กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 32 ความสัมพันธ์ในคืนนั้น
“หุบปาก!” ชิวหยีที่กำลังจะพูดนั้นก็ถูกไป๋จวู่เวยขัดขึ้น“ทุกคนทำงานในบริษัทเดียวกันก็ควรที่จะอยู่ด้วยกันแบบสมานฉันท์ แค่ไม่ได้ตั้งใจทำน้ำหกใส่เธอหน่อย ก็ไม่ยอมลดละแบบนี้ มันถูกแล้วเหรอ?”
ชิวหยีอ้าปากไม่รู้จะพูดอะไร เธอกลัว กลัวว่าเรื่องจะถูกเปิดโปง แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านไป๋จวู่เวยในเมื่อสถานะของนางก็อยู่อย่างนั้น การที่เธอใจเย็นลงตอนนี้อาจจะช่วยตัวเธอได้
หลินซินเหยียนมองการสนทนาระหว่างชิวหยีกับไป๋จวู่เวยอย่างไม่ทิ้งร่องรอยแล้ว
รู้สึกหนาว
ใช่ว่าหนาวตัว
แต่เป็นหนาวเหน็บใจ
เพราะการที่เธอแต่งงานกับจงจิ่งห้าว ทำให้มีคนเกลียดชังเธอมากขนาดนี้
เดิมที่คิดว่าเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ มาตอนนี้กลับกลายมาเป็นปัญหามากมายขนาดนี้
เธอไม่รู้ และคิดไม่ตก ทั้งที่รู้ว่าการแต่งงานของเธอกับจงจิ่งห้าวนั้นเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง แล้วทำไมถึงยังเกลียดเธอขนาดนี้
ชิวหยีจ้องหลินซินเหยียนเขม็ง
เธอทำเป็นมองไม่เห็น
สงสัยมีแค่นางนั่นแหละที่ไม่รู้ว่ากำลังโดนคนอื่นหลอกใช้อยู่
จากนั้นกวนจิ้งเดินเข้ามา แล้วมองไปที่ชิวหยี “คุณถูกไล่ออกแล้ว”
ชิวหยีนิ่งไปชั่วขณะ “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
“คุณทำอะไรไว้ ย่อมรู้ตัวเอง” กวนจิ้งหันไปมองไปรอบๆ คนที่มุงอยู่นั้นก็ยืดหน้าเข้ามาใกล้ อยากฟังให้ชัดว่ากวนจิ้งนั้นพูดอะไร
“อยากรู้ก็ไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้องควบคุม ที่นี่คือบริษัท ไม่ใช่ตลาดนัด เราไม่ต้องการพนักงานที่ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หวังว่าทุกคนจะไม่ทำตาม”พูดจบกวนจิ้งก็บอกให้ทุกคนแยกย้าย“มีอะไรทำก็ไปทำซะ”
ทุกคนกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเอง หลินซินเหยียนก็เช่นเดียวกัน จงจิ่งห้าวเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วไปเดินไปที่ห้องประชุม ชิวหยีที่เห็นจงจิ่งห้าวนั้นก็วิ่งไปหา
“ท่านประธานจงคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
จงจิ่งห้าวไม่อยากที่จะฟังในสิ่งที่เธอพูด จึงเดินผ่านเธอไป มุ่งไปทางห้องประชุม
ชิวหยียังคงจะเข้าไปหา แต่ก็ถูกกวนจิ้งดึงไว้“ทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ นิสัยของท่านประธานจงเธอก็รู้อยู่ว่าเป็นยังไง”
“แต่——” ชิวหยีอ้าปากอยากที่จะอธิบาย กลับพบว่าไม่สามารถที่จะโต้เถียงอะไรได้อีก
กวนจิ้งปรามเธอผ่านทางสายตาแล้วเดินไปทางห้องประชุม
ชิวหยีไม่อยากทิ้งงานนี้ไป เธอต้องไปขอให้ไป๋จวู่เวย ด้วยความสัมพันธ์ของไป๋จวู่เวยกับจงจิ่งห้าวแล้ว แค่นางช่วยพูดให้ อาจจะพลิกแพลงสถานการณ์ได้
เธอจึงรออยู่หน้าห้องประชุม
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงการประชุมก็ได้จบลง ประตูห้องประชุมเปิดออกมา ร่างสูงใหญ่ของจงจิ่งห้าวยืนอยู่ตรงที่ประตู ข้างหลังก็เป็นกวนจิ้งกับไป๋จวู่เวย
พอเห็นเธอแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น
ชิวหยีวิ่งเข้าไปดึงแขนของไป๋จวู่เวยไว้ “พี่เวยคะ พี่ช่วยพูดให้ฉันหน่อยสิคะ ที่ฉันแกล้งหลินซินเหยียนก็เพื่อพี่นะคะ——”
“เธอพูดบ้าอะไรเนี่ย?” ไป๋จวู่เวยหน้าเครียด ผลักเธอออกทันที
“แต่พี่เป็นคนบอกเองนะคะว่าไม่ชอบนาง” ชิวหยีคิดไม่ถึงว่าเธอจะเปลี่ยนสีได้ไวขนาดนี้
“ฉันไม่ชอบนาง แล้วฉันได้บอกให้เธอแกล้งนางหรือเปล่า?” ไป๋จวู่เวยถาม
เธอไม่ชอบหน้าหลินซินเหยียน เรื่องนี้จงจิ่งห้าวรู้อยู่แล้ว
เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
ไป๋จวู่เวยไม่ได้พูดให้แน่ชัดก็จริง แต่สิ่งที่เธอพูดก็เหมือนเป็นการบอกนัยๆไปแล้ว“แต่ว่า——”
“ทำเองก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง” ไป๋จวู่เวยเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามา “ลากเธอออกไป”
“พี่เวยคะ ช่วยพูดให้ฉันหน่อยนะคะ ฉันเสียงานนี้ไปไม่ได้จริงๆ!”
ไป๋จวู่เวยไม่ยอมพูดอะไรออกมา การที่นางพูดโดยไม่รู้ถึงความรุนแรงนั้น จะทำให้จงจิ่งห้าวคิดยังไงกับเธอ?
ไม่มีทางซะหรอก
พอไม่เห็นถึงความหวังชิวหยีก็ตะโกนใส่ไป๋จวู่เวยว่า “ไป๋จวู่เวยนี่เธอได้ดีแล้วถีบหัวส่งเลยนะ เธอมันเสแสร้งทำมาเป็นดี เธอทำให้ฉันต้องตกงาน เธอจะไม่ได้ตายดีแน่——”
“ยังไม่ลากออกไปอีก จะให้เธออยู่ก่อกวนต่อหรือไง?” กวนจิ้งตะโกนด่า พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ออกแรงดึงเธอออกไป และเสียงของเธอก็เงียบหายไปในทางเดินอย่างรวดเร็ว
จงจิ่งห้าวรู้สึกรำคาญเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มากเลยเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋จวู่เวยก็ตามไปด้วย
หลังจากที่เข้าไปในห้องทำงาน ไป๋จวู่เวยก็กอดเอวของเขาไว้จากด้านหลัง“อะห้าว นายฟังฉันนะ——”เธอเอาหน้าของตัวเองแนบไปที่แผ่นหลังกว้างนั้น“ฉันแค่บอกไม่ชอบนาง แต่ฉันไม่ได้ให้ใครไปแกล้งนางหรอกนะ——”
จงจิ่งห้าวก้มมองมือของเธอที่กอดเอวตัวเองไว้“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าจะให้สถานะกับคุณ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
พูดแล้วก็ดึงมือของเธอออก“ผมแตะต้องคุณไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเพราะสถานการณ์เป็นอย่างไร ผมก็จะรับผิดชอบคุณเอง หลังจากนี้ก็ไม่ต้องไปแกล้งอะไรเธออีก”
ไป๋จวู่เวยไม่ยอมปล่อยมือ แต่แรงของจงจิ่งห้าวนั้นมากเกินไป เธอไม่สามารถที่จะต้านทานไหวจึงได้แค่ปล่อยมือ
“อะห้าว ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะ ถึงฉันจะทำอะไรผิดมันก็มันก็เพื่อคุณนะ ฉันรักคุณ มันผิดเหรอ? อยู่กับคุณมานานขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่รู้นิสัยของฉันอีกเหรอ? ” ไป๋จวู่เวยพูดด้วยทั้งน้ำตา “เพื่อคุณแล้วอย่าพูดแค่ว่าให้คุณทั้งตัวเลย บอกให้ตายเพื่อคุณฉันก็ยอม ฉันชอบคุณ รักคุณ ฉันกลัวจะเสียคุณไป!”
สีหน้าของจงจิ่งห้าวไม่ได้อ่อนลงเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะความจริงใจของเธอ ทุกอย่างล้วนเป็นแค่ความสัมพันธ์ในคืนนั้นเท่านั้น
จงจิ่งห้าวยืนมือไปเช็ดน้ำตาตรงหางตาเธอ “ผมไม่ได้ด่าคุณสักหน่อย ร้องไห้ทำไม เพื่อให้ผมใจอ่อนเหรอ?”
น้ำตาที่คลออยู่ในตานั้นไหลรินออกมา เธอพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ฉันกลัวคุณจะไม่เอาฉันแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่มีพ่อแม่หรือญาติ เติบโตในสถานเด็กกำพร้า ฉันตั้งใจเรียน สู้กับชีวิตเพื่อที่จะออกจากที่นั่น และแล้วสวรรค์ก็เห็นใจ ทำให้ฉันได้เจอกับคุณ คุณเป็นญาติคนเดียวที่ฉันมีในตอนนี้ เป็นคนที่ฉันรัก ฉันไม่สามารถเสียคุณไปได้——”
“ไม่หรอก สิ่งที่ผมเคยพูดไว้ จะทำให้เธอทุกอย่าง”เขาเก็บมือลง หันกลับไปไม่มองเธออีก“ไปทำงานเถอะ”
ไป๋จวู่เวยยิ่งมองยิ่งไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้
“อะห้าว——”
“ไปเถอะ”สีหน้าของเขามีความรำคาญปนอยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก
ไป๋จวู่เวยจึงได้แต่เดินออกจากห้องทำงานไปก่อน
การกระทำของจงจิ่งห้าวยิ่งมองยิ่งทำให้เธอนั้นดูไม่เข้าใจ ก็เพราะความไม่มั่นใจนี้ที่ทำให้ใจของเธอที่เคยสงบนั้นเริ่มหวั่นขึ้นมา
เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วกดสายหนึ่งโทรออกไป
“เธอบอกว่าลงมือจัดการแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมนางนั่นยังอยู่ดีในบริษัทนี้อีกล่ะ?”
“พลาดนิดหน่อยน่ะ” หลินหยู่หานก็หัวร้อนเช่นกัน
ไป๋จวู่เวยโกรธจนอยากด่าคน แต่ตอนนี้ยังต้องให้เธอช่วยอยู่ ได้แค่เก็บอารมณ์ตัวเองลง“ทำไมถึงพลาดได้?”
“ฉันกับแม่ชะล่าใจเกินไปหาแค่ผู้ชายแค่คนเดียว สุดท้ายทำให้เธอหนีไปจนได้!”
ไป๋จวู่เวยอยากจะด่าว่าพวกโง่จริงๆ!
“แล้วเธอก็ปล่อยนางนั่นไปแบบนี้นะเหรอ?”
“แม่ฉันบอกว่านางนั่นต้องระวังตัวขึ้นแน่ ช่วงนี้เลยหยุดที่จะทำอะไรก่อน”อีกอย่างที่บริษัทก็เกิดเรื่อง หลินกั๋วอันก็ไม่ได้ดีกับแม่ของเธอเหมือนแต่ก่อน
ตอนนี้พวกเธอต้องจับหลินกั๋วอันไว้ก่อน
ถ้าเกิดเป็นอย่างแปดปีก่อน ที่ส่งตัวพวกเธอไปที่อื่นอย่างแม่ลูกจวงจื่อจิ่นนั่นล่ะก็ ตอนนั้นแหละคือจบกันจริงๆ
ไป๋จวู่เวยร้อนรนไปหมด แต่เธอจะลงมือเองไม่ได้ ได้แค่อดทนไว้“ถ้าอย่างนั้นก็เร่งมือหน่อยก็แล้วกัน”
“ทำไมเธอถึงร้อนรนกว่าฉันอีกหล่ะ?”
ไป๋จวู่เวยชะงัก พึ่งนึกได้ว่าเมื่อสักครู่เธอนั้นร้อนรนเกินไป “ไม่หนิ ฉันก็ใจร้อนแทนเธอไม่ใช่หรือไง? นางหลินซินเหยียนนั่นไม่เหมาะสมกับจงจิ่งห้าวได้ยังไงกัน เธอว่าใช่ไหม?”
“แน่นอน แท้จริงแล้วต้องเป็นฉันสิที่ได้แต่งงานกับจงจิ่งห้าว หลินซินเหยียน แพศยานั่นไม่มีสิทธิ์!”
ไป๋จวู่เวยยิ้มเยาะ หลินซินเหยียนไม่มีสิทธิ์ แล้วคิดว่านางจะมีหรือไง?
ถ้าไม่ใช่ว่าต้องใช้นางละก็ ไป๋จวู่เวยไม่คิดอยากจะเสวนากับเธอเลยสักนิด
“คราวหน้าห้ามพลาดอีกนะ”พูดจบไป๋จวู่เวยก็กดวางสายไป
สองวันก่อน——