กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 295 ตามตื๊อไม่เลิก
สายฟ้าที่น่าหวาดผวาแว๊บผ่านในใจฉินยา ผู้หญิงคนนี้คือ?
ในใจมีการคาดเดาแล้ว แต่ว่า เธอไม่อยากยอมรับว่าซูจ้านจะแอบไปเจอแฟนเก่าลับหลังเธอ
แต่ถ้าไม่ได้ไปเจอ ผู้หญิงที่รับสายคนนี้คือใคร?
เธอกุมมือถือไว้แน่นไม่พูดจา
“ฉันคือหลิวเฟยเฟย เราเคยเจอกันที่หน้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์เมื่อเช้านี้ค่ะ” หลิวเฟยเฟยส่องกระจก ผู้หญิงที่สะท้อนออกมาจากกระจกยังคงสวยอีกเช่นเคย ถ้าจะให้บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็แค่หางตามีริ้วรอยเพิ่มขึ้นเส้นนึง แต่ไม่กระทบกับความสวยของเธอเลย
“เขามาหาฉัน เราอยู่ด้วยกันตลอด ฉันบอกว่าฉันหิวข้าว เขาก็ลงมือไปเข้าครัวเพื่อฉัน ถึงแม้เขาแต่งงานกับคุณ ฉันว่าในใจเขายังคงมีฉันอยู่นะคะ” หลิวเฟยเฟยแกล้งพูดเสียงเบา เพื่อไม่ให้ซูจ้านที่อยู่ด้านนอกได้ยิน
ฉินยาเก็บมือถือกลับ และตัดสายทิ้ง เธอมองโทรศัพท์ในมือ เหมือนมันที่ลวกมือ มีหลายครั้งที่อยากจะโยนทิ้ง
ไม่นึกเลยว่าซูจ้านจะอยู่กับหลิวเฟยเฟย!
ทันใดนั้นเธอกุมหน้าอกไว้ ไม่นึกเลยว่าเธอจะเจ็บแน่นหน้าอก
ไม่รู้ว่าเพราะซูจ้านโกหกเธอ หรือเพราะเธอมีใจให้เขาแล้ว
ไอรอนปิดประตูหน้าร้าน เดินออกมาเห็นฉินยายังยืนหน้าร้านจึงได้ถามว่า “เธอไปได้สักพักแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังยืนอยู่ที่นี่?”
ฉินยาหันหน้าไปอีกทาง เพื่อหลบสายตาไอรอน “เอ่อคือ ฉันกำลังรอคนอยู่หน่ะ”
“อ๋อ อากาศหนาวขนาดนี้กลับบ้านเช้าหน่อย อ้อใช่ วันหลังเธอต้องเลี้ยงข้าวฉันนะ แต่งงานแล้ว เหล้ามงคลฉันก็ยังไม่ได้ดื่มเลย” ไอรอนไม่พบความความผิดปกติของเธอ ตบไหล่เธอทีนึง “ฉันไปแล้วนะ”
“อืม” ฉินยาตอบ
เดินไปได้สองก้าว จู่ๆไอรอนหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองฉินยา “ให้ฉันไปส่งเธอมั้ย?”
ฉินยารีบส่ายหัว “ไม่ต้องเธอกลับก่อนเลย เดี๋ยวเขาก็มาแล้ว”
“งั้นโอเค ยัยตัวดี เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน” ไอรอนแซวเธอเล่นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันหลังขึ้นรถไป
หลังจากไอรอนไปแล้ว ฉินยาเดินมาโบกรถที่ข้างถนน นั่งเข้ามาในรถ สมองของเธอสับสน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ใจนึงก็กลัวมาก กลัวว่าซูจ้านกับหลิวเฟยเฟยจะถ่านไฟเก่าคลุก
เธอปิดปากปิดจมูกไว้ มองนอกกระจกรถ แสงไฟสลวยแว๊บผ่านตรงหน้า เธอกลับไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมความสวยงามนี้ น้ำตาไหลลงมาจากเบ้าตาเงียบๆ
“ถึงแล้วครับ” ฉินยายังจมอยู่ในโลกส่วนตัว คนขับได้ขับรถมาจอดอยู่หน้าหมู่บ้านคอนโดแล้ว
ฉินยาเช็ดหน้าให้แห้งแล้ว ควักเงินออกมาจ่ายค่ารถ
เธอยืนอยู่ที่ช่องลม เป่าความชื้นของใบหน้าให้แห้งสนิท ตบแก้มตัวเอง เพื่อให้ตัวเองดูแล้วปกติ
ถึงแม้เธอร้องไห้ ก็ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าซูจ้าน ยิ่งไม่อยากให้เขาเห็น
เธอล้วงกุญแจออกมาเปิดประตู ตอนเช้า ตอนที่ซูจ้านส่งท่านย่ากลับมา ท่านย่าได้ยัดกุญแจมาให้เธอดอกนึง
แถมยังพูดด้วยว่า “นี่ก็คือบ้านของหนู หนูจะต้องมีกุญแจเข้าบ้าน”
ท่านคิดรอบคอบมาก
เธอเปิดประตู เห็นท่านย่านั่งอยู่บนโซฟา เห็นเธอกลับมา ได้รีบลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วเดินมาหา “เสี่ยวยา หนูเลิกงานแล้วเหรอ?”
ฉินยาอาศัยท่าทางที่แขวนเสื้อผ้าหลบหลีกสายตาของท่านย่า และตอบอืมอย่างเรียบเฉยคำนึง
“ซูจ้านไม่ได้ไปรับหนูกลับมาด้วยกันเหรอ?” ท่านย่าได้ถามอีก
มือที่ฉินยาแขวนเสื้ออยู่ได้ชะงักไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอพูดว่า “เขามีธุระค่ะ อาจจะกลับมาดึกหน่อย”
“มีอะไรต้องยุ่งด้วย? เขาไม่ต้องไปสู้คดีเองสักหน่อย มีลูกน้องอยู่เยอะแยะขนาดนั้น” ท่านย่าสีหน้าเปลี่ยนทันที “เดี๋ยวรอเขากลับมา ย่าต้องสั่งสอนเขาสักหน่อยแล้ว เป็นคนมีภรรยาแล้ว ยังไม่มีแนวความคิดด้านเวลาอีก”
ฉินยาฝืนยิ้ม
“ไป เราไปทานข้าวกันก่อน เดี๋ยวเขากลับมา ให้เขาอดตายไม่ต้องกินอะไรเลย” ท่านย่าดึงมือฉินยาเดินไปที่โต๊ะอาหาร
ท่านย่าจับมือฉินยาไว้ “หนูผอมเกินไป ย่าต้องขุนหนูเยอะๆหน่อยแล้ว”
ฉินยาไม่รู้จะตอบรับความใจดีของท่านย่ายังไง แค่ก้มหน้าไว้เงียบๆ
อีกฝั่งนึง หลิวเฟยเฟยออกมาจากห้องน้ำ ซูจ้านยังอยู่ในห้องครัว เธอลบประวัติการโทรทิ้ง แล้วเอามือถือใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขาใหม่
ซูจ้านต้มบะหมี่น้ำใสให้หลิวเฟยเฟยชามนึง เขายกมาวางที่บนโต๊ะของห้องรับแขก “รีบทานตอนร้อนๆซะ”
หลิวเฟยเฟยเงยหน้ามองเขา “คุณไม่ทานกับฉันเหรอคะ?”
ซูจ้านหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาใส่ “ไม่แล้วครับ คุณทานเองเลย ดูแลตัวเองดีๆ”
ซูจ้านพูดจบก็ได้หันหลัง พอเดินมาถึงหน้าห้องเขาได้หยุดลงมา “นี่เป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา”
“ถ้าฉันคิดถึงคุณล่ะคะ?” หลิวเฟยเฟยมองร่างเงาของเขา
ร่างกายของซูจ้านเกร็งและพูดอย่างเย็นชา “ผมจำได้ คุณไม่ใช่คนที่ตามตื๊อไม่เลิก”
“ถ้า คุณยังไม่แต่งงาน คุณจะคืนดีกับฉันหรือเปล่า?” หลิวเฟยเฟยถาม
คำถามนี้ ทำให้ซูจ้านลำบากใจ
ถ้าฉินยาไม่ได้โผล่มาที่โลกของเขา เขารู้สึกอาจจะคืนดี
แต่ตอนนี้เขามีฉินยาแล้ว เขาจะทำร้ายจิตใจเธอไม่ได้
เขาเป็นคนยืนกรานจะแต่งงานกับเธอเอง ตอนนั้นไม่ว่าเขาจะด้วยสาเหตุอะไร ด้วยความคิดอะไร ในเมื่อแต่งงานแล้วก็ควรจะดีกับเธอ รับผิดชอบในตัวเธอ
แต่เขามีสติดี กับหลิวเฟยเฟย เมื่อก่อนรักมากแค่ไหน ผ่านไปเป็นเวลาสิบปี ความรักนั้นได้จืดจางไปนานแล้ว
สำหรับเรื่องที่เธอจากไปในตอนนั้น เธอไม่อยากพูด เขาก็จะไม่ถาม
เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันกลายเป็นอดีตเถอะ
ต่างคนต่างเจอสิ่งที่ดี
“บนโลกใบนี้ไม่มีคำว่า‘ถ้า’หรอก” ซูจ้านพูดจบก็ได้เดินออกจากห้อง
“เสี่ยวยา กินสตรอเบอร์รี่เยอะๆหน่อย สตรอเบอร์รี่ของช่วงนี้ทั้งหวานและมีประโยชน์” ท่านย่าเอาสตรอเบอร์รี่ที่ล้างเสร็จมาวางที่จานผลไม้ของฉินยา
ฉินยาถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ตอนทานข้าวย่าก็คีบกับข้าวให้หนูตลอดเลย ตอนนี้หนูอิ่มมากแล้วค่ะ”
ที่คุณย่าทำไปก็เพราะเป็นห่วง ถ้าเธอไม่กิน มันก็จะดูไม่ค่อยดี ก็จะทำลายความหวังดีของคุณย่า ถ้ากิน คุณย่าก็คีบให้เธอเยอะเกินไป
จึงกินจนอิ่มแปล้เลย
“หนูดูสิหน้าท้องหนูแบนราบจะตาย มีพุงที่ไหน?” ท่านย่าเหลือบมองหน้าท้องของฉินยา
คิดอยู่ในใจว่า เมื่อไหร่ที่นี่จะสามารถมีเหลนให้เธอนะ?
ซูจ้านเข้ามาในบ้าน ได้ยินคำพูดของท่านย่าพอดี เขาถอดเสื้อคลุมแล้วพูดว่า “เมียผมเอวบางนิดเดียว ถ้าย่าขุนจนเธออ้วน ย่าต้องชดใช้ให้ผมนะ”
ฉินยามองเขาแว๊บนึง สีหน้าแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขอแค่เขาเป็นคนมาอธิบายให้เธอฟังเอง เธอยอมให้โอกาสเขาครั้งหนึ่ง
เพราะชีวิตคู่มันไม่ง่ายเลย
ซูจ้านแขวนเสื้อเสร็จแล้วเดินมา หยิบสตรอเบอร์รี่ลูกนึงโยนเข้าในปาก สตรอเบอร์รี่ของฤดูนี้หวานมาก “คุณกับย่าทานข้าวกันยังครับ?”
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ยังจะไม่ทานข้าวได้อีกเหรอ?” ท่านย่าไม่สบอารมณ์ “ยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไม่รอให้ซูจ้านพูด ท่านย่าได้พูดอีก “ต่อไปถ้ากลับมาดึกขนาดนี้ ก็ไม่ต้องทานข้าวเลย!”
ซูจ้านนึกว่าท่านย่าแกล้ง เลยมองไปที่ฉินยา “พวกคุณทานข้าวแล้วจริงอ่ะ?”
“คุณยังไม่ได้ทานข้าวเหรอคะ?” ฉินยามองดวงตาเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณกลับมาดึกขนาดนี้ ฉันนึกว่าคุณไปทานกับใครมาแล้วเสียอีก”
คำพูดของเธอมีนัยยะแอบแฝง
ซูจ้านย่อมฟังคำพูดเสียดสีของเธอออกอยู่แล้ว จึงได้ถามด้วยรอยยิ้ม “คุณเป็นอะไรไปครับ?”
ฉินยาลุกขึ้น “ฉันจะมีเรื่องอะไรได้คะ? คุณอยากทานอะไร ฉันไปทำให้คุณ”
“ยังมีกับข้าวเหลือมั้ย? ผมทานอะไรหน่อยก็พอแล้ว คุณไม่ต้องลงมือไปทำหรอก” ซูจ้านใกล้เข้ามาหา นาทีนี้เขารู้สึกหัวใจตัวเองอบอุ่นมาก มีความรู้สึกของบ้าน
เขาดึงมือฉินยาไว้ แล้วก้มมองเธอ “มือนิ่มขนาดนี้ จะเข้าครัวได้ยังไง เดี๋ยวมือก็หยาบกระด้างหมดหรอก”
ฉินยาขัดขืนออกมาจากมือเขา “งั้นต่อไปคุณจะทำให้ฉันทานมั้ยคะ?”
เธออยากให้ตัวเองใจเย็น แต่มักนึกคำพูดของหลิวเฟยเฟยอยู่เรื่อยเลย
เธอควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้
ท่านย่านึกว่าพวกเขากำลัง‘เกี้ยวพาราสี’กัน จึงได้ยิ้มอยู่ข้างๆแล้วสั่งให้แม่บ้านอุ่นกับข้าวที่เหลือ
หัวใจซูจ้านกระตุกทีนึง กำลังอยากจะพูด แต่ฉินยาได้แย่งเขาพูดก่อน “ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับห้องก่อนค่ะ”
พูดจบเธอได้เดินเข้าไปในห้องนอน
เธอไม่ได้นอน แต่ได้นั่งรอซูจ้านอยู่ที่ขอบเตียง
ผ่านไปประมาณ30นาที ซูจ้านทานข้าวเสร็จ ผลักประตูเข้ามา เห็นเธอนั่งอยู่บนเตียง และยังไม่ได้อาบน้ำจึงถามว่า “ทำไมไม่ไปอาบน้ำครับ?”
ระหว่างที่พูดเขาได้โน้มตัวไปจูบริมฝีปากของเธอ
ฉินยาหลบหลีกการจูบของเขา “วันนี้ทำไมไม่มารับฉันคะ?”