กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 306 ใช้เหล้าบรรเทาอาการเศร้าโศก
“ไม่ต้องกังวลมาก ค่อยๆรักษา สามารถหายเป็นปกติได้ เพียงแค่ว่าท่านอายุมากแล้ว อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อย อีกอย่าง จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ได้แล้ว อาจจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย” หมอพูด
ซูจ้านเข้าใจแล้ว เข็นคุณย่าเข้าไปในห้อง
หมอตรวจอาการของคุณย่า บนเครื่องตรวจร่างกาย ปกติทุกอย่าง หมอกำชับข้อความระวังอีกนิดหน่อย “ตอนนี้เป็นห้องพักฟื้นชั่วคราว แล้วแต่สถานการณ์ของครอบครัว ว่าต้องการห้องธรรมดาหรือห้องVIP ค่อยไปทำเรื่องที่แผนกผู้ป่วยภายใน”
“ต้องเป็นแบบดีอยู่แล้ว” ซูจ้านแทบไม่ได้คิดเลย
เขาหาเงิน ก็เพื่อจะให้คุณย่าได้ใช้ชีวิตสุขสบาย
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำเรื่องเข้าพักได้เลยครับ” หมอก็จากไปพร้อมพยาบาล
ฉินยาวางเสื้อคลุมของย่าไว้บนเก้าอี้ “ฉันไปเอง คุณอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า”
ซูจ้านไม่ได้พูด
ฉินยารู้ว่าเขากับคุณย่าความสัมพันธ์ดี ตอนนี้คงอยากจะอยู่เงียบๆ เธอออกจากห้องอย่างเงียบๆเพื่อไปลงทะเบียนห้องพักฟื้น
ความจริงซูจ้านได้ยินแล้ว ตั้งใจไม่ตอบ ตอนนี้ในสมองเขาวุ่นวายไปหมด ตอนนี้พวกเขาสองคนควรสงบสติอารมณ์สักพัก คิดให้รอบคอบแล้วค่อยพูด
ฉินยาลงทะเบียนเสร็จแล้ว ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง โรงพยาบาลคนเยอะมาก ทำอะไรก็ต้องเข้าแถว ก็เลยต้องเสียเวลาไปมาก
จากความช่วยเหลือของพยาบาล คุณย่าถูกย้ายไปห้องผู้ป่วยVIP เพิ่งจัดการเรื่องคุณย่าเสร็จ มือถือของซูจ้านก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมา โชว์ชื่อคนที่โทรมา คือเสิ่นเผยซวน
เขากดรับสาย “เผยซวน”
“ว่างไหม? คืนนี้พวกเรานัดกันหน่อย ฉันโทรหาจิ่งห้าวเรียบร้อยแล้ว” เสิ่นเผยซวนพูด
ซูจ้านลังเลไปครู่หนึ่ง ตอนนี้คุณย่าเป็นแบบนี้ เขาไปไหนไม่ได้
เสิ่นเผยซวนไม่รู้ว่าคุณย่าป่วย ยิ่งไม่รู้ว่าเขามีทะเลาะกับฉินยา ก็พูดหยอกว่า “ทำไม แต่งงานก็ลืมเพื่อนแล้ว? เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน”
ไม่รอซูจ้านตอบเขาก็เปลี่ยนวิธีพูดทันที พูดอย่างจริงจัง “เรื่องเกี่ยวกับเหอรุ่ยเจ๋อ จัดการเรียบร้อยแล้ว นายจะสั่งสอนมันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้นายจะทำเมื่อไหร่ก็ได้”
“ที่ไหน?” ซูจ้านถาม
“ที่เดิม”
พวกเขามีสถานที่ไปประจำ ซูจ้านถามอีก “กี่โมง?”
“หนึ่งทุ่ม”
“รู้แล้ว ถึงตรงเวลา” พูดจบเขาก็วางสาย หันกลับไปก็เห็นฉินยากำลังช่วยคุณย่าเช็ดหน้าเช็ดมืออยู่
สีหน้าเขาเคร่งเครียด “ฉินยา……”
ฉินยาไม่ได้เงยหน้า “ฉันดูแลย่าไม่เกี่ยวกับคุณ คนก็แบบนี้ เขาดีกับคุณ คุณก็ต้องดีกับเขา”
ซูจ้านเม้มปาก “ผมอยากขอให้คุณช่วยหน่อยได้ไหม?”
ฉินยาไม่ได้ตอบ กลัวว่าเขาจะพูดเรื่องระหว่างพวกเขา
“เสิ่นเผยซวนหาผม ผมอยากให้คุณช่วยดูแลย่าหน่อย” ซูจ้านพูด กลัวฉินยาปฏิเสธ เขาก็อธิบายเพิ่ม “เรื่องของเหอรุ่ยเจ๋อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็เลยหาผมกับจิ่งห้าวไป น่าจะพูดเรื่องนี้”
ฉินยาคิดไปสักพัก “ได้”
หาคนแปลกหน้าดูแลคุณย่าเธอก็ไม่ไว้ใจ
ซูจ้านเดินเข้าไปดูเธอ อยากพูดแต่ก็ไม่พูด
สุดท้ายก็ถอนหายใจ เขาหันตัวเดินจากไป
สำนักงานหยุดงานแล้ว หยุดตรุษจีน บนถนนผู้คนมากมาย บรรยากาศตรุษจีนทั่วเมืองB
ซูจ้านยุ่งที่โรงพยาบาลทั้งวัน ไม่ได้กินข้าว ตอนนี้ก็ยังกินอะไรไม่ลง เขาไปถึงที่นัดหมายก่อน เขาสั่งเหล้ามากินเองหนึ่งขวด คนที่สองคือเสิ่นเผยซวน เห็นซูจ้านกำลังกินเหล้าอยู่คนเดียว เขาปิดประตูห้องอาหาร พูดหยอกว่า “เจ้าบ่าว เกิดอะไรขึ้น? นั่งดื่มเหล้าคนเดียว”
ซูจ้านไม่ได้ตอบ
ถ้าเป็นเวลาปกติ ซูจ้านไม่อยู่เฉยๆแบบนี้แน่นอน เสิ่นเผยซวนเก็บอาการแล้วนั่งลงข้างเขา “ใช้เหล้าบรรเทาอาการเหรอ?”
ซูจ้านดื่มเหล้าไปหนึ่งคำ “หลิวเฟยเฟยกลับมาแล้ว”
เสิ่นเผยซวนหางตากระตุก รู้เร็วขนาดนี้
เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ “แล้วนายจะทำยังไง? ฉินยาเป็นผู้หญิงที่ดี นายอย่าทำให้เขาเสียใจ”
ซูจ้านมองเขา จากนั้นก็ดื่มเหล้าอีกคำ “เธอเปลี่ยนไปแล้ว”
“ไร้สาระ นายไม่เปลี่ยนเหรอ? ตอนนั้นนายอายุเท่าไหร่เอง ตอนนี้อายุเท่าไหร่ ดูซิ หางตาก็มีตีนกาแล้ว” เสิ่นเผยซวนใช้นิ้วจิ้มถุงใต้ตาของเขา
ซูจ้านไม่ได้นอนมาทั้งคืน ขอบตาดำไปทั้งแผ่น สีหน้าก็ไม่ดี
ซูจ้านจ้องหน้าเขา “อย่าจับฉัน”
เสิ่นเผยซวนเทเหล้าให้ตัวเอง พูดอย่างเชื่องช้า “นายไม่ใช่กิ่งทองใบหยก นึกว่าฉันอยากจับหรือไง?”
“ฉินยาจะหย่ากับฉัน” ซูจ้านถอนหายใจแรงๆ “ตอนเช้าย่าฉันเลือดคั่งในสมองกะทันหัน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
เสิ่นเผยซวนตะลึง พูดอย่างเป็นห่วง “คุณย่าเป็นอะไรไหม?”
“รักษาเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นก็ดี……ฉินยารู้เรื่องหลิวเฟยเฟยเหรอ?” เสิ่นเผยซวนคิดไปครู่หนึ่งแล้วถาม
“อืม มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ตอนนี้ยืนยันจะจากฉันไป” แค่คิดถึงท่าทางของฉินยา ซูจ้านก็รู้สึกเสียใจ
“แล้วนายคิดยังไง?” เสิ่นเผยซวนถาม
ซูจ้านเหล่ตามองเขา “อะไรคิดยังไง?”
เสิ่นเผยซวนถอนหายใจ คิดในใจ หมดหนทางช่วยแล้วคนนี้ “ก็เรื่องที่นายยังรักหลิวเฟยเฟย หรือฉินยาไง โตขนาดนี้แล้ว เรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจอีก? เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ดูใจตัวเองให้ชัดเจน ยังรักหลิวเฟยเฟยอยู่ ก็พูดกับฉินยาให้ชัดเจน สิ่งที่ชดเชยได้ก็ชดเชย แน่นอน ความเสียใจแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เงินทองจะชดเชยได้”
ซูจ้านเทเหล้าจนเต็ม ดื่มจนหมดแล้ว แล้วขมวดคิ้วแน่น “ฉันไม่รักเขาแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อเขามันจบไปนานแล้ว”
เสิ่นเผยซวนรู้สึกสนใจ “แล้วนายหมายความว่าไง? ชอบฉินยาใช่ไหม?”
“แต่ว่าเขาจะจากฉันไป” ซูจ้านรู้สึกเครียด “ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง เขาไม่เชื่อใจฉัน”
“ความเชื่อใจต้องให้จากนาย” เสิ่นเผยซวนตบไหล่เขา “อยากให้เขาเชื่อใจนาย อันดับแรกนายต้องเปิดเผยอย่างเต็มที่”
เรื่องแบบนี้ ใครก็ช่วยเขาไม่ได้
ต้องช่วยตัวเอง
เอี๊ยด ประตูห้องถูกเปิด ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนหันไปดู จงจิ่งห้าวเดินย้อนแสงเข้ามา
สายตาเขามองไปที่เหล้าบนโต๊ะ ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงไป
ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนเงียบพร้อมกัน
“เหอรุ่ยเจ๋อเข้าไปแล้ว” เพราะว่าโทษไม่ถึงตาย เพราะฉะนั้นก็เพิ่มโทษจะโทษเดิมเข้าไป
จงจิ่งห้าวตอบอืมแค่คำเดียว อารมณ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี
เสิ่นเผยซวนพูดจบ ในห้องอาหารก็เงียบไร้เสียง ผู้ชายสามคนนั่งเงียบ บรรยากาศเคร่งเครียด อึดอัดเล็กน้อย
“เราสั่งอะไรมากินไหม? ฉันยังไม่ได้กินข้าว พวกนายกินหรือยัง?” เสิ่นเผยซวนพูดอีกครั้ง พยายามจะทำลายความเงียบ
ไม่มีคนตอบ
ซูจ้านเทเหล้าอีกแก้ว ดื่มจนหมด
เสิ่นเผยซวนคิด นี่มันอะไรกัน? ทำไมอารมณ์ไม่ดีกันหมด?
“พวกเรากินข้าวกันก่อน กินไปด้วยคุยกันด้วย” เสิ่นเผยซวนเรียกพนักงานมา สั่งอาหาร
เขาพยายามสร้างบรรยากาศ “จิ่งห้าว ทำไมดูเหมือนนายก็อารมณ์ไม่ดี?”
ซูจ้านเป็นเพราะเรื่องความรัก ส่วนจงจิ่งห้าวตอนนี้มีลูกมีเมีย การงานก็ดีขึ้นทุกวัน มีอะไรต้องกังวล?
ซูจ้านเขาเข้าใจ แต่จงจิ่งห้าว เขาไม่เข้าใจจริงๆ