กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 252 ความชั่วร้ายยังคงอยู่
มีเวลาออกไปเที่ยวเล่น หลินซินเหยียนชวนลูกชายออกไปด้วยกัน กลัวว่าเขาจะเล่นเกมตลอดแล้วสายตาจะไม่ดี
และที่บังเอิญก็คือ พวกเขากำลังเดินลงมาก็เจอเข้ากับไป๋ยิ่นหนิงพอดี
ไป๋ยิ่นหนิงมองเห็นทั้งสี่คนเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกัน เขาจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “จะออกไปข้างนอกกันเหรอครับ”
จงจิ่งห้าวยิ้มเย็น “ประธานไป๋ ยังเกาะติดไม่ไปไหนเลยนะครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงเองก็ไม่ได้โกรธอะไร ยิ้ม “ประธานจงก็พูดเกินไป”
เขามองหลินซินเหยียน “ผมรู้จักแถวนี้มีสถานที่หนึ่งเหมาะสำหรับเด็กๆ เดี๋ยวผมพาไปนะครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้ถาม แต่ตัดสินใจด้วยตัวเอง “พวกคุณมาในพื้นที่ของผม ผมควรรับรองอย่างดี หากบกพร่องตรงส่วนไหน ขอประธานจงและคุณหลินอย่าถือสาเลยนะครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงพูดขนาดนี้แล้ว หลินซินเหยียนเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ เธอเหลือบมองจงจิ่งห้าว ยิ้มบางๆ “งั้นต้องรบกวนประธานไป๋แล้วนะคะ”
“ไม่รบกวนเลยครับ” ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “เดิมผมมาหาคุณ อยากถามว่าจะออกไปเที่ยวเล่นหรือเปล่า ยังไงก็มีเด็กตั้งสองคน อยู่แต่ในโรงแรมคงจะเบื่อแย่”
หลินซินเหยียนยิ้มแห้ง อธิบาย “พอดีจะพาพวกเขาออกไปข้างนอกค่ะ ก็เลยไม่มีเวลา…”
หลินซินเหยียนไม่ต้องอธิบายไป๋ยิ่นหนิงเองก็เข้าใจ เพราะจงจิ่งห้าวไม่ให้เธอออกมาพบ
เพื่อแย่คนขี้หึง เขาจึงเอ่ย “ก่อนที่พวกคุณจะไป เราคงต้องเจอกันบ่อยๆ วันนี้ผมก็ย้ายมาพักที่โรงแรมแล้ว”
“คุณอาไป๋ทำไมต้องมาพักที่โรงแรมครับ เพราะไม่มีที่อยู่เหรอครับ” หลินซีเฉินยืนอยู่ข้างๆ หลินซินเหยียน มือเล็กถูกหลินซินเหยียนจูงเอาไว้
“อืม….” ไป๋ยิ่นหนิงเงียบไปชั่วครู่ “เพื่อให้สะดวกในการดูแลพวกเธอยังไงล่ะ เธอลองคิดดูสิ ฉันเป็นคนไป๋เฉิง เป็นเจ้าของโรงแรมนี้ ฉันอยู่ตรงนี้ พวกเธอจะสบายขนาดไหน”
หลินซีเฉินกะพริบตาปริบๆ เขาไม่อยู่ที่นี่ พวกเธอก็ยังอยู่ดีนี่นา มีเงิน ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นคุณชาย
เห็นได้ชัดว่าไป๋ยิ่นหนิงมาเพื่อหม่ามี๊
เมื่อก่อนเขาอยากให้ไป๋ยิ่นหนิงแย่งหม่ามี๊ไปจากพ่อ แต่ตอนนี้ไม่อยากแล้ว
กลัวว่าพ่อกับแม่จะเลิกกันจริงๆ แล้วเขาจะยังมีพ่ออยู่หรือเปล่า
อีกทั้งจงจิ่งห้าวค่อนข้างหล่อ ค่อนข้างมีเงิน ไป๋ยิ่นหนิงด้อยกว่าเล็กน้อย ที่สำคัญคือเขายังเดินไม่ได้
เขาจับมือหลินซินเหยียนเอาไว้แน่น กลัวว่าไป๋ยิ่นหนิงจะแย่งแม่ของเขาไป
“ไปเถอะ นี่ก็เวลาพอสมควรแล้ว เดี๋ยวเราไปเที่ยวก่อนสักหน่อย ค่ำหน่อยจะได้ดูน้ำพุ” ไป๋ยิ่นหนิงเดินนำอยู่ด้านหน้า
ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนอื่น
เมื่อขึ้นรถ ไป๋ยิ่นหนิงบอก “รถผมจะนำหน้า พวกคุณตามมาก็พอ”
จงจิ่งห้าวมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกจริงๆ สินะ”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “ผมรู้จักคุณหลินมาสักพักหนึ่งแล้ว กับประธานจงก็เคยร่วมงาน แน่นอนว่าไม่ใช่คนนอก”
จงจิ่งห้าวไม่สนใจ เดินขึ้นรถไป
บอดี้การ์ดปิดประตู ปิดกั้นการมองเห็นของไป๋ยิ่นหนิง
ไป๋ยิ่นหนิงถูกเกาหยวนเข็นขึ้นรถของตัวเอง
สถานที่ที่ไป๋ยิ่นหนิงบอกอยู่ห่างจากโรงแรมไม่มาก นั่งรถเพียงสิบนาทีกว่าๆ เป็นอาคารที่ถูกปรับปรุงใหม่
ทางเดินทอดยาวไปตามทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้น กระจายทอดยาวไปทั่ว มีความซับซ้อน แม้แต่การแกะสลักเล็กๆ น้อยๆ ก็ใส่ใจ ดูแล้วงดงามมาก
ทางเดินทอดยาวไปสิ้นสุดอยู่ที่บ้านเก่าๆ ประตูงดงามอลังการ คล้ายกำตำหนักของจักรพรรดิในสมัยโบราณ ราวกับเดินทางเข้าสู่สมัยโบราณ
ในทะเลสาบมีปลาคาร์ฟสีแดงอยู่ เรือไม้ตกแต่งด้วยผ้าไหม โคมสีแดง คนพายเรือลอยไปมา
“สามารถนั่งเรือให้อาหารปลาได้นะ” ไป๋ยิ่นหนิงเห็นท่าทางกระตือรือร้นของหลินลุ่ยซีแล้วจึงบอก
“หนูอยากนั่งเรือ ให้อาหารปลา” หลินลุ่ยซีตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เด็กน้อยมีความสนใจต่อสิ่งรอบตัวได้ง่าย และพึงพอใจกับอะไรง่ายๆ
แม้จะไม่ใช่สิ่งที่แปลกอะไร แต่เมื่อสนใจแล้ว ก็อยากจะทำ
วันนี้อากาศดี การนั่งเรือให้อาหารปลาก็นับว่าเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายได้
“ก็ได้ งั้นก็ไปพายเรือให้อาหารปลากันเถอะ เดี๋ยวแม่ไม่ซื้ออาหารปลาก่อน” หลินซินเหยียนให้ลูกชายยืนระอยู่ตรงนั้น
ร้านขายอาหารอยู่อีกฝั่ง หลินซินเหยียนเดินไปซื้อ
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ตรงทางเดิน มองไปยังน้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นสาหร่ายต่างๆ ที่อยู่บนพื้นด้านล่าง ที่นี่อากาศดีมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่
“ถ้าวันนี้เป็นวันหยุดยาว คนก็จะเยอะ” ที่นี่กลายเป็นสถานที่พักผ่อนวันหยุดของใครหลายคน
รับแสงแดด ให้อาหารปลา สบายใจไม่น้อย
จงจิ่งห้าวเหลือบมองเขา แสยะยิ้ม “ประธานไป๋ ใส่ใจขนาดนี้ มีเป้าหมายอะไรหรือเปล่าครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงเองก็ไม่ปิดบัง “ผมช่วยคุณหลิน ให้เธอพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพราะผมจำคนผิด คิดว่าเธอเป็นลูกสาวของเฉิงยู่ซิ่ว ก่อนที่พ่อเลี้ยงผมจะเสีย ท่านฝากเอาไว้ อยากให้ผมแต่งงานกับลูกสาวของเฉิงยู่ซิ่ว แต่ว่าไม่ใช่…”
จงจิ่งห้าวยังคงนิ่ง ทว่าภายในใจนั้นราวกับกระแสคลื่น
เขาพูดถึงเฉิงยู่ซิ่ว นับวันยิ่งสนใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอเคยมีใจให้กับไป๋หงเฟย แต่ทำไมต่อมาถึงได้แต่งงานกับพ่อของเขา
ไป๋ยิ่นหนิงชะงักไปชั่วครู่ ยังคงนิ่ง ไม่ปิดบัง “ผมอยู่กับคุณหลินเป็นระยะเวลาสั้นๆ มีความรู้สึกดีต่อเธอ รู้ว่าคุณกับเธอไม่ได้ดีเหมือนอย่างที่เห็น ผมคิดว่า ความจริงผมอาจจะมีโอกาส”
ทันใดนั้นกระแสลมพัดแรงเข้ามา จงจิ่งห้าวหันกลับมา จ้องลึกเข้าไป ไป๋ยิ่นหนิงยังคงนิ่ง สายตาสบประสานเอาชนะคำคู่มากมาย เอาชนะการต่อสู้หลายหมื่นครั้ง
จงจิ่งห้าวเอ่ยเสียงราบเรียบ “ประธานไป๋ คุณพลาดตั้งแต่เริ่มต้นแล้วล่ะ ต่อไปก็คงไม่มีโอกาส เธอกับผมเราดีมากๆ ”
ไม่ใช่เน้นย้ำ ไม่ใช่โอ้อวด ยิ่งไม่ใช่เรื่องการกลบเกลื่อน แค่ประโยคบอกเล่าง่ายๆ แค่วางอำนาจ แค่มั่นใจ
ไป๋ยิ่นหนิงเข้าใจ ความมั่นใจของเขาคือหลินซินเหยียนให้มา
เขาดูออก ท่าทางของหลินซินเหยียนที่มีต่อจงจิ่งห้าวนั้นเปลี่ยนไป ไม่ใช่การเสแสร้งเหมือนเมื่อก่อน แต่มันออกมาจากใจ และการตอบสนองของร่างกาย
เธอใส่ใจความรู้สึกของจงจิ่งห้าว
อย่างเช่นเมื่อสักครู่ ที่เขาบอกว่าจะนำทางให้ หลินซินเหยียนหันกลับไปมองจงจิ่งห้าวราวกับว่ากลัวเขาจะไม่พอใจ
เมื่อเธอใส่ใจความรู้สึกของใครสักคน แสดงว่าตอนนี้ในใจของเธอนั้นมีเขาอยู่แล้ว
ไป๋ยิ่นหนิงยังคงยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นมีความขมขื่นซ่อนอยู่ “ไม่เป็นไร เกิดมีสักวันที่เธอเบื่อคุณแล้ว ผมก็ยินดีเป็นตัวสำรอง”
นี่หน้าด้านขนาดนี้เลยใช่ไหม
หลินซีเฉินเดินมาหยุดอยู่ตรงนั้น จับมือเขาเอาไว้ “หม่ามี๊ของผม ไม่ใช่คนสองจิตสองใจ เราจะไม่แยกจากกัน”
เขาเข้าใจและรับรู้ได้ว่าผู้ชายสองคนนี้ ใครที่เหมาะสมกับหม่ามี๊ของเขา เหมาะสมกับครอบครัวของเขา
จงจิ่งห้าวเป็นพ่อของเขาและหลินลุ่ยซี
แม่อยู่กับเขา เราถึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
เขาไม่ยอมให้ใครมาทำลายหรอก
ไป๋ยิ่นหนิงอยากคุยกับเขา “เสี่ยวซี…”
ตูม!
“เสียงอะไร”
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังขึ้นมา ราวกับมีอะไรหล่นลงไปในน้ำ
หลินซีเฉินเงยหน้า “หม่ามี๊ ทำไมนานแล้วหม่ามี๊ยังไม่กลับมาครับ”
จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้นไปมองไป๋ยิ่นหนิง สีหน้ามีความรู้สึกมากมาย เขาจูงมือลูกชาย “เราไปดูกันเถอะ”
ไป๋ยิ่นหนิงเองก็ตามมาด้วย
ระหว่างทาง เขามองเห็นอาหารปลาที่ระเกะระกะกระจายเต็มพื้น บนพื้นยังมีรอยเท้ามากมาย อีกทั้งไม่ใหญ่มาก ที่แน่นอนก็คือ เป็นรอยเท้าผู้หญิง
ผืนน้ำมีคลื่นใหญ่เป็นระลอก
“ช่วย…”
จงจิ่งห้าวมองไปยังผิวน้ำ บางทีน้ำอาจลึกเกินไป ตรงนั้นมีคนกำลังตะเกียกตะกายผลุบๆ โผล่ๆ
เขามองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่มั่นใจได้ว่า คนที่อยู่ในน้ำคือหลินซินเหยียน
เขาวางลูกสาวลง ไม่มีความลังเล กระโดดลงน้ำในเดือนธันวาคมที่หนาวเหน็บ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอุณหภูมิในน้ำ ที่เย็นเข้ากระดูก