กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 282 ฉันไม่อนุญาตให้คุณแกล้ง
ตอนที่เธอเดินเข้ามาหยิบนั้น ก็เห็นหน้าจอแสดงว่าชื่อเสิ่นเผยซวนเป็นคนโทรศัพท์เข้ามา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าแข็งทื่อทันที เธอเหลือบมองลูกชาย “อย่าเล่นกันแรงมาก เพิ่งจะอาบน้ำมา เดี๋ยวเหงื่อออกก็ไม่สบายตัวเอา”
“รู้แล้วครับ” หลินซีเฉินตอบกลับเธอตอนพักเล่น
พอกลับมาจากข้างนอก จงจิ่งห้าวก็เปลี่ยนไปจนดูประหลาดมาก
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ตอนที่กำลังอาบน้ำให้ลูกๆ อยู่นั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น กวนจิ้งโทรเข้ามา อาจจะเป็นเรื่องงาน เพราะว่าหลังจากที่เขารับโทรศัพท์แล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์ทันที จากนั้นก็นั่งลง และก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเลย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย และไม่รอในทางนั้นพูด เธอก็รีบชิงพูดก่อน “คุณรอเดี๋ยว”
เสิ่นเผยซวนที่อยู่ฝั่งนั้นก็ส่งเสียงตอบรับกลับมา
หลินซินเหยียนเอาผ้าขนหนูที่อยู่ในมือเอาไปวางในห้องน้ำก่อน เธอเดินมาถึงประตูและหันกลับไปมองเล็กน้อย เด็กทั้งสองคนยังเล่นกันอยู่บนเตียงอย่างครื้นเครง จงจิ่งห้าวกำลังทำงานอย่างเคร่งขรึม นิ้วมือเรียวยาว กดพิมพ์ตัวอักษรบนแป้นพิมพ์อยู่ไม่หยุด จนไม่รู้ตัวว่าหลินซินเหยียนเตรียมตัวจะออกไปเช่นนั้น
หลินซินเหยียนจับโทรศัพท์เอาไว้แน่น พลันหันตัวเข้าหาห้อง จากนั้นเธอก็ปิดประตูลง
ช่วงที่ปิดประตูห้องในเวลานั้น มือที่กำลังพิมพ์งานอยู่บนแป้นพิมพ์ของจงจิ่งห้าว ก็หยุดลงทันที
พลันหันศีรษะไปทางประตูห้องที่ถูกปิด ราวกับว่าเหมือนเม็ดทรายเข้าไปอยู่ในตาเช่นนั้น มันเคืองตาอยู่ตลอด
หลินซินเหยียนเดินมาถึงสุดทางระเบียง เธอมองข้ามเมืองที่ไม่ได้เจริญมากนัก แสงไฟนีออนประดับประดาเป็นฉากในยามกลางคืน เธอไม่รู้ว่าเสิ่นเผยซวนจะบอกข่าวอะไรให้เธอฟัง
แต่สิ่งที่เธอรู้ก็คือ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน
เธอหลุบตาต่ำ “คุณพูดมาเถอะ”
“ท่านย่าไม่เป็นไรแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง ซูจ้านไม่ใช่คนที่จะเข้าข้างใคร เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้เก็บไปคิด และก็ไม่โทษคุณหรอก เหอรุ่ยเจ๋อก็ถูกช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว ไม่ตาย คุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป”
หลินซินเหยียนถอนหายใจยาว ดีที่ว่าท่านย่าไม่เป็นไร เหอรุ่ยเจ๋อก็ยังไม่ตาย
เหอรุ่ยเจ๋อมีความผิด และก็ไม่สามารถให้พวกเขาแอบไปจัดการกันเองได้
“ผมแปลกใจมาก” ทันใดนั้นเสิ่นเผยซวนก็พูดออกมาดื้อ
“แปลกใจอะไรอะ?” หลินซินเหยียนถามกลับ
“ผมล่ะแปลกใจจงจิ่งห้าวอยากให้เขาตาย หรือว่าไม่อยากให้เขาตายกันแน่? เพราะว่าเขากับผมผ่านการฝึกมาด้วยกัน แต่ด้วยสาเหตุจากทางบ้านเลยทำให้เขาอยู่ต่อไม่ได้ ฝีมือแม่นปืนของเขาผมรู้ดี ถ้าเขาอยากจะเอาชีวิตของเหอรุ่ยเจ๋อจริงๆ ก็คงไม่เบี่ยงไปสองเซนติเมตรหรอก ถ้าไม่อยากให้เขาตาย ทำไมถึงยิงจะเป็นตำแหน่งที่ใกล้ชิดหัวใจขนาดนั้นด้วย”
หลินซินเหยียนเองก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน
“ไม่มีอะไรหรอก ผมวางสายแล้วนะ” เสิ่นเผยซวนพูด
หลินซินเหยียนส่งเสียงตอบตาปกติ
เธอยืนจับโทรศัพท์และยืนอยู่ตรงด้านหน้ากระจกจรดพื้น และครุ่นคิดถึงคำพูดของเสิ่นเผยซวนเมื่อครู่ เธอเข้าใจในความหมายของเสิ่นเผยซวน ดี ถ้าหากว่าจงจิ่งห้าวต้องการให้เหอรุ่ยเจ๋อตาย นัดนั้นก็สามารถจบชีวิตเขาไปได้แล้ว
ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่?
เธอคิดถึงสาเหตุไม่ได้จริงๆ เพราะว่าความคิดของจงจิ่งห้าวเธอก็มองไม่ออก
บางครั้งก็รู้สึกว่าตนเองเข้าใจเข้ามาก บางครั้งก็รู้สึกว่าตนเองไม่สนิทชิดเชื้อกับเขาเลยสักนิด
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เมื่อหันกลับไปมองแล้ว ก็เห็นว่าจงจิ่งห้าวยืนอยู่ทางเดินอยู่ไกลๆ ด้วยความที่นั่งทำงานนานเกินไปจนทำให้สูทที่อยู่บนตัวเขา ยับยู่ยี่จนเห็นชัด แต่ก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนความหน้าตาดีของเขาไปเลยสักนิด อีกทั้งยังเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีก
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าเพราะเป็นอะไร ในใจเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้ง มันหนักหน่วง
“ใครโทรมา?” การพูดการจาของเขา เย็นชาสิ้นดี ราวกับกำลังถามคนแปลกหน้าอยู่
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว พลางตอบกลับ “เขาบอกว่าท่านย่าของฉันไม่เป็นไร เหอรุ่ยเจ๋อก็ยังไม่ตาย”
เขาส่งเสียงตอบรับอย่างปกติ จากนั้นก็หันหลังกลับ
“จงจิ่งห้าว”
หลินซินเหยียนเรียกเขาเอาไว้
เขาหยุดฝีเท้าลง แต่ศีรษะไม่ได้หันกลับมา ก็ไม่ได้ถามเธอว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า แค่รอให้เธอเป็นคนเอ่ยปากถามแทนเท่านั้น
หลินซินเหยียนกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น “ฉันได้ยินมาจากเสิ่นเผยซวนว่าฝีมือการยิงปืนของคุณดีมาก คุณมีความสามารถ ที่ยิงเขาแค่นัดเดียวเขาก็จบชีวิตทันที ทำไมกัน…”
“ผมยิงพลาด ผมก็อยากให้เขาตาย” คำอธิบายที่แสนจะธรรมดา
ความจริงแล้วฝีมือการยิงปืนของเขาดีมาก แต่ว่า ในเวลานั้นเขาเห็นว่าเหอรุ่ยเจ๋อกำลังบีบคอหลินซินเหยียนอยู่ จนเขาเกิดอาการตื่นตระหนก เลยเบี้ยวไปสองเซนติเมตร
หลินซินเหยียนจ้องมองแผ่นหลังของเขาและเดินเข้ามาหา “คุณไม่สบายใจใช่ไหม? หรือว่าฉันไปยั่วโมโหคุณตอนไหนหรือเปล่า?”
ดวงตาจงจิ่งห้าวหลุบต่ำเล็กน้อย ขนตายาวเข้มปกปิดอารมณ์ของเขาเอาไว้ พลันเงียบขรึมอยู่ชั่วครู่ “เปล่านะ”
“แล้วทำไมคุณถึง…”
“ผมโมโหตัวเอง”
หลินซินเหยียนยังพูดไม่ทันจบ เขาก็พูดแทรกขึ้นมาแทน
หลินซินเหยียนเดินมาถึงด้านหน้าของเธอ พลันใช้แขนทั้งสองข้างกอดตรงเอวสอบของเขา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งจงใจค่อยๆ พูด “คุณเป็นพวกทำร้ายตัวเองเหรอ ถึงได้โมโหตนเองได้ด้วย?”
ขนตาของเขาขยับเขยื้อนเล็กน้อย พร้อมทั้งจ้องมองนัยน์ตาที่เปล่งประกายของเธอ จากนั้นก็หัวเราะให้ตนเอง “ผมไม่เคยทุกข์ใจกับตนเองแบบนี้มาก่อนเลย”
จู่ๆ หัวใจของหลินซินเหยียนก็สะท้านเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกว่าจงจิ่งห้าวกำลังรู้สึกหมดหวัง
พลางกอดเขาให้แน่นขึ้น และเอาใบหน้าซุกจนแนบชิดกับหัวใจของเขา จงจิ่งห้าวที่เป็นแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจและหวาดกลัวไปพร้อมกัน เพราะไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มีความรู้สึกเช่นนี้
“คือฉันทำให้คุณรู้สึกว่าตนเองกำลังทุกข์ใจอยู่เหรอ?” เธอเริ่มกระวนกระวายใจเล็กน้อย โดยที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
มุมปากของจงจิ่งห้าวเม้มจนแน่น
มันมีคำพูดของเหอรุ่ยเจ๋ออยู่ประโยคหนึ่งที่เขาจำฝังใจ หลินซินเหยียนมาอยู่กับเขาก็เพื่อลูกทั้งสองคน เพราะว่าเขารู้มาตลอดเวลาการที่หลินซินเหยียนจู่ๆ ก็ยอมรับเขาขึ้นมา ก็เหตุปัจจัยมาจากภายนอก
เขาจงใขที่จะมองผ่านมาโดยตลอด ไม่อยากกลับไปคิด
ทว่าเมื่อได้ยินคนอื่นพูดขึ้นมา ใจของเขาก็รู้สึกไม่ถูกใจ
อายุก็ปามาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่เคยจะมีความรู้สึกพ่ายแพ้แบบนี้มาก่อนเลย
ก็เหมือนกับเวลานี้ หลินซินเหยียนเริ่มออกตัวเอง เขาก็คิดว่าเธอทำเพื่อลูกทั้งสองคน เลยต้องบีบบังคับตนเองอยู่หรือเปล่า?
หลินซินเหยียนไม่คุ้นชินกับเขาที่อยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะคุ้นเคยกับความเกาะแกะ ความสนิทสนมของเขา พอมาทำตัวเหินห่างแบบนี้ เธอหวาดกลัวมาก
“คุณเป็นอะไรไป พูดกับฉันมาเถอะ ได้ไหม?” เธอกระหวัดลำคอของเขา และจ้องรูม่านตาของเขา จนเห็นอาการที่ไม่สบายใจของตนเอง
“คุณพูดว่า คนคนหนึ่งจะทำเพื่อลูกของตนเอง แล้วไปทำในที่สิ่งที่ตนเองไม่ชอบไหม?”
หลินซินเหยียนตะลึงก่อน จากนั้นก็ตั้งสติจากความหมายของคำพูดของเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณเอาคำพูดของเขามาจำอยู่ในใจแล้ว?”
เขาเงียบไม่พูดไม่จา หมายถึงการยอมรับ
หลินซินเหยียนพูดอย่างจริงจังที่สุด “ไม่ใช่”
“ฉันก็ไม่ยอมรับไปทั้งหมด ทว่า ความจริงคือ ฉันรู้สึกดีกับคุณจริงๆ ชอบคุณบ้าง” คำพูดของเธอมันเป็นความจริง ไม่อยากโกหกเขา เธอเองก็ไม่อยากหลอกลวงตนเอง “ถ้าคุณต้องการถามฉัน ชอบขนาดไหน รักขนาดไหนแล้ว ฉันไม่รู้ อย่างน้อยก็ชินกับการที่อยู่ข้างกายคุณ และใช้ชีวิตดั่งคู่สามีภรรยา กับคุณ”
นัยน์ตามืดหม่นของจงจิ่งห้าวเปล่งประกายทันที “จริงเหรอ”
หลินซินเหยียนจงใจเย็นชาใส่เขา “หลอก” พูดจบเธอก็ปล่อยเขาและเดินจากไปทันที
จงจิ่งห้าวจับข้อมือของเธอเอาไว้ พลันดึงมือกลับมา จากนันก็กดคนให้ตรึงกับกำแพงทางเดิน เขาใช้มือข้างหนึ่งยันกำแพงเอาไว้ “ไม่ได้ คำพูดที่พูดออกมา มันก็เหมือนน้ำที่สาดไปแล้ว ผมไม่อนุญาตให้คุณหลอกเล่น”
“คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่อนุญาต?” หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้น ท่วงท่าดูภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม
“อือ–” เขาจงใจลากเสียงยาว จู่ๆ ก็เกิดความอบอุ่นขึ้นมา เขาหัวเราะเล็กน้อย “เพราะว่าคุณเป็นภรรยาของผมนะสิ”
เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของเขา จูบก็ประทับลงบนฝีปากของเธอ
หลินซินเหยียนตัวแข็งจนไม่สามารถขยับตัวได้
การจูบของเขามันเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ จนลามไปถึงลำคอเนียนละเอียดของเธอ จนสุดท้ายมาอยู่ตรงไหปลาร้าของเธอ แกมขบเม้มเบาๆ แต่ก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บ แถมพูดอย่างคลุมเครือ “คุณไม่รักก็ไม่เป็นไร ผมจะทำให้คุณรักผมขึ้นมาเอง”