กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 281 ความแปลกประหลาดของจงจิ่งห้าว
“โรงพยาบาลเหรินอ้าย” เสิ่นเผยซวนตอบ
ซูจ้านเพิ่งเดินถึงประตูใหญ่หมาดๆ เขาหันกลับมา แผ่นป้ายไฟนีออนแผนกผู้ป่วยนอกสี่คำที่แสดงอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลเหรินอ้าย นี่โรงพยาบาลเดียวกันกับท่านย่าเหรอ?
เขาขยับปากพูด “อยู่ตรงไหนเนี่ย?”
“ก็ห้องผ่าตัดไง” เสิ่นเผยซวนเริ่มมึนงงเล็กน้อย “นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ซูจ้านไม่ตอบ ได้แต่พูดออกมาว่าจะฉันจะมาหาแก จากนั้นก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที
ซูจ้านกลับมาที่โรงพยาบาล จากนั้นดูตามแผนผัง และก็หาตำแหน่งของห้องผ่าตัดจนเจอ เสิ่นเผยซวนกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวตรงทางเดิน และมีบรรดาบอดี้การ์ดยืนประกบอยู่ด้านข้างอีกหลายคน “ตอนนี้เป็นไงบ้างแล้ว?”
เสิ่นเผยซวนเห็นซูจ้านเดินเข้ามาหา จากนั้นก็ขยับตัวเปลี่ยนตำแหน่ง “นั่งคุยกัน”
ซูจ้านก้นเพิ่งจะแตะกับเก้าอี้
“หมอบอกว่าอีกนิดก็จะช่วยไว้ไม่ทันแล้ว ห่างจากหัวใจแค่สองเซนติเมตรเอง ตอนนี้ยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่เลย” เสิ่นเผยซวนเอ่ยออกมา
ซูจ้านก่นดาทันที “ทำไมไม่ตายห่าไปสักทีไอ้คนชั้นต่ำ!”
เสิ่นเผยซวนจ้องมองเขา “ตายไปแล้วจริงๆ จิ่งห้าวเป็นฆาตกรฆ่าคน ฉันว่าพี่สะใภ้คนเดียวที่เข้าใจแจ่มแจ้งดี”
“ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้” ซูจ้านยังคงอยู่กับความรู้สึกที่ต้องการฆ่าเหอรุ่ยเจ๋อให้ตายไป
มีเงินมีอำนาจ มีเงินก็มีทุกอย่างมากองอยู่ตรงหน้าเหรอ?
ก็เป็นเพราะว่ามีเงิน อะไรก็มีอย่างเพียบพร้อมแล้ว
มีเงินก็ต้องมีอำนาจตามธรรมชาติ
อีกอย่างด้วยฐานะของทางบ้านน้าของจงจิ่งห้าว เรื่องนี้สามารถถูกลบออกไปได้เลย
เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่าซูจ้านในเวลานี้ช่างตื่นตัวเกินไป ไม่ว่าจะพูดอะไรกับเขาก็ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น เลยไม่กล้าปริปากพูดอะไรต่อ เพื่อให้เขาได้สงบจิตสงบใจลงก่อน เสิ่นเผยซวนประเมินความคับแค้นใจของซูจ้านต่ำเกินไป
ทางเดินในเวลานี้เงียบสงบมาก บรรยากาศอันเงียบงันแบบนี้จนมีความรู้สึกลึกลับเกิดขึ้นอยู่บ้าง
“นี่ด้านในนานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่เสร็จสักที?” ซูจ้านเริ่มแสดงอาการหมดความอดทนขึ้นมาบ้างแล้ว
เหลือบมองเขาอยู่แวบเดียว “หรือไม่ นายก็กลับไปก่อนไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ แม้ว่าเหอรุ่ยเจ๋อจะผ่าตัดและปลอดภัยดีแล้ว ก็คงต้องโดนซูจ้านทำร้ายแน่ๆ!
“ไม่กลับ” ซูจ้านตัดสินใจแล้ว
เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทำไมคนคนนี้ถึงได้ไม่ยอมฟังอะไรค้านหัวชนฝาลูกเดียวเลย?
“เสิ่นเผยซวน ไอ้เด็กนั่นมันตบหน้าย่าฉัน นายพูดมาหน่อยสิว่าฉันจะอดกลั้นอารมณ์ไว้ได้ไหม?”
ซูจ้านจ้องเขาตาเขม็ง
แต่เห็นได้ชัดว่าในใจของเขานั้นแค้นเคืองมาก
เหอรุ่ยเจ๋อมันสารเลวจริงๆ ที่กล้าลงมือกับคนแก่ได้
“จิตใจของหมอจิตแพทย์ไม่ปกติ ช่างน่าหวาดกลัวกับคนธรรมดาทั่วไปมาก” เสิ่นเผยซวนเอ่ยขึ้น
เวลานั้นเองไฟหน้าห้องผ่าตัดที่กำลังแสดงว่ากำลังผ่าตัดอยู่กับดับลง ไม่นานนักประตูห้องผ่าตัดก็เลื่อนออก หมอและเหอรุ่ยเจ๋อที่โดนเข็นอยู่ทางด้านหลังก็ออกมา
คุณหมอถอดหน้ากากออก “การผ่าตัดประสบผลสำเร็จดีมาก แต่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่สักระยะยาวหน่อย เพราะว่าภายในมีอาการบาดเจ็บ ย่อมแสดงให้เห็นว่า มีผลกระทบกับอายุขัยด้วย…”
“ไอ้สัตว์นี้ไม่น่าจะรอดเลย!” หมอยังพูดไม่ทันจบ ซูจ้านก็ตัดบททันที
คุณหมอที่ถูกพูดตัดบทแสดงอาการไม่ค่อยยินดีเล็กน้อย
จนถึงขึ้นขมวดคิ้วแน่น “ถึงขั้นไม่อยากจะช่วย แล้วทำไมถึงส่งตัวคนเข้ามาล่ะ?”
หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว คุณหมอก็ย่อมดีใจมาก แต่พอโดนคำพูดของซูจ้านตอกกลับมาประโยคหนึ่ง เหมือนว่าคุณหมอโดนน้ำเย็นสาดเข้าหน้าอย่างจัง
บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่ข้างหน้า เสิ่นเผยซวนออกหน้าเพื่อทำให้บรรยากาศกลับเป็นปกติ เขายื่นเอกสารของตนเองให้กับคุณหมอดู “ผมมาจากเมืองB กำลังตามสืบผู้ต้องหามาถึงที่นี่ ตอนที่คนคนนั้นเขาวิ่งหลบหนีการจับกุมอยู่ ผมยิงจนโดนเขา เขาคือผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ดังนั้นที่เพื่อนร่วมงานผมโมโหเป็นฟืนเป็นไฟมา เลยพูดไม่ค่อยเข้าหู คุณอย่าได้ถือสาเลยนะ”
ยามเมื่อคุณหมอได้ยินว่าเป็นผู้ต้องหามา แถมยังเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์อีก ความรู้สึกอิ่มเอมใจของตนเองจากการผ่าตัดเมื่อครู่พลันมลายหายไปพริบตา
อีกทั้งยังโมโหเดือดดาลมาก “ค้ามนุษย์ก็สมควรตายไปซะ”
เสิ่นเผยซวนยัดข้อหา ‘ค้ามนุษย์’ ให้กับเหอรุ่ยเจ๋อที่ใครๆ ทั้งรังเกียจทั้งนั้น
“ส่งตัวไปดูอาการที่ห้องพักก่อน” เสิ่นเผยซวนโบกมือ เพื่อให้ลูกคนที่เป็นลูกน้อยเริ่มลงมือจัดการ
เมื่อรู้ถึงฐานะของเสิ่นเผยซวนแล้ว คุณหมอก็เข้าใจพฤติกรรมของพวกเขา อีกทั้งยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ซูจ้านเดินไปประกบกับคุณหมอที่อยู่ด้าน พลางใช้แขนพาดไปบนไหล่ของเขา “มีตรงไหนต้องระวังเป็นพิเศษไหม?”
“เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จอย่าขยับเขยื้อนตัวให้มาก ก็จะไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต” พอรู้ว่าเหอรุ่ยเจ๋อตกเป็นผู้ต้องหา ก็ไม่ได้พูดฝากฝังอะไรมากเป็นพิเศษ
“คุณหมอครับ” ซูจ้านเขยิบเข้ามาใกล้ พลางกระซิบถาม “ถ้าเกิดว่าผมตบมันสักสองสามที มันจะตายไหม?”
เมื่อคุณหมอได้ยินถึงกลับถอยหลังไปทันที แต่ก็รู้สึกตัวว่าการกระทำของตนเองนั้นแสดงออกมามากเกินไป พลันกระแอมออกมา “เอ่อคือ เอ่อคือ ขอแค่อย่าดึงพวกท่อต่างๆ ที่อยู่บนตัว หรือบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่เสียชีวิต”
“อ้อ” ซูจ้านเข้าใจทันที จากนั้นก็ตบไหล่คุณหมอ “ขอบคุณนะหมอ”
ซูจ้านหันหลังกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย คุณหมอมองแผ่นหลังของซูจ้านถึงกับหนาวสั่นขนหัวลุกทันที ราวกับคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างเมื่อซูจ้านเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้ว
เพื่อเป็นการไม่หาเรื่องใส่ตัว คุณหมอรีบหันหลังกลับและรีบเดินออกไปทันที
เมื่อเข้ามาให้ห้องพักผู้ป่วยแล้ว พยาบาลกำลังลงบันทึกในชาร์ทคนไข้จุดสำคัญทุกอย่างของร่างกายของเหอรุ่ยเจ๋อ
ซูจ้านยืนถามอยู่ด้านข้าง “เมื่อไหร่จะฟื้น?”
“หลังจากนี้ประมาณชั่วโมงเห็นจะได้” หลังจากที่พยาบาลลงบันทึกในชาร์ทคนไข้ทุกรายการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ฝากฝังเรื่องที่ต้องสนใจเป็นพิเศษ “ตอนนี้คนไข้เพิ่งทำการผ่าตัดเสร็จ อย่าเพิ่งไปขยับตัวให้เขา มีเรื่องอะไร ก็สามารถเรียกหมอมาดูได้ตลอดเวลา”
“ทราบแล้ว” เสิ่นเผยซวนยังไม่ทันอ้าปากตอบ ซูจ้านก็รีบพูดขึ้นมาทันที
นางพยาบาลเหลือบตามองเขา จากนั้นก็ถือเดินชาร์ทคนไข้ออกไปทันที
ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลงแล้ว ซูจ้านเดินมาถึงหัวเตียง พร้อมทั้งจ้องมองคนที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่เตียงด้วยความเคร่งขรึม นิ้วกระทบจนลั่นเป็นเสียง
เสิ่นเผยซวนเห็นท่าว่าจะไม่ดี พลันรีบเข้ามาขวางเขาไว้ทันที “นายอย่าวู่วามดิ”
“ฉันไม่ได้วู่วาม หมอก็พูดแล้ว แผลถลอกภายนอก มันไม่ตาย” ซูจ้านแกะมือของออกเสิ่นเผยซวน ทว่า เสิ่นเผยซวนเหนี่ยวลำคอของเขาเอาไว้ “ฉันก็โกรธ ฉันโมโหจนอยากจะสับมันให้เป็นชิ้นๆ ดันตบหน้าคุณย่า ทำให้มันตายห่าไปมันยังน้อยไป แต่ว่าซูจ้าน ตอนนี้มันสลบอยู่ นายไปต่อยมัน มันจะเจ็บไหมวะ?”
ซูจ้านกะพริบตาไปมา “สลบอยู่แม่งไม่เจ็บเหรอวะ?”
เสิ่นเผยซวนแสดงท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ของมา “ก็สลบอยู่แล้วจะรู้สึกเจ็บไปได้ยังไงล่ะ?”
“แต่ฉันเห็นเก็บความรู้สึกอารมณ์นี้ไม่ได้” ซูจ้านถอนหายใจหนักหน่วงกระหืดกระหอบจากความโกรธแค้น
“รอให้มันรักษาให้หายดีสักหน่อย แกอยากจะตัดเนื้อมัน ฉันนี่แหละจะเป็นคนยื่นมีดให้แกเองเป็นไง?” ” เสิ่นเผยซวนพูดเกลี้ยกล่อมต่อไปเรื่อยๆ
ซูจ้านจ้องมองเสิ่นเผยซวน ทันใดนั้น เขาก็เข้าใจความหมายของเสิ่นเผยซวน พลันเผยอปากพูด “นี่แค่กลัวมันตายใช่ไหม?”
เสิ่นเผยซวน “……”
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ตายไม่ได้ แต่ต่อไปก็ไม่รู้สิ” เสิ่นเผยซวนพูดอดทนกับเขา “แกคิดดูนะ ตัวของซูจ้านก็มีคดีอยู่แล้ว นี่เท่ากับมันแหกคุกมาเลยนะ เพราะฉะนั้นโทษเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อเข้าไปในคุกแล้ว มีฉันอยู่ แกคิดอยากจะทำอะไรก็ทำไม่ได้หรือไง?”
เมื่อคิดดูแล้วมันก็เป็นเรื่องแบบนี้นี่เอง
“แกลองคิดทบทวนให้ดีสิ เรื่องการถูกตบหน้าเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก หรือแกลองให้มันฟื้นมาก่อน แล้วค่อยทำให้มันอับอายขายขี้หน้ามันไปดีไหม?” เสิ่นเผยซวนพูดต่อ
ซูจ้านมองเหอรุ่ยเจ๋อที่ยังนอนหมดสติอยู่ ตอนนี้ไปด่าทอ ทำร้ายมัน มันก็ไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย ก็เหมือนกับไม่ได้ทำร้ายนั่นแหละ
“ได้ฉันไว้หน้านาย รอมันดีขึ้นมาก่อน” ซูจ้านผ่อนความโกรธลง “นายปล่อยฉันเถอะ”
เสิ่นเผยซวนตบไหล่เขา “ความแค้นของคุณย่า ฉันจดจำไว้ที่นี่แล้ว”
เขาตบบริเวณหน้าอกของตนเอง
ซูจ้านใช้ไหล่ชนเขาเล็กน้อย “งั้นฉันไปก่อนนะ”
“อื้อ”
หลังจากที่ซูจ้านกลับไปแล้ว เสิ่นเผยซวนก็เดินมาข้างเตียงคนป่วย พร้อมทั้งใช้สายตาเย็นชากวาดตามองคนที่กำลังนอนสลบอยู่บนเตียงโดยไม่มีการขยับเขยื้อน ถ้าไอ้คนนี้มันฟื้นขึ้นมา ไม่ต้องให้ถึงมือซูจ้านหรอก เขาขอจัดมันก่อนสักยกเลย!
แต่ว่าเมื่อคิดว่าไม่เป็นไรแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและจัดการโทรหาหลินซินเหยียน เพื่อจะบอกเรื่องเหอรุ่ยเจ๋อกับเธอด้วย
โรงแรมแห่งหนึ่ง
หลินซินเหยียนเพิ่งจะอาบน้ำให้เด็กๆ เสร็จ ก็จัดการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พออาบน้ำเสร็จแล้วคงสบายตัวกันมา หลินลุ่ยซีก็กระโดดเด้งดึ๋งอยู่บนเตียง แต่ครั้งนี้หลินซีเฉินก็ไม่ได้เบื่อความไร้สาระตามประเด็กของเธอ พร้อมทั้ง ‘บ้าคลั่ง’ กันอยู่บนเตียงพร้อมๆ กัน เขาจัดการหมุนรูบิกของเขาเสร็จแล้ว จนอารมณ์ดี ก็เลยยอมเล่นบ้าบอกับน้องสาวอยู่สักพัก
หลินซินเหยียนเห็นว่าพวกเขามีความสุขกันแล้วจนต้องยิ้มออกมา
ตอนที่เธอกำลังจะเปลี่ยนผ้าเช็ดตัว โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมาทันที