กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 309 ฉันผิดหวัง
รอยยิ้มบนใบหน้าของจงจิ่งห้าว ค่อยๆหายไป เหลือไว้แค่สีหน้าที่เย็นชา
ยู่ซิ่วยกเกี๊ยวที่ต้มเสร็จแล้วออกมา เห็นภาพที่เกิดขึ้นในครัวเมื่อกี้ รอยยิ้มของจงจิ่งห้าว จากยิ้มแย้มเป็นเย็นชา
ใจของเธอรู้สึกหดหู่มาก แต่ใบหน้าก็ไม่กล้าแสดงออกมา เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ยิ้มพูดว่า “เกี๊ยวเสร็จแล้วนะ จะกินกันหน่อยไหม?”
สายตาจงจิ่งห้าวมองไป ด้านในมีแต่เกี๊ยวที่ห่อได้สวย นั่นก็หมายความว่าห่อโดยยู่ซิ่วทั้งหมด เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน ดึงเก้าอี้ออก อุ้มลูกสาวนั่งลง
ยู่ซิ่วยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะเดินเข้าไปหรือถอยออกดี
เด็กทั้งสองคนสนุกกับการห่อเกี๊ยว สำหรับกิน กลับไม่ได้สนใจเลย
หลินซินเหยียนกำลังจะเปิดปากบอกว่าเธอกิน เวลาเดียวกันจงฉีเฟิงก็เดินเข้ามา ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงไป พูดว่า “ให้ผม”
เฉิงยู่ซิ่วหรี่ตาลงแล้วยกจานเกี๊ยวเดินเข้าไป
“กินเกี๊ยวต้องจิ้มน้ำส้ม เดี๋ยวผมไปเทให้” หลินซีเฉินลงมาจากเก้าอี้ “ผมจะเทให้คุณปู่”
จงฉีเฟิงสีหน้าใจดี ในรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความดีใจ ตั้งแต่เขาแต่งงานกับเฉิงยู่ซิ่ว ความสัมพันธ์ของเขากับจงจิ่งห้าวก็ไม่ค่อยดี คิดไม่ถึงว่าหลานจะน่ารักขนาดนี้
หลินซีเฉินหัวเราะชอบใจ “ถ้าอย่างนั้นคุณปู่ต้องใส่อั่งเป่าซองใหญ่ให้ผมตอนตรุษจีนนะครับ”
ที่ผ่านมาก็มีแต่หลินซินเหยียนกับจวงจื่อจิ่นที่ห่อให้เขา ไม่ได้หวังว่าด้านในจะมีเงินมากแค่ไหน แต่แค่ดีใจที่ได้อั่งเปา
เพราะเป็นตรุษจีน ก็หวังแค่ความสนุก
จงฉีเฟิงหัวเราะชอบใจ “ได้ ห่อซองใหญ่ให้เลย”
พี่ชายจะได้รับอั่งเปาซองใหญ่แล้ว หลินลุ่ยซีก็ยอมไม่ได้ ก็ตะโกน “หนูก็จะเอาอั่งเปาซองใหญ่”
“ได้ ได้ มีทุกคน จะขาดเสี่ยวลุ่ยไปได้ยังไง?” จงฉีเฟิงยื่นมือไปจับหัวของเธอ “มานี่เร็ว ปู่ป้อนเกี๊ยวให้หนู พวกเรามาชิมว่ารสชาติเป็นยังไง”
เด็กน้อยกินเก่งอยู่แล้ว คราวนี้ได้ยินเรื่องกินก็รู้สึกสนใจ ยื่นมือให้จงฉีเฟิงอุ้ม จงฉีเฟิงอุ้มหลานสาวขึ้นมานั่งบนตัก คีบเกี๊ยวมาใส่ในจาน “เดี๋ยวเป่าก่อนนะ ไว้เย็นแล้วค่อยกิน ไม่อย่างนั้นจะร้อนปาก”
สาวน้อยพยักหน้ายิ้มอยู่กลางอกเขา
หลินซีเฉินเทน้ำส้มสายชูในครัวจากการช่วยเหลือของแม่บ้าน แล้วก็กระเทียมสับ ผักชีที่แม่บ้านเตรียมไว้ ก็เอามาด้วย
จงจิ่งห้าวนั่งอยู่คนเดียว ดูเหมือนคนนอก ความอบอุ่นในห้องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
บางทีตัวเขาเองก็อาจจะรู้สึกน่าเบื่อ ลุกขึ้นยืน เตรียมจะออกไป
นี่เป็นเวลาที่คนในครอบครัวจะประสานสัมพันธ์กัน หลินซินเหยียนเรียกเขาไว้ “คุณมาช่วยฉันห่อ”
“ผมทำไม่เป็น” เขาพูด
หลินซินเหยียนยิ้ม “ฉันสอนคุณเอง”
จงจิ่งเหยียนมองไปที่เกี๊ยวที่เธอห่อ สายตารังเกียจเล็กน้อย ตัวเองยังห่อได้น่าเกลียดขนาดนั้น ยังมีหน้ามาสอนเขา?
หลินซินเหยียนดูสายตารังเกียจของเขาออก ตั้งใจพูดขึ้นมา “แม่ห่อสวย ไม่อย่างนั้นให้แม่สอนคุณ?”
เฉิงยู่ซิ่วที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที ทั้งคาดหวัง แต่ก็กลัวจงจิ่งห้าวปฏิเสธ
แต่ก็ยังหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ ถ้าหากเขาตอบรับล่ะ?
เธอก้มหน้า ในใจก็เต็มไปด้วยความหวังอย่างดีใจ
“ผมไม่สนใจ” ปฏิเสธอย่างเรียบง่าย
เฉิงยู่ซิ่วผิดหวังอย่างหนัก เขายังคงไม่ยอมรับเธอ
จงฉีเฟิงไม่ได้เงยหน้า พูดเหมือนกับพูดกับหลานทั้งสอง และเหมือนกับพูดให้จงจิ่งห้าวฟัง “พวกหนูชอบคุณย่าไหม?”
“ชอบ” เด็กทั้งสองพูดอย่างยิ้มแย้ม
จงฉีเฟิงจับหัวของหลินลุ่ยซี อย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ใช่ อย่ารอจนสูญเสีย แล้วจะรู้สึกเสียใจ”
เด็กน้อยก็ฟังไม่รู้เรื่อง คำพูดนี้หมายความว่าอะไร เบิกตากว้างแล้วกะพริบ “ครั้งที่แล้วตอนเจอคุณย่า มีปู่คนหนึ่งให้ของขวัญกับผมและพี่ชายด้วย”
จงจิ่งห้าวเงยหน้ามอง ครั้งที่แล้วเจอกันเมื่อไหร่?
เขาหรี่ตาเล็กน้อย เป็นอย่างที่คิด หลินซินเหยียนกับยู่ซิ่วติดต่อกันส่วนตัว
หลินซินเหยียนมองลูกสาว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่ได้รู้เรื่องเหมือนหลินซีเฉิน พูดไปแล้วก็แล้วไป จากความฉลาดของจงจิ่งห้าว น่าจะดูออกตั้งนานแล้ว
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกกังวล กลัวว่าจงจิ่งห้าวจะไม่พอใจหลินซินเหยียนเพราะเรื่องนี้ เธอจึงตั้งใจไปจับมือของหลินซินเหยียน “นี่ก็น่าจะพอแล้วละ ไม่ต้องห่อแล้ว พักผ่อนก่อน เดี๋ยวรอกินข้าวกัน”
หลินซินเหยียนเข้าใจความหมายของเฉิงยู่ซิ่ว เธอมองจงจิ่งห้าว แล้วพูดว่า “ห่อเสร็จแล้ว”
เฉิงยู่ซิ่วถอนหายใจ รู้สึกว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้บรรยากาศไม่ดี ทุกคนไม่มีความสุข
สาวน้อยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตัวเอง ก่อเรื่องแล้ว นั่งกินเกี๊ยวอย่างอร่อย “หนูจะจิ้มจิ๊กโฉ่กิน”
“แม่แมวกินเก่ง” จงฉีเฟิงเอามือขุดจมูกเล็กๆของเธอ ยิ้มอย่างรักใคร่ คีบเกี๊ยวจิ้มจิ๊กโฉ่ “เอาเกี๊ยวของเสี่ยวลุ่ยจิ้มจิ๊กโฉ่หน่อย”
แม่สาวน้อยยิ้มอย่างดีใจ
กินเกี๊ยวไปด้วย
จงจิ่งห้าวเดินออกไปอย่างเงียบๆ กลับเข้าห้องนอนเอง
เฉิงยู่ซิ่วหยิบเกี๊ยวในมือของที่หลินซินเหยียนกำลังห่อ “หนูไปดูเขาหน่อย”
หลินซินเหยียนเม้มปาก “เขาเป็นโรคทางใจค่ะ”
ไม่มียารักษาใจก็รักษาไม่หาย
ถ้าเอาใจเขามาใส่ ความจริงแล้ว หลินซินเหยียนเข้าใจความรู้สึกของจงจิ่งห้าว ถ้าหากว่าเธอไม่รู้สาเหตุภายในทั้งหมด หลังจากที่แม่ตายไปไม่ถึงเดือน ก็มีผู้หญิงคนใหม่มาแต่งงานกับพ่อ เธอก็ยอมรับไม่ได้
“หนูขึ้นไปดูหน่อยละกัน” เธอเดินไปล้างมือ ถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินขึ้นชั้นสอง
รู้ว่าพวกเขากลับมา เฉิงยู่ซิ่วก็ทำความสะอาดห้องชั้นบนเพื่อเตรียมให้พวกเขานอน เธอกับจงฉีเฟิงพักห้องชั้นล่าง
เขายืนไขว้มืออยู่ข้างหน้าต่าง หน้าต่างเปิดอยู่ ลมหนาวพัดเข้ามาชิ้วชิ้ว หลินซินเหยียนปิดประตูเดินเข้าไป ปิดหน้าต่าง
“ไม่หนาวเหรอ?”
“ผมหนาวใจ” จงจิ่งห้าวไม่ได้ขยับ คนที่นอนหนุนหมอนใบเดียวกันกับเขาไม่ได้อยู่เขียงใจกับเขา เขาจะไม่หนาวใจได้ยังไง?
หลินซินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง “คุณกำลังโกรธฉันเหรอ?”
“ผมโกรธทำไม?” เขาถามกลับ
“เพราะความสัมพันธ์ของฉันกับเขา คุณไม่พอใจ ก็เลยโกรธ ตั้งแต่ฉันให้คุณมา คุณก็เริ่มไม่พอใจใช่ไหม?”
หลินซินเหยียนพูดอย่างไม่ปิดบัง
จงจิ่งห้าวมองเธอเงียบๆ เธอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยู่ซิ่วเหรอ?
ทำไมถึงต้องทำแบบนี้?
หลินซินเหยียนเข้าไปกอดเขา ซบอยู่ที่อกของเขา “ฉันรู้ว่าคุณมีความในใจ แต่ว่าเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป พวกเราปล่อยวางมันดีไหม?”
จงจิ่งห้าวไม่ขยับ ไม่ได้กอดเธอ เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ปล่อยวางได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่ ไม่ได้
ขาของเหวินเสียนไม่ดี ได้ยินว่าตอนที่เขาเกิดได้ไม่นาน ก็เกิดอุบัติเหตุเหวินเสียนเพื่อที่จะช่วยเขาก็เลยอยู่ ปีที่อายุห้าขวบ เขากินข้าวแล้วไปชนน้ำซุปร้อนเหวินเสียนเพื่อที่จะปกป้องเขา มือก็เลยถูกลวก แผลที่หลังมือเป็นรอยแผลเป็นมาตลอด ใช้ครีมลบรอยแผลที่ดีที่สุด ก็ไม่หาย
เขาจำไว้ในใจตลอด
ถ้าหากเขายอมรับยู่ซิ่วเหวินเสียนที่อยู่บนสวรรค์ ในใจเขาจะคิดยังไง?
“ผมทำไม่ได้” เขาพูดอย่างเด็ดขาด
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแน่น “คุณไม่ปล่อยวาง หรือคุณจะจำไปตลอดชีวิต จะความสัมพันธ์ไม่ดีกับทางนี้ตลอดเหรอ?”
“แล้วยังไง?”
ให้เขายอมรับยู่ซิ่ว เป็นไปไม่ได้
หลินซินเหยียนอยากพูดปลอบเขา แต่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น