กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 265 ก่อเรื่องเองสมควรตาย
ซูจ้านตัดสินใจแล้ว ถ้าต้องถูกคุณย่าบีบบังคับทุกวันแบบนี้ สู้หาผู้หญิงสักคนมาแต่งงานด้วยดีกว่า
ส่วนหนึ่งเพราะหูก็จะได้อยู่สบายขึ้น กับอีกส่วนหนึ่งคือเขาเองก็ถึงวัยที่ต้องหาคู่ครองแล้ว และที่ประจวบเหมาะก็คือ เขาไม่ได้รู้สึกไม่ชอบฉินยา ค่อนข้างรู้สึกดีกับเธอ แถมชอบมากด้วย
ถ้าแต่งงานด้วย ก็น่าจะใช้ได้อยู่
“ซูจ้านนี่มันหมายความว่ายังไง ตอนแรกคุณเป็นคนบอกเองนี่ว่าเราจะคบกับแบบหลอกๆ ถ้าผ่านจุดที่อึดอัดก็จะเลิกกัน แล้วทำไมเมื่อกี้คุณถึงไม่ยอมพูดออกไป?”
ซูจ้านจับมือเธอไว้ ฉินยาเหวี่ยงมันออกไป “คุณไม่ต้องมาใช้ไม้นี้เลย ไปอธิบายทุกอย่างเดี๋ยวนี้เลย เราเลิกกันไปแล้วถ้ายังไม่ได้ ก็พูดไปตามตรงเลย”
“ผมไม่พูด” ซูจ้านไม่ฟังเหตุผล เขาตัดสินใจไปแล้ว เขาต้องเอาฉินยามาครอบครองให้ได้ “คุณทำมิดีมิร้ายกับผม คุณก็ต้องรับผิดชอบผม”
ฉินยา “……”
“ซูจ้าน คุณยังมีความเป็นผู้ชายอยู่มั้ย?!” ฉินยาโกรธจนตัวสั่น
เขากล้าพูดมันออกมาได้ ช่างหน้าด้านสิ้นดี
ซูจ้านยืนพิงกำแพง ร่างกายที่สูงยาวกำลังเอนเอียง “เป็นผู้ชายรึเปล่า คุณยังไม่รู้อีกเหรอครับ?”
ฉินยา “……”
“ได้ ถ้าคุณไม่พูด เดี๋ยวฉันไปพูดเอง” เธอไม่ยอมให้ซูจ้านทำสำเร็จหรอก
แต่ทันทีที่เธอเดินออกไป จู่ๆ ก็ถูกคนดึงข้อมือเอาไว้ ในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ซูจ้านก็ออกแรงที่มือ ร่างกายของฉินยาเสียหลักไปทางด้านหลัง ล้มลงในอ้อมแขนที่อบอุ่น
“ซูจ้าน!”
ฉินยาถูกทำให้โกรธจนถึงขีดสุด ยกมือขึ้นมา แล้วตบไปที่หน้าของเขา แต่ก็ถูกซูจ้านคว้าไว้ได้ก่อน เขากดมือของเธอไปในทิศทางตรงข้าม เอาไปไขว้ไว้ด้านหลัง มืออีกข้างล็อกหัวเธอไว้ แล้วจูบลงไปอย่างแรง
“อุ๊บ…”
ฉินยาเบิ่งตากว้างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนลูกตากำลังจะถลนออกมา นะ นี่เขา……
ซูจ้านกัดไปที่ริมฝีปากของเธอ เสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น “ถ้าคุณไม่ยอมตกลงที่จะแต่งงานกับผม ผมก็ไม่ยอมปล่อย”
ฉินยาโกรธจนอยากจะร้องไห้ เขารังแกเธอมากไปแล้ว
แล้วในดวงตาของเธอได้มีหยดน้ำเล็กๆ กลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอพูดด้วยเสียงที่แหบซ่าน “ฮือ……ซูจ้าน คุณรังแกฉันมากไปแล้ว”
ซูจ้านแอบผ่อนแรงออกไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เขากัดใบหูของเธอไว้ “คุณคิดว่าคุณซื้อผักแล้วไม่จ่ายเงินได้เหรอ? คุณทำมิดีมิร้ายผม คุณก็ต้องรับผิดชอบผมสิ คุณว่าใช่มั้ย?”
ฉินยาโกรธจนร้องไห้ออกมาแล้ว ไห้ร้องจริงๆ น้ำตาไหลฮวบฮาบลงมา
ซูจ้านแตกตื่นแล้ว เขารีบปล่อยมือเธอออก เพื่อให้เธอเช็ดน้ำตา “ที่เห็นว่าเมื่อก่อนผมชอบเปลี่ยนแฟน ความจริงแล้วผมเคยนอนกับพวกเธอแค่ไม่กี่คนเอง……”
ฉินยาร้องไห้หนักกว่าเดิม มันคือครั้งแรกของเธอ แน่นอนว่าเธอก็ต้องคาดหวังให้มันเป็นครั้งแรกของคนนั้นของเธอเหมือนกัน
ดูเหมือนแบบนี้ถึงจะดูยุติธรรม
แต่ว่า ซูจ้านนอนกับผู้หญิงไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
ซูจ้านเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป เขาเอามือตบปากตัวเองทีหนึ่ง “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปผมจะไม่ไปหาผู้หญิงคนอื่นอีก ผมจะมีคุณแค่คนเดียว โอเคมั้ยครับ?”
ฉินยาไม่สนใจ เอาแต่ร้องไห้
ซูจ้านกระวนกระวายจนเหงื่อออกไปทั้งตัว “ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว ผมขอร้องล่ะคุณหยุดร้องได้แล้ว”
ฉันยาถลึงตาใส่เขา ปาดน้ำตาออก “คุณไปอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจ ฉันถึงจะหยุดร้อง”
ซูจ้าน “……”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญร้องต่อไปเลยครับ”
“ซูจ้าน!” ฉินยาทั้งต่อยทั้งเตะใส่บนร่างกายของซูจ้าน
ซูจ้านยืนนิ่งไม่ไหวติง น้อมรับการทำร้ายจากเธอ
เขาเข้าใจ เด็กสาวอย่างฉินยา มาเสียตัวให้เขา ตอนนี้ยังมาถูกเขาบังคับให้แต่งงานด้วย การที่ในใจจะเต็มไปด้วยความอาฆาต ความโกรธเกลียด มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ขอแค่ทำให้เธอสามารถระบายออกมาได้ เธออยากตีกี่ที่ก็ตีไปเลย
ทันใดนั้น ก็มีคนคนหนึ่งออกมาจากลิฟต์ เดินมาทางนี้ ซูจ้านจับกำปั้นของฉินยาไว้ ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด ฉินยาเบิ่งตากว้าง มาไม้นี้อีกแล้ว พอเธอกำจะอ้าปากด่า ก็ได้ยินเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องวีไอพี ขาดแค่คุณคนเดียวแล้ว”
จงจิ่งห้าวมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตอบอืมเบาๆ
พอเห็นจงจิ่งห้าว คำด่าที่มาถึงตรงปากก็ต้องถูกกลืนลงคอไป
ซูจ้านกอดเธอไว้ พยายามพูดโน้มน้าว “ฉินยา ในเมื่อเรามีอะไรกันแล้ว เราก็ควรแต่งงานด้วยกันสิ คุณว่าจริงมั้ย?”
“นี่มันไม่ใช่สมัยโบราณสักหน่อย……”
“ยิ่งเป็นสมัยนี้แหละ เรายิ่งต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง” ซูจ้านพูดออกมาด้วยท่าทางที่มีเหตุมีผล
“แต่ฉันไม่ได้ชอบคุณ” ฉินยากะพริบตาปริบๆ เธอคิดในใจเหตุผลนี้ก็คงพอแล้วมั้ง
ซูจ้าน “……”
เขาหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมจะพยายามทำให้คุณชอบผมให้ได้ อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้ขี้เหร่ ไม่ได้แก่ ผมมีความมั่นใจมากพอครับ”
ฉินยา “……”
“แล้วถ้าฉันไม่รู้สึกชอบคุณไปตลอดล่ะจะทำยังไง?”
“อืม—— “ซูจ้านใช้ความคิด “ถ้าผ่านไปสักแปดสิบปี แล้วคุณยังไม่ชอบผม ผมก็จะปล่อยให้คุณเป็นอิสระครับ”
ฉินยา “……”
“ไปครับ ไปได้แล้วครับ” ซูจ้านโอบเธอไว้ “ทุกคนกำลังรอเราอยู่ คุณจะมาเอาแต่ใจให้คนอื่นรอแบบนี้ไม่ได้ครับ”
ฉินยา “……”
เธออ้าปากพะงาบพะงาบ แต่กลับรู้ตัวว่าเธอเถียงอะไรไม่ได้เลย
ภายในห้อง
ตอนที่จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา ทุกคนก็นึกว่าเป็นซูจ้านกับฉินยา สายตาทุกคู่จ้องตรงมาทางนี้ พอเห็นว่าเป็นจงจิ่งห้าว เสิ่นเผยซวนก็เบะปาก “ผมยังอยากดูอะไรสนุกๆ อยู่เลย”
แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ซูจ้านกับฉินยา
จงจิ่งห้าวลากเก้าอี้ออกโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วเอาลูกสาวไปอุ้มเอาไว้
โดยนั่งห่างจากหลินซินเหยียนประมาณเก้าอี้หนึ่งตัว
มือที่อยู่ใต้โต๊ะของหลินซินเหยียนกำแน่น หลายครั้งที่อยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูด ที่นี่มันไม่เหมาะที่เธอจะอธิบายกับจงจิ่งห้าว เธอถอนหายใจออกมา แล้วคิด รอหลังกินข้าวเสร็จค่อยอธิบายแล้วกัน
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ผมกับฉินยาทำให้ทุกคนต้องคอย”
ในตอนนั้นเอง ซูจ้านกับฉินยาก็ได้เดินเข้ามา
หญิงชรายิ้มจนตาเหลือแค่ขีดเดียว เธอดีใจมาก “อีกไม่นานก็สิ้นปีแล้ว รีบจัดการงานแต่งให้เรียบร้อยล่ะ”
ซูจ้านชะกังไปก่อน จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ครับ”
ฉินยาจะแย้ง “ฉันไม่ใช่……”
“ฉินยาไม่อยากให้คุณย่าต้องกังวลเรื่องชีวิตคู่ของผม เธอจึงตอบตกลงแล้วครับ” ซูจ้านพูดขัดเธออีกครั้ง
ฉินยาอยากจะบ้าตาย คนคนนี้นี่ช่าง……
ซูจ้านเข้ามาชิดเธอ แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “คุณย่าของผมท่านอายุมากแล้ว รับการเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยได้ คุณทนเห็นท่านต้องมาใจสลายเพราะเรื่องของผมได้เหรอครับ?”
ใช่แล้ว คุณย่าของเขาดูไปอายุก็ไม่น้อยแล้วจริงๆ แต่เธอไม่สามารถเสียสละตัวเองเพื่อให้เขาได้แสดงความกตัญญูได้
ฉินยาไม่กล้าสบตากับเขา ความจริง ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึก เธอชอบคนที่ภูมิฐานมั่นคง แต่คนที่กะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างซูจ้านนั้น มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย
ดังนั้น เธอจึงคัดค้าน
ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึกซะทีเดียว
“ที่คุณไม่กล้ามองผม ก็เพราะคุณกำลังละอายใจ ความจริงคุณนั้นชอบผมอยู่” ซูจ้านเข้ามาใกล้ๆ หูเธอ แล้วพูดด้วยระดับเสียงที่มีเธอเท่านั้นที่ได้ยิน ทั้งสองคนกระซิบกระซาก ‘กะหนุงกะหนิง’ ดูแล้วความสัมพันธ์นั้นดีใช้ได้เลย
“โอเคโอเค” เสิ่นเผยซวนพูดขัดจังหวะทั้งสองคน “ถ้าจะแสดงความรักกันก็รอกลับไปที่ห้องก่อน ผมอยากกินข้าวแล้ว”
ซูจ้านวางมือลงบนหัวไหล่ของเขาแรงๆ จากนั้นก็กำมันไว้ “ที่ผมได้แต่งงานยังไงก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน”
ถ้าไม่ได้เสิ่นเผยซวนมาพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ต่อหน้าหญิงชรา เขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะแนะนำฉินยาให้หญิงชรารู้จักได้ยังไง
เสิ่นเผยซวนยิ้มร่าออกมา “โอ้ คุณจะบอกว่าผมเป็นพ่อสื่อใช่มั้ยครับเนี่ย?”
“งานแต่งของผมต้องเชิญคุณแน่นอนครับ……” ซูจ้านรู้สึกอารมณ์ดีเหมือนกัน
“วันที่สิบแปดเดือนสิบสองเป็นวันดี ฉันว่าจัดงานแต่งให้เสร็จตรงนี้ไปเลย กลับไปค่อยไปจดทะเบียนกันอีกที”
พอคำพูดของหญิงชราสิ้นสุด ภายในห้องวีไอพีก็เงียบลงทันที
ถ้าจำไม่ผิด วันนี้ก็วันที่สิบห้าแล้ว อีกแค่สามวันก็วันที่สิบแปด ถ้าแบบไม่เป็นทางการก็แค่สองวันเท่านั้น
นี่มันไม่รีบไปหน่อยเหรอ?
“คุณย่าครับ……”
ซูจ้านกำลังจะพูดก็ถูกหญิงชราขัดไว้ก่อน “ไม่ต้องพูดแล้ว เอาตามนี้เลย จัดงานแต่งก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือค่อยไปจัดการทีหลังที่เมืองB”
เสิ่นเผยซวนขยับเข้ามาใกล้หญิงชรา แล้วถามเบาๆ ว่า “คุณย่าครับ นี่มันไม่เร่งไปหน่อยเหรอครับ? การจะจัดงานแต่งนั้นมีสิ่งที่ต้องเตรียมเยอะมากเลยนะครับ เวลาแค่สองวันจะไปพอได้ยังไงครับ ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งญาติๆ ทั้งคนรู้จักต่างก็อยู่ที่เมืองBกันหมดเลย การที่มาจัดงานแต่งที่นี่ มันดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่จริงมั้ยครับ?”
หญิงชราเองก็ขยับเข้ามาใกล้เหมือนกัน แล้วกระซิบข้างหูเขาว่า “ฉันกลัวถ้าเวลาผ่านไปแล้วเรื่องมันจะยุ่งยาก เพราะตอนนี้หลิวเฟยเฟยกลับมาแล้ว ฉันกลัวเขาจะเศร้าเสียใจกับผู้หญิงคนนั้น”