กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 31 แน่จริงก็ฟ้องให้ชนะฉันสิ
ความสัมพันธ์ของไป๋จวู่เวยและจงจิ่งห้าวนั้น ผู้คนแทบจะรู้กันทั่วบริษัทแล้ว
ไป๋จวู่เวยตั้งใจจะป่าวประกาศ จงจิ่งห้าวก็ไม่ได้มีท่าทีห้ามปรามหรือปฏิเสธ เลยเป็นการถือว่ายอมรับแบบนัยๆไปแล้ว
ตอนนี้ไป๋จวู่เวยไม่ได้เป็นเพียงแค่เลขา อาจจะกลายเป็นนายหญิงของคนตระกูลจง มีคนให้ความเคารพไม่น้อยเลยทำให้เธอพอมีหน้ามีตาในบริษัทอยู่บ้าง
พอจงจิ่งห้าวเดินเข้าไปในห้องทำงาน ก็จะมีคนมาประจบเธอทันที“พี่เวยคะ พี่กับท่านประธานออกไปทานอะไรมาเหรอคะ? พวกเราอิจฉาไปหมดแล้วนะเนี่ย”
ไป๋จวู่เวยเหลือบมองหลินซินเหยียน ที่อยู่ตรงมุม ยิ้มตอบไปว่า“ก็ไม่มีอะไร ก็เป็นอาหารปกติธรรมดานั่นแหละ นกพิราบหนังกรอบ ไก่สับ ผัดกุ้งแก้ว”
“โห เป็นของที่พี่ชอบทานหมดเลยนี่” สีหน้าของชิวหยีเต็มไปด้วยความอิจฉา “ท่านประธานนี่ดีกับพี่จังเลย”
ไป๋จวู่เวย ยิ้มอ่อน นั่งมองเล็บอันงดงามของเธอที่ดูก็รู้ว่าแพงหูฉี่ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ในสายตาของคนอื่นถือว่ายอมรับไปในตัวแล้ว
ชิวหยี ขยับเข้ามา“พี่เวยคะ พี่กับท่านประธานจะแต่งงานกันเมื่อไหร่เอ่ย?”
มือของไป๋จวู่เวยที่กำลังขยับไปมานั้นก็ชะงักไป พอเธอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกอัดอั้นในใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่ใช่หลินซินเหยียนตอนนี้เธอคงกลายเป็นนายหญิงของตระกูลจงไปแล้ว
ก็เพราะเธอเป็นคนขวางทางฉันไว้!
ต่อหน้าของจงจิ่งห้าวแล้วเธอต้องวางตัวเป็นคนดี จึงไม่ได้ลงมือจัดการหลินซินเหยียน แต่เธอสามารถใช้คนอื่นทำแทนได้ ยืมมือคนอื่นทำให้เธอนั้นไม่สามารถที่จะอยู่ในบริษัทได้อย่างสงบสุข
เธอยิ้มอย่างเป็นมิตร“ชิวหยี”
“พี่เวยคะ” ชิวหยีพูดด้วยท่าทางเอาใจ
“ล่ามคนใหม่ที่มานี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย” ไป๋จวู่เวยแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
“นางทำอะไรให้พี่ไม่พอใจงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงหรอก เอาเถอะๆ ต้องทำงานแล้ว” ไป๋จวู่เวยตั้งใจไม่พูดให้จบ เธอรู้ว่าชิวหยีรู้ถึงสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อแล้ว
ชิวหยีมองไปทางหลินซินเหยียน และคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ความสัมพันธ์ของไป๋จวู่เวยกับท่านประธานจงหรือไงกัน ถึงได้ไปสร้างความไม่พอใจให้กับนาง?
แน่นอนเลย นางพึ่งเข้ามาใหม่ หลายๆเรื่องในบริษัทนางก็คงจะยังไม่รู้ ทำอะไรให้ไป๋จวู่เวยไม่พอใจก็เป็นไปได้
เธอเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ในใจก็คิดไปด้วยว่า คงต้องหาโอกาสสั่งสอนหลินซินเหยียนสักหน่อย
หลินซินเหยียนทานข้าวเสร็จก็ทิ้งข้าวกล่องลงถังขยะ แล้วเดินไปเติมน้ำที่ห้องน้ำชา
ชิวหยีเห็นดังนั้น ก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสดีจึงเดินตามเข้าไป
ตั้งใจไปยืนอยู่ข้างหลังของหลินซินเหยียน รอเธอเทน้ำเสร็จแล้วหันกลับมา แล้วเธอนั้นจะตั้งใจเดินเข้าไปใกล้อีกครึ่งก้าว หลินซินเหยียน
ไม่ทันสังเกตว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลัง และชนเข้ากับเธอในที่สุด น้ำในแก้วเลยหกใส่กระโปรงของชิวหยี
“นี่เธอเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง? ” ชิวหยีต่อว่าเธอ
ทำน้ำหกใส่คนอื่น เป็นความผิดของเธอจริงๆ เลยรีบพูดขอโทษ“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจ เลยสาดน้ำใส่ฉันได้งั้นเหรอ?”
หลินซินเหยียนชะงัก ไม่คิดว่าเธอจะพูดยากขนาดนี้
“ฉันก็พูดขอโทษไปแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ” หลินซินเหยียนพูดอย่างใจเย็น
“พูดขอโทษแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?ถ้าอย่างนั้นฉันตบหน้าเธอแล้วพูดว่าขอโทษเธอก็จะไม่เอาเรื่องใช่หรือเปล่า?” ชิวหยีไม่ยอมลดละ ชัดเลยว่าไม่อยากให้เรื่องจบไปง่ายๆ
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแน่น แบบนี้มันเถียงแบบไม่มีเหตุผลใช่ไหม?
การที่เอาการไม่ได้ตั้งใจทำน้ำหกใส่ มาเทียบกับตบหน้างั้นเหรอ?
“แล้วเธอจะเอายังไง?” น้ำเสียงของหลินซินเหยียนกดต่ำลง
ชัดเลยว่าเธอไม่ยอมจบง่ายๆแน่ ขนาดขอโทษยังไม่มีประโยขชน์เลย
ชิวหยีรับแก้วมา แล้วมองไปที่หลินซินเหยียน “เธอสาดใส่ฉัน แล้วฉันก็สาดคืน แบบนี้ก็ถือว่าหายกัน”
หลินซินเหยียนมองแก้วในมือเธอที่มีควันลอยจากแก้วนั้น ก็รู้สึกอึ้ง นางใช่แค่พูดยากสะที่ไหนกัน ที่มันจะทำร้ายเธอชัดๆ
ถ้าเอาน้ำร้อนขนาดนั้นสาด ไม่ลวกเธอเหรอ?
เพราะเธอนั้นรีบดื่ม น้ำในแก้วของเธอเลยผสมน้ำเย็นไว้ ไม่ได้ร้อนเลย ถึงจะหกใส่กระโปรงเธอมันก็แค่จะเปียก ไม่ได้ทำให้เธอเป็นอะไร
เธอกำมือแน่น จ้องชิวหยีเขม็ง “มันจะหายกันได้ยังไง ถ้าฉันโดนลวก เธอก็ต้องรับผิดชอบ!”
ชิวหยีมองแก้วในมือ ในใจก็คิดว่าไปด้วยว่าถ้าสาดน้ำแก้วนี้ใส่หลินซินเหยียนจะเกิดอะไรขึ้น
ผ่านมาตอนนี้อุณภูมิก็ถือว่าลดไปบ้างแล้ว ความร้อนไม่ถึงร้อนองศาหรอก มากสุดก็แค่ลวกเป็นตุ่มเล็กๆ
ในเมื่อจะประจบไป๋จวู่เวย ก็ต้องลงแรงนิดหน่อย เธอเลยหัวเราะเยาะเล็กน้อย“มีปัญญาฟ้องร้องชนะฉันค่อยมาพูดเถอะ!”
เธอยังพูดไม่ทันจบ น้ำก็สาดไปที่หลินซินเหยียนทันที
หลินซินเหยียนก็ใช่ว่าจะโง่ยืนให้เธอสาดน้ำใส่ ด้วยความที่ว่าเธอขยับตัวเร็ว เลยทำให้กระทบใส่แผลที่อยู่ตรงหัวเข่าของเธอ ทำให้เธอนั้นล้มลงกับพื้น น้ำที่สาดมาตกอยู่ตรงเท้าของเธอ ทำให้ปลายกระโปรงเปียกไปเล็กน้อย ดีที่ไม่โดนใส่ตัว
“เกิดอะไรขึ้น? ”น้ำเสียงนิ่งเรียบดังขึ้น ทำให้คนที่มุงดูอยู่นั้นถอยไปอยู่ด้านข้าง
ไป๋จวู่เวยยืนอยู่ข้างจงจิ่งห้าวมองไปที่ชิวหยีแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
ความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวนั้นคนอื่นไม่รู้ด้วย แต่ตัวเขารู้
จะช่วยฝ่ายไหนก็ไม่ดี ทำตัวเป็นคนนอกเหตุการณ์ดีที่สุด
ชิวหยีมองไปที่ไป๋จวู่เวย ในใจก็คิดว่ามีนางให้ท้ายก็ไม่กลัวอะไร อีกอย่างหลินซินเหยียนก็เป็นล่ามที่พึ่งเข้ามาทำงาน
“นางตั้งใจสาดน้ำใส่ฉันแล้วไม่กล่าวขอโทษ ฉันโกรธ เลย——เลยสาดคืนค่ะ ”
จงจิ่งห้าวมองผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้น ด้วยสภาพน่าเวทนา ในตาของเขามีความรู้สึกไม่รู้ว่าคืออะไรขึ้นซ่อนไว้ในดวงตาคมนั่น “เป็นแบบนั้นเหรอ?”
หลินซินเหยียนลุกยืนขึ้น อาจเป็นเพราะเจ็บแผลตรงหัวเข่าเกิน ไปเลยทำให้ขาอ่อนตอนที่ลุกยืน ทำให้ล้มลงไปอีกครั้ง ในตอนที่เธอคิดว่าตัวเองจะล้มนั้น ก็มือแข็งแกร่งคู่หนึ่ง ดึงแขนเธอไว้ ทำให้เธอนั้นตกไปอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั่น
จงจิ่งห้าวกอดเอวของเธอไว้ เอวของเธอนุ่มมาก เหมือนกับเถาวัลย์เลย กลัวว่าถ้าเขาออกแรงอีกนิดคงจะหักไปแล้ว
ไม่อยากปล่อยมือออกเลย
หลินซินเหยียนรู้สึกเหมือนรอดชีวิตจากความตาย ถอนหายใจออกยาวเหยียด เธอต้องดวงซวยขนาดไหนกัน?
ก่อนหน้านั้นก็โดนจงจิ่งห้าวผลักล้มไปแล้ว ตอนนี้ก็มาล้มอีก
“ยืนได้หรือเปล่า?” จงจิ่งห้าวถาม
หลินซินเหยียนลองที่จะขยับขาตัวเองแล้วพยักหน้าตอบ“ได้”
ไม่ว่าจะเป็นคนที่มุงดูอยู่ หรือจะเป็นชิวหยี ก็ต่างชะงัก
ตามหลักนิสัยของจงจิ่งห้าว แล้วไม่มีทางออกมือช่วยแน่
ตามด้วยสายตาของทุกคนก็มองไปทางไป๋จวู่เวย เหมือนเป็นการถามว่า ผู้หญิงคนนี้คือใคร?
ดูก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ทำไมถึงทำให้ท่านประธานจงสนใจได้
“ในเมื่อไม่เป็นอะไร ทุกคนก็แยกย้ายกันเถอะ” ไป๋จวู่เวยอยากให้จบไวๆ เพราะการกระทำของจงจิ่งห้าวนั้นเกินที่เธอคาดหมายไว้
ทั้งๆที่ บอกแล้วว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนของเธอ แต่มาโอบนางต่อหน้าผู้คนแบบนี้ จะให้คนอื่นคิดยังไง?
ไป๋จวู่เวยจ้องเขม็งไปที่ชิวหยี ทำอะไรไม่ได้เรื่อง!
“ท่านประธานจงคะ ถึงเวลาเข้าห้องประชุมแล้วค่ะ” ไป๋จวู่เวยเอ่ยเสียงเบา
จงจิ่งห้าวปล่อยมือออกจากตัวของหลินซินเหยียน ยืนที่หน้าประตูห้องดื่มน้ำชา มองสภาพของห้องด้วยสายตาเย็นยะเยือก พูดขึ้นว่า“กวนจิ้ง!”
กวนจิ้งตอบรับ
“ต่อกล้องวงจรไปที่ห้องของผม” พูดจบก็หันกลับมา แล้วมองไปที่ไป๋จวู่เวย“การประชุมเลื่อนออกไปครึ่งชั่วโมง” ชิวหยีที่ได้ยินดังนั้นก็กลัวขึ้นมา“เลขาไป๋คะ——”
สายตาที่เย็นชาของไป๋จวู่เวยมองมานั้นก็ทำให้ชิวหยีเงียบปากลง
จากนั้นไป๋จวู่เวยก็เดินเข้าไปใกล้จงจิ่งห้าว “ท่านประธานคะ การประชุมได้เริ่มขึ้นแล้ว และทุกคนก็กำลังรอท่านอยู่ ถ้าเลื่อนเวลา——” สีหน้าของจงจิ่งห้าวนั้นเรียบเฉย แล้วมองไปที่เธอ
ก็เพราะสีหน้านี้ทำให้ไป๋จวู่เวยไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
แต่ชิวหยีนั้นนิ่งไม่ได้แล้ว ถ้าตรวจดูกล้องวงจรละก็ เรื่องทุกอย่างก็จะถูกเปิดโปง เป็นเธอที่ตั้งใจทำให้หลินซินเหยียนทำน้ำหกใส่เธอ แล้วเธอก็ตั้งใจที่จะหาเรื่องนาง
“พี่เวยคะ——”