กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 302 ปีหน้าฉันต้องได้อุ้มเหลน
มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของคุณย่าและแม่บ้าน ทั้งสองกำลังคุยกัน ฟังออกว่าคุณย่าอารมณ์ดีมาก ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเธอกับซูจ้าน เธอไม่อยากให้คุณย่ารู้ ท่านอายุมากแล้ว น่าจะยอมรับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้
ไม่ได้เป็นเพราะซูจ้าน แต่เป็นเพราะคุณย่าดีกับเธอมาก
เธอเปิดประตู แม่บ้านกำลังช่วยคุณย่าแขวนเสื้อ
“หนูอยู่บ้าน?” คุณย่าเห็นฉินยาแล้วก็รู้สึกตะลึงนิดหน่อย จากนั้นก็ยิ้มแย้ม “มาเร็ว นั่ง ย่ามีข่าวดีจะบอก”
ฉินยานั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง คุณย่าดึงมือเธอมาอย่างอารมณ์ดี
“เรื่องอะไรทำให้คุณย่าดีใจขนาดนี้?” ฉินยาซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ได้แสดงออกต่อหน้าคุณย่าแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าจะอยู่กับคุณย่าไม่นาน แต่ว่าความเป็นกันเองความรักใครที่มีต่อเธอ ทำให้เธอซาบซึ้งนานแล้ว
ไม่ว่าเธอกับซูจ้านจะเป็นยังไง เธอไม่อยากทำให้คุณย่าเสียใจ
“วันนี้ย่าไปเจอกับหมอดูคนหนึ่ง เขาบอกว่าย่าสีหน้าสดใส มีบุญบารมี จะมีข่าวดี” สำหรับเรื่องหมอดูแล้ว คุณย่าเชื่อพอสมควร
ผู้ใหญ่ส่วนมากต่างก็เชื่อเรื่องหมอดู
คนแก่ส่วนมากก็ค่อนข้างงมงาย
ฉินยาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี “เรื่องแบบนี้ย่าก็เชื่อ?”
คุณย่าเบิกตากว้าง “หนูไม่รู้ ย่ายังไม่ได้บอกเขาเลยว่าย่ามีหลาน แต่ว่าเขาแค่ดูก็รู้แล้ว บอกว่าย่ามีหลานแต่งงานแล้ว ยังพูดว่า ปีหน้าย่าก็จะได้อุ้มเหลนแล้ว ย่าจะไม่เชื่อได้ยังไง?”
แม่บ้านที่อยู่ข้างๆพูดแทรก “ตอนนั้นทำให้คุณย่าดีใจมากเลย ยังใส่อั่งเปาซองใหญ่ให้เขาด้วย”
ฉินยาเริ่มยิ้มไม่ออก
มือของคุณย่าที่จับมือของฉินยาแน่นขึ้น หน้าชิดเข้ามา “เสี่ยวยา เรื่องได้อุ้มหลาน ก็ต้องเพิ่งเราแล้วนะ”
พูดไปสายตาเธอก็มองไปที่หน้าท้องของฉินยา “บางทีเหลนของย่าอาจจะอยู่ในท้องของหนูแล้วก็ได้”
ฉินยายิ้มไม่ออก พูดคำปลอบโยนให้คนแก่ฟังก็พูดไม่ออก
รอซูจ้านกลับมา พวกเขาก็ต่างคนต่างไป เพื่อเป็นการตอบแทนความดีของคุณย่า เธอลุกขึ้น “หนูมาทำกับข้าวดีกว่า”
ลงมือทำกับข้าวเองให้คุณย่ากิน
“เรานะเรา จริงๆเลย นั่งพักเลย” คุณย่าดึงแขนเธอ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เธอทำ “นี่ก็ใกล้ตรุษจีนแล้ว ซูจ้านล่ะ? ยังจัดการเรื่องในสำนักงานไม่เรียบร้อยเหรอ?”
ฉินยาพูดเสียงเรียบ “น่าจะใช่”
“เด็กคนนี้ น่าสั่งสอนจริงๆ ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องครอบครัวและเวลาเลย รอมันกลับมา ย่าจะตีให้เข็ด” ในใจคุณย่าคิด ถ้าเขาไม่กลับมา เธอจะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่?
เรื่องตั้งครรภ์ ก็ไม่ใช่เรื่องของฉินยาคนเดียว
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถึงเวลากลางคืนแล้ว ซูจ้านไม่ได้กลับมา
ฉินยาไม่ฟังคำห้ามปรามของคุณย่า ยืนยันจะจะลงมือทำกับข้าวให้คุณย่ากินเอง
ฝีมือเธอไม่ค่อยดีนัก แต่เป็นความตั้งใจ
จากความช่วยเหลือของแม่บ้าน เธอทำกับข้าวไปหลายอย่างที่คุณย่าชอบ
ซี่โครงต้มหัวไชท้าวกินช่วงฤดูหนาวดีต่อร่างกาย แล้วก็เต้าหู้กรอบ กุ้งผัดกระเทียม ผัดมันฝรั่ง ล้วนเป็นอาหารรสจืด
ผัดเสร็จแล้วยกไปที่โต๊ะอาหาร ฉินยาล้างมือ ตักข้าวสวย เรียกคุณย่ามากินข้าว
คุณย่ายังดีใจเรื่องตอนกลางวัน บอกว่าเธอจะได้อุ้มเหลน ในใจก็ต้องดีใจเป็นพิเศษ
เพราะฉะนั้นยังไม่ได้สังเกตความผิดปกติของฉินยา ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ
เธอดีขนาดนี้ ลงมือทำกับข้าวให้เธอกินด้วยตัวเอง เธอดีใจเหลือเกิน
ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกว่าซูจ้านแต่งงานถูกต้องที่สุด
ซูจ้านไม่อยู่ คนใช้ไม่ได้ร่วมโต๊ะ บนโต๊ะมีแค่ฉินยาและคุณย่าสองคน ฉินยากินไม่ลง แต่ว่าไม่อยากให้คุณย่าดูอะไรออก จึงฝืนกินสองคำ “หนูได้ยินว่าย่าชอบกินกับข้าวพวกนี้ หนูทำได้ไม่ค่อยดี…….”
“ดีมาก ถือว่าดีมากแล้ว ย่าคิดว่าดีมาก” คุณย่าคีบเต้าหู้ให้เธอ คุณย่าอายุเยอะแล้ว แต่ว่าฟันยังดี ขอแค่อาหารที่ไม่ได้แข็งมาก เธอก็กินได้หมด
“หนูก็กินด้วย” คุณย่าตักน้ำซุปให้ฉินยา “ฤดูหนาวต้องกินหัวไชเท้า หนาวกินไชเท้าร้อนกินขิง คำพูดนี้มีเหตุผล”
ฉินยายิ้มตอบรับ
ดื่มน้ำซุปที่คุณย่าตักให้เธอ
กินข้าวเสร็จ เธอช่วยแม่บ้านทำความสะอาด แล้วดูทีวีเป็นเพื่อนคุณย่า
เลยสี่ทุ่มแล้ว คุณย่าง่วงแล้ว
ฉินยาพยุงเธอเข้าห้อง “ย่านั่งก่อนค่ะ หนูไปยกน้ำร้อนมาให้แช่เท้า แบบนี้จะได้นอนอย่างสบาย”
ผ่านวันนี้ไป เธอคงต้องจากไปแล้ว ก็ถือซะว่าเป็นความกตัญญูของเธอ
ไม่ว่ายังไง คนแก่คนนี้เธอก็เคยเรียกว่าย่า
ตักน้ำในห้องน้ำเสร็จ เธอใช้มือทดลองน้ำร้อน รู้สึกพอดีไม่ร้อนมาก ก็หยิบผ้าขนหนูยกน้ำออกไป วางน้ำไว้ข้างขาของคุณย่า วางขาของเธอเข้าไปในกะละมัง “ร้อนไหมคะ?”
“ไม่ร้อน พอดีเลย เย็นเกินไปแช่เท้าก็ไม่สบาย” คุณย่าก้มหน้ามองฉินยา ยื่นมือจับหัวของเธอ “หนูเป็นเด็กดี ซูจ้านได้หนูเป็นภรรยา ถือว่าเป็นบุญของเขา”
ฉินยาก้มหน้า น้ำตาไหลลงไปในกะละมัง
“ได้เจอกับคุณย่าถือว่าเป็นความโชคดีของหนู ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง หนูก็ยังถือว่าท่านเป็นย่าของหนูนะคะ”
คนแก่ก็ยังฟังไม่ออก ยิ้มแล้วพูดว่า “พูดแต่เรื่องโง่ หนูแต่งงานกับซูจ้าน ย่าก็ต้องเป็นย่าของหนูอยู่แล้ว อยากตัดก็ตัดไม่ขาดหรอก”
น้ำเย็นแล้ว ฉินยาเอาเท้าของคุณย่าออกมาเช็ดให้แห้ง พยุงตัวเธอให้นอนลง “เวลาก็ดึกมากแล้ว ย่านอนเถอะนะคะ”
แช่เท้าเสร็จรู้สึกสบาย คุณย่าตอบว่าอืมคำเดียว “หนูก็นอนเช้าๆหน่อย ซูจ้านยังไม่กลับมา หนูโทรไปเร่งเขาหน่อย ให้เขารีบกลับมา”
มือของฉินยาที่กำลังห่มผ้าให้คุณย่าชะงัก จากนั้นก็พยักหน้า “ค่ะ คุณย่านอนอย่างสบายใจเถอะค่ะ”
คุณย่าหลับตาอย่างพอใจ ฉินยายกน้ำไปเทในห้องน้ำ วางผ้าขนหนู เดินออกมา คุณย่าง่วงแล้ว ตอนนี้ก็หลับไปแล้ว ฉินยาเดินเบาๆออกจากห้อง แล้วปิดประตู
ตอนนี้ แม่บ้านก็พักผ่อนแล้ว ห้องรับแขกว่างเปล่า เงียบสงบ
จนเธอได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง
เธอกลับไปถึงห้องนอน กระเป๋าเดินทางยังวางอยู่ที่ขอบเตียง เธอไม่ได้อาบน้ำเข้านอน แต่เดินไปที่ริมหน้าต่าง เปิดม่านออกเบาๆ ฟ้ามืดแล้ว แต่เธอไม่มีความรู้สึกอยากนอนแม้แต่น้อย
เธอได้รับผลจากความโง่ของตัวเองแล้ว
เธอคิดว่า เธอสามารถลองดูกับซูจ้านได้
เธอคิดว่า บางทีเขาอาจจะรักเธอก็ได้
เธอคิดว่า เธอรักเขา
ความเป็นจริงพิสูจน์แล้วว่า มีเพียงข้อสุดท้ายที่เป็นจริง
เธอมีใจให้กับเขา แต่เขากลับทำให้เธอเจ็บอย่างแรง
ทำให้เธอพ่ายแพ้ ต้องหลบอยู่ในความมืดยามค่ำคืน เจ็บปวดคนเดียว
ส่วนเขา กำลังอยู่กับคนที่เขารัก จุดเทียนคุยกันยามราตรี?
ไม่ น่าจะ กำลังสานสัมพันธ์เก่า พูดคุยกันอย่างมีความสุข
ฉินยายืนอยู่ริมหน้าต่างทั้งคืน ตอนที่ฟ้าเริ่มสว่าง ซูจ้านกลับมาแล้ว
เขาเปิดประตูห้องนอน ไม่ได้ทั้งคืน สีหน้าไม่ค่อยดี เห็นฉินยายืนอยู่ริมหน้าต่าง เขากำลังจะถามเธอ ทำไมถึงตื่นช้าขนาดนี้ พอเห็นกระเป๋าเดินทางข้างเตียง ใจของเขาก็สะดุด
“ฉินยา” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างต่ำ ตกใจเล็กน้อย “คุณเป็นอะไร ทำไมต้องเอากระเป๋าเดินทาง?”