กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 278 เขาจะตายไหม
เสียงดังปัง เหอรุ่ยเจ๋อเบิกตากว้าง เขาค่อยๆหันไปมอง ท่ามกลางความมืด ร่างสูงใหญ่ที่ถูกสาดส่องด้วยไฟบนถนน ชายเสื้อปลิวขึ้นเพราะสายลม เขายืนอย่างมั่นคง เหมือนเท้าติดพื้น สายลมพัดแรง ก็ไม่หวั่นไหว มือถือปืน ท่าทางหยิ่งผยอง
เหอรุ่ยเจ๋อเบิกตากว้าง ยิ่งอยู่ยิ่งโหดเหี้ยม มุมปากกระตุกไม่หยุด “แก แก……”
ไร้เรี่ยวแรงพยุงตัว เขาเข่าอ่อน ล้มคุกเข่าอยู่บนพื้น
หลินซินเหยียนเห็นเขาล้มลงไปต่อหน้า
เธอรู้สึกโล่งใจไปทันที ร่างไหวไปตามลม เธอตั้งสติได้ รีบแก้เข็มขัดบนมือ รีบเข้าไปอุ้มคุณย่าที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น “คุณย่า”
หลินซินเหยียนตรวจลมหายใจของคุณย่า ยังหายใจอยู่
“คุณย่า” ซูจ้านวิ่งเข้าไป หลินซินเหยียนใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด “เร็ว รีบพาคุณย่าไปโรงพยาบาล”
ซูจ้านมองเธอ แล้วรีบอุ้มคุณย่าขึ้นรถ กลัวคุณย่าจะเกิดเรื่อง ระบายอารมณ์ใส่บอดี้การ์ด “เร็วๆ”
หลินซินเหยียนใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวเองอยากลุกขึ้น ทันใดนั้นมีคนจับมืออีกข้างของเธอไว้ สายตาเธอมองเห็นรอยเท้าที่เงาเป็นประกาย เธอมองขึ้นไป ขายาวคู่นั้นมองขึ้นไป เป็นใบหน้าที่เข้ารูป
มือจงจิ่งห้าวดึงเบาๆ ร่างของหลินซินเหยียนถูกดึงขึ้น ทันใดนั้นก็ถูกดึงเข้าอ้อมกอดอันอบอุ่นและบึกบึน
เธอเงยหน้า ลมแรงมาก ผมยาวของเธอถูกพัดปลิวอยู่กลางสายลม
จงจิ่งห้าวปัดผมที่บดบังอยู่บนหน้าของเธอ ไปไว้หลังหู
รอดพ้นจากอันตราย เธอยิ้มแล้ว ตาคู่สวยนั้นยิ้มจนโค้งขึ้นเหมือนเสี้ยวพระจันทร์ น้ำเสียงอันสดใส “ไม่เป็นไรแล้ว โชคดีที่คุณมาทัน”
สีหน้าของจงจิ่งห้าวไม่ได้ผ่อนคลายลงจากคำพูดเธอแม้แต่น้อย ยิ่งอยู่ยิ่งแข็งกระด้าง เขาดึงเธออย่างแรง ร่างของหลินซินเหยียนกระแทกเข้าอ้อมกอดเขา
หลินซินเหยียนรู้สึกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีของเขา เธอกำลังอยากเปิดปากพูด ก็เห็นบอดี้การ์ดสองนายเดินเข้ามา หัวคนท้ายคน ยกร่างของเหอรุ่ยเจ๋อขึ้นรถ
หลินซินเหยียนไม่เคยเห็นจงจิ่งห้าวรุนแรงขนาดนี้มาก่อน น้ำเสียงค่อนข้างต่ำ ไม่ได้ถามเขาว่าทำไมถึงมีปืน แต่ถามคำถามที่เธอกังวล “เขาจะตายไหม?”
เหอรุ่ยเจ๋อทำผิดจริง เขาสมควรได้รับโทษ แต่โทษนี้ไม่ควรที่จะกระทำโดยเขา
หากเหอรุ่ยเจ๋อตาย เขาก็ทำผิดกฎหมายเช่นกัน
“ไม่รู้” ใช่ เขาไม่รู้ ตอนที่เขาเห็นเหอรุ่ยเจ๋อบีบคอเธอไว้ เขาสูญเสียสติทุกอย่าง ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาต้องควบคุมได้ แต่ว่าครั้งนี้ เขาควบคุมไม่ได้
หลินซินเหยียนถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคุณย่าจะเป็นอะไรไหม
“พวกเรากลับกันเถอะ ฉันหนาว” เธอกอดเอวของเขาไว้
จงจิ่งห้าวใช้เสื้อคลุมห่มตัวเธอไว้ เดินไปที่รถ บอดี้การ์ดเปิดประตูให้อย่างเคารพ เขากอดร่างหลินซินเหยียนนั่งเข้าไปในรถ
ปิดประตูรถ
ตลอดทางทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรเลย ต่างคนต่างมีความในใจ
หลินซินเหยียนยังคงอยู่ในอาการตกใจจากเหตุการณ์นี้ ส่วนจงจิ่งห้าวยังคงอยู่ในอาการโทษตัวเอง ถ้าเขาช้าอีกก้าวเดียว เธอจะ……
ไม่นานรถก็ขับมาถึงโรงแรม ฉินยาไปที่โรงพยาบาล ตอนนี้คุณย่าอยู่โรงพยาบาลไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เธอเป็นภรรยาของซูจ้าน ควรจะอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล
“ฉันชะล่าใจเกินไป” เสิ่นเผยซวนพูดอย่างรู้สึกผิด
ถ้าหากเขาเฝ้าคุณย่าไว้ดีๆก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
แน่นอน เขาคิดว่าคงไม่มีอันตรายอะไร เหอรุ่ยเจ๋อคนเดียว จะสร้างเรื่องอะไรใหญ่โตได้? แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมัดระเบิดติดตัวไว้ ก่อเรื่องราวมากมายขนาดนี้
“มันเป็นอุบัติเหตุ” หลินซินเหยียนพูดปลอบ
“เด็กสองคนอยู่ในห้อง ผมไปจัดการเหอรุ่ยเจ๋อ” เสิ่นเผยซวนกำลังจะไป เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ มองไปที่จงจิ่งห้าว “ปืนล่ะ?”
เสิ่นเผยซวนมีปืน
หลินซินเหยียนถึงรู้ ปืนที่จงจิ่งเหยียนใช้ เป็นของเสิ่นเผยซวน
ปืนของเสิ่นเผยซวนมีรหัสปืน ถ้าหายต้องถูกทำโทษ
จงจิ่งห้าวหยิบปืนออกมาคืนเขา จากนั้นก็เดินผ่านเขาเข้าไปในห้อง
เห็นได้ชัดว่าจงจิ่งห้าวอารมณ์ไม่ค่อยดี เสิ่นเผยซวนอยากถามว่าเขาเป็นอะไร
หลินซินเหยียนขวางเขาไว้ ส่ายหน้าให้เขา “เขาอาจจะอารมณ์ไม่ค่อยดี คุณไปเถอะ พยายามช่วยคนให้ได้”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า
หลินซินเหยียนเข้าไปในห้อง เธอถอดเสื้อกันหนาว แขวนไว้บนไม้แขวนเสื้อ เสื้อคลุมบนตัวจงจิ่งห้าวไม่ได้ถอด อุ้มหลินลุ่ยซีไว้ หลินซินเหยียนเดินเข้าไป “ถอดเสื้อคลุมออกดีกว่า”
ในห้องอบอุ่น ถ้าเขาใส่ในห้องจะรู้สึกร้อน เขาปล่อยลูกสาวลง สะบัดไหล่ เสื้อคลุมก็ร่วงลงมา หลินซินเหยียนรับไว้ จากนั้นก็เอาไปแขวน
“พ่อไปไหนมา?” หลินลุ่ยซีกอดคอเขาพูดจาอ้อน
จงจิ่งห้าวจับจมูกเล็กๆของเธอไว้ “พ่อไปจัดการธุระ”
ลูกสาวซบอยู่ที่ไหล่ของเขา หน้าเล็กๆนั้นซบอยู่ที่คอ พูดด้วยเสียงอ้อน “หนูนึกว่าพ่อไปออกเดทกับแม่ซะอีก ครั้งหน้าพาหนูไปด้วยได้ไหม? อยู่แต่ในห้องทุกวันน่าเบื่อจะตาย พวกเราจะกลับไปได้เมื่อไหร่?”
จงจิ่งห้าวลูบไหล่เธอเบาๆ “รออีกนิด”
ตอนแรกเรื่องของเหอรุ่ยเจ๋อจบลง พวกเขาก็กลับได้
แต่ตอนนี้คุณย่าถูกส่งเข้าโรงพยาบาล สถานการณ์เป็นยังไงยังไม่รู้ ตอนนี้ยังกลับไม่ได้แน่
“ถ้าอย่างนั้น พ่ออยู่เป็นเพื่อนหนูได้ไหม?” เธอเบ้ปาก “หนูคิดถึงยายแล้ว”
จงจิ่งห้าวจูบหน้าผากลูกสาว พูดว่า “ต่อจากนี้พ่อจะอยู่กับลูกเอง”
สาวน้อยดีใจแล้ว หัวเราะชอบใจ จูบไปที่แก้มของเขาไปหนึ่งที จนน้ำลายติดแก้ม
เห็นลูกสาวดีใจ ใบหน้าของเขาถึงมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง
โรงพยาบาล
คุณย่าถูกส่งเข้าไปตรวจในโรงพยาบาล ซูจ้านยืนกระวนกระวายเดินไปเดินมาบนทางเดิน
ฉินยามองจนมึนหัว รู้ว่าเขาตื่นเต้น รู้ว่าเขากังวล แต่ว่าเดินไปเดินมาแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนไม่เป็นไรได้ เธอเดินเข้าไป จับมือของเขาไว้ “อย่ากังวลเลยค่ะ คุณย่าต้องไม่เป็นไร”
ซูจ้านกัดฟันแน่น “ไอ้สารเลวเหอรุ่ยเจ๋อ ผมต้องเอามันตายแน่…”
ฉินยารีบปิดปากเขาไว้ ที่นี่คนเต็มไปหมด ถ้าให้คนอื่นได้ยินจะไม่ดี คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเขาไปคนไม่ดี
“ฉันรู้ว่าคุณโกรธ……”
“จะให้ผมไม่โกรธได้ยังไง?” ซูจ้านเสียงดัง ตะโกนจบแล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวเองวู่วามเกินไป ไม่ควรตะโกนใส่ฉินยา “ผมขอโทษ ผมใจร้อนเกินไป”
เขาหันไปนั่งลงบนเก้าอี้ยาว เอามือปิดหน้า “ผมมีญาติเพียงคนเดียวเท่านั้น ย่าสำคัญกับผมมาก”
ฉินยาเดินเข้าไปกอดเขาไว้ “ฉันรู้”
เขากอดฉินยาไว้ เอาหน้าซบไว้ที่หน้าท้องเธอ ฉินยายืนอยู่ตรงหน้าเขา เขานั่งบนเก้าอี้ ตำแหน่งพอดีที่เขาซบหน้ากอดเอวเธอไว้ น้ำเสียงต่ำและสั่นเล็กน้อย “พ่อแม่ผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก เป็นคุณย่าที่เลี้ยงผมมาจนโต ผมไม่ดีเอง…..”
ฉินยาเอามือลูบหัวเขา “เรื่องนี้โทษคุณไม่ได้ ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้”
ซูจ้านกอดเธอไว้เงียบๆ
รอบตัวก็เงียบสงบลง
ผ่านไปสักพักประตูห้องตรวจถูกเปิดออก พยาบาลเอาผลตรวจเดินออกมา “ญาติอยู่ไหนคะ?”
ซูจ้านลุกจากเก้าอี้ รีบเดินเข้าไป ฉินยาเดินตามไป กลัวว่าจะเป็นข่าวไม่ดี เธอจับมือของซูจ้านไว้แน่น
“ย่าผมเป็นยังไงบ้าง?”