรอ?” ซูจ้านทรงตัวได้ ก็ได้มองท่อนไม้ในมือของเธอ ไม่เข้าใจเล็กน้อย หลินซินเหยียนยิ้ม “นายต้องไม่เคยเดินเขาแบบนี้แน่ๆ เขาแบบนี้ ในมือต้องมีอะไร”
เธอก็ได้เอาท่อนไม้ส่งให้เขา
ตอนเด็กเป็นเพราะเธอกับจวงจื่อจิ่นถูกส่งทิ้งที่ต่างประเทศ ที่ที่ไม่มีเงินแล้วก็ห่างไกลความเจริญ เธอกับจวงจื่อจิ่นก็ได้ไปเด็ดเฟิร์นที่เขาที่ได้ห่างจากที่ที่พวกเขาอยู่ไม่ไกลนัก คนในพื้นที่นั้นไม่รู้ว่าอันนั้นกินได้ แต่ว่าจวงจื่อจิ่นรู้ ในประเทศผักหลายๆ อย่างก็มีเฟิร์นอยู่ ผัดกับหมูก็อร่อย
ตอนที่ทานไม่อิ่มนั้น ตอนที่ไม่มีเงิน อะไรที่สามารถกินอิ่มได้ อะไรก็อร่อยล่ะมั้งนะ
ซูจ้านก็ได้เอาได้เอาท่อนไม้หักตามหลินซินเหยียน จากนั้นก็ได้ปีนขึ้นเขา
น่าจะผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ซูจ้าน ที่อยู่ข้างหน้าก็ได้มองเห็นต้นพลับ ต้มสูงใหญ่มาก ผลไม้สีแดงเต็มต้น เหมือนโคมไฟขนาดเล็ก แขวนอยู่บนต้นไม้ ในป่าก็ได้สะดุดตาเป็นพิเศษ เห็นต้นพลับแล้ว ก็น่าจะห่างจากพวกจงจิ่งห้าวไม่ใกล้แล้ว “พี่สะใภ้น้อย ดูมีต้นพลับแล้ว”
ตาของหลินซินเหยียนก็ได้กระตุกเล็กน้อย เขาเรียกใครว่าพี่สะใภ้น้อย?
นี่การเรียกอะไร?
“น่าจะห่างจากพวกเขาไม่ไกลแล้ว” ซูจ้านไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของหลินซินเหยียน
เห็นว่าหลินซินเหยียนไม่ได้เดิน ถึงได้สังเกตเห็นสีหน้าของเธอ เหมือนว่าไม่ปกติเล็กน้อย “พี่สะใภ้น้อยเป็นอะไรไป?”
เขาเสิ่นเผยซวนกับจงจิ่งห้าว ก็ได้อายุไม่ต่างกันมาก จงจิ่งห้าวได้โตกว่าเขาและก็เสิ่นเผยซวนนิดหน่อย หลินซินเหยียนเป็นภรรยาของจงจิ่งห้าว ถ้างั้น พวกเขาก็ควรเรียกว่าพี่สะใภ้
แต่ว่าถึงแม้ว่า ควรที่จะเรียกแบบนั้น แต่ว่าหลินซินเหยียนเล็กกว่าเขาหกเจ็ดปีเลยนะ อีกอย่างหลินซินเหยียนมองดูแล้วก็ยังเด็ก ก็เหมือนกับเด็กที่พึ่งจบมหาลัยแบบนั้น มองไม่ออกเลยว่าเป็นแม่ลูกสอง
เขารู้สึกว่าถ้าเรียกพี่สะใภ้ไปตรงๆ ก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ ก็ได้เติมคำว่าน้อยลงไปข้างในเอง
“ใคร?” เวลานี้ก็ได้มีคนเดินมา